ข้อมูลจากราคาในการซื้อขายของตลาดหุ้นอเมริกาวันนี้ล่าสุด บริษัทกูเกิลมีมูลค่ากิจการตามราคาในตลาด (Market Capitalization) อยู่ที่ 248.2 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ไมโครซอฟท์อยู่ที่ 247.8 พันล้านดอลลาร์ ทำให้กูเกิลมีมูลค่ากิจการสูงกว่าไมโครซอฟท์เป็นครั้งแรก ทั้งนี้กูเกิลเริ่มนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นในปี 2004
อย่างไรก็ตามสถานการณ์นี้อาจเป็นเหตุการณ์ชั่วคราวก็ได้ เพราะเมื่อปีที่แล้วไอบีเอ็มก็มีมูลค่ากิจการสูงกว่าไมโครซอฟท์ได้อยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่ไมโครซอฟท์จะแซงกลับขึ้นไปคืน เพียงแต่ข่าวนี้ก็บ่งชี้ให้เห็นถึงมูลค่าที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องของบริษัทกูเกิลนั่นเองครับ
สำหรับบริษัทด้านเทคโนโลยีที่มีมูลค่ากิจการสูงที่สุดในโลกในตอนนี้ยังเป็นของแอปเปิล ที่มีมูลค่าล่าสุดคือ 632.2 พันล้านดอลลาร์
ที่มา: Business Insider
Comments
632.2 พันล้านดอลลาร์
คุณพระช่วย
แบบนี้ ฟอร์เรสท์ กัมพ์ ก็รวยสุดๆอ่าดิ
คุณทำให้ผมสงสัย จนต้องไปค้นจนเจอบทความนี้
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
รอ ms เปิด win8 ก่อนจะได้รู้กันว่ามันจะรุ่งหรือจะล่วงกันแน่
ผมว่าเปิดไปหุ้นมันไม่ขึ้นทันทีหรอก วินโดว์ต้องใช้เวลาซักหน่อยกว่าจะแซงตัวเก่าได้
ก็ไม่แน่เสมอไปนะครับ บางทีอาจจะร่วงหนักกว่าเดิมก็ได้
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ก็นั้นล่ะครับ จะรุ่งหรือจะร่วงกันแน่
ดูแววว่าจะร่วงหนักกว่าเดิม รู้สึกถึงอาถรรพของเลขคู่กับ Microsoft
แถมมีกระแสต้านมาแต่ไกล http://www.facebook.com/photo.php?fbid=474070042623255&set=a.267960063234255.69637.122388891124707&type=1&theater¬if_t=photo_comment
@fb.me/frozenology@
ที่ Apple มันขึ้นไปแบบไม่หยุด ก็คงเพราะที่ผ่านมาไม่มีปันผล รายได้ก็เลยทบต้น ทบดอกเป็นมูลค่าทรัพย์สิน
Market Cap นิครับ ราคาหุ้น x จำนวน เพราะงั้นไม่เกี่ยวกับทรัพย์สินอื่น apple ถ้าจำไม่ผิดมีเงินสดหลักแสนก็หลักหมื่นล้าน ซื้อประเทศทางฝั่งโลกที่3ได้ 1-2ประเทศ
มันเกี่ยวเพราะ ราคาหุ้น นี่แหละครับ ราคาหุ้นมาจากผลประกอบการที่คาดว่าจะได้รับในอนาคต เก็บเงินไว้ไม่จ่ายปันผล=เงินสำหรับลงทุนมาก ย่อมคาดหวังผลตอบแทนที่มากกว่า
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
เงินปันผลก็ไปอยู่ในตัวหุ้นนั่นละครับ เพราะดันมูลค่าตัวเองให้ขึ้นไปเนื่องจากไม่มีปันผล การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ก็เป็นอีกเหตุผลนึงที่คนยังหวังว่ามันยังเติบโตได้ คนก็เลยไม่ขาย พอไม่ขาย ความต้องการซื้อมันยังมีอยู่ มันก็ดันราคาขึ้นไปอีก
แต่ Apple นี่เป็นฟองสบู่ก้อนใหญ่เลยนะครับ เพราะรายได้สูงมาก ดังนั้นความเสี่ยงก็๋สูงมาก เพราะคนซื้อยังคงหาซื้อกันต่อไปดันราคาหุ้นขึ้นไปเรื่อยๆ แต่พอหยุดพัฒนานวตกรรมเมื่อไรตอนนั้นละครับ จะเป็นตัวพิสูจน์ว่าคุณมีค่าพอหรือยังที่จะมีมูลค่าสูงกว่า Microsoft 3 เท่า
สาเหตุที่ Apple ราคาพุ่ง นั่นเพราะเจาะตลาดใหม่ เป็นผู้นำตลาดใหม่ อัตราส่วนอัพราคาขายต่อต้นทุนได้สูงมาก 4-5 เท่า
ถ้าผมถือหุ้นแอปเปิ้ลอยู่
ช่วงนี้คงต้องรีบทยอยขายแล้วครับ
คิดว่าตอนนี้คงอยู่ยอดดอยแล้วล่ะ
ต่อให้ผลกำไรไปทบต้น แต่ก็มีต้นทุนการผลิตต่างๆ ที่เป็นค่าใช้จ่าย และถ้ารู้อยู่แล้วว่าไม่ปันผล คนก็ไม่น่าจะกล้าซื้อนะครับ ยิ่งแบบนี้แสดงว่าถ้าหุ้นไม่แข็งแรงจริง ท่่ามกลางการไม่ปันผล คนก็ไม่กล้าแห่ซื้อเก็งกำไรกันแน่ๆ .. เรื่องนี้ต้องยกให้เลยว่าเค้าเจ๋งจริง. ;)
my blog
มีเงินสดในมือเยอะ ก็ทำให้ลดต้นทุนได้นะครับ โดยไม่ต้องไปกู้ยืมเงินที่ไหนมาลงทุน ที่เหลือก็อยู่ที่ว่าจะทำที่มีให้งอกเงยได้แค่ไหนมากกว่า
ต้นทุนการผลิตต่างๆ เป็นค่าใช้จ่าย แต่คุณดูสินค้าที่ขายสิครับ ราคา 4-5 เท่าของต้นทุนหมดนะครับ ขาย 1 ฟรี 4 เครื่อง เท่ากับเพิ่มโอกาสให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 4 เท่าโดยใช้เงินลงทุน 1 เครื่อง
แต่ตามทฤษฎีแล้ว มีเงินกู้ด้วยมูลค่าบริษัทจะสูงกว่านะครับ กรณีที่ยังไม่ได้กู้มาจนเริ่มกู้ยาก เพราะถือว่าต้นทุนเงินทุนของเงินกู้น้อยกว่าส่วนผู้ถือหุ้น เก็บเงินสดไว้ไม่ได้เอาไปใช้ถือว่าสูญเปล่า http://en.wikipedia.org/wiki/Modigliani%E2%80%93Miller_theorem#With_taxes
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
แต่ถึงตอนนี้ใน 3 เจ้า ผมก็ยังมอง MS มีฐานปึ้กสุด
ขอให้กิจการรุ่งเรืองเด้อ ขอบคุณที่พาลูกค้ามาให้มากมาย อู่ข้าวอู่น้ำของคนทำเว็บ
ถ้ายังนำหน้าเรื่องsearch engineอยู่ ต่อไปคงครองโลก
รวมกันยังไม่เท่า apple = ="
ต้องขยายฐาน OS ของตัวเองให้เมนสตรีมจะดีกว่านี้อีกเยอะ