ผมมีโอกาสได้สัมภาษณ์คุณประนิติ ฐิตะวรรโณ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย กลุ่มธุรกิจออราเคิล ฟิวชั่น มิดเดิลแวร์ โดยมีประเด็นอยู่ที่ผลิตภัณฑ์สายฮาร์ดแวร์ของออราเคิลเป็นหลัก
ทิศทางของโลกไอทีองค์กรนั้นชัดเจนมากว่า บริษัทไอทีใหญ่ๆ ให้บริการโซลูชันครบวงจร ตั้งแต่ฮาร์ดแวร์ไปจนถึงแอพ (vertical integration) ซึ่งผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์กลุ่ม Exa ของออราเคิลถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนมากในประเด็นนี้
เดิมทีออราเคิลเป็นที่รู้จักในฐานะบริษัทที่สร้างซอฟต์แวร์ฐานข้อมูล จากนั้นก็ขยายตัวมายังแอพพลิเคชันองค์กรอีกหลายตัว แต่เมื่อระบบไอทีขององค์กรเริ่มซับซ้อน องค์ประกอบของโซลูชันแต่ละอันมาจากผู้ผลิตหลายราย มีปัญหาเรื่องความเข้ากันได้ ประสิทธิภาพ และบริการหลังขาย ทำให้ออราเคิลเริ่มมองไปถึงการทำฮาร์ดแวร์เองเพื่อรันซอฟต์แวร์ของตัวเอง แทนการขายซอฟต์แวร์อย่างเดียวบนฮาร์ดแวร์ของบริษัทอื่นๆ อีกต่อหนึ่ง
ความพยายามครั้งแรกของออราเคิลเริ่มตั้งแต่ปี 2008 โดยเปิดตัว Oracle Database Machine ที่ใช้เซิร์ฟเวอร์ของ HP แล้วปรับแต่งให้ใช้ Oracle Database 11g โดยมีประสิทธิภาพสูงสุดมาตั้งแต่โรงงาน
แต่เมื่อออราเคิลซื้อซันในปี 2009 ความร่วมมือกับ HP ก็ถูกยกเลิกไปเพราะออราเคิลมีฮาร์ดแวร์ของซันอยู่ในมือแล้ว ยุทธศาสตร์นี้ได้รับการขับเคลื่อนต่อในชื่อใหม่คือ Oracle Exadata Database Machine
จากนั้นออราเคิลก็เดินหน้าต่อด้วยไอเดียเดิมแต่ขยายให้ครอบคลุมมิติอื่นๆ ภายใต้เซิร์ฟเวอร์ตระกูล "Exa"
คุณประนิติ อธิบายเหตุผลที่องค์กรควรใช้งานเซิร์ฟเวอร์ของออราเคิล (ออราเคิลใช้คำว่า "Engineered System" แต่ผมเรียกว่าเซิร์ฟเวอร์ละกันนะครับ) ว่าปัจจุบันองค์กรบางแห่งเริ่มไม่มีที่วางเซิร์ฟเวอร์แล้ว ยกออกก็ไม่ได้ เพราะทุกตัวรันงานอยู่ แต่เอาเข้าจริงแล้ว ไม่ใช่ว่าเซิร์ฟเวอร์ทุกตัวทำงานเต็มความสามารถ การซื้อเครื่องก็ต่างคนต่างซื้อ ต่างกรรมต่างวาระ
แนวคิดการแก้ไขคือเซิร์ฟเวอร์ตัวเดียวกัน แชร์ทรัพยากรกัน ยุบเหลือไม่กี่ตัว บริหารจัดการง่ายขึ้น ค่าไฟน้อยลง (ซึ่งเป็นแนวคิดเรื่อง server consolidation ที่มีมานานแล้ว)
ออราเคิลจึงออก Engineered System มาจับตลาดลูกค้าเหล่านี้ที่ต้องการกล่องเดียวจบ โดยถือเป็นรายแรกในวงการที่ออกผลิตภัณฑ์แบบนี้มา
ผลิตภัณฑ์ตระกูล Exa ทั้งสามตัวมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไปตามลักษณะการใช้งาน
จุดขายหลักของผลิตภัณฑ์เหล่านี้คือ "ประสิทธิภาพ" ที่ปรับแต่งมาแล้วโดยวิศวกรของออราเคิล จับเอาทีมฮาร์ดแวร์กับทีมซอฟต์แวร์มานั่งด้วยกัน (ซึ่งออราเคิลเคยโฆษณาว่า Exadata เร็วกว่า IBM AIX Power
ถึง 20 เท่าจนศาลสั่งหยุดโฆษณามาแล้ว)
ออราเคิลเตรียมเปิดตัว Exalogic 2.0 ในงาน OpenWorld 2012 ปลายเดือนนี้ ไว้มีรายละเอียดออกมาแล้วจะมาเขียนถึงอีกครั้งนะครับ
เซิร์ฟเวอร์ที่ขายดีที่สุดของออราเคิลคือ Exadata ซึ่งไม่น่าแปลกใจอะไรเพราะลูกค้าหลักของออราเคิลคือฐานข้อมูล คุณประนิติให้ความเห็นว่าลูกค้าไทยซื้อ Exadata ไปใช้เพราะเห็นคอขวดที่ฐานข้อมูล จึงซื้อเครื่อง Exadata มาแก้ปัญหาก่อน ส่วนในอนาคตพอไปเจอคอขวดที่แอพพลิเคชั่นแล้ว Exalogic จะตามมาในลำดับถัดไป
ลูกค้าในไทยที่ใช้งานเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ ได้แก่ อุตสาหกรรมโทรคมนาคม อุตสาหกรรมการเงิน-ประกันภัย และหน่วยงานภาครัฐ โดยออราเคิลเน้นเจาะตลาดลูกค้าที่เดิมใช้ระบบเมนเฟรม (ของบริษัทใดคงไม่ต้องเอ่ยชื่อ) ตัวอย่างลูกค้าที่ออราเคิลเคยโพสต์ลง Press Release ของ Blognone ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย และ ทรู คอร์ปอเรชั่น เป็นต้น (ทั้งสองแห่งใช้ Exadata)
ตัวเลขของออราเคิลระบุว่า Exalogic โต 3 เท่าตัวต่อปี (ยอดขายรวมทั้งโลก) ซึ่งในประเทศไทยปีนี้ก็มีโอกาสสร้างยอดขายได้ใกล้เคียงกัน
ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของออราเคิลเน้นที่แอพพลิเคชัน Java เสียมาก แต่ในโลกขององค์กรยังมีแอพพลิเคชันเก่าๆ ที่เขียนด้วย C/C++/Cobol อยู่อีกเยอะ แอพพลิเคชันเหล่านี้ต้องรันบนเซิร์ฟเวอร์แบบเก่าอย่างเมนเฟรม (ของบริษัท ....) ที่ดูแลรักษายากกว่าเซิร์ฟเวอร์สมัยใหม่ แต่ถึงแม้ว่าองค์กรอยากเปลี่ยนมาใช้เซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ๆ ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะปัญหาเรื่องความเข้ากันได้ของแอพพลิเคชันกับฮาร์ดแวร์ ในขณะที่การเขียนแอพพลิเคชันเดิมขึ้นมาใหม่ก็เป็นความเสี่ยงทางธุรกิจ และต้องลงทุน-เวลาเยอะมาก
ตรงนี้ออราเคิลมีซอฟต์แวร์ชื่อ Tuxedo ซึ่งซื้อมาจาก AT&T ในปี 2008 หน้าที่ของมันคือทำตัวเป็นมิดเดิลแวร์อยู่บนเซิร์ฟเวอร์สมัยใหม่ เพื่อให้แอพพลิเคชันเดิมที่เขียนด้วย C/C++/Cobol รันบนเซิร์ฟเวอร์ยุคใหม่ได้ (และแน่นอนว่าปรับแต่งให้รันบน Exalogic ได้)
Comments
ทำไม เค้าดูแลกลุ่ม "กลุ่มธุรกิจออราเคิล ฟิวชั่น มิดเดิลแวร์" แต่ไปเน้น Hardware ละครับ?
เท่าที่ผมเข้าใจ (เอาเอง) นะครับ ออราเคิลขายมิดเดิลแวร์ดันที่บรรจุมาในกล่องฮาร์ดแวร์ครับ
ออกแนวขายเหล้าพ่วงเบียร์นะครับ
เหมือนบริษัทที่ขาย "ประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้" ในกล่องฮาร์ดแวร์รึเปล่า ฮา
ขอบคุณครับ
ข้อนี้ ก็พอเข้าใจนะครับ
แต่ หลักๆเลย มิดเดิลแวร์น่าจะขายแยก มากกว่านะครับ
การขายร่วมกับHW น่าจะแค่ส่วนเสริม
ได้ SUN นี่เหมือนได้ แรร์ไอเทมเลย