รายงาน FOWA วันที่สอง (วันแรก) ไม่ต้องพูดอะไรกันมากแล้ว กดเข้าไปอ่านกันได้เลย
แถวศูนย์ประชุมเป็นท่าเรือเก่า เรียกว่า Dockland ยังเห็นซากอารยธรรมอยู่บ้าง
วันที่สองตอนเช้าค่อนข้างหงอยเหงา คนเหลือแค่ 1 ใน 3 ซึ่งเหตุผลก็ง่ายมาก เพราะเมากันหมดนั่นเอง (เผอิญเราบ้านไกลต้องรีบกลับเดี๋ยวรถไฟหมด) คนดูทยอยมากันตอนสายๆ พอใกล้เที่ยงก็เต็มเหมือนเดิม
โดย Paul Graham จาก Y Combinator
session นี้ว่าด้วยเรื่องของ startup หรือบริษัทเว็บหน้าใหม่ โดยพูดถึงแนวโน้มของอุตสาหกรรมในภาพรวม รูปข้างบนนี่หน้าตาคนพูด ชื่อว่า Paul Graham เป็นนักลงทุนพวก Venture Capital (ต่อจะไปย่อ VC) ประวัติก็ดูเอาเองตามลิงก์
Paul Graham ตั้งข้อสังเกต 10 ข้อเกี่ยวกับ startup ครับ
ข้อ 1 คือมี startup จำนวนมาก เพราะลงทุนต่ำ อันนี้สั้นๆ
ข้อ 2 พอมีเยอะแล้วก็จะมั่ว ดังนั้นต้องมีการจัดระเบียบ (standardization) โดยมากเป็นระเบียบปฏิบัติด้านการขอทุนจาก VC แต่ Paul ก็บอกว่าอนาคตเราคงเห็นซอฟต์แวร์สำหรับจัดการ startup มากขึ้น
ข้อ 3 เกิดความคาดหวังแนวใหม่สำหรับการซื้อกิจการ เนื่องจากว่าการเข้าซื้อกิจการเว็บของยักษ์ใหญ่ในช่วงหลัง จึงเกิดธรรมเนียมว่าถ้าเจอบริษัทน่าสนใจก็ควรรีบซื้อไว้กันคู่แข่งชิงซื้อตัเหน้า ทั้งๆ ที่ตัวบริษัทเองนั้นก็มีศักยภาพในการพัฒนาผลิตภัณฑ์แบบเดียวกันได้ Paul ยกตัวอย่างว่าพนักงานของ Google นั้นเรียกว่าแทบพัฒนาอะไรก็ได้ แต่กูเกิลมองว่าเป็นการลงทุน และนั่นเป็นโอกาสของเรา
ข้อ 4 เกิดความเสี่ยงเพิ่มขึ้น และจะมากกว่าฟองสบู่ดอตคอมตอนปี 1999 อย่างไรก็ตาม high risk, high return สำหรับบรรดานักลงทุน (พวกเจ้าของกิจการจะระมัดระวังมากกว่านักลงทุน เพราะนั่นคือทั้งหมดที่มี)
ข้อ 5 เจ้าของกิจการไม่ต้องเสนอแผนธุรกิจให้ VC ตั้งแต่แรกอีกแล้ว แต่กลายเป็นขอยืมเงินตั้งต้นจากญาติพี่น้องมาเริ่มธุรกิจได้เลย พอมียอดคนดูก็เอาอันดับใน Alexa เดินเข้าไปหานักลงทุน
ข้อ 6 ในเมื่อเทคโนโลยีเอื้อให้ทำงานที่ไหนก็ได้ คำถามจึงเกิดขึ้นว่า Silicon Valley ยังจำเป็นหรือไม่ คำตอบก็คือทั้งจำเป็นและไม่จำเป็น ถึงแม้การทำงานจะทำที่ไหนก็ได้ แต่ก็ควรมีสถานที่กลางไว้เป็น startup hub อยู่
คำแนะนำของ Graham คือช่วงแรกให้เริ่มกิจการจากที่ไหนก็ได้ จากนั้นถ้าทำขึ้น ช่วงที่ยังมีคนไม่มากแค่ 2-3 คน ถือว่ามีความคล่องตัว (mobility) ในการย้ายงานสูง ให้ย้ายเข้าไป Silicon Valley เพื่อหวังความรู้ในการดำเนินธุรกิจและใกล้แหล่งทุน
ในมุมกลับกัน ฝั่งนักลงทุนเองก็มีความสามารถในการเคลื่อนย้ายเงินทุนมากขึ้นด้วย ทำให้ธุรกิจ VC ยกระดับจากธุรกิจท้องถิ่น (เฉพาะ Silicon Valley หรือบางเมืองในสหรัฐ) มาเป็นธุรกิจระดับชาติหรือข้ามชาติมากขึ้น ซึ่งเป้าหมายของนักลงทุนก็คือยุโรป จีน และอินเดีย
ข้อ 7 VC ต้องพัฒนากระบวนการคัดเลือก startup เพราะมีตัวเลือกมากขึ้น ปัจจุบันไม่มีขั้นตอนแน่ชัด แล้วแต่ว่า VC จะไปหากฎเกณฑ์มาตัดสินใจกันเอง ในอนาคตอาจจะมีตำแหน่ง Chief Acquisition Officer ทำหน้าที่เลือกบริษัทและทำดีลทั้งหมด
อนาคตบทบาทของ CIO จะเปลี่ยนไป กลายเป็นมองหาเทคโนโลยีจากข้างนอกเข้ามาในบริษัท ส่วนหน้าที่ด้านไอทีภายในจะไปอยู่กับ VP ฝ่ายเทคนิคแทน
ข้อ 8 อนาคตคนจะเลิกเรียนมหาวิทยาลัย (drop out) กันมากขึ้น เพราะการเปิด startup นั้นไม่ขึ้นกับปริญญา (แถมแอบเชียร์ให้คนในห้องสัมมนา drop out กันให้หมด)
ข้อ 9 ถึงคู่แข่งจะมาก แต่ไม่ได้แปลว่าโอกาสจะน้อยลง เพราะ startup ที่สำเร็จมีได้ไม่จำกัด แต่ตำแหน่งพนักงานกินเงินเดือนมีจำกัด (คมมาก)
ข้อ 10 เทคโนโลยีจะก้าวหน้าเร็ว เพราะการที่คนมีไอเดียได้ลองลงมือทำจริง ก็จะทำให้รู้ว่าอะไรใช้ได้ใช้ไม่ได้
ปิดท้าย Paul Graham บอกว่าปัญหาของบริษัทใหญ่ที่ควรแก้คือฝ่ายการตลาดมักจะเป็นห่วงภาพลักษณ์บริษัท และคอยสกรีนผลิตภัณฑ์ที่จะออกสู่ตลาด บริษัทอาจพัฒนาผลิตภัณฑ์สัก 10 อย่างแต่มีแค่อย่างเดียวได้ออกจำหน่ายจริง ถ้าเปลี่ยนเป็นออกมาเยอะๆ ก็จะดีไม่น้อย ไม่ต้องห่วงภาพลักษณ์มากเพราะว่าสุดท้ายคนจะจำแต่สิ่งที่สำเร็จได้อยู่ดี สู้ออกมาเยอะๆ เพื่อเพิ่มโอกาสสำเร็จดีกว่า
Comments
Sponsor: Predicting The Future of Web Apps
โดย Edwin Aoki จาก AOL
รายการสปอนเซอร์อีกแล้ว คนจาก AOL มาพูดแนวโน้มธุรกิจ มีแอบกัด Larry Ellison เรื่อง NC ว่ามันก็เกิดขึ้นจริงตามที่ Ellison ทำนายนั่นแหละ แค่เปลี่ยนจาก NC เป็นโทรศัพท์เท่านั้นเอง
iPhone ชิดซ้ายมาเจอมือถือเครื่องนี้
คำแนะนำจาก AOL ก็คือ
(สังเกตว่าหลายๆ คนจะพูดถึง S3 ครับ ผมคิดว่าได้เวลาหันมามองกันแล้วล่ะ)
Developer: Web app do's and don'ts - Practical lessons we learned
โดย Leah Culver จาก Pownce
เนื่องจากเสียงตอบรับของคนแถวนี้ดีมาก ผมเลยตัดสินใจไปจองที่ทำเลเหมาะๆ เพื่อถ่ายสไลด์ของ Leah Culver มาทุกหน้า จะโพสต์ทั้งหมดก็ใช่ที่ รบกวนเข้าไปที่สไลด์แรก แล้วอ่านตามลำดับได้เลย (อู้สุดๆ)
Leah Culver
กดเข้าไปอ่านสไลด์แรกได้เลยครับ
ข้อมูลนอกสไลด์: Pownce ใช้เวลาพัฒนา 3 เดือน และใช้เงินลงทุนหลักหมื่นดอลลาร์
มี slide online ของ Leah แล้วที่นี่นะครับ
http://www.leahculver.com/2007/10/08/pownce-lessons-learned-fowa-2007/
ปล. โทษทีครับ ไม่เห็นว่ามี link อยู่แล้วข้างล่าง
ช่วงนี้ผมกำลังตามอ่านงานของ Paul Graham อยู่ เรื่อง The Future of Web Startups ผมก็เพิ่งอ่านไปเมื่อวานพอดี อะไรจะเหมาะเจาะขนาดนั้น
ผมว่า Paul Graham เป็น Hacker ที่มีแนวคิดที่น่าสนใจมากคนหนึ่ง ใน Essays ของลุง Paul ได้อธิบายอะไรหลาย ๆ อย่าง ที่ผมรู้สึก แต่อธิบายไม่ได้ ให้ผมได้เข้าใจ เลยไล่อ่านแทบทุกบทความ แนะนำให้อ่านกันครับ
BioLawCom.De
Paul Graham เป็นคนแรกๆที่แนะนำว่าปัญหา Spam น่าจะแก้ได้ด้วย Statistical Filter เช่น Bayesian
แนวคิดนี้มีมีคนเอามาประยุกต์ใช้ใน Spam Filter หลายตัวครับ
ตื่นเช้ามาก็มีสาระดีดีให้อ่านทันทีเลยแฮะ
ไม่เคยรู้จัก Pownce มาก่อนเลย
ตอนนี้เริ่มติดใจซะและ (ติดใจ Pownce นะ)
..(ติดใจ Leah ด้วยก็ได้ @_@)
ติดตามอยู่เนืองๆครับ
ixohoxi's
สไลด์ของ Leah Culver มีให้โหลดที่เวบเจ้าตัวด้วยนะครับ
Pownce Lessons Learned - FOWA 2007
Don't think, Just read
pittaya.com
S3, EC2 สนุกมากครับ ลองดู
เช้ามาก็ได้อ่านเรื่องดีๆ เยี่ยมเลย
ว่าแต่ ใครมี invite pownce ขอบ้างสิครับ หามาหลายวันแล้วเนี่ย
Rerng®IT
เดี๋ยวจัดให้ครับ
ขอมั้งครับ คุณ keng
Please go to My site at molecularck.wordpress.com
http://www.digimolek.com
ทิ้งอีแมวมาที่ kengggg จีแมว จ้ะ
อยากได้มั่งอะครับ invite เนี่ย
ลองเอามาลงแล้วไม่ได้อะครับ มันบอกว่า AIR ของ pownce เก่าเกินไป
อ่านด้วยความสงสัย กว่าจะรู้ว่า FOWA ย่อมาจากอะไร
ช่วยเขียนบอกไว้ต้นๆ เรื่องหน่อยก็ดีนะครับ
เห็นรูปแรกแล้วนึกว่าเป็นการประชุมเกี่ยวกับอุตสาหกรรม
โพสต์ไว้ตั้งแต่สองข่าวก่อนหน้าแล้ว ช่วยย้อนกลับไปอ่านด้วยครับ
Developer: The Story Behind The Facebook Platform
โดย Dave Morin จาก Facebook
อีกหนึ่งเว็บไซต์ขาใหญ่ที่มางานนี้ เค้าทำสไลด์สวยมาก และกดเปลี่ยนสไลด์เร็วมาก ช่วงแรกเป็นข้อมูลทางสถิติของ Facebook
หน้าตาคนพูด
อัตราการเติบโตของ Facebook
Active Users
ส่วนแบ่งตามประเทศ ส่วนใหญ่เป็นประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ
ส่วนแบ่งตามอายุ ของสหรัฐก็เด็กเยอะหน่อย
Returning Users
จำนวนหน้า
อันดับเว็บ
ช่วงหลังพูดถึงแพลตฟอร์มของ Facebook ซึ่งถ่ายไม่ทันเลยเปลี่ยนเป็นถ่ายวิดีโอแทน มี 5 คลิปนะครับ (เพื่อความสะดวกขอไม่ embed แต่ใส่เป็น permalink แทน)
แหม ถ้าเป็นไปได้อยากให้ไปงาน FOWD (Future Of Web Design) ด้วยอะครับ อิอิ อยากรู้ว่า Elliot Stocks จะด่า IE ยังงัยมั่ง
Developer: Short on Cycles, Long on Storage
โดย Simon Wardley
คนนี้คุณออยเคยดูวิดีโอของปีก่อนๆ บอกว่าพูดสนุกมาก ซึ่งฟังจบแล้วก็สนุกจริงดังว่า เค้าทำสไลด์เยอะมาก (300 กว่าหน้า!) และกดเปลี่ยนตามคำพูดทันที
ใจความหลักก็ว่าด้วยอุตสาหกรรมไอทีเริ่มหมดยุคตั้งต้นแล้ว ถ้าเทียบง่ายๆ ก็เหมือนไฟฟ้า สมัยแรกๆ เครื่องปั่นไฟเป็นของแพง แต่พอถึงระยะหนึ่งมันก็กลายเป็นบริการพื้นฐาน (commodity) จะใช้ไฟฟ้าก็ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องปั่นไฟเอง แต่ซื้อบริการจากผู้ผลิตพลังงานในท้องตลาดได้
ลำดับขั้นพัฒนาการ (เทียบกับบล็อก)
มีการอ้างผู้เชี่ยวชาญมากมาย
ชื่อทางการตลาดที่เราคุ้นหู เป็นตัวอย่างว่าถึงยุค commodity ของไอทีแล้ว
ตัวอย่าง stack ของแพลตฟอร์มในอนาคต
อันบนสุดคือ SaaS ที่เราคุ้นเคย แต่ลำดับถัดมาคือ Framework as a Service
ตัวอย่างของ FaaS
ชั่นล่างสุดคือ Hardware as a Service
ตัวอย่างของ HaaS
พอมีผู้ให้บริการเยอะ ป้องกันการผูกติดกับผู้ให้บริการรายใดรายหนึ่งด้วยการ standardization ตัวอย่างเช่น มาตรฐานกลางของ virtual machine อย่าง OVF (ถ้าใครยังไม่เข้าใจความสำคัญของ open standard ก็ลองใคร่ครวญตรงนี้ดีๆ ครับ ผมเห็นจากคอมเมนต์เรื่อง ODF ก็ยังมีเยอะเหมือนกัน)
สรุปอีกที
คนพูดแจกสไลด์บน Slideshare ครับ เพื่อลดโหลดของหน้าก็ขอแปะแค่ลิงก์ละกัน
Mk สรุปได้เยี่ยมครับ เก็บได้ทุกเม็ดเลย
ไอคอนในสไลด์ pownce น่าเอ็นดูเชียว
facebook ถ้าปรับแต่งหน้าตาได้เยอะๆ, ไม่ต้องล็อกอินไปซะทุกอย่าง, มี sub/short domain น่าจะฮิตในไทยมากกว่านี้ (hi5 ไม่ค่อยมีอะไร แต่ social base มันเยอะ ไปเรียบร้อยแล้ว) --- Nice - SE7ENize
@NiceThai
Developer: Practical Semantic Web
โดย John Aizen & Eran Shir จาก Dapper
session นี้เค้าพยายามเสนอแนวคิดของ Semantic Web หรือเว็บที่อธิบายตัวเองได้ ผมคงไม่พูดเรื่องนี้ซ้ำ ใครเพิ่งเคยได้ยินก็ตามไปอ่านใน Wikipedia กันเอง เผอิญช่วงนี้กล้องแบตหมด เลยไม่มีภาพครับ
จากนั้นก็โชว์ความสามารถของ Dapper ซึ่งสองคนนี้ทำอยู่ โดยเป็น search engine ที่ค้นหาข้อมูลเจาะจงได้ เช่นว่า ต้องการหาสูตรช็อคโกแลตที่ใช้เวลาทำ 5-10 นาที โดยมีแคลลอรีไม่เกิน 500 มิลลิกรัม ก็หาดังนี้
ingredient:chocolate cooktime:[5-10] callories:[500]
Entrepreneur: Next Generation Visualisations
โดย Eric Rodenbeck จาก Stamen Design
คนพูดมาจากบริษัท Stamen ซึ่งมีผลงานเป็นที่ปรึกษา+พัฒนาด้าน visualization ให้กับบริษัทดังๆ หลายเจ้า เค้าใช้วิธีเดโมผลงานเก่าให้ดู
อันแรกเป็นแผนที่เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2004 เรามักคุ้นกับการแบ่งสีตามมลรัฐ แต่อันนี้แบ่งตามเขตย่อยลงไปอีกชั้น
ลงไปอีกชั้น
ปรับอัตราส่วนขนาดของรัฐ ตามจำนวนประชากร
อันนี้ขำมาก
อันถัดมา เค้าติด GPS ไว้ตามแท็กซี่ แล้วจับภาพการเคลื่อนไหว สีขาวแปลว่ามีรถวิ่งผ่านเยอะ แสดงว่าเส้นทางนั้นคนใช้มาก ก็สามารถนำไปปรับใช้กับแท็กซี่ให้วิ่งผ่านบ่อยๆ ได้ (รายละเอียด)
สีแดงแปลว่าวิ่งเร็ว ตรงนั้นคือไฮเวย์ ในเมืองสีขาววิ่งช้าหน่อย
แผนที่การเกิดอาชญากรรม? โดยแบ่งตามประเภทต่างๆ (รายละเอียด)
แสดงอาชญากรรมทุกชนิด ตำรวจสามารถนำไปใช้วางแผนการจัดการอาชญากรรมได้ หาสาเหตุได้ว่าทำไมบางพื้นที่จึงเกิดอาชญากรรมชนิดนั้นเยอะ
อันนี้ทำกับ Digg ครับ เจ๋งมาก แสดงตัวอย่างว่าข่าวใน Digg มีพัฒนาการอย่างไร มีคะแนนขุดเพิ่มจากไหนบ้าง ตัวอย่างนี้คือ iPhone ตอนข่าวออกใหม่ๆ (ดูของจริง)
ผ่านไปซักระยะ
HD DVD นี่ยักษ์เชียว
ตัวอย่างอื่นๆ ของการ visualize ข่าวใน Digg (รายละเอียด)
อันนี้แยกหมวดหมู่ตามสี ดูวิดีโอประกอบ (รายละเอียด)
visualization ของ Twitter
อันนี้ใช้กับการวางผังเมือง โดยแสดงการขยายของเมืองตามปี ส่วนที่สว่างแปลว่าบ้านเรือนถูกสร้างแล้วในปีนั้น (รายละเอียด)
อันสุดท้ายเป็น visualization ว่าคนสหรัฐที่ค้นหาชื่อเมือง มาจากเมืองไหนกันบ้าง สีเข้มก็แปลว่าอยู่ที่นั่นเยอะ
สุดท้ายเค้าสรุปว่า visualization มีประโยชน์ตรงช่วยให้เราตั้งคำถามที่เจาะจงขึ้นได้ เพราะเห็นความสัมพันธ์ของข้อมูลมากกว่าเดิม
Developer: Comet: Making the Web a 2-Way Medium
โดย Joe Walker
ผมคิดว่าผู้อ่าน Blognone โดยมากคงรู้จัก AJAX กันอยู่แล้ว (ถ้าไม่รู้จักก็รบกวนหาความรู้เพิ่มเติมกันเอง) Comet เป็นแนวคิดใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาอีกขั้นจาก AJAX โดยถึงขั้นว่าส่งข้อมูลมายังเบราว์เซอร์โดยไม่ต้องร้องขอได้
AJAX นั้นชื่อไปตรงกับน้ำยาล้างห้องน้ำ คนคิด Comet จึงตั้งชื่อเลียนแบบ โดยใช้ชื่อจากน้ำยาล้างห้องน้ำเหมือนกัน
ผมถ่ายสไลด์มาแต่มันอ่านยากมากเพราะตัวหนังสือจาง แต่โชคดีที่ค้นพบว่าคนพูดอัพโหลดสไลด์ไว้ที่ Slideshare อันนี้คงต้องไปอ่านกันเองเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม Comet ยังเป็นแค่การแฮก ยังต้องดูต่อไปในระยะยาว
Entrepreneur: Ambient Intimacy
โดย Leisa Reichelt
คนนี้มาพูดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนใน social network โดยประดิษฐ์คำศัพท์ใหม่ว่า Ambient Intimacy ขึ้นมา ซึ่งผมก็สารภาพว่าฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไรเพราะว่าหลับ! ดังนั้นก็รบกวนไปดูสไลด์อีกแล้ว
Entrepreneur: Launch Late to Iterate Often
โดย Dick Costolo แห่ง FeedBurner
คนนี้คือ CEO ของ FeedBurner ซึ่งเรารู้กันดีว่าขายกิจการให้กูเกิลในราคาไม่เปิดเผย (แต่ข่าวลือว่า 100 ล้านเหรียญ) เค้าเปิดบริษัทมาแห่งก่อนจะมาลงเอยกับ FeedBurner เลยมาเล่าวิชาสร้างกิจการให้ฟัง ผมคิดว่า session นี้เป็นหนึ่งในอันที่ดีที่สุดในงานเลย
Panel Discussion
สุดท้ายเป็น panel discussion ซึ่งช่วงนี้หมดแรงแล้วเลยเลิกจด
จากซ้ายไปขวา:
จบเสียทีครับ ขอบคุณที่ติดตาม
ขอบคุณที่แบ่งบันครับ :)
ชอบมาก ชอบมาก ๆ เล่าได้ละเอียดมาก ๆ ^o^
Mr. PeeTai
ตามอ่านตั้งแต่ต้นจนจบทั้ง 2 ตอน
เยี่ยมมากครับ ชอบมากๆๆ
ขอบคุณมากครับ
เรื่องราวที่คุณ mk ได้ถ่ายทอดจากงาน FOWA ทำให้ได้เห็นโลกในมุมที่กว้างขึ้นเยอะเลย
ได้รับรู้มุมมองไหม่ๆ ขอบคุณครับ
ขอบคุณในสิ่งที่เผื่อแผ่จริงๆ ครับ เหมือนเป็นตัวแทนประเทศไทยไปร่วมสังเกตการณ์งานใหญ่ระดับโลกเลย ^^
อีกหนึ่งปีผมเรียนจบ คิดว่าต้องเข้าสายเว็บแน่ ๆ เลย มีอะไรให้คิดให้ทำอีกเยอะมาก
ขอบคุณครับ