งาน IGF2013 วันนี้เข้ามาสู่วันที่สอง ผมเข้าฟังหัวข้อ "Privacy in Asia: Building on the APEC Privacy Principles" นำเสนอประสบการณ์ของการจัดการความเป็นส่วนตัวออนไลน์ในแต่ละประเทศโดยมีตัวแทนจากจีน, ญี่ปุ่น, และอินโดนีเซีย เข้าเสวนา
จีนส่งดร. Hong Xue ที่ปรึกษารัฐมนตรีพาณิชย์มาเป็นตัวแทน
- จีนไม่มีกฎหมายคุ้มครองความเป็นส่วนตัวโดยตรง แต่ะมีกฎหมายอื่นๆ เช่น Tort Liability Law, Criminal Law, Administrative
- จีนบังคับให้ใช้ชื่อจริงในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต รวมไปจนถึงการเข้าใช้บริการ Weibo เป็นข้อบังคับตามกฎหมาย
- เว็บไซต์ขนาดใหญ่อย่าง Alibaba นั้นใหญ่กว่า Amazon และ eBay ความเสียหายจะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจจีนอย่างมีนัยสำคัญ ทางการจีนต้องการเข้ามากำกับดูแลข้อมูล
- จีนต้องการเข้าไปกำกับนโยบายของแพลตฟอร์มเหล่านี้ เช่น นโยบายการเก็บข้อมูล และที่ตั้งของเซิร์ฟเวอร์
- จีนมองเรื่องของความมั่นคงของเครือข่ายเป็นสำคัญ และการปกป้องความเป็นส่วนตัวเป็นผลพลอยได้ที่ได้มาจากการป้องกันเครือข่ายเหล่านั้น
ญี่ปุ่นส่งดร. Fumio Shimpo มานำเสนอแนวทางของญี่ปุ่น
- ญี่ปุ่นมีกฎหมายคุ้มครองความเป็นส่วนตัว 5 ฉบับ มีแนวทางปฎิบัติมากกว่า 52 ฉบับ แยกไปตามกระทรวงต่างๆ
- ในญี่ปุ่น แนวทางปฎิบัติเหล่านี้มีฐานะใกล้เคียงกฎหมาย ธุรกิจในญี่ปุ่นต้องทำตามแนวทางเหล่านี้
- ไม่มีหน่วยงานดูแลความเป็นส่วนตัวโดยตรง ทำให้มีปัญหาในการจัดการเมื่อต้องติดต่อทำความร่วมมือข้ามประเทศ
- ญี่ปุ่นกำลังพยายามสร้างหน่วยงานจัดการโดยตรง
ดร. Edmon Makarim ตัวแทนจากอินโดนีเซีย
- อินโดนีเซียคุ้มครองความเป็นส่วนตัวตั้งแต่ในรัฐธรรมนูญ
- กฎหมายที่คุ้มครองความเป็นส่วนตัวของอินโดนีเซียมีหลายฉบับ เช่น ด้านการแพทย์, ด้านการเงิน ส่วนที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ตคือกฎหมายข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
- อย่างไรก็ดีมีกฎหมายเฉพาะสำหรับการดักฟัง Bill of Lawful Interception ระบุกระบวนการการเข้าดักฟังข้อมูลเอาไว้
- หลักการคุ้มครองของอินโดนีเซียแบ่งเป็นสองหลัก คือ secured และ comfort
- secured คือ ข้อมูลส่วนตัว, พื้นที่ส่วนตัว ต้องได้รับความคุ้มครองไม่ให้ผู้อื่นเข้ามา ขณะที่ comfort คือการจัดการการเผยแพร่ข้อมูลหมิ่นประมาท, การเผยแพร่ข้อมูลทำให้ผู้อื่นได้รับความอับอาย ฯลฯ
- อินโดนีเซียชูหลักอาเซียนว่าควรสร้างคุณค่า (values) ของตัวเอง เพราะภูมิภาคนี้มีหลักที่ต่างไปจากยุโรป