บิล เกตส์ ไปออกรายการทีวี CBS This Morning เขายอมรับว่าไมโครซอฟท์ดำเนินยุทธศาสตร์ด้านสมาร์ทโฟนผิดพลาดหลายอย่าง ทั้งที่มีโอกาสเป็นผู้นำอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง
เกตส์บอกว่าไมโครซอฟท์ไม่ได้ล้มเหลวในตลาดสมาร์ทโฟนอย่างสิ้นเชิง แต่สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ทำให้ไมโครซอฟท์ไม่สามารถเป็นผู้นำในตลาดนี้ได้ และสถานการณ์ตอนนี้ชัดเจนว่ายุทธศาสตร์ของไมโครซอฟท์ผิดพลาด (clearly a mistake)
เขาพูดถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของไมโครซอฟท์ทั้ง Windows 8, Surface, Bing ว่าทำออกมาได้ดี แต่เขาและสตีฟ บัลเมอร์ ก็ยังไม่พอใจกับนวัตกรรมในภาพรวมของไมโครซอฟท์ในตอนนี้
Comments
โดยรวมก็โอนะ แต่ UI กาก ไม่อยากแตะต้อง
คล้ายผมเลยครับ ปฏิเสธ iOS มาตลอด เพราะ UI กาก ไม่อยากแตะต้องเหมือนกันครับ
ผมว่า UI ของ iOS นี่สวยนะ ไม่ใช่กาก ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีอะไรหวือหวา แต่มันดูเรียบๆ ง่ายๆ สวยดี
Classic ครับ
ตั้งแต่ใช้ smart phone ก่อน iOS จะมา ผมไม่เคยเห็น ปุ่ม Toggle เปิดปิด Airplain โหมด แบบนั้นเลย... ปัจจุบัน มีเต็มเลย...
ส่วนตัวผมว่า UI ของ iOS ไม่กากนะครับ ยิ่ง UI ที่อยู่ใน App ต่างๆ ผมว่ามันสวยและลื่นไหลกว่า app ในบาง OS อีก
นานาจิตตังครับ
ผมว่ามันดูลิเก
นานาจิตตังเช่นครับ ในแอนดรอย เหมือนงิ้วไม่มีผิด
นานาจิตตังครับ ตอนแรกคิดว่าไอคอนของแอนดรอยด์ห่วยแล้ว ไปเห็นใน Tizen แล้วแทบเป็นลม
นานาจิตตัง นานาจิตตัง นานาจิตตัง เต็มไปหมดเบยย
ของแบบนี้นานาจิตตังมันนานาจิตตังว่าต้องนานาจิตตังเพราะนานาจิตตังอยู่แล้วครับ
ถ้าไม่ชอบ มันก็กากได้ทุก OS ปัญหาคือสิ่งที่ทุกคนในหล้าชอบ... ไม่มี
+1489759879.40598409584
อยากทราบหน่วยครับ ค่าดังกล่าวมีหน่วยเป็นอะไร
+2^1024
+390625
+1 อสงไขย
+1 วลี นี้ใช้ได้ทุกที
อ๋อ ผมใช้ทั้ง Android แล iOS ครับ Windows 8 ก็ใช้แต่ไม่ได้ใช้ Metro/Modern เผอิญ WP มันบังคับให้ใช้ Metro/Modern เลยไม่ได้ใช้ครับ
ความล้มเหลวเกินจาก Metro UI
ลองหันกลับไปดู BB10 ถ้าได้ Nokia Samsung HTC เอามาทำมือถือ ผมคิดว่ารุ่งกว่า Windows Phone แน่ๆ
ในอนาคตคุณจะเห็น UI แบบนี้จนเอียนเลยละครับ เพราะหลายเจ้าเริ่มก๊อบ Metro/Modern
วินโดร์ 8 ทำออกมามันช่างกาก อะไรเช่นนี้ไม่มีความสวยงามเอาซะเลย
นานาจิตตังครับ บางคนว่าสวย บางคนว่ากาก
ผมว่ามันสวยนะ ที่คนด่ากันเพราะมันใช้งานไม่สะดวกที่ต้องสลับไปมามากกว่า
พลาดตั้งแต่เรื่องซื้อโปรแกรมยุ่งยากแล้ว ต้อง Activate ผูกเครื่องซับซ้อน ใช่ของก็อปชีวิตยังเหนื่อยน้อยกว่า ดู Mac App Store ซื้อครั้งเดียวจบ เอาไปลงยังไงก็ได้ คนซื้อแท้ไม่เหนื่อย มันคือเสียเงินเพื่อความสบายจริง ไม่ใช่เสียเงินแล้วยังลำบาก
แล้วบริการดีๆ ของตัวเองก็มีมาก่อนแต่ไม่ดัน อย่าง Messenger ก็ไม่ดันลงมือถือ สุดท้ายโดน facebook chat กินตลาดตรงนี้ไป
LINE ซื้อ Sticker ไม่ได้นี่หนักสุด :D
แปลว่า os ห่วย ?
ใช่ OS ห่วย
ไม่ห่วยครับ แต่กาก :P
ซื้อโปรแกรมผมเข้าใจว่ามันง่ายเท่ากันเลยนั่นแหละครับ - -" ที่คุณว่ามันยากนั่นมันก็แค่ตอน Activate ผูกเครื่องซับซ้อน ซึ่งผมก็เห็นตอนลงแค่ใส่คีย์ให้ถูกหลังจากนั้นผมก็ไม่เห็นจะมีอะไรต้องทำอีกเลยนี่ครับ Mac App Store ซื้อครั้งเดียวจบ Windows Store ก็ซื้อครั้งเดียวจบเหมือนกัน ผมสงสัยคำว่า "ลำบาก" ที่ว่านี่คือตอนไหนครับ?
ตอนที่ activate ไม่ผ่าน แล้วต้องโทรไป 1800xxxxx เพื่อรับ activation code
ปล. ผมใช้แท้ทั้งเครื่อง มี windows กับ office นี่แหละ ที่ลำบากสุด เวลาลงใหม่
ลำบากตอนคิดนั้นแหละครับ ผมซื้อ Office 2010 มา ลงเสร็จ ย้ายเครื่องได้ลำบากวุ่นวายอีก ต้องคิดว่าจะเอาไปลงเครื่องไหนยังไง ในขณะที่ Mac App Store ลงกี่เครื่องยังไงก็ได้ที่ผูกบัญชีเราไว้ ซื้อ OSX 10.8 ราคา $20 ยังหิ้วไปติดตั้งได้รอบบ้าน ไม่ถามอะไรเราสักคำนอกจากรหัส Apple ID
อย่าเอาแอพนอกสโตร์มาเทียบกับแอพในสโตร์สิครับ จริง ๆ ส่วนนี้ผมก็ไม่ชอบหรอกครับที่สโตร์ของ Windows เลือกจะรองรับเต็มที่เฉพาะแบบ Metro ส่วน OS X อัพเดตนั่นผมเข้าใจว่าเค้าขายต่อผู้ใช้ ขณะที่ Windows เค้าเลือกขายแบบต่อเครื่อง
Mac app Store ก็ข้อจำกัดเยอะครับ แอพที่เข้าไปอยู่ต้องรองรับ Sandbox ทำให้แอพหลายตัวไม่อยู่
แต่การขายแอพของ Apple กับโปรแกรมทุกตัวที่ขายบน Mac App Store มันน่าประทับมากกว่ามาก คือแอพทุกตัวบนนั้น ไม่ว่าจะแสนแพงอย่าง Final Cut Pro หรือแอพเกมทั่วไป ก็เอาไปลงเครื่องไหนก็ได้ ใช้แค่ Apple ID เท่านั้น คือเปิดโอกาสให้ผู้ถือ ID นั้นลงเครื่องของตัวเองกี่เครื่องก็ได้ มันเหมือนเป็นเจ้าของโปรแกรมจริงๆ มากกว่ามานั่งจำกัดการ Activate ที่เปลี่ยน HDD หรือเปลี่ยนอุปกรณ์ในเครื่องหน่อย ก็ต้องลำบากโทรไปต่างประเทศ เพื่อขอรหัสใหม่
พึ่งรู้ว่า Mac App Store ขายกันแบบนี้ เจ๋งแฮะ เหมือน iOS, Android เลย
เจ๋งดีครับ โดยเฉพาะที่มันขายโปรแกรมปกติผ่านช่องทางนี้ด้วยขณะที่โปรแกรมที่ขายผ่านสโตร์ของวินโดว์จริง ๆ กลับมีแค่แอพ แต่แอพที่ขายผ่านสโตร์ของวินโดว์ต่างกันยังไงบ้างครับ พอดีผมมีอยู่เครื่องเดียว
เเอพในสโตร์ของวินโดวส์ ซื้อเเล้วลงได้ห้าเครื่องครับ
+1
MS ซื้อ BlackBerry ไปเลยดีกว่า ง่ายสุด 555+
API มัดมือชก โคตรกากเลย
อันนี้สมควรโดนจริงละครับ :p
เอาจริงๆ ผมยังหาจุดเด่นที่คิดว่าดีกว่าคู่แข่งของ Windows Phone 8 , Windows RT ไม่ได้เลย (ยกเว้น Office เพราะ App ที่ใช้ใกล้เคียงกันใช้เกือบทดแทนได้มีโขอยู่) เท่าที่เห็นก็มีแต่รอให้ตลาด app โต ซึ่ง iOS , Android โตไปหมดแล้ว มาทีหลังสตาทช้ากว่าเขา ไม่ควรจะเริ่มต้นเหมือนเขานะ
รอดูต่อไปครับ ว่าจะไปถึงไหน ทั้ง ios และ แอนดรอยตอนนี้ เขามีจุดยืนของตัวเองแล้ว ในขณะที่ wp8 กำลังเริ่มตั้งไข่เท่านั้นเอง
ผมยังจำได้ WP8 ขาด Notification center ด้วยเหตุผลที่ทางไมโครซอฟท์ให้คือ หมดรอบพัฒนา
โห ... อยากขายขนาดที่เข็นผลิตภัณฑ์ไม่สมบูรณ์ออกมาให้คนใช้ มันเป็นวิธีการบริหารที่อิงกับรอบการส่งมอบมากไปมั้งครับ ทำไมไม่อิงประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้ก็ไม่รู้ อยากเชียร์นะ ... แต่มันทำไม่ลงจริงๆ ก็ต้องหันไปเชียร์ iPhone ต่อไป แต่ถ้าเป็น geek ก็เชียร์ Android
ไม่ได้จะอวยอะไรสตีฟจ็อบส์นะครับ แต่ถ้าเป็นลุงคงไม่ยอมให้เข็นอะไรแบบนี้ออกมาแน่ๆ
ก็เน้นปริมาณ ไม่เน้นคุณภาพ
คำตอบของข้า คือ ประกาศิต
เท่าที่ผมจำได้ต้องมองย้อนไปก่อนหน้านั้นครับ ช่วง wp7 nodo-mango ช่วงนั้นผมเคยอ่านบนสัมภาษณ์ประมาณว่าเขาไม่เคยมีแผนสำหรับ notification center เลย เพราะว่าจะใช้ live tile แทน(แค่ unlock เครื่องก็เห็นหมดแล้วว่ามีอะไรเตือนบ้างแค่ดูที่ tile ถ้าล้นอย่างมากก็เลื่อนๆ ลงไปแค่นั้น) แต่เท่าที่ผมเห็น app ที่ทำมาส่วนมากตั้งแต่ตอนนั้นไม่ได้ออกแบบมาโดยใช้ livetile เลยแถม app หลายๆ ตัวยังเหมือนยก ui ของ ios หรือ android มาทั้งดุ้นอีก
จนมาถึงช่วง wp8 ที่มันเริ่มจะมีคนสนใจอยู่ดีๆ เสียงเรียกร้องจะเอา notification center มันก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ จากทางฝั่งของผู้ใช้ จนมันมีประเด็นหรือข่าวในงาน build ที่ว่า app หลายๆ ตัวที่ไม่ยอมทำ livetile หรือไม่ได้เปิด livetile มันจะไม่มีอะไรขึ้นเตือนเลย ดังนั้นมันก็น่าจะมีนะ แล้วทางฝั่งของ wp ก็พูดแค่ประมาณว่าเหมือนกำลังคิดว่าจะทำดีไหมแค่นั้นแต่ตอนนั้นไม่มีเวลาแล้ว ดังนั้นมันไม่ใช่หมดรอบพัฒนาหรอกครับ
ความเห็นผม notification center มีก็ถือว่าดีแต่ผมนึกไม่ออกว่าพอมาอยู่บน wp มันจะใช้ยังไง ในเมื่อเอานิ้วรูดจากด้านบนลงมามันเป็นคำสั่งอื่นไปแล้ว (หรือจะเป็น icon ในรูปแบบของ notification hub ก็ได้) อีกเรื่องนึงที่ผมเข้าใจคือ livetile ถ้าเอามาใช้ดีๆ มันก็แทนกันได้เหมือนกัน เพราะมันแสดงข้อมูลได้มากกว่าเลขอยู่แล้ว แต่ dev ก็ไม่ทำกัน งง(ดู metro tube เป็นตัวอย่าง)
งานนี้ผมโทษผู้พัฒนาเลยจริงๆ หลายๆ app ที่ควรจะใช้ livetile ให้เป็นประโยชน์ก็ไม่ได้ใช้ ตัวอย่างง่ายๆก็ line ที่มีแค่เลขขึ้นเตือนเท่านั้น พอเป็นแบบนี้ทำให้หลายคนเริ่มเรียกร้องที่จะเอา notification center กัน ถ้าทุก app ใช้ livetile หมดนะผมบอกเลยว่า notification center นี้ไม่จำเป็นเลย ส่วนที่ผมไม่ชอบสุดๆเลยคือบาง app เล่นยก ui ของ ios มาทั้งแผงเลย
ผมว่า LiveTile ใช้งานได้ไม่เท่ากับ Notification Center นะ (ไม่มั่นใจเหมือนกัน ได้จับแป๊บเดียวเอง พ่อขายทิ้งไปแล้ว 555) แต่ก้เห็นด้วยว่าถ้าเขียน livetile ดี ๆ NC อาจจะไม่จำเป็น
แต่ผมมองว่า LiveTile มันเหมือน Widget มากกว่า :-/ Dev บางคนอาจจะคิดเหมือนกัน ก็เลยคิดว่ามันไม่เหมาะกับ Notification ล่ะมั้ง?
+1 Live tile ใช้งานได้ไม่เท่ากัน Notification Center ครับ ผมนั่งยันนอนยันให้เลย
ไม่ว่ายังไง สุดท้าย WP8 ก็ควรจะมี Notification Center อยู่ดี
แต่แนวคิด Live Tile ก็เป็นแนวคิดที่เจ๋งครับ และควรใช้ร่วมกับ Notification center จะได้ประโยชน์สูงสุด
Live tile มันเป็นความลงตัวระหว่างการผสานหน้าเมนูแอพ ที่แทบไม่บอกข้อมูลอะไรเลยของ iOS และ Android มารวมกับ Widget ที่ดูจะรกรุงรังและวุ่นวายของ Android ซึ่งผมว่ามันค่อนข้างลงตัว แต่ก็ยังเอามาใช้แทน Notification center ไม่ได้อยู่ดี เพราะ Notification center ให้ข้อมูลที่ละเอียดและชัดเจน ออกมาเป็นรายการเรียงมา รวมถึงเข้าถึงข้อมูลนั้นๆ ได้ง่าย และปัดออกเมื่อเรารับทราบแล้ว ซึ่งจุดนี้ Live tile ให้ไม่ได้เลยครับ
ข้อมูลที่ละเอียดไม่ละเอียดผมมองว่ามันขึ้นอยู่กับคนออกแบบว่าจะให้ livetile ของ app ตัวเองออกมาในลักษณะไหนมากกว่าครับ ซึ่งเท่าที่เห็น dev ที่ทำไม่ค่อยใส่ใจตรงนี้เลยด้วยซ้ำ เพราะ app ค่อน store เป็นแค่ icon เฉยๆ หมดเลย
Tile design guidelines for Windows Phone
The tile template catalog
เอาจริงๆ แค่ในไกด์ไลน์แบบนี้ผมยังไม่เห็นจะทำกันเลยครับ
ผมซื้อ/ใช้แต่แอพที่รองรับ live tile (บาง dev ก้ทำดี มีแบบปรับได้ด้วย)
ข้อเสียของ live tile คือถ้ามีแอปที่จะ Notification มากๆอาจจะแย่ก็ได้ คือต้องเลื่อนดูตลอดสำหรับ tile ที่ล้นจอ หรือบังคับให้ผู้ใช้เอามาไว้ในหน้าโฮมถ้าต้องการ notification และถ้าอยากให้มันแสดงข้อมูลเยอะๆก็ยังต้องให้ tile มันใหญ่ ทำให้วาง tile(ที่ไม่ต้องเลื่อนดู) ได้น้อยลงอีก
NC สุดท้ายคงเอาไว้ด้านบนรูดลงเหมือนเพื่อนๆน่ะแหละ จะได้ดูได้จากขณะใช้แอพอื่นๆอยู่
Notification Center ของแอนดรอยด์ ผมก็ต้องเลื่อนบ่อยๆนะ และพอ nc ของแอนดรอยด์เต็ม จะเห็น noti ได้น้อยกว่าบน Live Tiles เสียอีก (บางแอพก็ขึ้นหลาย noti แยกกัน เบียดที่อันอื่น บางอันก็รวมเป็นอันเดียว ดูไม่รู้เรื่อง) เช่นอย่างนี้ (จากภาพจะเห็นว่ามันโชว์ได้แค่ 5 อันเท่านั้น // แต่ทั้งนี้ก็อยู่ที่ขนาดจอด้วย)
ข้อดีของมันอย่างนึงที่ผมรู้สึกว่ามันดีกว่า live tile คือมันใส่ลูกเล่นได้ พวกคอนโทรลเล่นเพลง อะไรอย่างนี้
รู้ว่ามี Notification เข้า แล้วเลื่อนดูว่ามันคืออะไร (แอนดรอย)
กับ ไม่รู้ว่ามี Notification เข้ารึเปล่า แต่ต้องเลื่อนดูตลอดเวลา เผื่อมันจะมี Notification เข้า มันต่างกันเยอะอยู่นะ
live tile ผมว่ามันคือ widget อย่างนึง แต่ข้อดีของมันคือ WP บังคับให้ทุกแอป ออกแบบ Widget ไปในทางเดียวกัน ออกมาดูเรียบร้อย เรียงกันสวยงาม เลื่อนดูสะดวก เป็นข้อที่แอนดรอยไม่มีทางทำได้ เพราะออกแบบมาให้ปรับแต่งได้มาก ไม่ได้มีโฮมสกรีนเหมือนกันอยู่แล้ว ในแต่ละยี่ห้อ
toast notification มันก็มีเหมือนกันแหละครับ เอาจริงๆ ผมมองว่ากว่าจะเข้า notification center ได้ขั้นตอนมันเยอะกว่าด้วยครับ คือ unlock -> slide nc ลงมา กับ unlock แล้วเห็นเลยบน wp
ตัวผมเองผมมองว่า home screen ของ wp คือ notification center อยู่แล้วครับ ขาดแต่ตัว live tile เนี่ย ไม่ค่อยจะทำกัน
Toast Notification ถ้าวางมือถือไว้ หรือมีหลายๆ notification เข้ามาก็คงไม่ทันได้มองเท่าไร
ขั้นตอนเยอะ คงแล้วแต่รุ่นละมั้ง
ของผม แค่เปิดจอ (ยังไม่ unlock) ก็เห็นแล้วว่าแอปไหนมี notification บน notification bar
แล้วก็รูดลงมาดูได้เลย ไม่ต้อง unlock นะ
เอามาใช้อำนวยสะดวก กับ ช่วยทำงาน อะไรก็ได้ ได้ทั้งกาก ทั้งกล้วยทอด
จากประสบการณ์การทำตลาดที่ผ่านมา ขอรอดูตลาดสักระยะ กลัวว่าแพจะมาจอดข้างๆ วินโดว์โฟน 8 เหมือนกับ 7.5
ผมมองว่า ไมโครซอฟท์มีจุดแข็งเรื่อง SW และมีจุดอ่อนเรื่อง HW ตอนนี้เหมือนไมโครซอฟท์จัดกระบวนทัพใหม่เสร็จแล้ว อีกซักพักน่าจะตีโต้คู่แข่งกลับขึ้นมาเป็นผู้นำในด้านต่างๆ ได้อย่างไม่ยากนัก
ยากครับที่จะกลับมาเป็นผู้นำ เพราะความหลากหลายและความคุ้มค่าของราคาสินค้ามันต่างกัน ยุคนี้เป็นยุค Economy Crisis ของอเมริกาและยุโรป ตัวแปรมันเลยหมุนมาที่ Asia และตลาดสำคัญที่จะเกิดแน่ ๆ คือ AEC แน่นอนว่า บัดเดี๋ยวนี้หมุนไปทาง Android เพราะเหตุผลเดียว คือ ฟรี ไม่เกี่ยวกับ Open Source หรอก มันสำคัญว่ามี ROM ฟรี ๆ จากจีนให้เลือกใช้เพียบ ก็รู้นิสัยคนเอเชียอยู่ ถูก, ฟรี และมีคุณภาพ เราชอบ
คำตอบของข้า คือ ประกาศิต
ตัวเองลองใช้ Metro ปรากฏว่าไม่ถูกใจอย่างแรง
iOS, Droid ถูกใจกว่าเยอะ
เปิดทุกอย่างให้เหมือน Windows 95 ปีเดียวรับรองชนะ Android ไปเลียนแบบ Apple ก็ต้องเป็นอย่างนี้แหละ
ให้ OS ฟรี แต่ไม่ OpenSource แต่แจกฟรีไปเลย แล้วให้มี App Store Market ตัวเดียวสำหรับโปรแกรมที่เขาอยากทำขาย ส่วนที่แจกฟรี ให้ไปโหลดมาลงกันเอาเอง
ลองอ่านที่คุณเนย (รักษ์โลก) เขียนซิ MS น่าจะมองออกนะว่า app store market กับ Free program ไม่เหมาะกับ Windows ทุกประเภท
คำตอบของข้า คือ ประกาศิต
ส่วนแบ่งตลาดของ WindowsPhone
ตอนนี้อยู่ที่ ราว 3 % น่าจะเป็นจุดสูงสุดของ WP8 แล้วนะ
ผมว่าน่าจะเพิ่มได้อีกนะ เพราะตอนนั้น Lumia 620 ยังไม่มา
แล้วที่กำลังจะเปิดตัวอีก 520, 720 และอื่นๆ
ยอดขายอาจเพิ่มได้นะครับ
แต่ส่วนแบ่งตลาด ของฝั่ง Android มันโตไวกว่ามาก
การที่จะเกิด Impact สูงๆ เหมือนตอน WP8 ออกใหม่ ๆ คงยากที่จะเกิดในอนาคตอันใกล้
ก็ต้องดูการโหมโฆษณาและการจัดโปรของโนเกียว่าจะได้ผลแค่ไหน
หรืออาจจะเอา WP รุ่นล่างๆ ไปบุกตลาดใหม่ๆ ให้เหมือน Asha ที่ทำได้แล้ว
ถ้า Nokia ออกรุ่นใหม่แล้วกวาดเรียบได้จริง Apple Samsung คงเจ๊งไปนานแล้ว ปัญหาคือไม่มีจุดยืนให้ทาง Nokia ได้แจ้งเกิดอีก เพราะทาง Android ครอบคลุมไปทุกระดับราคาเลย สเป็ค + eco system ที่ดีกว่า และถ้ายิ่งมองไปตลาดบนยิ่งยากเพราะมี iPhone ,Galaxy S ,Note ,Xperia คอยตบอยู่ แจ้งเกิดได้ยากเข้าไปอีก
ต้องรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ
ยอดขายมือถือทั้งโลกปีก่อนโนเกียก็ยังเป็นอันดับสองของโลกอยู่
แต่พอเป็นสมาร์ทโฟนโนเกียยังไม่ถึงไหนเลย
ที่เห็นไม่ให้ซื้อกันก็ติดเรื่องจำนวนแอพกันอย่างเดียว
จรงิหรือครับ ที่ว่าไม่มีจุดยืนให้ Nokia ได้แจ้งเกิดอีก
ตอนนี้ iPhone ก็เริ่มโหลในสายตาคนทั่วไป Samsung ก็มีแต่คน Anti แล้วนะ
เพื่อนของผมก็เอามาคุยว่าจะซื้อโทรศัพท์มือถือยี่ห้ออะไรดี
เพื่อนอีกคนบอก "อย่าเอา Samsung เลย มันห่วย"
ส่วนอีกคนบอก "iPhone คนใช้เยอะแล้ว ไม่เท่"
สุดท้ายก็มาจบที่ Lumia 620
จุดยืนมีเยอะแยะครับ สำหรับโนเกีย ย้ำนะเฉพาะโนเกีย โดยเฉพาะระดับล่างๆ ส่วนระดับบนๆตีได้ไม่ยากหากไม่ใช้ win8 แค่ pure view ก็สามารถทำให้ Samsung ไม่มีจุดยื่นเรื่องกล้องได้อีกนานเลย แถมงานประกอบและวัสดุที่ใช้ทำดูพรีเมียมกว่าอีก
วัสดุ เพื่อนผมชอบบอกว่าพลาสติกดูก๊อกแก๊กจนผมต้องไล่ไปจับเคาะว่ามันพลาสติกเกรดนี้มันดีขนาดไหนล่ะครับ
ส่วนตัวผมมองว่า ms ชอบ มาโม้ก่อนครับ กว่าของจะออกมาจริง ใช้เวลานาน
พอมาแล้ว ยังมาแบบ ไม่สมบูรณ์อีก
Windows 8 ไม่ห่วยนะครับ แต่ตอนนี้ App ที่แสดงความสามารถของ Windows 8 ออกมาได้เต็มประสิทธิภาพยังมีไม่มี
Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project
ผมว่าพลาดตั้งแต่ทอดทิ้ง WM6.x ตั้งแต่ WP7 ยังไม่ออก (ก่อนที่จะปล่อย KIN แล้วนับหนึ่งใหม่กับ WP7) นั่นแหละ
กลับมาเถอะครับ
ที่บ้านให้อภัยแล้ว?
ทำไมถึงมีแต่คนบอกว่า UI กาก ไม่เข้าใจเลย
ผมออกจะชอบ UI ของ Windows Phone มันช่าง Unique ยิ่งนัก
กากมากครับ ลองเข้า app facebook ใช้พื้นที่แค่ไม่กี่ % ในการแสดงเนื้อหา ที่เหลือเป็นตัวหนังสืออะไรไม่รู้ใหญ่โต รกมาก จะหาอะไรก็หาไม่เจอต้องปัดวนไปวนมาเสียเวลาที่สุด
จริง รกมาก จนผมก็ไปใช้ native app (people,me) แทน
เอ่อ อันนี้เข้าใจได้ครับ
ผมเองไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเนื้อที่แสดง content เท่าไหร่ แต่เรื่องหาไม่เจอนี่แย่ครับ แต่ก็เป็นปัญหาเฉพาะแอพ
บางที content เยอะๆผมว่ามันดูรกอะครับ
แต่ก็ทำให้เข้าใจว่าไม่ชอบ UI กันเพราะอะไร
ปล. แอพที่ผมคิดว่ามันค่อนข้างลงตัว คือ Music+Videos Hub กับ Games Hub ครับ
สวยครับ หน้าโฮมผมว่าผมชอบมาก เพราะปุ่มมันใหญ่ เหมาะกับการ touch มากๆ
หน้าอื่นๆ ก็สวยจริงแต่ usability ต่ำครับ
มาช้ากว่าคนอื่น อดใจรอให้รูปแบบส่วนติดต่อเข้าที่เข้าทางกว่านี้ก็ไม่น่าจะนานอะไร ผมว่าพื้นฐานโครงสร้างและระบบดีกว่าหลายเจ้าอยู่นะ และที่สำคัญคือไม่ลอกไม่ติดโฆษณานี่แหละ
ไม่มีพวกแอปจัดการ memory เลย
OS จัดสรรโคตรดีครับ ไม่ต้องไปไล่บี้ Kill Task เหมือด๋อยหรอกครับ
กด back มัน kill ไปในตัวอยู่แล้ว