แอปเปิลขอสิทธิบัตร "ฟังก์ชันของแท่นวางตามลักษณะการวางอุปกรณ์" (ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Device Orientation Based Docking Functions) ซึ่งเกี่ยวกับแท่นวางอุปกรณ์พกพาที่มีฟังก์ชันให้ใช้งานได้เอนกประสงค์
ฟังก์ชันที่จะนำมารวมไว้ในแท่นวางตัวนี้ มีทั้งการชาร์จไฟแบบไร้สาย, การโอนถ่ายข้อมูล, การซิงค์ข้อมูล, การตรวจสอบความผิดปกติของอุปกรณ์ และอาจมีฟังก์ชันอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีกในภายหลัง โดยทำงานตามลักษณะที่ผู้ใช้วางอุปกรณ์พกพาลงไปบนแท่นวาง ว่าจะวางตามแนวยาว, วางตามขวาง หรือวางตะแคง ฯลฯ
อุปกรณ์พกพาซึ่งอาจจะเป็นสมาร์ทโฟน, กล้องถ่ายรูปดิจิทัล, หรือเครื่องเล่นเพลง ต้องมีวงจรที่ตอบสนองต่อสนามแม่เหล็กที่ถูกปล่อยออกมาจากแท่นวาง จึงจะสามารถใช้งานฟังก์ชันข้างต้นได้ ซึ่งหลักการทำงานนี้ก็คล้ายกับระบบชาร์จไฟแบบไร้สายของ Lumia 920 หรือฟังก์ชัน NFC ที่คู่แข่งหลายรายปล่อยของกันมาหลายรุ่นแล้ว
ถึงแม้แอปเปิลจะไม่ได้เป็นผู้ถือสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์แท่นชาร์จแบบไร้สาย แต่การนำฟังก์ชันอื่นๆ มารวมเข้าไว้ด้วยกัน และพุ่งจุดเด่นไปที่การใช้งานตามลักษณะการวางอุปกรณ์ ทำให้สิทธิบัตรดังกล่าวถือเป็นเรื่องใหม่
ที่มา - AppleInsider, ข้อมูลสิทธิบัตรจาก FPO
Comments
เรื่องเล่นแร่แปรธาตุไม่มีใครเทียบได้
แปรแล้วมาจดสิทธิบัตรใหม่ ฉลาดแกมโกงน่ะนี้
ไหน...ใครว่าสิทธิบัตรขัดขวางการพัฒนาไง
ผมก็เคยคิดนะว่าถ้าโต๊ะสำนักงานทั่วไปมีคุณสมบัติแบบนี้ คงจะดีไม่น้อย แค่วางแฟลชไดรฟ์บนโต๊ะ ไม่ต้องก้มๆเงยๆเสียบเข้า usb วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะแล้วซิงค์พร้อมชาร์ตด้วย ขอเรียกว่า iDeck. ;\
แบบนี้ข้อมูลรั่วง่ายสุดยอเลยล่ะครับ
แล้วกลัว NFC มั่งมั้ยล่ะ
ถ้าทำได้ขนาดนี้ security น่าจะแก้ได้ไม่ยาก เพราะไงก็ต้องเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์อยู่ดีเหมือนแค่มีตัวกลางมาคั่นอีกที
ผมชอบนะคับ คือเหมือนมองว่าโต๊ะเหมือน USB Hub ใช่เปล่าคับ!
positivity
คล้ายๆ Surface ไงครับ เอ้อ มันเปลี่ยนชื่อเป็น PixelSense แล้วนี่นา
ถูกจ้า คิดเหมือนกันครับ
+920
พี่แกชอบเอามาประยุกต์แล้วจดเป็นของพี่แกจริงๆ
Surface ชัดๆ (จำชื่อใหม่ไม่ได้)
microsoft pixelsense
แท่นชาร์ทราคา 4 พันแน่ๆ เลย อ๊ากกกก สาวกกระเป๋าแฟ่บอีกแน่
คงสะดวกสุดๆ เลย กลับบ้านวาง ชาร์ท , Sync ได้
ทำออกมาเลยค่ะ อยากได้
สิทธิบัตร เหอๆ
+920
เริ่มเบื่อกับการจดสิทธิบัตรของค่ายนี้
ตอนแรก มีคนวิเคราะห์ ว่าเทคโนโลยีนี้ยังมี loss สูงอยู่เลยยังไม่ออก
กลายเป็นว่ายังออกแบบไม่เสร็จกับ feature ยังไม่ลงตัวนี่เอง
iphone 5s
สุดยอดเลย หาของเจ๋งๆมาให้เสียเงินอีกแล้วววว
เดาว่า apple ไม่อยากจ่ายค่าสิทธิบัตร เลยทำเอง ไม่อยากยุ่งกับใคร...ว่าแต่.. wifi bluetooth 3G 4G LTE มีมาทำไม ไม่ทำของตัวเองเลยล่ะ ตั้งเสาส่งเองเล้ย
+1 คิดเหมือนกันเลยครับ
ผมออกจะงงกับตรรกะคุณมากๆ
+1 งงด้วยคน
ยืนยันได้นิดหน่อย(มั้ง)ว่า ถ้ามีการชาร์จหรือส่งข้อมูลแบบนี้ NFC น่าจะมาพร้อมกับ iDevice รุ่นต่อไปแน่ๆ แต่จะเอามาทำอะไรได้ขนาดไหนคงต้องรอดูกันต่อไป
ก็คงไม่ซื้อทันทีเพราะตอนนี้เข็ดแล้วกับ feature ใหม่ๆที่ดูเหมือนเผาๆส่งๆออกมาให้ทันงาน keynote แบบสองปีที่ผ่านมา ใช้ i4 ต่อไปเรื่อยๆชิวๆจนเลิก Support แล้วค่อยเปลี่ยนละกัน :P
และนี่ก็เป็นสัญญาณว่า NFC กำลังจะลามไปถึงกล้อง, Harddisk หรืออื่นๆอีกมากมายเพราะดูจากอุปกรณ์ในสิทธิบัตรไม่ได้มีแค่โทรศัพท์มือถืออย่างเดียว ซึ่งเป็นเรื่องดีมากๆ อีกอย่างที่เดาสุ่ม ไม่แน่ Hub ที่ว่านี้อาจจะเป็น iPad รุ่นต่อไปก็ได้ (ถ้าเป็นจริงนี่เท่ห์มาก เอาของมาวางบน ipad แล้วลากโครมๆ เหมือนโต๊ะของ Microsoft)
แถมความ evil ที่คิดขึ้นมาเองนิดหน่อย ถ้า Hub ตัวนี้ใช้ได้เฉพาะกับอุปกรณ์ของ Apple หรือ อุปกรณ์ที่มีชิพอะไรบางอย่างของ Apple เท่านั้น(แบบอุปกรณ์ Airplay) ถ้า Apple ทำ Hub ตัวนี้ให้เกิดได้จริง...ผมว่าสนุกแน่
Technology is so fast!
มีความเป็นไปว่าเค้ากำลังทำแบบที่คุณว่านะ
Apple อาจจะกำลังทดลองพัฒนาสิ่งนี้อยู่ จดสิทธิบัครไว้ ทดสอบ ทดลอง วิจัย ออกแบบ แต่ซึ่งสุดท้ายแล้ว ขึ้นอยู่กับว่ามันจะออกมา work หรือ ไม่ เท่านั้นเอง
5s จะต้องว้าววววววววว มากๆ แน่ๆ อย่ามาชิงเปิดตัวช้าจนเจ้าอื่นเอาไปทำก่อนละเด๋วไม่ว้าาวววว เปิด 5s เดือน มีนาคมไปเลยก็ดี (ฝันเฟื่องจังเรา)
คิดง่ายๆ มันคือชาร์จไร้สายที่ผสม NFC กับ accelerometer รีเปล่า?
Dream high, work hard.
ผมคิดไว้ตั้งนานแล้วนะ... เดี๋ยวฟ้อง Apple แม้วเลย (เรื่องจริงที่คิดนานแล้วอะ)
ราคาแพงแน่นอน ฟันธง !
That is the way things are.
ง่ายเนอะ ไม่ต้อง เสียตังค่าลิขสิทธิ์ แถมใครทำตามไม่ได้ซะด้วย ทั้งๆที่มันไม่ใช่เรื่องใหม่เลยด้วยซ้ำ
ไม่เวิร์กหรอก เห็นตอนเปิดตัว iPhone5 คนแถวนี้ต่างก็บอกที่ชาร์ตไร้สาย & NFC ไม่จำเป็น ;)
my blog
555++
แบบว่าไม่มีก็ไม่จำเป็น แต่ถ้าทำมาก็ซื้อนะเอ้า!
Dream high, work hard.
อ่านตั้งนาน กว่าจะเจอคนที่จำคำพูดนี้ได้ :)
นี่แหละเหตุผลที่ผมหาข่าวนี้มาแปล
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
+920 นี่ละ โดนใจเลย !!!
ต้องกลับไปอ่านข่าวนี้ประกอบครับ จะได้อารมณ์อย่างแรง
ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่คิดแบบนั้นครับ
ที่ชาร์ตไร้สายที่ทำได้แค่ชาร์ตไฟเพียงอย่างเดียวเหมือนอย่างของ Palm Pre หรือ Nokia Lumia 920 ผมว่ามันไม่จำเป็นครับ ตอนผมซื้อ Palm Pre มาใช้ผมก็ไม่เคยคิดจะซื้อ Touchstone Charging Dock มาใช้อยู่แล้วเพราะผมมองว่ามันเกินความจำเป็นเมื่อเทียบกับราคาที่ต้องจ่ายไป ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นราคาประมาณ 2,500 บาทซึ่งนับว่าแพงเหมือนกันเมื่อเทียบกับ feature ที่ทำได้คือเพียงแค่ "ชาร์ตไฟ" ให้กับโทรศัพท์เพียงรุ่นเดียว และตอนนี้ผมก็คิดแบบเดียวกันกับที่ชาร์ตไร้สายของ Nokia ส่วนตัวเชื่อว่าแม้ราคาจะถูกกว่าสมัย Palm Pre แต่ผมเดาว่าราคาไม่น่าจะต่ำกว่า 1,500 บาทอยู่ดี ก็คงต้องรอดูว่าตลาดจะตอบรับอย่างไร ยอดขายเป็นตัวพิสูจน์เอง
NFC ผมก็มองว่ายังไม่จำเป็นในปัจจุบันอย่างน้อยก็ในระยะเวลา 1-2 ปี และผมก็ยังยืนยันตามเดิมครับ ถ้าถามว่า NFC ดีไหมผมก็ต้องตอบว่าดี แต่ถ้าถามว่ามันพร้อมใช้งานจริงในประเทศไทยหรือยังผมก็คงต้องตอบว่าไม่ ถ้ามันยังเป็นแค่ช่องทางการรับส่ง data ระหว่างผู้ใช้ด้วยกันเอง ผมว่ามันก็คงจะจำกัดอยู่แค่ตรงนั้นเหมือนอย่าง Galaxy Nexus S เองที่ออกมาตั้งแต่ปี 2010 ก็มี NFC แต่ผมก็ยังไม่เห็นว่าตอนนี้มันจะแพร่หลายอะไรเลยนะครับทั้ง ๆ ที่ผ่านมาเกือบ 2 ปีแล้ว
ในทางกลับกันสิทธิบัตรอันนี้ที่ Apple ยื่นขอจดในข่าว (เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาและยังไม่ได้รับการอนุมัติ คงต้องผ่านการตรวจสอบ validity อีกนานตามมาตรฐานการพิจารณาสิทธิบัตร) ที่ชาร์ตไร้สายกลับทำได้มากกว่าแค่การชาร์ตไฟ ผมว่ามันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ได้มากกว่าที่ชาร์ตไฟที่ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากชาร์ตไฟอย่างเห็นได้ชัด ถ้าได้ลองดู fig.14 จะเข้าใจมากขึ้นว่ามันทำอะไรได้มากพอสมควรเหมือนกัน ไม่ได้เป็นแค่แท่นชาร์ตไฟให้กับโทรศัพท์มือถืออย่างเดียว
ผมออกมาเขียนไม่เห็นด้วยแบบนี้เดี๋ยวก็คงไม่วายโดนคนบางคนจัดเข้าหมวดหมู่ "สาวก" ตามสูตร (ไม่รู้ว่าเกรดไหนนะ เดี๋ยวนี้นอกจากมีสาวกแล้วเขายังมีการจัดระดับคัดเกรดกันด้วย) แม้ว่าผมจะพิมพ์เหตุผลอธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบไปแล้วก็ตาม
;)
That is the way things are.
สำหรับเรื่อง NFC หากตามข่าวหมวด NFC มาเรื่อยๆ จะเห็นทิศทางที่ไปในทางบวกคือบริษัทสินค้าหรือบริการต่างๆ ต่างร่วมวงกันทั่วหน้า (รวมไปถึงแอปเปิลที่ซื้อสิทธิบัตรตุนไว้บ้าง) ผมไม่ทราบว่าต่างประเทศใช้กันเยอะแค่ไหนแต่ในไทยก็ตามที่คุณบอกว่ายังน้อย ผมว่าคงเป็นเพราะมีอุปกรณ์และบริการให้ใช้น้อย อย่างกลุ่มมือถือเองก็มีไม่กี่ค่าย ซัมซุงเองก็มีแค่บางรุ่นเท่านั้น ถ้านับเฉพาะ "มือถือ" ก็ได้ราวๆ 30 กว่ารุ่นเท่านั้น
นวัตกรรมใดๆ ที่จะสำเร็จมันต้องมีสองอย่างประกอบกันคือ ใช้ง่ายจริง และมีอุปกรณ์ให้ใช้ร่วมกันเยอะ ยกตัวอย่าง QR Code ที่ตอนนี้ไปที่ไหนๆ ก็เห็นเกร่อบ้านเกร่อเมือง
แอปเปิลเองก็มีสิทธิบัตร NFC ไว้บ้างแต่มีใครสักคนให้ความเห็นที่น่าสนใจคือ แอปเปิลจะไม่ทำอะไรที่มันควบคุมโดยแอปเปิลไม่ได้ ทำให้ NFC เลยเป็นสิ่งที่ยังไม่อยู่ในสายตาของแอปเปิล แต่ท้ายที่สุดถ้ามันถูกยอมรับจนเป็นมาตรฐานเหมือนบัตรเครดิตทั้งหลาย (NFC ในด้านการเงิน)ผมว่าถึงวันนั้นแอปเปิลก็คงเอาสิทธิบัตรของตัวเองมาประยุกต์ให้มันเจ๋งกว่าทั่วๆ ไปได้
แต่สิ่งที่แอปเปิลกำลังซุ่มทำตามข่าวนี้ผมว่ามันเจ๋งนะ นอกจากเป็นที่ชาร์จไร้สายได้แล้วมันยังทำประโยชน์อย่างอื่นได้อีกมากจริงๆ
ส่วนย่อหน้าสุดท้ายดูเหมือนคุณอารมณ์ค้างจะใครก็ไม่รู้มาอันนี้ผมคงไม่มีความเห็นเพราะข่าวนี้กำลังอ่านสนุกไหลลื่นได้ความรู้ด้านนวัตกรรมเยอะเลย ยังไม่อยากออกอ่าวตังเกี๋ย :)
เห็นด้วยครับเรื่อง NFC และนวัตกรรม ของทุกอย่างหากต้องการให้เป็นที่นิยมประสบความสำเร็จนั้นนอกจากจะอาศัยความโดดเด่นเหนือล้ำแล้วยังต้องอาศัยจังหวะเวลาด้วย ดูตัวอย่างจาก Dell Streak ได้ที่เป็นมือถือตัวแรกที่ทำออกมาจอใหญ่ขนาด 5 นิ้วแต่ว่าตอนนั้นกระแสความนิยมรวมไปถึง software ยังไม่มาเลยส่งผลให้โทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ล้มหายตายจากไป เชื่อว่าหาก Dell ไม่ได้ออกมือถือตอนนั้นแต่มาทำตอนนี้แทนกระแสการตอบรับจากสังคมจะต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน
ทุกอย่างมันมีองค์ประกอบของมัน NFC เป็นเทคโนโลยีที่ดีมากอันหนึ่ง ในอนาคตมันต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนทั่วโลกเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ในหลาย ๆ ประเทศ (เช่น ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส) อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ว่าตอนนี้ผมว่ามันยังไม่ถึงเวลานั้น ดูแค่ในประเทศเจ้าพ่อเทคโนโลยีอย่างสหรัฐอเมริกาเอง NFC ก็ยังไม่แพร่หลายเท่าไร ถ้าให้ผมวิเคราะห์ผมคิดว่าต้องให้หน่วยงานทางด้านการเงินให้การสนับสนุนมาก ๆ และมีเจ้าพ่อคนหนึ่งลงทุนทำ ecosystem ที่เหมาะสมกับการใช้งานจริงรอบเดียวคุมตลาดได้ ตอนนั้น NFC จึงจะเกิดอย่างแท้จริงครับ ซึ่งแน่นอนว่าทุกอย่างที่ว่ามาจะไม่เกิดขึ้นตราบใดที่ผลประโยชน์ยังไม่ลงตัว
ส่วนย่อหน้าสุดท้ายผมมีเอาไว้ป้องกันตัวครับ โดนคนอื่นอ่านใจจนเบื่อ ;)
That is the way things are.
55555 ผมชอบคำนิยามว่า สาวกจริงๆ เลย ^^
มีบุคคลชื่อ ท... ค... กำลังคัดจมูกอยู่นะ 555
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ต่างตกเป็นทาสของเทคโนโลยี.
ซื้อ!..
พึ่งสังเกตว่า มีแอคเคาท์ชื่อภาษาไทย เพราะชื่อคนเขียนข่าว O_o!
อ่านคอมเมนต์ลงมาเรื่อยเจอแอคเคาท์ชื่อไทยรุ่นดึกดำบรรพ์เลย!!!
รอชื้อ