หลังงานเปิดตัว Samsung Galaxy S4 ผู้สืบทอดของสมาร์ทโฟนระดับเรือธงตระกูล Galaxy S ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาเป็นอย่างมากทั้งในแง่บวกและแง่ลบ
ในฐานะที่ผมมีโอกาสมาร่วมงานเปิดตัว Galaxy S4 ได้ลองจับของจริง และพูดคุยกับผู้บริหารของซัมซุงอยู่บ้าง ก็อยากวิเคราะห์-วิจารณ์ทิศทางและท่าทีของซัมซุงต่อการเปิดตัว S4 ครั้งนี้ด้วยครับ
ก่อนอื่นต้องแยกแยะว่า Galaxy S4 ไม่ได้เป็นเพียงแค่ฮาร์ดแวร์โทรศัพท์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ แต่มันกินความหมายครอบคลุม "แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์และบริการ" ที่ซัมซุงกำลังสร้างขึ้น รวมไปถึงยุทธศาสตร์ทางธุรกิจ-การตลาด-การแข่งขันของทั้งซัมซุง และอุตสาหกรรมไฮเทคในภาพรวมด้วย
ดังนั้นการวิเคราะห์-วิจารณ์ คงต้องแยกเป็นประเด็นๆ ไป ซึ่งมีทั้งประเด็นที่เชื่อมโยงและไม่เชื่อมโยงกับประเด็นอื่นนะครับ
สิ่งที่ซัมซุงถูกวิจารณ์มากที่สุดคงเป็น "หน้าตา" ของ Galaxy S4 ที่เหมือนกับ Galaxy S III มากจนแยกลำบาก ซึ่งทางผู้บริหารของซัมซุงก็ตอบโจทย์ว่าเป็นความจงใจที่อยากใช้ "แพลตฟอร์มการออกแบบ" ของ S III ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก
จากที่ผมลองไปสัมผัสเครื่องจริงมา หน้าตาเหมือนเดิม วัสดุดีขึ้น แต่ก็ยังไม่ถึงขั้น "หรูหรา" แบบเดียวกับ iPhone 5 หรือ HTC One อยู่ดี และนี่จะเป็นจุดอ่อนให้ซัมซุงถูกวิจารณ์ว่าเป็น "พลาสติกก๊อบแก๊บ" อยู่ต่อไป
ในแง่การตลาด คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคงเป็นผู้ซื้อ S4 บางกลุ่มที่รู้สึกว่า "ไม่ต่างอะไรกับ S III เลย" เวลาถือโชว์ไปมา (ซึ่งเราปฏิเสธไม่ได้ว่ามีผู้ใช้จำนวนหนึ่งที่เลือกโทรศัพท์ด้วยปัจจัยนี้) ทั้งๆ ที่ซื้อมือถือระดับเรือธงราคาแพง ประเด็นนี้แอปเปิลเข้าใจเป็นอย่างดี และเลี่ยงปัญหาเรื่อง "ความคาดหวัง" ว่ามือถือจะหน้าตาเปลี่ยนไปจากเดิมโดยตั้งชื่อรุ่นให้รู้สึกเสมือนเป็น minor change แทน
ถามว่าโดยส่วนตัวผิดหวังไหม ก็ตอบตามตรงว่าผิดหวังครับ แต่ถ้าถามว่าการออกแบบนี้มีผลอะไรกับยอดขายของ S4 หรือไม่ ผมประเมินว่าคงมีแหละ แต่ไม่น่าจะเยอะอย่างที่คาดกัน สุดท้ายแล้ว S4 น่าจะขายดีมากๆ ด้วยปัจจัยที่จะกล่าวถึงต่อไป
ถ้าดูตามสเปก ฮาร์ดแวร์ของ S4 พัฒนาขึ้นจาก S III เกือบทุกด้าน ซีพียูใหม่และเร็วขึ้น หน้าจอละเอียดและใหญ่ขึ้น (ภายใต้ขนาดเครื่องที่เล็กลงจากเดิมนิดหน่อย) แบตเตอรี่เยอะขึ้น กล้องความละเอียดขึ้น
แต่ทั้งหมดที่ว่ามา มันเป็น "วิวัฒนาการ" ที่เพิ่มขึ้นตามระยะเวลา และเป็นสิ่งที่ทุกคนคาดเดาได้ ในแง่ความน่าตื่นเต้นคงมีไม่เยอะนัก (ที่ผมว่าใหม่จริงๆ คือเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิและความชื้น ซึ่งก็คงไม่ใช่ประเด็นสำคัญอยู่ดี)
อย่างไรก็ตาม ถ้าดูพัฒนาการของวงการสมาร์ทโฟนในภาพรวม เราจะเห็นว่าฝั่งฮาร์ดแวร์เองก็ไม่มีอะไรใหม่แบบก้าวกระโดดเหมือนกับ 3-4 ปีก่อนหน้านี้แล้ว ถ้าเราย้อนไปดูสมาร์ทโฟนตลอด 5-6 ปีที่ผ่านมา อัตราของนวัตกรรมฝั่งฮาร์ดแวร์เติบโตเร็วมากอย่างน่าอัศจรรย์ จนไม่น่าจะเหลือที่ว่างให้กับนวัตกรรมด้านฮาร์ดแวร์อีกสักเท่าไรนัก
เมื่อเกือบหนึ่งปีก่อน ผมเขียนบทวิเคราะห์ Samsung Galaxy S III โดยใช้พาดหัวว่า เมื่อนวัตกรรมย้ายไปอยู่บนซอฟต์แวร์ ทิศทางนี้ยิ่งแจ่มชัดขึ้นใน Galaxy S4 ซึ่งประเด็นนี้จะกล่าวถึงต่อไปในหัวข้อเรื่องซอฟต์แวร์
ฟีเจอร์ด้านฮาร์ดแวร์อย่างเดียวที่ผมยังเห็นว่าพัฒนาต่อไปได้อีกพอสมควรคือ "กล้อง" ซึ่งในรอบ 1-2 ปีที่ผ่านมา เราเห็นตัวอย่างจาก Nokia 808 PureView และ Lumia 920 ว่าถ้าตั้งใจทำจริงๆ มันก็มีของเจ๋งๆ ออกมาให้ใช้กัน (ทั้ง iPhone 5 และ HTC One ก็พยายามบุกไปในทางนี้ด้วย เพียงแต่โนเกียทำได้เด่นกว่า) ในขณะที่ S4 แทบไม่มีนวัตกรรมเรื่องฮาร์ดแวร์กล้องเลย ถือเป็นประเด็นย่อยๆ ที่น่าผิดหวังอยู่บ้าง
งานเปิดตัว S4 เต็มไปด้วยการโชว์ฟีเจอร์ด้านซอฟต์แวร์ที่หลากหลาย ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าบางอย่างไม่ใช่ของใหม่ (เช่น S Voice Drive หรือ S Translate) และบางอย่างอาจใช้ประโยชน์จริงไม่ได้ (เช่น Smart Scroll)
ถ้าลองวิเคราะห์กันดู แรงจูงใจของซัมซุงกับเรื่องซอฟต์แวร์มีหลายประการ ดังนี้
1) สร้างระบบของตัวเองที่ไม่พึ่งพากูเกิล
สำหรับบริษัทใหญ่ขนาดซัมซุงที่ขายมือถือหลักร้อยล้านเครื่องต่อปี การที่ไม่สามารถควบคุมระบบปฏิบัติการได้เองถือเป็นจุดอ่อนสำคัญ (ดูตัวอย่าง Lumia สิครับว่าผลเป็นอย่างไร) ซัมซุงใช้ยุทธศาสตร์สองขาแก้ปัญหานี้ โดยทางหนึ่งไปซุ่มทำระบบปฏิบัติการเองเผื่อไว้ (Bada/Tizen) และอีกทางหนึ่งก็พยายามลดอิทธิพลหรือการพึ่งพากูเกิลลง
ยุทธศาสตร์ขาที่สองของซัมซุงเหมือนกับที่อเมซอนทำกับ Kindle Fire นั่นคือ "ขอยืม" เพียงแค่ระบบปฏิบัติการและแพลตฟอร์มแอพจากกูเกิล แต่สร้างบริการต่อยอดที่เหลือทั้งหมดด้วยตัวเอง การที่ซัมซุงหรืออเมซอนทำร้านขายเนื้อหาหรือแอพนำทางเอง แทนที่จะต้องผูกตัวกับ Play Store หรือ Google Maps จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก และ S4 ก็แสดงให้เห็นทิศทางนี้ที่ชัดเจนมากๆ
2) สร้างประสบการณ์การใช้งานสำเร็จรูป
แอพหลายตัวที่ซัมซุงโชว์ในงานแถลงข่าว คนอื่นทำกันมาเยอะแล้ว หาดาวน์โหลดได้ทั่วไปตามช่องทางดาวน์โหลดแอพบนแพลตฟอร์มต่างๆ
แต่ผู้อ่าน Blognone น่าจะทราบกันดีว่า ผู้ใช้สมาร์ทโฟนอีกจำนวนมาก "ไม่สนใจโหลดแอพ" ต่อให้เป็นแอพฟรีก็ตาม เนื่องจากเวลาในการศึกษาและเรียนรู้แอพถือเป็นต้นทุนที่ต้องจ่าย
ซัมซุงจึงใช้แนวทางเดียวกับแอปเปิลนั่นคือ "ผนวก" แอพที่คิดว่าจำเป็นมาให้เลยเสร็จสรรพ เพื่อหวังว่าจะสร้างประสบการณ์ใช้งานแบบสำเร็จรูป ชนิดว่าซื้อเครื่องมาเปิดครั้งแรกแล้วใช้ได้ทันที (ซึ่งจะใช้ดีจริงหรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ต้องถกกันต่อไป)
3) ซอฟต์แวร์มีส่วนช่วยต่อการตลาด
ฟีเจอร์หวือหวาบางตัวอย่าง Sound and Shot, Smart Scroll/Pause, Air View, Group Play อาจใช้งานไม่ได้จริง (ซึ่งต้องดูกันที่รีวิวละเอียดนะครับ) แต่ในแง่การตลาด การประชาสัมพันธ์ การนำไปโปรโมท มันมีพลังและช่วยสร้างความแตกต่างตอนโฆษณาได้มาก
อย่าลืมว่าซัมซุงเป็นบริษัทมือถือที่ใช้เม็ดเงินโฆษณามหาศาล (จน HTC ต้องออกมาบลัฟ ดังนั้นเมื่อซัมซุงพัฒนาซอฟต์แวร์หรือฟีเจอร์ต้องคำนึงถึง "ตอนขาย" นอกเหนือจาก "ตอนใช้" ด้วย (ยุทธศาสตร์นี้ดีหรือไม่ขึ้นกับว่า "ตอนใช้" มันเวิร์คจริงหรือเปล่า เพียงแต่มันอธิบายว่าซัมซุงคิดถึง "ตอนขาย" ควบคู่ไปด้วย)
นับถึงวันนี้ปี 2013 แบรนด์ของ "ซัมซุง" ในโลกสมาร์ทโฟนติดลมบนไปเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ใครจะไม่ชอบเป็นการส่วนตัว แต่ซัมซุงก็มียอดขายที่เป็นเบอร์หนึ่งของโลกติดต่อกันมาหลายไตรมาสเป็นหลักฐานพิสูจน์ตัวเอง
ยุทธศาสตร์การออกสินค้าของซัมซุงเน้นตลาดทุกระดับชั้น ตั้งแต่บนสุดยันล่างสุด โดยมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวคือ "ยอดขาย" เป็นสำคัญ
ซัมซุงต้องการทำยอดขายให้เยอะที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ คำว่า "ยอดขายเยอะ" แปลว่าต้องขายตลาดแมส
การเปิดตัว Galaxy S4 ตอกย้ำทิศทางของซัมซุงว่าจะเน้นตลาดแมสต่อไป โดยวางตำแหน่งของผลิตภัณฑ์ให้เน้นฟีเจอร์ด้านไลฟ์สไตล์เป็นหลัก มาถึงวันนี้เราต้องยอมรับว่า Galaxy S4 (และซีรีส์ Galaxy S ในภายรวม) หลุดพ้นความเป็นมือถือ geek อย่างสมบูรณ์ กลายเป็นมือถือตลาดแมส (ที่ระดับราคาพรีเมียม) อย่างสมบูรณ์
กลุ่มผู้ใช้ระดับสูงที่เน้นนวัตกรรมไฮเทค อาจไม่สนใจฟีเจอร์ฝั่งซอฟต์แวร์ที่ S4 นำเสนอ แต่ด้วยแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายทางการตลาด ผมยังคิดว่ากลุ่มผู้ใช้ที่ไม่สนใจเรื่องเทคนิคมากนัก ครอบครัว ผู้หญิง คนทำงาน (ตามที่นำเสนอในงานเปิดตัว) จะรู้สึกโดนใจกับฟีเจอร์ของ S4 เข้าสักอย่างจนได้
ในทางกลับกัน กลุ่มเป้าหมายที่ว่านี้ก็ไม่ได้สนใจกับความเร็วสัญญาณนาฬิกา จำนวนแรม หรือพิกเซลของกล้องเท่าไรนัก (แต่ถ้าสนใจบ้าง ซัมซุงก็ตอบโจทย์ได้ว่า "นี่ไง สเปกดีขึ้นกว่าเดิมทุกด้าน")
เมื่อซัมซุงให้ความสำคัญกับตลาดแมส (ที่มีจำนวนเยอะกว่าอย่างมีนัยสำคัญ) เป็นหลัก ผู้ใช้กลุ่ม geek หรือ power user อาจต้องมองหาตัวเลือกเป็นแบรนด์อื่นๆ แทน ฝั่งแอนดรอยด์ก็อาจเป็นโซนี่ แอลจี หรือไม่ก็ต้องมองไปถึง X Phone หรือ Nexus รุ่นถัดไปกันเลย
อย่างที่เขียนไปแล้วว่า S4 ไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ตัวเดียว แต่ต้องมองให้ครบทั้งวัฏจักร ถ้ายังจำกันได้ ซัมซุงเคยอธิบายว่าเหตุผลหนึ่งที่ใช้พลาสติกเพราะผลิตง่าย การประกาศวางขาย S4 ใน 155 ประเทศภายในเวลาไม่นานนัก ถือเป็นความสำเร็จด้านการผลิต-การขายที่หาคนมาต่อกรได้ยาก (แอปเปิลยังมีปัญหาเรื่องสินค้า iPhone 5 ในช่วงแรกๆ และตัวเปรียบเทียบที่ดีที่สุดคือ Nexus 4 ที่เต็มไปด้วยปัญหาเรื่องการผลิตมากมาย)
โดยส่วนตัวผมก็ค่อนข้างผิดหวังกับ S4 ที่ไม่ว้าวเท่าที่คาด แต่ก็เชื่อว่ามันน่าจะขายดีมากๆ ด้วยเหตุผลเรื่องสเปกที่ดูดี แบรนด์อันทรงพลัง ฟีเจอร์ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย การตลาดขั้นเทพ ปริมาณสินค้าเหลือเฟือ และช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุม ประสานและเชื่อมกันอย่างเต็มที่ ส่วนยอดขายจะ "เพิ่มเท่าตัว" จาก S III หรือไม่ (และถ้าไม่ถึงจะมองว่าเป็นความล้มเหลวหรือไม่) ก็เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไปยาวๆ
ประเด็นสุดท้ายที่ผมคิดว่าควรกล่าวถึงคือ การเลือกเปิดตัว S4 ที่อเมริกาเป็นครั้งแรก ซึ่งมีความสำคัญเชิงสัญลักษณ์ต่อสงครามมือถือระหว่างแอปเปิลกับซัมซุงเป็นอย่างมาก
ปัจจุบันนี้แอปเปิลเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสัญชาติอเมริกันรายเดียวที่ยังแข็งแกร่ง (ส่วนโมโตโรลาต้องรอดูการกลับมากับ X Phone ต่อไป) ปัจจัยด้านอารยธรรมและความเป็นชาตินิยม ทำให้อเมริกายังเป็นฐานที่มั่นอันเข้มแข็งของแอปเปิลเสมอมา
ถึงแม้ซัมซุงจะชนะเบ็ดเสร็จในหลายๆ ประเทศ แต่ในอเมริกาก็ยังสู้แอปเปิลไม่ได้
ความสำคัญของอเมริกาคือเป็นตลาดอันดับหนึ่งในเชิงสัญลักษณ์ จุดกำเนิดสินค้าไฮเทคทั้งหมดเริ่มต้นที่นี่ ทิศทางของตลาดสมาร์ทโฟนถูกกำหนดโดยอเมริกา (ผู้ผลิตระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟน 3 รายใหญ่อยู่ในอเมริกาทั้งหมด)
ดังนั้นซัมซุงจึงต้องทำทุกทางที่จะโค่นแอปเปิลแล้วยึดอเมริกาให้จงได้ ที่ผ่านมาเราจึงเห็นโฆษณาของซัมซุงแซวคนต่อคิวหน้าร้านแอปเปิล ซึ่งเป็น "ภาพตัวแทนคนอเมริกัน" แบบหนึ่ง สิ่งที่ซัมซุงพยายามเสนอคือบอกคนอเมริกาว่า "ใช้ซัมซุงเจ๋งกว่า ใช้ซัมซุงเท่กว่า" ซึ่งก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง
ผมคุยกับเพื่อนคนไทยที่อยู่ในอเมริกาก็ได้ข้อมูลว่า คนเริ่มมองว่า "แอปเปิลน่าเบื่อ/ซัมซุงน่าสนใจ" มากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนคนขับรถตู้รับส่งระหว่างที่ผมมางานที่นิวยอร์ก (เป็นคนรัสเซียที่ย้ายมาอยู่อเมริกา) ก็เล่าว่าเขาใช้ iPhone มานาน 5 ปี เพิ่งเปลี่ยนมาเป็น S III และใช้ Google Maps ดูทางเวลาไปไหนมาไหน (แต่เขาก็ยอมรับว่าซัมซุงยังมีปัญหาบางจุดที่สู้แอปเปิลไม่ได้ในเรื่องประสบการณ์ใช้งาน)
การเลือกจัดงานเปิดตัว S4 ที่สหรัฐจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจที่จะบุกยึดอเมริกาให้ได้ ซึ่งผลจะเป็นอย่างไรก็ต้องรอดูต่อไปอีกสักระยะหนึ่งเช่นกัน
Comments
"พลาสติกก๊อบแก๊บ" ฮาหัวข่าวครับ :D
ยังกะถุงก๊อบแก๊บ
note2 ฝาหลังใกล้ปุ่มปรับเสียงไม่เข้าล๊อกสักที -*- ดังก๊อบแก๊บจริงนะ
ยืมมาจากคนแถวๆ นี้ละครับ มันเป็นคำที่พูดแล้วเห็นภาพดี
น่าจะใช้คำ 'พลาสติกขันน้ำ' เห็นภาพกว่า ยืมมาจาก Pantip
เว็บนี้ฮิต "ปะติกก๊อบแก๊บ" ครับ ฟังดูกิ๊กก๊อกดี
'พลาสติกขันน้ำ' ทำจาก PE หรือ PP เป็นหลักครับ :p
ฮา อิอิ
น่าใช้พลาสติกขวดน้ำน่ะครับ จะได้เข้าคู่กับกระป๋องเบียร์ (ปล่อยว่างไม่ได้ :P)
ผมสงสัยทำไมSamsung ใช้Polycarbonate ทำไมทำให้ดูดีแบบhTC Nokiaไม่ได้หว่า--*
คือ Nokia มันก็พลาสติกนะครับ แต่ทำไมพลาสติกของโนเกียมันดูดีกว่า
ตอบแบบกำปั้นทุบดินก็คงเพราะโนเกียหรือเอชทีซี (หรือโซนี่) ตั้งใจทำมากกว่าครับ
แต่ซัมซุงผมว่าเขาคงมีสถิติของเขาเองแล้วว่า ถ้าทำเอาสวยเป๊ะแต่ผลิตได้น้อยหรือช้าลง กับลดความสวยไฮโซลงมาแต่ผลิตได้เร็วขึ้น อย่างไหนให้ประสิทธิผลมากกว่า
แน่นอนว่าคงมีคนที่ติดว่าเป็นพลาสติกก๊อบแก๊บ แต่มันไม่ใช่ทุกคน และมันไม่ใช่คนส่วนใหญ่ (ดูจากยอดขาย) ซัมซุงถึงเลือกทางก๊อบแก๊บมากกว่าครับ
ฟังดูเหมือนสักแต่จะปั้มออกมาขายนะ =_="
เอาง่าย ๆ ครับ
ตอนสมัยโนเกียยังเป็นตัวเต็งในตลาด วัสดุโนเกียก็พลาสติกก๊อบแก๊บเช่นกันครับ (อย่างเช่น 5220 XpressMusic ของผมก็พลาสติกก๊อบแก๊บครับ หรือไม่ก็ 5800 XpressMusic ก็เช่นกัน แต่ในระยะหลัง ๆ ก็ไม่ค่อยเห็นพลาสติกก๊อบแก๊บจากโนเกียแล้ว (ยกเว้นรุ่นถูก แต่ยังไงก็ดูพรีเมียมกว่าอยู่ดี)
ส่วนเคสซัมซุง คงไม่ต่างกันมาก แต่ว่าในอนาคตเนี่ยสิ ยังไม่รู้เลยว่าจะออกมาเป็นอย่างไร
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ขอบคุณมากครับ แต่ geek อยากใช้ s4 ก็ไม่ผิดนะครับ 555
ปัจจัยที่ยังไม่นำมาพิจารณาคือราคาครับ ไม่แน่ว่าเปิดราคามาแล้ว ทุกคนอาจบอกว่าก๊อบแก๊บก็ช่างมันเถอะ ฮา
iPhone 5 ไม่ว้าว S4 ไม่ว้าว ตามมาด้วยเช่น สมาร์ทโฟนเริ่มกลายเป็นของธรรมดาสำหรับชาวโลกไปแล้ว ผิดกับเมื่อ 4-5 ปีก่อนจริง ๆ
ผมว่าตัวนี้หน้าตาดีมากขึ้นเยอะเลย ฟังชั่นก็มีหลายอย่างน่าได้ใช้จริง ทำเอาผมลังเลกับ one ไม่รู้จะเลือกไรดี -*-
กล้องนี่ลอกโนเกียชัดเจนครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ถึงก็อบเกรด AAA ก็สู้ของแท้ไม่ได้ครับ ฮี่ๆๆๆ
สาวกLumia
ฮา ๆ ๆ Cinema Photo กับ Erase อันนี้ชัดเจนครับ ฮ่า ๆ ๆ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
Samsung ในยุคที่เริ่มแยกตัวออกจาก Google
ss เห็น ออกไอโฟน 5 คล้าย 4s แล้วขายดี เลยทำตามมั่ง
หารู้มั้ยว่า ..
ถ้าบทความนี้ไปอยู่ใน พันดริฟ คงโดนสาวงซัมซุงสวดกระจาย
เดี๋ยวนี้สาวกซัมซุงเยอะกว่าแอปเปิ้ลมากๆ
+1 แต่ตอนนี้ผมลาขาดบอร์ดพันดริฟแล้ว
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ไปโผล่แล้วครับ 5555
http://pantip.com/topic/30260598
จริงแฮะ ขนาดผมเป็นสาวก sony (+แอปเปิ้ลเล็กน้อย) ขนาดพูดแต่ android กับ sony ยังโดนแขวะเลย(โดยเฉพาะของเข้าไทยกับบริการหลังการขาย) จนเดี๋ยวนี้รู้สึกว่าสาวก ss นี่ออกจะจัดจ้านกว่า apple ไปแล้ว
Tizen มันจะต้องกลายเป็น os เปิดรึเปล่าครับ คงไม่เป็นของซัมซุงเองหมด แต่ช่วงแรกๆ คงมีบทบาทควบคุมได้เยอะหน่อย
มันก็คล้ายๆ กับ Baido OS หรือFirefox OS นั่นแหละ
รอดูตัวท๊อปไทเซ็น
...ขึ้น?
HTC ดราม่าตามมาเลย
เวอร์ชั่น Blognone
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ลบ ๆ กดผิด
Coder | Designer | Thinker | Blogger
เจ๋ง ใช้พลาสติก ลดโลกร้อนได้เยอะเลย ยิ่งตัวเรือธง คนใช้เยอะ ครึ่งโลก (โม้) จะได้ลดขยะลงไป ไวๆ อิอิ (ไม่ได้อ่านเนื้อข่าว)
หัวข้อข่าวนี้ฮามากกก
อ่านบทวิเคราะห์จากคนที่จับของจริงนี่สิน่าสนใจ
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
สวยมากๆ เพอร์เฟค สุดยอดนวัตกรรม ฟีเจอร์น่าใช้ ลูกเล่นแพรวพราว โอ้ยเค้าจะว่างขายเมื่องไหร่ครับ
เห็นด้วยทั้งหมดกับบทวิเคราะห์นี้ครับ
ผมว่าเป็นพลาสติกแหละดีแล้ว ใครเคยทำ iPad กระแทกบ้าง เป็นไง บุบ
ผมเคยเห็น S4 แล้ว (แต่ยังไม่มีโอกาสได้จับ) ผิวมันมีเกล็ดสะท้อนแสงด้วย ดูดีอยู่นะ แต่ช่างเถอะใครเขาอยากให้หรูเขาไปใส่เคสเงินเคสทองฝังเพชรเองแหละ
ผมว่า S4 นี่มี อะไรให้ wow อยู่พอสมควรเลยนะ อย่าง CPU 4+4 Core นี่ผมว่ามันเป็นอะไรที่น่าแปลกใจอยู่พอสมควรเลยนะ เพราะคะแนน 2D 3D Benchmark มันไม่ต่างกับกับ Nexus4 CPU 4 Core เท่าไหร่เลยนะ (ประมาณ 300)
Me.// เผ่น
ผมมีอคติกับ Apple กับ Samsung มาก ต่อให้เขาทำอะไรออกมาดีแค่ไหน ผมก็ไม่ WoW หรอก ชิส์~
ถ้าดูตาม ARM spec ตัว task migration มันคงไม่ได้ช่วยเรื่องประมวลผลมากนัก แต่เข้าใจว่าอย่างน้อยน่าจะช่วยเรื่องบริโภคพลังงานโดยรวมน่ะครับ เอ่อ แต่ขอ link ผลการเทสหน่อยได้มั้ยครับว่าเค้าเทสเรื่อง 2D กับ 3D กับ cpu ในเรื่องอะไร
ค่อนข้างเห็นด้วยกับบทความมาก
ต้องรอจับตัวจริง กับ ดูราคาขายอีกที(ดูความน่าจะเป็นแล้วไม่น่าจะถูก)
ผมมองว่า S4 ก็มีความกี้คอยู่มากนะครับ สเป้คที่ท้อปทุกอย่างก็ชัดเจนอยู่ แถมด้วยเสป้ค CPU ที่น่าจะแรงที่สุด มิเตอร์ต่างๆ นา แล้วก็ช่อง micro SD เหล่านี้ก็ใส่มาเอาใจกี้คทั้งนั้นเลยครับ
ที่ไม่กี้คในที่นี้เข้าใจว่าหมายถึงภาพลักษณ์ คือซัมซุงเลือกที่จะจะไม่ทำตลาดให้เป็นกี้คแล้ววางตลาดแมสแทน ซึ่งก็ไม่ง่ายเลยกว่าจะทำแบบนี้ได้นะครับ ขนาด Google ยังทำไม่ได้เลย และทำแบบนี้ก็ดีแน่ครับเพราะขายดี แถมใส้ในก็ยังกี้คอีก น่าจะเป็นแผนที่ถูกแล้วหล่ะครับ
+10
ไม่เห็นด้วยเรื่อง geek เท่าไหร่ เรื่องรอมเรื่องโมดูลไร ลงตระกูล s แรกๆเสมอ ยิ่งคนใช้เยอะคนยิ่งทำไรแปลกๆมาลง ยังไงผมก็ยกให้เป็น mass+geek เสมอสำหรับตระกูล s
+1 ผมเลยงงๆ ว่าตกลงมือถือสำหรับ geek คือยังไง? หรือมี nexus รุ่นเดียว?
... ถ้าตอบว่าใช่จะโดนถีบมะเอ่ย - -"
โดยส่วนตัวมือถือ geek นี่ nexus ล้วนๆ จริงๆ
Shut up and ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ raise your dongers ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ
+1 นั้นเครื่องสำหรับพัฒนาผมเลยนะ เครื่อง ss ส่วนมากไว้ที่เทสเท่านั้นน่ะส่วนมากยืมเค้าเอา แต่สำหรับ s4 ผมชอบพวก sensor ครับยิ่ง sensor เยอะ ยิ่งเล่นได้เยอะ สำหรับ cpu,gpu รุ่นก่อนก็เพียงพอแล้ว
อันนั้นเป็นผลพลอยได้จากความ mass ครับ นอกจากนี้มีประเด็นด้วยว่าตระกูล S ตัวก่อนๆ สเปกแรงกว่าตลาดอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งตอนนี้ดีกรีความต่างก็เริ่มลดลง-เริ่มไม่สำคัญแล้ว
อืม ถอดแบตเปลี่ยนได้ ใส่ Micro-SD ได้ สองข้อนี้มันจุดขายที่ต้องมีสำหรับขายพวก Geek ชัดๆเลยไม่ใช่เหรอ?
ยังตามมาด้วย CPU 4+4 แบบ big.LITTLE กับ GPU 544MP3 แล้วก็ Sensor แบบจัดเต็ม ถ้ายังไม่ Geek อีก สงสัยต้องเปลี่ยน SoC ได้ เพิ่มแรมได้ เปลียนจอได้ ถึงจะเรียกว่าสำหรับ Geek?
+10 ตรงเปลี่ยนแบตได้ เพิ่ม microSD ได้
กีคจริงต้องสั่งซื้อออนไลน์เท่านั้น บูทโหลดเดอร์ต้องอันล็อคอิอิ
Samsung ยังไม่เห็นว่ามีรุ่นไหนล็อคนะ
geek ไม่ geek ราคาจะเป็นตัวตัดสินครับ 555555
เห็นด้วย เพราะผมก็โอเคกับ S4 นะ ในแง่แม้จะเป็นทั้งพลาสติก
แต่เป็นหนึ่งในไม่กี่ตัวที่เพิ่ม Micro-SD เปลี่ยนแบตได้
มันเพิ่งกลายเป็นฟีเจอร์ geek หลังยุคแอปเปิลนั่นล่ะครับ (ฮา)
สิ่งหนึ่งที่ S III ไม่มีในไทยก็คือเครื่องสีดำ -.-"a
ถ้าใครซื้อสีดำมาใช้ก็คงมองได้ไม่ยากว่าเป็น S4 ล่ะน่ะ
แต่สิ่งที่ผมชอบในตัวมือถือ Samsung ก็คือมันถอดแบตได้ และใส่ microSD เพิ่มได้นี่แหละ ส่วนสิ่งที่ผมไม่ค่อยชอบก็คือหน้าจอที่เป็น Pentile และการไล่เฉดสีที่มันไล่เฉดได้ไม่ตรงกับความจริง เพราะเวลาที่ผมไปดูหน้าแอพ หรืออะไรบางอย่างที่มันมีการไล่เฉด มันจะมีลักษณะสีที่ไม่สมูธเอาซะเลย ถ้า Samsung แก้ไขตรงนี้ได้ มันจะดีมากๆ ต่อประสบการณ์การใช้งานกับ AMOLED ที่ทั้งสีสดและการไล่เฉดสีที่ถูกต้อง และรวมถึงการปรับสีสดให้เป็นสีแบบธรรมชาติเหมือนกับยี่ห้ออื่น (เป็นไปได้ถ้ามี LED สีขาวในตัวด้วยจะดีมาก เพราะหน้าจอสีขาวนี่ล่ะ กดแบตมากๆ)
แต่ระดับราคานี่ ถ้าขายที่ต่ำกว่า 20,000 หรืออยู่ที่ 18,900 หรือ 19,900 มันจะดีมาก แต่ Samsung เล่นทลายกำแพงราคาจากที่ Android ไม่เคยเกิน 20,000 ก็กลายเป็นมีจนได้ และยี่ห้ออื่นก็ตามมาเป็นพวง เหอะๆ
ถ้าเปลี่ยนจากซัมซุงเป็นแอปเปิ้ลคงไม่มีใครว่าซินะ น่าจะมีคนชมว่าใช้วัสดุลดโลกร้อน นี่แหละสุดยอดนวัตกรรมช่วยโลก เนยเห็นด้วย ชาบูๆ
ฮาบางความเห็นใน pantip ที่บอกว่า ROM Samsung เดิมๆห่วย
สงสัยจะติดใจมาจาก S1
+738060 อ่านเจอมาเหมือนกันครับ ส่วนตัวผมว่า ROM ระยะหลังๆ มานี่ซัมซุงทำได้ดีเลยหล่ะ ใช้งานได้ครบถ้วน
อ่านหัวข้อแล้วฮา แต่ก็อย่างว่า ไม่ว่าจะพลาสติกขันน้ำ หรือ เซรามิกสุดหรู และ โลหะสุดเท่ สุดท้ายก็ถูก ปิดบังและครอบด้วย พลาสติก ห่วยๆจากจีน เกือบหมด ก็เอาเคสมาใส่กันอยู่ดี อิอิ
มาถึงวันนี้เราต้องยอมรับว่า Galaxy S4 (และซีรีส์ Galaxy S ในภายรวม)
งง ว่า หมายถึงอะไร
Galaxy S1, S2, S3, S4
อยากรู้ว่า เวลา root S 3 ให้เมือน S 4 จะเหมือนกับ
root note 1 ไป note 2 หรือเปล่า เพราะ note 1 root ไป note 2 ดันทำงานได้ดี
ทิ้งอีกนิด ไหนๆ ก็ไหนๆ ROM 4.1.2 Galaxy S2 ยังไม่ออกเลย ก็เอาฟีเจอร์ใน S4 ที่ฮาร์ดแวร์ S2 รองรับมาด้วยสิ Samsung
พลาสติก'ก๊อบแก๊บ' ฮาา (แต่ก็จริงๆนะครับ)
เปิดตาเรื่องที่ว่าฟีเจอร์มีผลต่อการขาย เห็นด้วยจริงๆครับทีแรกก็นึกไม่ถึง แต่เรื่องที่ว่าสร้างประสบการณ์สำเร็จรูป เพราะผู้ใช้บางส่วนไม่โหลดแอพ แต่อยากจะเสนอความเห็นว่าแอพไม่ค่อยน่าดึงดูดใจให้โหลดด้วยหรือเปล่า เหมือนแฟนผมพยายามโหลดแล้วแต่โหลดมาก็ไม่น่าประทับใจ หลังๆเลยไม่โหลดละ พอถามก็บอกว่าไม่จำเป็นต้องมีแอพให้โหลดมาเล่นก็ได้ซะงั้นไป ตอนใช้ไอโฟนโหลดกระหน่ำเลยนะ ..
คหสต.ที่เหลือคิดว่า เรื่องฮาร์ดแวร์ทั้งหมดขึ้นกับความพอใจใครจะชอบเลย จอใหญ่ สเป็คแรง พลาสติก ใส่ SD Card ตรงนี้คงชนกับไอโฟนที่ยึดมั่นหลักการห้ามแงะ และไม่ใหญ่กว่านี้ (มั้ง) ได้ แต่ด้านในซอฟแวร์ที่สร้างประสบการณ์ให้ผู้ใช้ รวมถึงบริการต่างๆที่จะทำเองไม่ง้อ Google เพื่อสร้างระบบนิเวศน์ของตัวเองเหมือนไอโฟน (หรือเปล่า) จะทำแค่ไหน และทำได้ดีหรือเปล่าผมรอลุ้นมากๆ ... *แก้ไข แล้วตกลงว่า SS + GS 4 จะชนกับ Apple + iPhone เต็มตัวมากกว่าฮาร์ดแวร์หรือเปล่า หรือ Google + X Phone จะกำเนิดมาบี้กันอีกรายก่อนกัน
เน้นยอดขาย แต่ไม่เน้นบริการหลังการขาย ซื้อ 2 สัปดาห์พัง?
ผมเจอกับตัวเองเข็ดเลยครับ จากที่เฉยๆกลายเป็นเกลียด ซัมซุงไปเลย พังไม่ว่าแต่บริการหลังการขายนี่…ไม่เจอเองไม่รู้ครับ=*=
Drama กันยับ ที่ บอร์ด พานทิบ อิอิ
ถ้าจะใช้ Galaxy S4 มือเดียว คุณจะต้องมีนิ้วยาวเป็นพิเศษ เพราะหน้าจอมันใหญ๋มาก
ขนาดเท่าs3ครับ ผมใช้อยู่มือเดียวเป็นประจำสบายมาก
นอกจากว่าเป็นผู้หญิงหรือเด็กถึงจะใช้ลำบากหน่อย
อยากให้กันน้ำกันฝุ่น จะเพอเฟคมากๆ
ภายรวม > ภาพรวม
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.
อีกเสียงที่สนับสนุนคนเอเซีย ด้วยกัน ^__^