สุดยอดวิสัยทัศน์จากรัฐมนตรีระดับโลกของเราเกิดขึ้นอีกครั้งหลังการแสดงวิสัยทัศน์ด้านโอเพนซอร์ส ด้วยการระบุชัดเจนว่าต้องการให้ค่าโทรศัพท์แพงขึ้น เพื่อให้ประชาชนระดับรากหญ้าลดการใช้งานลง เนื่องจากคนกลุ่มนี้มีรายได้ไม่เพียงพออยู่แล้ว
นอกจากนี้นายสิทธิชัยยังแสดงท่าทีไม่พอใจต่อ กทช. ที่ได้ให้ใบอนุญาตประเภทที่สาม คือผู้ให้บริการแบบมีเครือข่ายเป็นของตนเอง กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พร้อมกับระบุการเตรียมเสนอแก้กฏหมายให้ลดอำนาจ กทช. ลง
นายเศรษฐพร คูศรีพิทักษ์ ตัวแทนกทช. ได้ชี้แจงว่าการที่ กทช. ออกใบอนุญาตนั้นเป็นการทำไปตามกฏหมาย และคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีเนื่องจากหน่วยงานทั้งสองนั้นมีโครงข่ายครอบคลุม เช่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคนั้นสามารถเชื่อมต่อได้ทั่วถึงทุกครัวเรือน ขณะที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตนั้นมีโครงข่ายความเร็วสูงอยู่ทั่วประเทศ การที่สองหน่วยงานได้สามารถเปิดให้บริการได้จะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ในราคาถูก
ผมไม่แน่ใจว่ารัฐมนตรีคนนี้กำลังทำอะไรอยู่ รู้แต่ชืื่อเสียงด้านวิชาการที่ทำมายาวนานถูกใช้หมดลงอย่างรวดเร็วในเวลาไม่ถึงครึ่งปีที่ผ่านมา เห็นแต่ละความเห็นของรัฐมนตรีคนนี้แล้ว ถ้าอ่านอยู่ผมอยากจะบอกว่า ถ้าไม่เข้าใจโลกสมัยใหม่ ก็ลาออกไปเถอะครับ ครองตำแหน่งยิ่งนานยิ่งเปลืองตัว
ที่มา - ไทยรัฐ
Comments
สมควรให้ออก อย่างยิ่งครับ
ขิงแก่จริงๆครับ จะแก้ปัญหาหนี้สินให้คนระดับรากแก้ว ช่วยหันมาปลูกฝังระเบียบวินัยการใช้เงิน ออมเงินดีกว่า นี่เห็นโฆษณาสินเชื่ออยู่เต็มจอทีวี ต่อให้ค่าใช้จ่ายแพงขึ้น แต่มีสินเชื่อมาล่อใจก็เป็นหนี้อยู่ดีครับ
ปัญหาการออมเงิน น่าเป็นปัญหาของคนชั้นกลางของสังคมไทยมากกว่าครับ
ส่วนปัญหาของคนระดับรากหญ้า จริงๆของประเทศคือปัญหาการเข้าถึงทุนและทรัพยากร ไอ้ที่เราอยู่ยังมีปัญญาบ่นเรื่องบางเรื่องกันได้ โดยไม่เดือดร้อนอะไรมากนักนี่ เพราะส่วนหนึ่งเราไปเบียดบัง สิทธิ์ และทรัพยากรธรรมชาติ ของคนที่อยู่ต่ำกว่าเรา โดยทั้งทีู่รู้ตัวและไ่ม่รู้ตัว และถึงรู้ก็จำยอมเพราะมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบ ที่ทำให้เรายังอยู่กันได้
บริษัทโทรคมนาคมบางบริษัท มีหนี้เป็นพันล้าน และไปขอแบงค์กู้สักล้านสองล้านได้สบายๆ
ส่วนรากหญ้าในประเทศนี้ที่ไม่มีหนี้ แต่ไม่ีมีเงินเก็บ เพราะแค่หากินไปวันก็เหนื่อยสายตัวแทบขาดแล้ว จะไปกู้เงินแบงค์แค่สักไม่กี่หมื่นมาใช้ทำงานศพพ่อ กลับทำไมได้
คิดอย่างนักธุรกิจ และนายแบงค์ เรื่องข้างบนไม่แปลก แต่คิดอย่างคนที่ยังมีหัวใจ ผมว่า มันโคตรบีบหัวใจเลยละ
ส่วนเรื่องคุณสิทธิชัยกับคำสัมภาษณ์ ผมขอดูรายละเอียดหนังสือพิมพ์ฉบับอื่นก่อนละกัน เพราะผมยังติดใจกับชื่อหนังสือพิมพ์ในอ้างอิง แต่ถ้าเป็นอย่างที่ข่าวว่ามาจริง ผมก็ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
ทำไมไม่ให้ใช้ฟรีละ...รายได้ไม่เพียงพออยู่ไม่ใช่หรือ
.................................. ขี่ช้างจับตั๊กแตน
คนระดับรากหญ้าเขาไม่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์กันหรือครับ
ก๊ากแรกแห่งวัน
ประเทศเลือกเดินทางนี้มานานแล้ว เทคโนโลยีต้องเดินต่อไปข้างหน้าไม่ใช่หยุดคิดค้นพัฒนาเพื่อลดค่าใช้จ่าย
ถ้าหมายถึงโทรศัพท์มือถือ เห็นด้วยอย่างยิ่ง จริงๆ แล้วควรจะมีมาตรการควบคุมราคาไม่ให้ถูกเกินไปเสียด้วยซ้ำ
ผมเองไม่เข้าใจพวกคุณเหมือนกันว่า ถ้ามันไม่ตรงกับความคิดเห็นของพวกคุณนี่ไม่ผิดหมดเลยหรืออย่างไร
ทำไมไม่ไปถามเขาก่อนละว่าทำไม เขาถึงอยากใ้ห้มันแพงขึ้น คนเรามีสมองเหมือนกันนั่นแหละ ทำไม ผมใช้ windows ทำไมคุณใช้ mac ทำไมคุณใช้ linux
ลองหาเหตุผลก่อนค่อยว่ากัน ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ผิดไปหมด
ไม่ใช่ความคิดเห็นไม่ตรงใครแล้วผิดหรอกครับ แต่หาก ตรรกะ มีปัญหา ยังไงก็มองให้ถูกไม่ได้ครับ หากมีเหตุผลก็ชี้แจงได้ครับ ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่รับฟังอยู่แล้ว (ไม่ได้มีใครห้ามให้พูดนิ) แต่หากเหตุผลมีแค่ตามที่ชี้แจงมาจริง ๆ ผมก็บอกได้เลยครับว่า ตรรกะท่านรัฐมนตรีก็มีปัญหาจริง ๆ
ส่วนเรื่อง OpenSource มันคนละเรื่องกับ OS ครับ ผมคิดว่าคุณน่าจะศึกษา OpenSource ให้เข้าใจก่อน แล้วค่อยแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ก็จะดีมาก ๆ ครับ ไม่ใช่แสดงความคิดเห็นไม่ได้นะครับ เพียงแต่ผมไม่อยากให้คุณตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับท่านรัฐมนตรีครับ BioLawCom.De
เท่าที่เขาพูดมันผิดครับ คุณมองเห็นจุดที่มันถูกรึเปล่าล่ะถ้ามีก็เอามาคุยกัน ------ LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
1 การทำให้บริการที่เป็นสาธารณะหรือเกือบจะเป็นสาธารณะ..ให้มีค่าใช้จ่ายถูกลงหรือไม่มี..สิ่งนี้ควรเป็นสิ่งที่เป็นปรกติ 2 ความพยายามที่จะทำบริการสาธารณะ..มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น..เป็นเรื่องที่ไม่ปรกติ --ทำให้นึกได้เหตุผลเดี่ยว..อย่างรวดเร็วว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์(ของตน ของพวกพ้อง) --เป็นเหตุผลที่คนแถวนี้ไม่ต้องหาเหตุผล .................................................... ว่าแต่ว่า..ทำไมไม่ใช้ linuxละ..ส่งแผ่นให้ฟรีๆเอาใหม ;)
การไฟฟ้าเนี่ย จำเป็นต้องมีเครือข่ายความเร็วสูง เพราะต่อไปเราจะโทรศัพท์และเล่นเนตผ่านสายไฟตามมาตรฐาน HomePlug
เรื่องการไฟฟ้าเท่าที่รู้คือในส่วนของกฟผ. ซึ่งเค้ามีเครือข่ายของสายไฟฟ้าแรงสูงโยงไปทั่วประเทศ แล้วสิ่งที่โยงไปกับสายไฟฟ้าแรงสูงคือสายไฟเบอร์ครับ ซึ่งอยู่ในสายเส้นเดียวกับสายไฟเลย เท่ากับว่าตอนนี้กฟผ.มีเครือข่ายระดับ backbone อยู่ในมือ แต่ยังไม่สามารถดำเนินการอะไรเพื่อให้เกิดประโยชน์ได้ ซึ่งได้ยินมาว่าพยายามดำเนินการขออนุญาตนานแล้ว
คาดว่าต่อไปประเทศจะมีต้นทุนการสื่อสารระดับ wan ที่ถูกลง เพราะมีเครือข่ายของ กฟผ. เป็นทางเลือก ซึ่งต้นทุนของกฟผ.ถือว่าถูกมากๆ เพราะมันรวมไปกับต้นทุนสายไฟฟ้าแรงสูงไปแล้ว
ส่วนในด้าน กฟภ. นี่ยังไม่ทราบว่าลักษณะโครงข่ายจะเป็นอย่างไร
--
--
กฟภ. นี่คือสายไฟโดยตรงเลยครับ ใช้ทำพวก HomePlug ได้ อาจจะต้องปรับตู้กับทำจุดส่งข้อมูลข้ามหม้อแปลงบ้าง แต่คงไม่เท่าใหร่ ------ LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
ก็หลายมุมมองฮะไม่มีถูกที่สุดแล้วก็ผิดที่สุด สำหรับผม ผมเห็นรอบ ๆ ตัวว่าถ้าค่าโทรแพงขึ้นธุรกิจเยอะแยะที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์มือถือก็ยิ่งปั่นป่วนกันไปใหญ่ เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะได้เริ่มก็ไม่ได้เริ่ม ส่วนตัวค่าโทรแพงขึ้นหรือถูกลงผมก็ใช้เท่าเดิม คือใช้เท่าที่จำเป็นอยู่แล้ว ท่านอื่นมีแนวคิดอย่างไรก็แชร์ ๆ กันบ้างนะครับ
เห็นใจคนอยุ่ไกลๆกันหน่อยเหอะ - -* ไม่่อยากจะใช้นักหรอกโทรศัพท์ แต่ไม่มีตังค์นั่งเครื่องบินไปหา
ได้ยินมาว่าคนๆ นี้ไม่สนับสนุน 3G ด้วย เหตุผลคือ มันไม่พอเพียง ---------- iPAtS
iPAtS
จริงๆ แล้วมันมีปัญหาเรื่อง กทช. ไม่กล้าตัดสินใจเรื่อง 3G license :P เรื่อง รมต. ผมไม่รู้แฮะ
คนละประเด็นครับ กทช. ออกไลเซนส์ 3G ไม่ได้ เพราะติดว่า กสช. ไม่เกิด
เรื่อง รมต. นี่คืออยู่ดีๆ สิทธิชัยก็ออกมาแสดงวิสัยทัศน์ว่า 3G ไม่น่าจะเกิด แล้วดันวิสัยทัศน์ตัวเองเป็นนโยบายไม่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อลงทุนกันมากกับ 3G ------ LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
ผมว่าหลายคนเข้าใจเจตนาของคำว่าพอเพียงผิดไปเยอะนะครับ
เหนด้วยกะคุณ mega7
อีกอย่าง ถ้าเท่าที่มีอยู่ตอนนี้มันใช้งานกันได้ ok แล้ว ก็ไม่เหนมีเหตุผลที่จะต้องรีบขยับไป 3g นิคับ? การพัฒนาทางเทคโนโลยี มันก็จำเป็น อันนี้เห็นด้วย แต่ว่าเงินมันก็ไม่ใช่น้อยๆ ถ้าลองคิดๆ ดูแล้วการลงทุนททางอื่น อาจจะช่วยประเทศพัฒนามากขึ้นกว่าก็ได้ อย่างเช่นการศึกษาในต่างจังหวัด?
ป.ล. พูดรวมๆ ไม่ได้พูดถึงคุณคนนี้น่ะนะ ไม่เหนด้วยกะไอเพิ่มค่าโทรศัพท์นี่เหมือนกัน
ได้ทีขี่แพะไล่กันไป
ได้อารมณ์ประมาณอ่านเว็บสีเหลืองๆ :P
กำแท้ๆ การสื่อสารแพง ต้นทุนธุรกิจสูงขึ้น ค่าครองชีพก็สูงขึ้นตามนะสิ แบบนี้เรียกว่าช่วย? เรื่องอินเตอร์เน็ตของการไฟฟ้า หลายคนรอใช้มาเป็นปีแล้วเรื่องยังไม่คืบหน้าเลย = ="
----------- http://arthuran.net
รมต.กบในกะลา
ครม.ชุดนี้มีทีเด็ดเยอะจริงๆ
นายกฯ ปูผ้ากราบโจร รมต. อื่นๆก็มีทีเด็ดทั้งนั้น
ใจเย็น ๆ หน่อยก็ดีนะครับ ^^'
ถ้าจะด่าอยากฟังเหตุผลมากกว่าอารมณ์นะครับ อ่านมาหลายทีเบื่อมากด้วยจนไม่อยากเลื่อนมาอ่านคอมเมนต์เลยด้วย หลายทีแล้ว
ผมไม่แน่ใจว่ายังไงคือเหตุผลนะครับ แต่ถ้าเป็นเรื่องโทรศัพท์
ผมเขียนในข่าวตามที่สิทธิชัยแสดงความเห็นครับ ผมมองว่าการพูดแบบนี้แล้วโดนประชาชนด่า ถ้าเป็นการเข้าใจผิดจริง สิทธิชัยเองต้องออกมาอธิบาย แต่ถ้าไม่ได้เข้าใจผิด โดนด่าแบบนี้ก็สมควรดีอยู่แล้ว
------ LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
OpenLetter อีกสิครับ
ล่อแหลมครับ ประเด็นนี้
ส่วนตัวคิดว่าวิธีแก้ปัญหาเรื่องค่าใช่จ่ายระดับรากหญ้า เห็นด้วยกับคุณ wanchana ที่ให้ปลูกฝังการออมเงินมากกว่า เพิ่มค่าโทรฯ ดูจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และไม่ตรงจุดนัก อีกอย่างการแสดงวิศัยทัศน์ลักษณะนี้ ดูเหมือนมีผลประโยชน์แอบแฝงยังไงไม่รู้
ผมว่าอย่าเก่งแต่ปากเลยครับ ที่ไปบอกให้เค้าลาออก ถ้าใครมีความเห็นไม่ตรงกับคุณนี่ผิดหมดเลยหรือครับ ไม่ใช่นึกจะว่าใครก็ว่าได้ เสนอแนวทางแก้ไขสิครับ มีแต่อคติ ในการเขียนข่าว แย่มาก
งั้นแทนที่จะออกมาโวยวายว่า "เก่งแต่ปาก" "อคติในการเขียนข่าว" ทำไมไม่อธิบายมาล่ะครับ ว่าทำไมไม่ควรจะให้ลาออก
ผมมองว่าถึงจะราคาแพงขึ้น คนมันก็ยังใช้กันอยู่ดี คนที่จนอยู่แล้วก็จนขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นมันไม่ใช่การแก้ปัญหา
News Submission Guideline
$0.02
มีคนจัดการให้แล้ว (จริงๆ หน้าที่ผม) ขอบคุณครับ
ผมกำลังจะเข้ามาจัดการเลย มีคนตัดหน้าไปแล้ว
onedd.net
ต้นทุนการทำงานของผมก็เพิ่มมากขึ้นด้วย แน่นอนครับ ตอนนี้ผมใช้การโทรศัพท์ สั่งงานลูกน้อง ถ้า ค่าโทรแพงขึ้น เช่นเหมือนเดิมคือ นาทีีละ 5 บาท วันนึงผมลองคำนวณคร่าว ๆ คือ สั่งลูกน้อง 15 นาที ครั้ง วันนึง ทำงาน 8 ชม. = 8 x 60 = 480 นาที หารด้วยเวลาประมาณ 15นาทีต่อ 1 ครั้ง เพราะต้องคอยเช็คตลอด 480/15 = 32 ครั้ง คูณด้วย 5 บาท = 160 บาทต่อวัน คือตุ้นทุนการติดต่อสื่อสารนะครับ x 30 วัน = 4800 บาท นี่คือ ตุ้นทุนที่ต่ำสุดของผมนะเนี่ย
แล้วรัฐมนตรีน่าจะใช้การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุมากกว่าปลายเหตุนะครับ การแก้ปัญหาอย่างงี้ จะทำให้ ้เกิดผลกระทบตามมาอย่างมหาศาล แทนที่จะไปสอนคนให้รู้ัจัการวางแผนทางการเงินจะดีกว่าครับ ทำไมไม่ไปส่งเสริมตรงนี้จะดีกว่า การศึกษาน่ะ สงเสริมไปบ้างเถอะ จะปล่อยให้คนอยู่แต่ในกะลาเหรอครับ ทุกอย่างมีผลดีและผลเสียนะครับ ต้องเป็นจดหมายเปิดผนึกดีกว่ามั้ง
ร้ายกาจจริงๆ รมต คนนี้
คราวที่แล้วก็มาพูดให้ร้าย Opensource แล้วก็แก้ตัวด้วยท่าทีที่ว่า ตัวเองรู้ไม่ดีพอ "เขา"จะแก้ตัวว่าอย่างไร ต้องดูกันต่อไป
เบื่อพวกที่ชอบแก้ปัญหาที่ปลายเหตุจริงๆเลย ใช้ปัญญาส่วนไหนคิดเนี่ย
แก้ปัญหาไม่ตรงจุดอ่ะ...
ยังงี้ถ้าจะแก้ปัญหาเรื่องคนจนเล่นหวย ก็ขึ้นราคาค่าหวยซะ เป็นเลขละ 1000 บาทไปเลย คนจนจะได้ไม่เล่น (งั้นหรือ?)
ผมมองว่าน่าจะรณรงค์ให้ประชาชนรู้จักออมกันมากกว่า จำได้ว่าสมัยก่อน คำขวัญวันเด็ก จะมี ออม ออม ออม แล้วก็ออม เสมอ แต่หลังๆ นี่รู้สึกจะหายไปแล้วนะครับ โฆษณาตามทีวีก็ไม่ค่อยจะเห็นส่งเสริมการออมซักเท่าไหร่ เห็นแต่กู้ เครดิต เงินด่วน ฯลฯ
มีนะครับ
ใช้ 1 ส่วน ออม 3 ส่วนไงครับ
ของใครหว่า
onedd.net
หากค่าโทรศัพท์แพงขึ้น หุ้นการสื่อสารก็จะขึ้นตาม เพราะจะมีกำไรในผลประกอบการเพิ่มขึ้น (ค่าใช้จ่ายแทบจะคงที่)
ลองตรวจสอบดูว่ามีเครือข่าย เครือญาติ ของท่านถือหุ้นการสื่อสารประเภทไหนอยู่บ้างหรือเปล่า
ผมแค่สงสัยเท่านั้น ...
สวนกระแสโลกจัง ผมไม่ได้นิยมนอก(ใจไทยแท้) แต่ไม่อยากให้ประเทศเราแข่งขันกับประเทศอื่นไม่ได้ อย่างนี้คงไม่ต้องหวัง VoIP? .. คิดๆก็เศร้านะ ผมเห็นหลายๆโครงการที่จะทำให้คนต่างจังหวัดสื่อสารกันได้ถูกลง(แม้กระทั่งทำชุมสายท้องถื่น)ผมว่าถ้าใช้เทคโนโลยีเป็นจะเป็นช่องทางเปิดโอกาสให้เกษตรกรมากกว่านะ (แค่ความเห็นส่วนตัวนะ) :) ---------------- http://www.ThaiBuddy.com ฟรี T<->E dictionary แค่ชี้ mouse
เป็นอะไรของเฮีย
ขึ้นน้ำมันลิตรละ 70 บาท...เพื่อลดปัญหาเด็กแว้น จะได้ไม่มีเงินเติมน้ำมัน ขึ้นราคามือถือ...เพื่อลดปัญหาคลิปลามก คงสนุกดีนะ
ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่า ใครคิดยังไง แต่ประเด็นมันอยู่ที่ ตรรกะ "โง่ๆ" ของ รมต. คนนี้ คุณอย่าลืมซิว่าตามตำบล หมู่บ้านส่วนใหญ่ ไม่มีสายโทรศัพย์นะครับ
เด่วก็ได้เป็นข่าวดังทั่วโลกอีกครั้ง แน่นอน
อยู่ได้อีกไม่นานหรอกครับมีวิสั้นแบบนี้
ค่าไฟบ้านผมก็แพงนะครับ ยิ่งใช้มากยิ่งแพงขึ้นแบบก้าวกระโดด เค้าก็เอาราคามาขู่เหมือนกันจะได้ประหยัด
ไฟฟ้าก็เป็นสิ่งที่จำเป็นในชีวิตเหมือนกับโทรศัพท์
ถามว่าใช้ราคามาบีบอย่างเดียวหรือเปล่า เปล่านะ ผมเห็นรัฐบาลหรือหน่วยงานภาครัฐก็ออกแคมเปญมารณรงค์ให้ประหยัดเหมือนกัน
ถามอีกว่ามันได้ผลหรือเปล่า ผมบอกว่าได้บ้างไม่ได้บ้างอยู่ที่จิตสำนึก
ถามว่าทำอย่างนี้ถูกต้องไหม ผมว่าไม่ได้เลวร้ายนะ เอาจริงๆ ไม่เห็นมีใครมาด่าให้ใครต้องลาออก
ถามว่าผมเห็นด้วยไหม ผมก็ไม่เห็นด้วยหรอก ใครจะอยากจ่ายค่าไฟแพงๆ
ถามกลับกันว่าถ้าเป็นค่าบริการโทรศัพท์มือถือละ ถ้าเล่นมุกเดียวกันพอไหวไหม ไม่รู้แหะ คงต้องดูแผนการดำเนินการก่อนถึงจะตอบได้ ถ้ามีแผนดีให้ใช้อย่างพอเพียงก็น่าจะโอเคนะ หรือไม่แน่ มันอาจจะไม่เวิร์คเลยก็ได้
แต่ที่แน่ๆ ผมคงไม่ออกมาด่า มาไล่ให้ใครลาออกด้วยคำพูดประโยคเดียวหรอก ผมว่ามันก็ตรรกะสิ้นคิดพอๆ กัน
เฮ้อ ประเทศไทย
คำพูดประโยคเดียวเนี่ย ไม่น่าโดนไล่หรอก ใครๆ ก็เคยพูดโง่ๆ กันได้
แต่ "นโยบายโง่ๆ" แค่นโยบายเดียว ผมว่าสมควรเกินพอ
มือถือกับไฟฟ้ามันคนละเรื่อง ถามว่าถ้าน้ำมันมันลิตรละสองบาท หรือพรุ่งนี้มีบริษัทผลิตเครื่อง Cold Fusion ได้ ทุกประเทศก็อยากให้ใช้ไฟฟ้ากันเยอะๆ ทั้งนั้นล่ะ เพราะมันกระตุ้นเศรษฐกิจ และยังเป็นสาธารณนูปโภคพื้นฐานที่รัฐ (ที่ดี) อยากให้ประชาชนได้มีใช้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ปัญหาคือน้ำมันมันแพง และเราต้องนำเข้าเราเลยต้องประหยัด
แต่กับมือถือเนี่ย มันแพงที่ต้นทุนก้อนแรก ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการดำเนินการถือว่าถูกมากต่างกับพลังงาน ลงทุนแต่ละครั้งทำให้ประชาชนได้เข้าถึงสาธารนูปโภคเหล่านี้โดยค่าใช้จ่ายตามมามันต่ำ จะให้มันแพงขึ้นมาเพื่ออะไร? กลัวประชาชนได้คุยกัน?
ผมไม่รู้ว่าคุณจะไปพูดเรื่องว่าแผนดีไม่ดีอะไรของคุณไปทำไม มันไม่ใช่เรื่องแผนดำเนินการดีไม่ดี แต่มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำแต่แรก ------ LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
ผมบอกแล้วไงว่าไม่รู้ อาจจะดีหรือไม่ดีก็ได้ อยู่่ที่แผน อาจจะทำออกมาแล้ว win-win ทั้งสองฝ่ายก็ได้ ผมไม่ได้เห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้ขวาจัดว่ามันไม่สมควรทำ ห้ามทำ ทำแล้วโง่ ผมเชื่อว่ามันน่าจะจับไปทำวิจัย ศึกษาดูความเป็นไปได้ก่อนจะโวยวาย
ประเทศไทยนะครับ ไม่ใช่ประเทศในอุดมคติ ไม่ใช่ประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่มีการศึกษาสูงๆ นโยบายแกมบังคับอย่างนี้พบเห็นได้ในประเทศด้อยพัฒนาและกำลังพัฒนา ถ้าทุกบ้านสอนลูกออกมาได้ดีเท่าบ้านคุณ lew ก็ว่าไปอย่าง
ย้ำอีกครั้งว่า ไม่มีประโยคใดในความคิดเห็นผมที่บอกว่าเห็นด้วยกับ รมต. และผมก็ไม่ได้เห็นด้วยกับ รมต. แค่ไม่ได้ปิดกั้นถ้าคิดอยากจะลองศึกษาดูความเป็นไปได้
มันเกินไปหน่อยกับตรรกะทุเรศที่จะไปไล่ให้เค้าออกเพราะเหตผลแค่นี้ โทษทีพอดีที่บ้านผมไม่ได้สอนให้ขวาจัด
DOME
0/ ยกมือสนับความเห็นคุณ deans4j
เห็นด้วยกับหลายท่านที่ใช้วิธีนี้แก้ปัญหาไม่ถูกจุด ท่านเป็นถึง รมว. ผมว่ามีสิทธิ์แต่งตั้งที่ปรึกษานะ หัดปรึกษาคนอื่นบ้างก่อนจะออกมาพูดอะไร เพราะพูดวันนี้ อีกห้านาทีคนอีกซีกโลกเค้าก็ได้ยินแล้ว รมว. ท่านนี้หลายเรื่องละ ก็คอยอยู่ว่าเมื่อไหร่ ท่านจะหัดมองอีกแง่บ้าง ในแง่มุมของท่านอาจจะถูก แต่ท่านเป็ม "ผู้บริหารบ้านเมือง" ไม่ใช่บริษัทฯ ของท่าน จะทำอะไรต้องนึกถึง "ประชาชน" บ้าง ไม่ใช่ นึกถึงแต่ "ใครบางคน"
นี่คือตัวอย่างคำพูดของ รมว.ท่านนี้ ซึ่งทั้งหมดเป็นการพูดในที่สาธารณะและปรากฎในข่าว... อับอายจริงๆ
"ด้านการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ คณะรัฐมนตรีได้ให้ความ เห็นชอบกฎหมายไปแล้ว และคิดว่า คงจะผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติเร็วๆ นี้ ส่วนอี-โซไซตี้ไม่เห็นความสำคัญ ขณะที่อี-บุ๊คไม่ชอบเท่าไร เพราะจะทำให้สายตาเสียเร็วขึ้นและให้ความรู้สึกไม่เหมือนอ่านหนังสือ"
"ในช่วงเวลา 5 ปี ข้างหน้าสิ่งที่จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้ คือ การขยายไฟเบอร์ออฟติกให้ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อให้จำนวนผู้ใช้บรอดแบนด์เพิ่มขึ้นในอัตรา 2 เท่าของทุกปี ในราคาที่ลดลง ส่วนระบบการสื่อสารจะต้องมีการลงทุน แต่ไม่ต้องมากเพื่อให้เป็นระบบที่คล้ายๆ กับ 3 จี ภายใน 5 ปี เพราะหลังจาก 5 ปี ต้องมีเทคโนโลยีใหม่เข้ามาแน่นอน"
"ส่วนด้านแอนิเมชันซิป้าทำอยู่แล้ว แต่ต้องยอมรับว่า ไม่รู้จะทำได้มากน้อยแค่ไหน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ขณะที่ซอฟต์แวร์เฮ้าได้สั่งให้ซิป้าส่งเสริมต่อไป สำหรับโอเพนซอร์สมองไม่เห็นประโยชน์เท่าไร" (ไทยรัฐ)
"With open source, there is no intellectual property. Anyone can use it and all your ideas become public domain. If nobody can make money from it, there will be no development and open source software quickly becomes outdated," (Bangkok Post)
รัฐมนตรีไอซีที "สิทธิชัย โภไคยอุดม" สั่ง "กสท โทรคมนาคม" บล็อกการเข้าถึงโปรแกรมแคมฟร็อกทั้งหมด โดยยอมรับว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ พร้อมขอโทษที่ทำให้ผู้ใช้ประโยชน์จากโปรแกรมแบบสร้างสรรค์เดือดร้อนไปด้วย (ประชาชาติธุรกิจ)
Speaking at the opening of the exhibition, the minister said that it was wrong of Thai people to admire modern technology, which was not developed by Thai people. "It is a fake development because the country is now getting worse as almost everything at the exhibition here is imported and nothing is made by Thais," he said. The minister stated that "Thai computers" should mean Thais producing component parts, not just assembling, and that they should also design the products. "It is sad that today we cannot find any Thai products. The technology show here provides foreigners an opportunity to take money from Thai people. To be truly proud, it should show technology that has been developed by Thais," the ICT Minister said. (Bangkok Post)
ไปไหนเป็นต้องสร้างประเด็นให้ "เมาท์กระจาย" สำหรับรัฐมนตรีไอซีที "สิทธิชัย โภไคยอุดม" 8 ก.พ.ที่ผ่านมา รัฐมนตรีก็รับเชิญเป็นประธานเปิดงานทั้งเช้าบ่ายคือ "โมบาย เอ็กซ์โป" ที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ และ "คอมเวิร์ล" ที่สยามพารากอน ก็เลยเปิดงานทั้ง 2 แห่งด้วยคำพูดเดียวกันว่าไม่ได้ภาคภูมิใจกับการจัดงานแบบนี้เลย เพราะมองไปทางไหนก็เห็นแต่สินค้าต่างประเทศ ทำให้เงินไหลออกไปต่างประเทศหมด แบบนี้คนจัดงานคงปลาบปลื้มกับคำพูดของรัฐมนตรีจนน้ำตาซึม (ประชาชาติธุรกิจ)
ขณะที่รัฐมนตรีไอซีที "สิทธิชัย โภไคยอุดม" ก็ยังทำหน้าที่ปล่อยข่าวว่า "เทมาเส็ก" ต้องการขายหุ้นชินคอร์ปทิ้งทั้งหมด ไม่ใช่แค่ชินแซทเท่านั้น แต่พอรุ่งขึ้นก็มาให้สัมภาษณ์ใหม่ว่าเป็นแค่ข่าวลือที่ได้ยินมา แถมยังบอกว่าการซื้อหุ้นคืนเป็นทางออกสุดท้าย แล้วก็ตบท้ายด้วยการเตือนนักลงทุนรายย่อยให้ระวังเกมปั่นหุ้น...เอ้า!ที่ผ่านมาใครละที่ออกมาปล่อยข่าวทุกวัน (ประชาชาติธุรกิจ)
ด้านนายสิทธิชัย โภไคยอุดม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที กล่าวว่า ที่ผ่านมาการจัดงานไอซีทีเอ็กซ์โปล้มเหลวมาโดยตลอด บริษัทผู้รับจัดงานต่างๆ ก็กลัวไม่กล้าเข้ามารับงาน เพราะผลตอบแทนต่างๆ ก็ไม่ได้ตามเป้า ครั้งนี้คาดว่าพื้นที่จัดงานคงจะเล็กลง ซึ่งจะดีกว่าจัดงานให้ใหญ่แต่คนเข้าร่วมงานน้อย ขณะเดียวกันก็จะเสริมการจัดแสดงเทคโนโลยีสำหรับ SMEs เพื่อตอบสนองเศรษฐกิจพอเพียงเข้ามาด้วย
"เดิมเป้าหมายในการจัดงานไอซีทีเอ็กซ์โปที่ต้องการไทยเป็นศูนย์กลางไอซีทีของภูมิภาค เป็นเป้าหมายที่มุ่งโฆษณาชวนเชื่อ แต่พอทำจริงก็มีปัญหาหมดเหมือนกับนโยบายอื่นๆ ไทยไม่มีทางเป็นศูนย์กลางไอซีทีได้เลยเพราะไม่สามารถผลิตเทคโนโลยีในด้านนี้ได้เองสักอย่าง นอกจากจะเป็นศูนย์กลางในการจัดแสดงงานนิทรรศการหรือสินค้าไอซีทีเท่านั้น ในครั้งนี้เราตั้งเป้าหมายให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงของการพัฒนาไอซีทีในประเทศไทย เพื่อให้ได้ประโยชน์ อย่างน้อยที่สุดคือให้ประชาชนได้รับความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีไอซีทีอย่างเต็มที่ เช่น โทรศัพท์มือถือในระบบ 3 จี แตกต่างจากการให้บริการแบบ 2.5 จี ขณะนี้อย่างไรบ้าง แล้ว 4 จี จะเกิดขึ้นได้เมื่อไร ก็คิดว่าน่าจะมีบริษัทสนใจเข้ามาจัดแสดงในเรื่องต่างๆ เหล่านี้ คือทำให้เป้าหมายติดดินมากขึ้น" นายสิทธิชัยกล่าว
โดยนายสิทธิชัยกล่าวว่า ขณะนี้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) อยู่ระหว่างการพิจารณาเสนอแก้กฎหมายหน่วยงานองค์กรอิสระ โดยเฉพาะคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ไม่ให้มีอำนาจอย่างเสรีและมหาศาลเช่นปัจจุบัน เพื่อป้องกันไม่ให้หน่วยงานนี้กลายเป็นหน่วยงานอิสระที่รัฐบาลชุดต่อไปหรือนักการเมืองเข้ามาตักตวงผลประโยชน์ ได้ง่ายขึ้น
ขณะเดียวกันควรจะให้อำนาจการทำงานของ กทช. อย่างชัดเจนและเด็ดขาด เพราะปัจจุบัน กทช.ไม่กล้าวินิจฉัยหรือตัดสินกรณีข้อพิพาทใดๆ ทำให้เกิดการชะงักงันในธุรกิจโทรคมนาคม “ส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของ กทช.บางอย่าง เช่น กรณีที่ กทช.ได้ออกใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม ประเภทที่ 3 แบบมีโครงข่ายเป็นของตัวเอง ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้าส่วน ภูมิภาค (กฟภ.) ไม่รู้จะประเคนใบอนุญาตให้ ทำไม เพราะ กฟผ. และ กฟภ. คงไม่หันมาเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคม ถือว่าไม่ถูกต้อง และไม่เป็นธรรมต่อทีโอทีและกสท”
นายสิทธิชัยยังกล่าวด้วยว่า ต้องการให้ ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือปรับขึ้นราคา เพราะการแข่งกันลดราคานั้น ทำให้ประชาชนใช้โทร-ศัพท์กันเป็นจำนวนมาก รวมทั้งคนในพื้นที่ยากจน เช่น ชาวนา ชาวไร่ ซึ่งคนพวกนี้มีรายได้ ไม่พอเพียงอยู่แล้ว แต่ละปียังต้องเสียค่าใช้จ่ายโทรศัพท์จากการโฆษณาและราคาที่เชิญชวน
ส่วนเรื่องนโยบายการประกอบกิจการของคนต่างด้าวนั้น ไม่อยากให้ไปเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ไม่จำเป็นว่าประเทศอื่นเปิดกว้างการลงทุนแล้วไทยต้องทำตาม เพราะไทยจะดำเนินนโยบายเช่นนี้ก็ไม่ได้หนักหัวกบาลใคร
อ่านดีๆจะรู้ว่าท่าน รมว.ปากไวขนาดไหน เรียกว่าเร็วกว่าความคิดหลายเท่าทีเดียวครับ
Enjoy the dark age...
เอาเป็นว่า ที่หลังเาลาเขียนข่าวความเหนส่วนตัว ให้พิมพ์ใหม่ไว้ในCommentละกีนครับ^_^
เอาเจ้าคุณปู่ มาเป็นรมต. ก็คงได้เท่านี้กระมังครับ
Homeplug RJ-45 ถอดเข้า ถอดออกก็ยังไม่น่ากลัว เจอ 220v น่ากลัว เกิดพลาด ซ็อตแน่ๆ
มันก็ไม่ได้น่ากลัวไปกว่าโทรทัศน์ พัดลม หม้อหุงข้าว กาต้มน้ำ ฯลฯ ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้หรอกครับ
อ่านๆ ดูผมคิดว่าหลายๆ ความเห็นไม่ได้อ่านเรื่องการเขียนข่าวในนี้นะ (อันนี้ไม่แน่ใจ ถ้าอ่านและรับทราบแล้ว ผมก็ถือว่ายอมรับในการแสดงความคิดเห็นแรงๆ นั้น)
อะมาที่ความเห็นของผมบ้าง ต้องมองว่าโทรศัพท์มือถือถือเป็นปัจจัยที่ x ของประชาชนไปหรือยัง ถ้าใช่ มันก็น่าจะเป็น logic ที่ผิด เพราะในเมื่อมันขาดไม่ได้แล้ว แต่ดันไปขึ้นราคามันก็เหมือนเตะหมูเข้าปากสุนัขทันทีเหมือนกัน แต่ถ้าตราบใดที่มันยังไม่เป็นปัจจัยที่ x ของประชาชน การที่ทำให้มันราคาแพงก็อาจจะเป็นตัวช่วยลดความฟุ่มเฟือยในการใช้งานได้ นั่นก็หมายถึงมันอาจจะช่วยเพิ่ม QOS โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มก็ได้ (ก็คนใช้น้อยลง คนที่ใช้อยู่ก็น่าจะได้คุณภาพที่ดีขึ้นจากการจราจรที่แออัดน้อยลง) แต่ผลกระทบถ้าไม่มีการลงทุนไม่มีการใช้เงินมันจะมีปัญหาต่อเศรษฐกิจหรือเปล่าอันนี้ไม่ทราบ
พอเพียงของคนแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน ท่าน รมต. เห็นว่าโทรน้อยลงโทรเท่าที่จำเป็นมันพอเพียง ผมก็ว่าใช่ บางคนอาจจะเห็นว่าก็ค่าโทรมันก็ควรจะพอเพียงด้วย จะเอากำไรอะไรหนักหนา อันนี้มันก็ใช่อีกแหละ
หลุดไปเรื่องใบอนุญาตของหน่วยงานไฟฟ้าหน่อย ผมไม่แน่ใจนะว่าใบอนุญาตนี้เอาไปทำการค้าขายภายนอกหรือเปล่า ถ้ามันทำเพื่อให้ใช้ในองค์กรได้อย่างไม่ผิดกฎหมายก็ทำไปเถอะครับ แต่ถ้ามันอาจจะเอามาใช้ข้างนอกด้วย และมีทีท่าว่าหน่วยงานไฟฟ้าจะถูกนำไปโยนในตลาดหลักทรัพย์ อันนี้ผมเริ่มจะไม่เห็นด้วยนะ
ผมว่านะ.. การไฟฟ้ามีโครงข่ายอยู่ทั่วถึงกว่าทศท. เค้าก็อาจจะให้ทศท.เช่าโครงข่ายเค้าก็ได้ ใครจะไปรู้
ถ้าอย่างนี้แล้ว ก็ไม่เห็นว่าการไฟฟ้าจะเอาเปรียบตรงไหน (ตามที่สิทธิชัยกล่าว) แถมเป็นการเอื้อประโยชน์กันอีก
---------- iPAtS
iPAtS
ต่อให้ขายคนอื่นๆ ผมก็ไม่เห็นว่าจะเกี่ยวอะไรกับเข้าตลาดหุ้นนะ
แค่จากที่ต่างจังหวัดมีแต่ TOT กับ TT&T ก็มี กฟภ. มาอีกราย ดีออก บริษัทใหญ่ๆ อาจจะเช่า leaseline จาก กฟผ. ได้ถูกลงเพราะตอนนี้มีแค่ TOT กับ CAT ต่างจังหวัดจะเข้าถึงเน็ตได้ดีขึ้น บริษัทใหญ่ๆ จะกล้าออกไปตั้งสำนักงานนอกเมืองกันมากขึ้น เป็นผลดีโดยรวม
เข้าตลาดหุ้นหรือไม่เป็นนอกประเด็นโทรคมอ่ะครับ ------ LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
หุหุ มั่นใจว่า ถ้าแกอยู่ในตำแหน่งต่อ ต้องปล่อยมุกฮาๆ ออกมาอีกเรื่อยๆ
แต่ถ้าแกทำตามมุก มันจะฮาไม่ออกนะซี่ครับ
เข้าใจว่า รมต ท่านนี้จะอินกับโฆษณา เก็บไว้คิดถึงกัน~ ของดีแทคครับ
@iannnnn
ผมเห็นด้วยกับคุณ lew นะ
ถ้าไม่เข้าใจโลกสมัยใหม่ ก็ลาออกไปเถอะครับ
ควรจะออกเพราะไม่มีวิสัยทรรศมากกว่า ไม่ใช่แค่เรื่องนี้เท่านั้นหรอกนะ หมายถึงทุก ๆ เรื่อง ถ้าไม่มีความสามารถก็ออกไปเถอะ เปิดโอกาศให้คนอื่น เปิดโอกาสให้ประเทศชาติบ้าง
OpenSource ก็ไม่ดี ... ค่าโทรศัพท์ก็แพงขึ้นอีกนิด. เดียวคนไม่มีตังจะใช้ได้ T_T อนาคต เราคงต้องกลับไปส่งโทรเลขละ -พ่อตังหมดโอนให้ด้วย- จะยาวไปไหมเนี้ย คิดตัวละหลายตัง.. ถ้าอยากให้คนมีตังก็ ไปควบคุมอย่างอื่นดีกว่า พวก Cashๆ ทั้งหลายแหล่ กู้ง่าย(น่าจะได้เร็วกว่ากดจากตู้ ATM อีกมั้ง) คืนทีคิดหนัก-*- ไม่เห็นมีใครไปดูแลตรงนี้เยย ไม่รู้จะเขียน อะไร เคลียด จน นอนดีกว่า ประหยัดดี*0*
แวะเอาระเบิดมาหย่อน ถึงคุณสิทธิชัย จาก observer.com
อ่านสัมภาษณ์แล้วรู้สึกชอบรมต.คนนี้ที่ใจ "นักเลง" ดีแฮะ แต่คิดไปคิดมาหลายๆ อย่าง ชักไม่เข้าท่า
สงสัยต้องให้กลับไปปลุกปั้นม.มหานครอย่างเดิม จะดีที่สุด blog
โอ้ มาย จ๊อดดด!
วิธีจัดการกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีคือ 1.) ปรับตัวเพื่มพัฒนาความสามารถตัวเองและเลือกใช้มันเป็น "เครื่องมือ" สำหรับการดำรงชีวิตให้ 2.) ไม่สนใจ ไม่นำมันมาใช้ อาจจะคิดว่าเราอยู่ได้โดยไม่ต้องมีมัน
ผมแปลกใจถ้าท่านเลือกข้อ 2 ซ้ำยังจะใช้นโยบายหรือกระบวนการตีกรอบเพื่อให้คนอื่นคิดแบบเดียวกัน ต่างอะไรที่เราหลอกเด็กว่าตุ๊กแกจะมากินตับถ้ารองไห้เสียงดัง การปลุกฝังความคิดแบบนี้มันจะติดตัวเราไป กลายเป็นกรอบเล็กๆ ในจิตใจที่คอยขีดขั้นด้วยความกลัว ผิดธรรมชาติของมนุษย์ที่ผูกติดอยู่กับวิวัฒนาการ อะไรคือเหตุผล ถ้าเหตุผลคือไม่ต้องการให้คนในนะดับรากหญ้า (หรือรากแก้วก็แล้วแต่จะเรียก) ไม่เกิดการใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย เราควรจะให้ข้อมูลข่าวสารไม่ดีกว่าหรือ ผมมองว่าการใช้งานโทรศัทพ์มือถือมันเติบโตจนเกินจะเรียกว่าความโก้เก๋หรือแฟชั่นไปแล้วครับ ทุกวันนี้มันคือความจำเป็นอย่างนึงในการใช้ชีวิตสำหรับใครหลายๆ คน ปฏิเสธไม่ได้ครับว่านโยบายบางอย่างที่ไม่ได้คิดพิจารณาอย่างรอบครอบมันส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ในสังคม ถ้าการเพิ่มค่าโทรเพียงเพื่อให้คนไม่ค่อยอยากใช้คงมีคนจำนวนนึงที่ใช้งานน้อยลง (แต่จ่ายเท่าเดิม) กับคนอีกมากมายจ่ายแพงขึ้น (ทั้งๆที่ใช้งานเท่าเดิม)
ปรัชญา "เศรฐกิจแบบพอเพียง" ไม่ได้มีใจความมุ่งเน้นให้เราแอนตีเทคโนโลยีซะหน่อย เหมือนคำถามที่ว่าทำไมพอเพียงแล้วยังต้องสร้างเขื่อน? มันคือ "ความพอเพียงอย่างก้าวหน้า" ต่างหาก เราใช้เทคโนโลยีเข้ามาเพื่อให้เกิดความพอเพียงคือมีน้ำใช้พอเพียงในยามที่ขาดน้ำ อินเตอร์เนทก็เป็นเทคโนโลยีอีกอย่างที่ผมมองว่ามันทำให้เกิดความพอเพียงแบบก้าวหน้า มันทำให้เราได้รับข่าวสารที่รวดเร็ว พอเพียงสำหรับการดำเนินชีวิต ธรรมชาติไม่เคยให้อะไรที่ไม่จำเป็น นอกเสียจากเราไม่สามารถนำมันมาใช้ให้เกิดประโยชน์เองต่างหาก
ให้ความรู้เค้าดีกว่าครับ ให้เค้าฉลาดที่จะตัดสินใจเลือกใช้ หรือไม่ใช้มันเอง อย่าให้ลูกหลานเราอยู่ในโลกนี้โดยการล้อมคอก เพราะวันนึงถ้าเราหมดอายุขัยลง เค้าเหล่านั้นจะปรับตัวได้อย่างไรหล่ะครับ หากเค้าต้องเผชิญหน้ากับมันเพียงลำพัง..
ยาวมากๆ มึนๆ เห็นด้วยกับพี่ลิ่วมากครับ
ขำกับคุณ tina แต่ผมว่ามันก็จริง ถ้าเดือดร้อนเพราะมันแพง จะให้แพงให้เลิกใช้ตลกมาก ทำให้มันถูกซะสิ จะได้ไม่มีใครเดือดร้อน...
ไอ้นโยบายแบบนี้ ท่านก็น่าจะไปจับคนจนมาประหารให้หมด น่าจะได้ผลลัพธ์เดียวกัน แถมจะเร็วกว่าด้วย...
ไม่ได้เกลียดรัฐบาลชุดนี้นะครับ แต่รู้สึกว่าทำเกินกว่าเหตุไปมาก ทำเรื่องดีๆ ให้เกิดขึ้นบ้างเถอะครับ ประชาชนอุตสาห์เชียร์ไปซะเยอะในตอนแรก (ถึงจะเชียร์แบบผิดๆ ก็ตามที)
ทหารที่ควรจะแก้ปัญหาภาคใต้กลับมาเล่นการเมือง
รัฐมนตรีสายไอทีที่ควรจะพัฒนาการใช้เทคโนโลยีกลับมาหยุดมันซะเอง
โอ้ละหนอ put the wrong man to the wrong job.
เห็นคอมเม้นท์เริ่มคุ (แบบ slashdot) แถมให้ไปอ่านเล่นแล้วกันครับ ;) Logical Fallacy
มาแก้อากาศที่เชียงใหม่ก่อนเถอะ ข่าวบอกว่าดีขึ้นมาก ทำไมคนแถว ๆ บ้านผม (ในเมืองแท้ ๆ ) ยังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเหมือนเดิมตลอด บอกว่าใกล้ปกติแล้วได้ยังงัย หรือว่าปิดข่าวเพราะไม่อยากจะรับผิดชอบ? คน"อาจจะ"เริ่มป่วย-ล้มตายกันแล้ว ดันเอาเวลามานั่งเล่นการเมืองต่อไป
ไม่อยากจะแอนตี้รัฐบาลนี้หรอกนะ แต่คิดในทางกลับกันถ้าทักษิณยังอยู่เขาคงทำอะไรได้ดีกว่านี้แน่ ถึงแม่้จะโคตรโกงก็เถอะ คนเรา หานิสัยดีและวิสัยทัศน์ดีแทบไม่มี - -"
อยากรู้ถ้ามีซึนามิในประเทศไทยตอนนี้ รัฐบาลนี้จะทำอะไรได้บ้าง คงจะปิดข่าวแทบตายละมั้ง เก่งแต่คุมสื่อไม่ใช่้เหรอ - -"
@TonsTweetings
รมต. ผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีผู้ติดตามให้ความสนใจท่านเ็ป็นอย่างมาก กำลังก้าวเข้าสู้กระทู้ที่ร้อย
ใช่สิครับ แพงเท่าไหร่ท่านก็จ่ายไหวนี่ครับ
คนจะตายน่ะผมนะครับ
อันนี้เล่นๆ ขำๆ
onedd.net
ตัวชี้วัดหนึ่งของความเจริญทาง ICT ของประเทศคือต้นทุนของประชาชนในการใช้ ICT เมื่อวานดูรายการอะไรซักรายการหนึ่ง ก็มีการวิจารณ์เรื่องประมาณนี้ บอกว่าของไทย มีต้นทุนเรื่องอินเทอร์เน็ต 56k ที่ถูกมากๆ (ที่เคยใช้ประมาณชั่วโมงละ 2-3 บาท หรือเป็นเดือน คือเดือนละสองร้อยกว่าบาท) อีกอันที่เค้าว่าถูกคือ ต้นทุนการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ส่วนที่เห็นว่ายังล้าหลังคือค่าโทรทางไกลต่างประเทศ แพงกว่าหลายๆ ประเทศมาก (เข้าใจว่าดูจากราคา 001 เป็นหลัก)
ความคิดเห็นของผม เท่าที่เห็นการใช้งานโทรศัพท์ในต่างจังหวัด (แถวบ้านผม) ผมไม่คิดว่ามีการใช้งานฟุ่มเฟือยนะครับ แต่มีการใช้งานเยอะขึ้นจริง เครือข่ายก็ไปไกลขึ้น มีทางเลือกให้ใช้ได้หลายระบบขึ้น แทนที่จะเป็นระบบเดียวซึ่งก่อนนี้แพงกว่าเจ้าอื่นมาก ในแง่ของกระทรวง ICT น่าจะสนใจว่า ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการ ICT ได้ครอบคลุมแค่ไหน เช่น สามารถติดตั้งโทรศัพท์ประจำบ้านได้มากแค่ไหน (ปัญหาที่ผมพบคือ ขอโทรศัพท์นานมาก กว่าจะได้ พอได้แล้ว มีปัญหาบ่อย) โทรศัพท์สาธารณะ มีพอเพียง และเข้าถึงประชาชนทุกพื้นที่หรือไม่ และเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีเพียงพอหรือยัง
ดังนั้นเรื่องราคาค่าใช้จ่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ถ้าสูงขึ้นจะกลายเป็นกำแพงให้ประชาชนส่วนหนึ่ง ไม่สามารถเข้าถึงบริการนี้ได้ มันก็จะผิดไปจากวัตถุประสงค์ของกระทรวงนะครับ
--
--
จริงอยู่ครับ โทรฯ ตปท. มีเจ้าอื่นที่ถูกว่า แต่... ผมเคยใช้ 009 บอกตามตรงเลยครับ Skype ดีกว่าหลายเท่า...
อยากให้บริการพวกนี้ดีกว่านี้จัง บางครั้งมีความจำเป็นต้องใช้จะได้ตัดสินใจได้ง่ายกว่านี้
รัฐบาลนี้เข้ามาเพื่อริดรอนสิทธิของประชาชน ไม่เปิดโอกาสทางการศึกษา แล้วยังจะอ้างเรื่องศีลธรรมไปอีกทำไม วิสัยทัศน์เป็น 0 เตรียมเข้าโลงแบบนี้ อย่ามาเสนอตัวทำงานเพื่อประเทศชาติ
ตั้งแต่ คมช. ไปจนถึง รมต. รู้สึกจะมีแต่คนกลัว Globalization กันทั้งนั้น โลกหมุน ไปข้างหน้า แต่พวกตัวเองอยากทวนกระแสลาวาอันเชี่ยวกราก ถามจริงเถอะเงินหมดคลังหรือไงครับ เลยต้องมาหาเงินแบบนี้น่ะ ผมว่าทักษิณเขายังมีความสามารถในการหาเงินเข้าคลังมากกว่าพวกคุณอีกนะ
อยากปกครองคนหมู่มากได้ง่ายๆ ต้องให้พวกเขาโง่เข้าไว้ .. (ไม่ให้ใช้เทคโนโลยี ไม่ให้เรียนรู้เพิ่ม ให้กลัวความก้าวหน้า)
ริดรอนสิทธิการใช้มือถือ จะได้ไม่เกิดม๊อบมือถือแบบพฤษภาทมิฬ .. (หรือเปล่า แค่สงสัย)
โอ้โหย.. อ่านการต่อสู้ข้างบนแล้วไม่กล้าพิมพ์ไรเลย
บอกตรง ๆ สุดทน วันที่ 20 มีนา นัดรวมพลที่ท้องสนามหลวง
ตอนหัวค่ำนั่งรถเมล์ผ่านสนามหลวง เห็นคนเยอะแยะ นี่ไม่ใช่ว่าเขาไปรวมกันเรียบร้อยแล้วเรอะ หรือว่าแค่ไปรวมตัวกันชักว่าวกันเฉยๆ ? (เห็นมีร้านขายว่าวเพียบ)
เอากันเข้าไป
Blognone : Politech news thats worth
เราก็ศิษย์มีอาจารย์หนึ่งบ้าง เราผิดท่านประหารเราชอบ เราบ่ผิดท่านประหาร ดาบนั้นคืนสนอง ... (คุ้นมะ)
ใจเย็น ๆ นะครับ (อีกครั้ง)
นี่ผมว่าเค้าใจเย็นกันแล้วนะ ถ้าไม่ใจเย็นไม่เข้า blognone หรอก
ผมชอบนะข่าวแนวนี้ ขออีกๆ คนให้ความร่วมมือดี
หลายๆคนอยากให้บ้านเมืองสงบ ไม่อยากให้การเดินขบวนประท้วง ฯลฯ ถ้าอยากให้สงบ ก็อย่ามาราวีกันได้หรือเปล่า?
อยากใช้ถูกๆอ่ะ จะได้เอาตังที่เหลือไปออม หรือไปลงทุนอื่นๆ
น่าเห็นใจท่านสิทธิชัยเหมือนกัน ไปที่ไหนก็มีแต่คนด่า แต่งานนี้ผมขอชมครับ ชมว่าท่านทำให้ตัวเองโดนด่าเก่งมากๆ
-_-" มุกฮาจังครับ
ที่น่าเศร้าสำหรับผม(พึ่งรู้)เขมรแซงหน้าเราในการใช้ WiMax ไปแล้ว เศร้าจริงๆ เขมรให้บริการ WiMax แล้ว ปัญหาไม่ได้ที่ประเทศอื่น แต่ประเทศเราซิเมื่อไรจะเท่าเทียมหรือก้าวหน้ากว่าชาวบ้านน่า ---------------- http://www.ThaiBuddy.com ฟรี T<->E dictionary แค่ชี้ mouse
่เขมรต้องมี wimax เพราะ infra เขายังไม่พร้อมครับ กว่่าที่จะวางเครือข่ายสายได้ต้องใช้เวลานาน สู้ให้บริการผ่าน rf จะทำได้เริ่มได้เร็วกว่ามาก (เหมือนชาวเขาบนดอยไกลๆ บ้านเราเขาก็มีโทรศัพท์ผ่านดาวเทียวกันแล้ว) แล้วที่โน้น adsl เขาไม่ได้แพร่หลายมากๆ เหมือนไทยนะครับ มีคนใช้น้อยมากๆ อีกอย่าง wimax ที่เขาใช้เป็นแบบ fix นะ (ด้วยข้อจำกัดของผลิตภัณฑ์ของ Alvarion เองที่ต้องเจาะจงลูกค้าแต่ละรายไปที่แต่ละ sector ของ bts เลย) ไม่ใช้ทั้งแบบ nomadic หรือ mobile คือต้องใช้ผ่าน cpe ที่แปะไว้ที่ฝาบ้านเท่านั้น ไม่สามารถเดินไปเล่นไปได้
อ้อ อีกอย่าง 2.4 ghz ที่โน้นเป็น license band นะครับ ไม่ใช่ที่ใครๆ ก็ใช้ได้แบบในไทยหรือประเทศอื่น ผู้ให้บริการแต่ละเจ้าต้องขอ license ก่อนถึงจะใช้ได้เท่านั้น ซึ่งเท่ากับว่าแต่ละรายจะไช้ได้แค่ 1 ช่องสัญญาณเท่านั้น
รู้แบบนี้แล้วยังอิจฉาเขมรอยู่รึเปล่าครับ
อิจฉาน้อยลง แต่ก็หวั่นๆนะ(ถ้าเลิก fix) infrastructure แบบ WiMax น่ากลัวกว่าเราเยอะ(ถ้าถูก)+โทรศัพท์ WiMax อะไรมีประโยชน์กับคนไทยส่วนใหญ่ก็เอามาเถอะ โดยเฉพาะ VoIP ผมเชียร์นะ(เพราะการเสียรายไ้ด้ไปเลยไม่อนุญาติ?) มีหลายความคิดก็ขยายหัวคิดได้ดี :) วิธี Kerberos:อันนี้ก็เงียบๆไปนะ ;) ---------------- http://www.ThaiBuddy.com ฟรี T<->E dictionary แค่ชี้ mouse
ไม่หายอิจฉาอ่ะ บ้านเรา ADSL เข้าไม่ถึงก็เยอะไป บางที่ก็เข้าถึงเจ้าเดียว ถ้ามี WiMax ต่อให้แบบ Fix ผมว่ามันก็เพิ่มคู่แข่่งในตลาด ผู้บริโภคได้ผลประโยชน์อยู่ดีล่ะครับ ------ LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
ผมว่าเราอย่ามีความรู้สึกว่าเพื่อนบ้านด้อยกว่าเลยครับ เขมรมี Land line น้อยมาก แต่เขามี Land mine เยอะแยะเลย ดังนั้นใช้ WiMax ก็เหมาะสมดีแล้ว
สำหรับเมืองไทย หากส่วนราชการจะลดการออกข่าวประชาสัมพันธ์ตัวเอง แล้วหันมาทำงานกันเสียบ้าง บ้านเมืองจะเจริญกว่านี้ครับ
สำหรับผม ผมคิดว่าทุกชาติเหมือนกันครับ ผมถึงบอกว่าปัญหาอยู่ที่เรา ไม่ใช่เขา :) ที่ยกประเด็นขึ้นมาก็คือข่าวว่ามาเล เวียดนาม แต่นี้ใกล้ตัวมาก ;) ปัญหาคือเราจะยอมย่ำ่่อยู่กับที่จนไม่มีแรงก้าวต่อไป? ---------------- http://www.ThaiBuddy.com ฟรี T<->E dictionary แค่ชี้ mouse
กลไกของการใช้-จ่ายโทรศัพท์มือถือ ผมว่ามันสามารถดำเนินการได้อยู่แล้วนะ คนที่ใช้งานจะพยายามหาโปรโมชั่นที่เหมาะสมกับรายรับของตัวเองทั้งนั้นแหละ ทั้งเปลี่ยนเบอร์ ซื้อเบอร์เพิ่มเพื่อใช้โทรออกอย่างเดียว พอหมดโปรโมชั่นก็ทิ้ง ฯลฯ ส่วนใครที่เป็นหนี้ พอกหางหมู ก็จะโดนระงับสัญญาณ หรือขึ้นบัญชีดำไม่สามารถไปหาเบอร์มาใช้ได้อีก เป็นต้น ส่วนนี้ผมว่าคนที่มีรายได้น้อย ก็จะไม่สามารถใช้งานได้อยู่แล้ว
การขึ้นราคาเพื่อกีดกันการใช้งาน ผมว่าไม่น่าจะเป็นทางออกที่ดีครับ
รมต.คือคนที่คุมนโยบายของประเทศ อาจต้องคิดมากกว่าคนอื่นหลายสิบหลายร้อยเท่า ในการกล่าวอะไรแต่ละครั้ง เพราะมันหมายถึงการนำพาประเทศไปในทางที่ รมต.ต้องการ หากผิดพลาดมันไม่ใช่แค่ "ขอโทษ" แล้วจะกลับมาเป็นแบบเดิม เหมือนกลับรถนะครับ :-)
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อหาทางออกครับ
ปกป้อง | เฟสบุ๊ก | ทวิตเตอร์
อยากดูดาวพระศุกร์ HD
คิดงี้ ประเทศคงไม่ต้องมี VOIP
ท่านเป็นคนมีอารมณ์ขันจริงๆ
------------------------------------- i'm just a kid. theBLXG
ผมกลับคิดว่านี่เป็นสไตล์การทำงานของท่านนะ น่าทึ่งมาก ตรงตามหลัก
- ล่อซ้ายจู่โจมขวา - action เท่ากับ reaction - โยนหินถามทาง
ถ้าพูดออกมาแบบนี้แล้วไม่มีใครบ่น ก็น่าจะสรุปได้ว่าเห็นด้วย ถ้าไม่เห็นด้วยก็ต้องบอกกล่าวให้ชัดเจน เหมือนตอนโอเพนซอร์สเป๊ะเลย หน้าที่ของเจ้ากระทรวงคือผลักดันให้มีการทำงานตามนโยบาย แปลว่าไม่ควรทำเอง และทางที่ดีเอกชนควรเป็นผู้ทำทั้งหมด ถ้าจำเป็นต้องทำแล้วไม่มีใครทำค่อยเป็นหน้าที่ของรัฐ ถ้าแผนดีเอกชนก็หาเงินมาลงทุนได้อยู่แล้วไม่จำเป็นต้องพึ่งรัฐ แต่ถ้าแผนไม่ดีหาเงินยากจะขอทุนจากรัฐผมว่ามันก็ไม่เหมาะ ขึ้นกับความจำเป็นซะมากกว่า
พอโยนหินมาแบบนี้ ก็ต้องช่วยกันตะโกนบอกดังๆถูกแล้วใช่เปล่า?
ใช่แล้ว
ส่วนตัวคิดว่ามันยังดังไม่มากพอ ต้องนับพบยื่นหนังสืออีกซักฉบับ ว่าแต่คราวนี้องค์กรไหนควรจะอยู่แถวหน้าล่ะ
อะไร... คุ้มครองผู้บริโภคเข้าจะเอาด้วยปะ?
ข่าวนี้น่าตำหนิกว่าเยอะ ....
>>> http://www.manager.co.th/cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9500000030235
เหตุผลน่าจะมีน้ำหนักกว่านี้หน่อยนะ โทสับ มันจะเป็นปัจจัยไปอยู่แล้ว (อย่างผม เป็นไปแล้ว จำเป้นเลยก็ว่าได้) ขึ้นราคาเพราะ กลัวรากหญ้าใช้ หรือ กลัว TOT จะหาเงินมาให้ใช้ไม่ทันหรือไง
อ่อ ลืมไป เงินที่ทักษิณหามา ใช้หมดกันไปแล้วนี่เนอะ เลยต้องหาต่อ เดี๋ยวก็ต้องออก เพราะโดนไล่อยู่แล้ว หาเอาไว้ก่อนดีกว่า เอิ๊กๆๆ ^0^
เงินในคลังมันแทบจะหมดตั้งแต่ตอนทักษิณยังอยู่นะครับ เพราะ โรงสีที่รับจำนำข้าว ไม่ได้เงินมาตั้งแต่สมัยก่อนปฎิวัติแล้ว รัฐบาลเก่าเขาถลุงไปเยอะเพราะคิดจะระดมเงินคืนได้ จากการเอา กฟผ. เข้าตลาดหุ้นได้ แต่พอศาลตัดสิน ก็เจ๊งกันหมด
น่าเสียดายจริงๆ เราอุตส่าห์ได้รมต. ที่มาจากสาย IT แล้วแท้ๆ ..
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
ถ้าท่านคิดได้แบบนี้สงสัยปัญหา camfrog คงต้องแก้ด้วยการเพิ่มค่า Internet ให้แพงขึ้นละม้างครับเนี่ย คนระดับรากหญ้าจะได้ไม่มีปัญญามาเล่น camfrog เอาให้ ชม. ละ 100 ไปเลย สุดโต่งจริง ๆ สงสัยได้เป็นผลงานชิ้นยิ่งใหญ่ของท่าน รมต. แน่ ๆ
นี่คือเหตุผลว่าทำไม รมว.ท่านออกความคิดแบบนี้ (ข่าวจากไทยรัฐวันนี้ครับ)- เรื่องของเรื่องคือถ้าค่ามือถือถูกมากไป ลูกรัก TOT ก็จะเจ๊ง คงพยายามอุ้มแบบไอทีวีอีกละ - เบื่อจริงๆ
คนกระหน่ำใช้มือถือซื้อง่ายโทร.คล่อง ทีโอทีมึนตึ้บรายได้ลดฮวบ [19 มี.ค. 50 - 03:40]
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) ได้ส่งผลการดำเนินงานปี 49 ให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบบัญชีและผลการ ดำเนินงาน เพื่อให้ สตง.รับรองในฐานะผู้ตรวจสอบบัญชีของรัฐ โดยปี 49 ทีโอทีมีรายได้รวมทั้งสิ้น 57,707 ล้านบาท ลดลง 4,156.9 ล้านบาท เมื่อเทียบปี 48 มีรายได้ 61,863.9 ล้านบาท แต่ หากไม่รวมค่าสัมปทานและค่าเชื่อมโยงโครงข่ายโทรคมนาคม (แอ็กเซสชาร์จ) หรือเอซี โดยคิดเป็นรายได้จากการให้บริการของทีโอทีเท่านั้น มีรายได้ 29,076 ล้านบาท ลดลง 2,007 ล้านบาท เมื่อเทียบปี 48 มีรายได้ 31,083 ล้านบาท
ทั้งนี้ ทีโอทีมีรายได้หลักจากการให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน 16,430 ล้านบาท ลดลง 2,546 ล้านบาท เมื่อเทียบปี 48 มีรายได้ 18,976 ล้านบาท ขณะที่รายได้โทรศัพท์สาธารณะ 3,902 ล้านบาท ลดลง 1,496 ล้านบาท เทียบกับปี 48 มีรายได้ 5,396 ล้านบาท ส่วนการให้บริการด้านข้อมูลและ บริการมัลติมีเดีย 5,451 ล้านบาท ลดลง 87 ล้านบาท เมื่อเทียบปี 48 มีรายได้ 5,538 ล้านบาท สาเหตุที่รายได้ทีโอทีลดลง เป็นผลมาจากผู้บริโภคหันไป ใช้โทรศัพท์มือถือเพิ่มมากขึ้นเพราะราคาถูก ขณะที่ค่ายโทรศัพท์มือถือมีการแข่งขันทำโปรโมชั่นอย่าง ดุเดือด ปัจจุบันมียอดผู้ใช้โทรศัพท์มือถือสูงถึง 35 ล้านเลขหมาย ประกอบกับช่วงที่ผ่านมา ทีโอทีประสบปัญหาขาดผู้นำองค์กร มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร รวมถึงเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารด้วย ทำให้นโยบายบริหารงานและการบุกตลาดไม่มีความชัดเจน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ได้มีการตั้งข้อสังเกตว่าการที่นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ให้สัมภาษณ์ว่าหากทีโอทีไม่ยอมปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน นับจากนี้อีก 2 ปี ทีโอที จะประสบปัญหาขาดทุนปีละหมื่นล้านบาท อาจเป็นเพราะนายสิทธิชัยรับทราบ รายได้ของทีโอที ทำให้ต้องการจะเข้าไปช่วยเหลือทีโอทีให้กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจเหมือนเดิม
ล่าสุด นายสิทธิชัยกล่าวว่า จะพยายามผลักดันให้ทีโอที และ บมจ.กสท โทรคมนาคม กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจเหมือนเดิมและชื่อเดิม โดยทีโอทีเปลี่ยนชื่อเป็นองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย กสท เปลี่ยนเป็นการสื่อสาร แห่งประเทศไทย และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปลี่ยนเป็นการไปรษณีย์ แห่งประเทศไทย อีกทั้งยันยืนว่าไม่มีนโยบายนำทีโอทีและ กสท กระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะทั้ง 2 องค์กรเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความ มั่นคง จึงไม่เหมาะสมที่จะนำไปขายให้กับเอกชนหรือขายในตลาด และเชื่อว่า จะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน.
งั้นผมว่า ยุบไปเหอะ ทีโอที กะ กสท. นะ ไม่คิดจะปรับตัวสู้ชาวบ้านเขา หวังแต่จะเป็นบริษัทหากินกับเงินสัมปทานอย่างเีดียวแบบนี้ ประชาชนซวยตาย
ผมเห็นด้วยนะ น่าจะหาวิธียุบอย่างนิ่มนวล พยายามขาย ทรัพย์สิน หรือระบบอะไร ไป ให้ได้กำไรเยอะๆ หน่อย ถ้าจะเหลือ tot และ cat ก็น่าจะเหลือเฉพาะส่วนที่ทำ network ในป่าเขา :-P (ที่เอกชนไม่อยากทำ) เป้าหมายจะได้ชัดเจนไปเลย
tot กับ cat มันโตไม่ได้ ปรับตัวไม่ได้ เพราะ มันมี อดีตนายกเจ้าของ ธุรกิจ โทรคมนาคม บีบไม่ให้มันโตไง
ก็อาจจะเป็นอีกปัจจัยนึง แต่อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด ...
Admin ช่วย ทำโพล หน่อยได้ไหม ว่า พวกเราจ่ายค่ามือถือกันเกิน ยอดที่เราคิดว่าจะจ่ายกันในแต่ ละเดือน หรือไม่ ถ้าเกิน เกินไป กี่% 20%,30%,40%,50% หรือ เท่าตัว
คนรวย หรือ คนจน ก็คนเหมือนกัน ควรจะบริหารประเทศในลัษณะที่ให้สิทธิเท่าเทียมกัน อ้างอะไรไม่อ้าง อ้างเรื่องรวยจน ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง อ้างแบบนี้ก็เลวล่ะครับ
เข้าสู่กระทู้ที่สอง (ร้อย)