Bloomberg รายงานอ้างอิงคนที่เกี่ยวข้องว่า Grab ได้รับเงินลงทุนเพิ่มอีกราว 200 ล้านเหรียญจาก Stic Investment บริษัท Private Equity ของเกาหลีใต้
ตอนนี้จำนวนเงินที่ Grab ระดมทุนได้อยู่ที่รวม 1 หมื่นล้านเหรียญแล้ว โดยมี SoftBank มีหนึ่งในผู้ลงทุนใหญ่ที่สุดด้วยจำนวนเงินราว 3 พันล้านเหรียญและจาก SoftBank Vision Fund อีก 1.46 พันล้านเหรียญ ขณะที่มูลค่าของ Grab จากการประเมินของ CB Insights บริษัทวิจัยด้านการลงทุนล่าสุดคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.43 แสนล้านเหรียญ
ที่มา - Bloomberg
S.M. Entertainment ค่ายดนตรีใหญ่ของวงการ K-POP เผยได้รับเงินลงทุนจาก Naver บริษัทแม่ของ LINE เป็นมูลค่า 1 แสนล้านวอน หรือราว 83.8 ล้านดอลลาร์
Coursera แพลตฟอร์มคอร์สออนไลน์จากสถาบันต่าง ๆ ยอดนิยม ประกาศรับเงินเพิ่มทุนซีรี่ส์ F อีก 130 ล้านดอลลาร์ ทำให้บริษัทได้เงินจากนักลงทุนรวมแล้วกว่า 300 ล้านดอลลาร์ โดยผู้นำในการลงทุนรอบนี้คือ NEA รวมทั้งเงินลงทุนเพิ่มจากผู้ลงทุนเดิม อาทิ Kleiner Perkins, SEEK Group, Learn Capital, SuRo Capital Corp และ G Squared
มีรายงานว่าเงินลงทุนซีรี่ส์ F นี้ ทำให้ Coursera มีมูลค่ากิจการเพิ่มขึ้นเป็น 2,500 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Jeff Maggioncalda ระบุว่าเงินลงทุนรอบนี้ จะนำไปลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงแพลตฟอร์มให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังใช้ในการรองรับตำแหน่งงานที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้ทั้งผู้เรียน และผู้สอน ย้ายมาใช้บริการออนไลน์กันมากขึ้น
The Wall Street Journal อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง เผยว่า SoftBank กำลังพูดคุยกับที่ปรึกษาทางการเงิน พิจารณาแผนการลงทุนในอนาคตกับ Arm Holdings โดยอาจขายหุ้นทั้งหมด หรือขายหุ้นบางส่วน หรืออาจทำไอพีโอนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม SoftBank อาจเลือกไม่ทำอะไรในตอนนี้ก็ได้
SoftBank ซื้อกิจการ Arm เมื่อปี 2016 ด้วยมูลค่าราว 32,000 ล้านดอลลาร์ และนำบริษัทออกจากตลาดหุ้น เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Arm ก็เตรียมโอนย้ายธุรกิจ IoT ให้ SoftBank อีกด้วย
โซนี่ประกาศเข้าลงทุน ผ่านการถือหุ้น 1.4% ใน Epic Games คิดเป็นมูลค่า 250 ล้านดอลลาร์ โดยโซนี่ระบุว่าเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์เพื่อเพิ่มความร่วมมือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกัน
Tim Sweeney กล่าวว่าความร่วมมือนี้ทำให้ทั้งสองบริษัทซึ่งมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน ในเทคโนโลยี 3D แบบเรียลไทม์ จะร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยี สำหรับใช้ในเกม ภาพยนตร์ และดนตรี บนช่องทางออนไลน์
ตัวแทนของ Epic ยืนยันว่าดีลนี้ไม่ทำให้โซนี่ได้สิทธิ์พิเศษในเกมของ Epic แต่อย่างใด เกมของบริษัทยังสามารถเผยแพร่บนแพลตฟอร์มอื่นได้
ที่มา: VentureBeat
Jio Platforms ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือเบอร์หนึ่งของอินเดีย ยังเป็นบริษัทร้อนแรงต่อเนื่อง โดยล่าสุดอินเทลประกาศเข้าลงทุนเป็นเงิน 250 ล้านดอลลาร์ แลกกับหุ้น 0.39% ผ่านกองทุน Intel Capital โดยเป็นการซื้อหุ้นของ Jio ที่มูลค่ากิจการ 65,000 ล้านดอลลาร์
Wendell Brooks ประธาน Intel Capital กล่าวว่า Jio Platforms มีจุดเด่นคือการโฟกัสไปที่ด้านวิศวกรรม เพื่อทำให้บริการดิจิทัลมีต้นทุนต่ำและเข้าถึงคนจำนวนมาก สอดคล้องกับแนวทางของอินเทล ที่ต้องการสร้างเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้คน
ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวว่า Tencent เตรียมเข้าซื้อหุ้น Warner Music Group ค่ายเพลงรายใหญ่แห่งหนึ่งของโลก ล่าสุด Warner Music ได้ยื่นเอกสารไฟลิ่ง เพื่อเตรียมนำบริษัทไอพีโอกลับเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นอีกครั้ง ซึ่งเอกสารก็เผยว่า Tencent ได้ซื้อหุ้นคลาส A จำนวน 8 ล้านหุ้น ซึ่งเสนอขายให้ก่อนไอพีโอ คิดเป็นมูลค่าราว 246 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม Access Industries ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นหลักของ Warner Music ผ่านการถือหุ้นคลาส B ที่มีสิทธิโหวตสูงกว่า ทำให้ Tencent ถือว่ามีหุ้นใน Warner Music ราว 1.6%
สำนักข่าว Reuters อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง เผยว่า Amazon อยู่ในขั้นต้นของการเจรจาเพื่อซื้อหุ้นใน Bharti Airtel ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่อันดับ 3 ของอินเดีย โดยมูลค่าหุ้นที่จะซื้อนั้นสูงถึงกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นราว 5%
อินเดียกลายเป็นตลาดที่มาแรงจนบริษัทจากอเมริกาหลายแห่งเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะในหมวดผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ช่วงที่ผ่านมาเราเห็นการประกาศลงทุนใน Jio ผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหญ่ที่สุดของอินเดีย นำโดย Facebook และตามด้วยกองทุนอีกหลายแห่ง ก่อนหน้านี้ก็มีรายงานว่ากูเกิล ก็สนใจลงทุนใน Vodafone Idea ผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหญ่อันดับ 2 ของอินเดียเช่นกัน
มีรายงานว่ากลุ่ม Tencent อยู่ในขั้นตอนการพูดคุยกับ Warner Music Group ค่ายเพลงรายใหญ่ของโลก เพื่อเข้าซื้อหุ้นของบริษัท ก่อนที่บริษัทจะไอพีโอเข้าตลาดหุ้น โดยเงินลงทุนอาจสูงถึง 200 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะประกาศเป็นทางการในสัปดาห์หน้า
Warner Music ถือเป็นหนึ่งใน 3 ค่ายเพลงใหญ่ของโลก (อีก 2 บริษัทคือ Universal และ Sony) ปัจจุบันเป็นบริษัทในกลุ่ม Access Industries ที่เข้าซื้อกิจการและนำ Warner Music ออกจากตลาดหุ้นในปี 2011 ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนนำบริษัทกลับเข้าตลาดหุ้นอีกครั้ง
หากดีลนี้เกิดขึ้นจริง จะทำให้ Tencent กลายเป็นบริษัทเทคโนโลยี ที่เป็นผู้ถือหุ้นถึง 2 ค่ายเพลงใหญ่ โดยก่อนหน้านี้ได้ซื้อหุ้น 10% ใน Universal Music
กลายเป็นบริษัทมาแรงของโลกตอนนี้ โดยล่าสุด Jio Plarforms ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถืออันดับหนึ่งของอินเดีย ประกาศขายหุ้นบริษัท 2.32% ให้กับกองทุนรายใหญ่ KKR เป็นมูลค่าถึง 1,500 ล้านดอลลาร์ ทำให้ KKR เป็นบริษัทใหญ่ลำดับที่ 5 ที่เข้ามาถือหุ้น Jio Platform ต่อจาก Facebook, กองทุน Silver Lake, Vista Equity Partners และ General Atlantic ที่มูลค่ากิจการ 65,000 ล้านดอลลาร์
ผู้ก่อตั้งกองทุน KKR กล่าวว่า มีบริษัทไม่กี่แห่งที่มีศักยภาพจะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างดิจิทัลในระดับประเทศได้ แบบที่ Jio กำลังทำในอินเดีย และอาจทำได้ถึงในระดับโลก
Jio Plarforms ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเบอร์หนึ่งของอินเดีย ยังคงเป็นบริษัทร้อนแรงต่อเนื่อง ล่าสุดกองทุน General Atlantic ประกาศลงทุน 870 ล้านดอลลาร์ เพื่อแลกกับหุ้นของ Jio 1.34% โดยมูลค่ากิจการที่ลงทุนนั้นอยู่ราว 65,000 ล้านดอลลาร์ เท่ากับที่กองทุน Silver Lake ซื้อหุ้นก่อนหน้านี้
General Atlantic เป็นกองทุนที่มีผลงานการลงทุนเด่นในบริษัทเทคโนโลยีมามากมาย อาทิ Airbnb, Alibaba, Ant Financial, Box, ByteDance (เจ้าของ TikTok), Facebook, Slack, Snapchat และ Uber
Jio Platforms ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเบอร์หนึ่งของอินเดีย เป็นบริษัทที่ร้อนแรงขึ้นอีก โดยล่าสุดบริษัทด้านการลงทุนรายใหญ่ Silver Lake ประกาศเข้าซื้อหุ้นของ Jio คิดเป็นมูลค่าราว 747 ล้านดอลลาร์ ได้เป็นหุ้น 1.15%
ที่น่าสนใจคือมูลค่ากิจการของ Jio จากที่ Silver Lake ซื้อหุ้นนั้นอยู่ที่ 65,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่ามูลค่ากิจการที่ Facebook เข้าซื้อหุ้น 9.99% ถึง 12.5% และดีลนี้ก็ตามหลัง Facebook เพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น
Facebook ประกาศลงทุนใน Jio Platforms ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของอินเดีย เป็นเงินลงทุน 5,700 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นสกุลเงินอินเดีย 4.3 แสนล้านรูปี ตามที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ โดย Facebook จะถือหุ้น 9.99% ใน Jio ทำให้เป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ใหญ่ที่สุด (Jio เป็นธุรกิจในเครือ Reliance Industries กลุ่มทุนใหญ่ของอินเดีย)
Jio เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายที่ก่อตั้งมาไม่ถึง 4 ปี ในอินเดีย แต่ตอนนี้มีผู้ใช้งานแล้วมากกว่า 388 ล้านคน
Sony ลงทุนใน Bilibili แพลตฟอร์มอะนิเมะ เกมและความบันเทิงแขนงต่างๆ ของจีนถึง 400 ล้านเหรียญหรือกว่า 13,000 ล้านบาท เป็นสัดส่วนการถือหุ้น 4.98% เป็นการลงทุนผ่านบริษัทในเครือ Sony Corporation of America
Bilibili มีอายุ 10 ปี แจ้งเกิดจากการเป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอะนิเมะ จากนั้นจึงขยายขอบเขตคอนเทนต์ให้ครอบคลุมอีสปอร์ต, คอนเทนต์ที่ผู้ใช้งานสร้างเอง หรือ UGC, สารคดี, มิวสิควิดีโอ มีผู้ใช้งานมากถึง 130 ล้านราย ดึงดูดนักลงทุนเข้ามาไม่น้อย รวมถึง Tencent และ อาลีบาบา
Sony ระบุว่า จีนเป็นเป้าหมายตลาดความบันเทิงที่สำคัญ ด้าน Bilibili เอง ก็มีเป้าหมายผู้ใช้งานเป็น Gen Z ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ประมาณ 80% เกิดระหว่างปี 1990 ถึง 2009
เว็บไซต์ Axios รายงานข้อมูลจากสตาร์ทอัพหลายรายที่ได้เจรจาเพื่อขอรับเงินเพิ่มทุนจากกองทุน Vision Fund ของ SoftBank ในปีที่ผ่านมา ว่าสุดท้ายแล้ว SoftBank เปลี่ยนใจยกเลิกแผนลงทุน แม้จะผ่านเข้าสู่ขั้นตอนการทำข้อตกลงก็ตาม
สตาร์ทอัพที่ถูกระบุถึงมีอยู่ 3 ราย ได้แก่ Honor สตาร์ทอัพด้านสุขภาพสำหรับผู้สูงวัย ซึ่ง SoftBank แจ้งยกเลิกแผนเพิ่มทุน 150 ล้านดอลลาร์ ในช่วงสิ้นปี โดยบอกว่า Masayoshi Son ซีอีโอ SoftBank เปลี่ยนใจ
สถานการณ์ของ WeWork สตาร์ทอัพด้าน Office-sharing ยังคงรุมเร้า ตั้งแต่ซีอีโอลาออก จนถึงล้มแผนไอพีโอเข้าตลาดหุ้น ล่าสุดมีรายงานว่าหุ้นกู้ของ WeWork ที่มีการออกจำหน่าย มีนักลงทุนได้เปิดสัญญาชอร์ตเพิ่มสูงมากในสัปดาห์ที่ผ่านมา (ชอร์ตเป็นการคาดว่า มูลค่าหุ้นกู้จะลดลง จึงจะได้กำไร)
หุ้นกู้ปัจจุบันของ WeWork ที่มีการออกมา ให้อัตราผลตอบแทนที่ 7.875% เป็นหุ้นกู้เกรด Junk เนื่องจากไม่สามารถให้เรตติ้งได้ อย่างไรก็ตามนักลงทุนคาดว่า WeWork จะต้องออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อหาเงินสดเพิ่ม และต้องให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นกว่าเดิม จึงกดดันให้ราคาหุ้นกู้ปัจจุบันลดลง เพื่อให้เกิดสมดุล
Block.one บริษัทเทคโนโลยีบล็อคเชนถูก SEC หรือกลต.สหรัฐฯ สั่งปรับ 24 ล้านดอลลาร์ หลังบริษัททำการระดมทุนผ่านการทำ ICO โดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนหลักทรัพย์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
SEC ระบุว่า Block.one ได้ทำการระดมทุนผ่านทาง ICO ในช่วงเดือนมิถุนายน 2017-2018 ระดมทุนได้เงินนับพันล้านดอลลาร์ ซึ่งทาง Block.one ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสินทรัพย์ตามกฎหมายสินทรัพย์แห่งสหพันธรัฐ ซึ่ง SEC ระบุว่าเป็นความตั้งใจที่จะให้นักลงทุนไม่ได้รับข้อมูลที่จำเป็นต่อการตัดสินใจลงทุน
แอปเปิลประกาศลงทุนเพิ่มเติมอีก 250 ล้านดอลลาร์ ในบริษัท Corning Incorporated ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์กระจกสำหรับ iPhone, Apple Watch และ iPad ที่หลายคนอาจคุ้นในชื่อ Gorilla Glass เงินลงทุนนี้เป็นการลงทุนเพิ่มเติมจาก 200 ล้านดอลลาร์ ที่แอปเปิลเคยลงทุนไปในปี 2017
เงินลงทุนดังกล่าวอยู่ในโครงการ Advanced Manufacturing Fund ที่แอปเปิลใช้เพื่อการลงทุนด้านการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมทั้งเน้นไปที่การส่งเสริมการจ้างงานในสหรัฐ ซึ่ง Corning ถือเป็นซัพพลายเออร์ที่มีโรงงานอยู่ในสหรัฐ
Corning กล่าวว่าเงินลงทุนรอบใหม่นี้จะนำไปใช้ในการวิจัยและพัฒนากระจกชิ้นส่วนรุ่นใหม่ เพื่อใช้สำหรับอุปกรณ์ต่าง ๆ ในอนาคต
ธนาคารไทยพาณิชย์ประกาศลงทุนใน GOJEK หรือที่ทำการตลาดในชื่อ GET ในไทยในซีรีส์ F สร้างโซลูชั่นทางการเงินทั้งกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป ร้านค้า และคนขับ GET ผลของความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นคือ
The Wall Street Journal อ้างแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับ Masayoshi Son ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง SoftBank เผยว่า Son ได้ใช้เงินส่วนตัวซื้อ Bitcoin เป็นจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา แต่เขาก็ได้ตัดสินใจขายขาดทุนโดยคิดเป็นมูลค่าที่ขาดทุนถึง 130 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 4,100 ล้านบาท
ปัญหาคือราคาและจังหวะที่ Son ซื้อนั้น คือตอนที่ Bitcoin มีราคาแถว 20,000 ดอลลาร์ ซึ่งเกิดขึ้นช่วงเดือนธันวาคม ปี 2017 และถือเป็นราคาสูงสุดของ Bitcoin ที่จากนั้นก็มีราคาปรับลดลงมาเรื่อย ๆ และเพิ่งมีแนวโน้มกลับมาเพิ่มขึ้น โดยราคาล่าสุดอยู่ราว 5,500 ดอลลาร์ แหล่งข่าวบอกว่า Son ตัดสินใจขายขาดทุนหลังจากเข้าซื้อได้ไม่นานนัก
เราคงรู้จัก SoftBank ยักษ์ใหญ่ของวงการไอทีญี่ปุ่นกันดี โดยเฉพาะอภิมหากองทุน Vision Fund ที่ไปลงทุนในบริษัทไอทีมากมาย
ล่าสุด SoftBank เปิดกองทุนใหม่อีกกองชื่อว่า SoftBank Innovation Fund ที่มีขนาดเล็กกว่ากันมาก คือ 5 พันล้านดอลลาร์ แต่มีภารกิจเจาะจงกว่าคือลงทุนในตลาดละตินอเมริกาเพียงอย่างเดียว เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่ SoftBank มองว่าจะเติบโตอย่างสูง
SoftBank ยังจัดโครงสร้างองค์กรใหม่เป็น SoftBank Latin America Local Hub เพื่อรวมศูนย์การปฏิบัติงานในละตินอเมริกา และช่วยสนับสนุนบริษัทที่ SoftBank ไปลงทุนเอาไว้ให้เจาะตลาดนี้ได้สะดวกขึ้นด้วย
Berkshire Hathaway บริษัทด้านการลงทุนของมหาเศรษฐีชื่อดัง วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) ออกรายงานประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2018 เปิดเผยว่าบริษัทได้ขายหุ้นของ Oracle ที่ถือครองอยู่ทั้งหมด 41.4 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 2,130 ล้านดอลลาร์ ออกไปในช่วงไตรมาสดังกล่าว
ประเด็นที่น่าสนใจคือ Berkshire ได้เริ่มเข้าซื้อหุ้น Oracle เมื่อช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เท่ากับว่าบริษัทลงทุนในหุ้น Oracle เป็นเวลาเพียงไม่ถึง 2 เดือน ก็ตัดสินใจขายหุ้นออกมาทั้งหมด ซึ่งถ้าใครติดตามรูปแบบการลงทุนของบัฟเฟตต์ คงพอทราบว่าเขามักลงทุนกับบริษัทแบบระยะยาวมากกว่า
Beacon VC บริษัทลงทุนของธนาคารกสิกรไทย ประกาศลงทุนใน Jitta (จิตตะ) สตาร์ตอัพ FinTech สัญชาติไทย โดย Beacon VC เป็นผู้ลงทุนหลักของรอบการระดมทุน pre-Series A มูลค่า 6.5 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 200 ล้านบาท)
Jitta เป็นแพลตฟอร์มการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (value investment) ตามแนวทางของ Warren Buffett โดยใช้อัลกอริทึมช่วยวิเคราะห์ผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ในตลาดหลักทรัพย์ แสดงผลออกมาเป็นอันดับ Jitta Ranking
นอกจากบริการด้านข้อมูลแล้ว Jitta ยังเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่คือ Jitta Wealth กองทุนหุ้นอัตโนมัติที่บริหารจัดการด้วยเทคโนโลยี (automated stock investment) ที่ลงทุนตาม Jitta Ranking โดยอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตจัดการกองทุนส่วนบุคคลจาก ก.ล.ต.
สิริ เวนเจอร์ส บริษัทลงทุนในเครือบริษัทแสนสิริ ที่เน้นการสนับสนุนสตาร์ทอัพสายอสังหาริมทรัพย์ เผยแผนการลงทุนครั้งใหญ่ เตรียมสร้าง sandbox เปิดพื้นที่ให้สตาร์ทอัพนำของมาทดลองใช้ในพื้นที่จริงในชื่อโครงการว่า SIRI VENTURES Private PropTech Sandbox
นายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี บริษัท สิริ เวนเจอร์ส ระบุว่าแสนสิริเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกที่ใช้โมเดลนี้เข้ามาใช้ต่อยอดนวัตกรรมสำหรับการพักอาศัยเพื่อลูกบ้านแสนสิริ หลังจากความสำเร็จในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาของ สิริ เวนเจอร์ส
หลังได้รับเงินลงทุนจาก Toyota ไป 1,000 ล้านดอลลาร์เมื่อเดือนมิถุนายน ล่าสุด Grab ได้รับเงินลงทุนเพิ่มเติมอีก 1,000 ล้านดอลลาร์จาก Ping An Capital และ Lightspeed Venture Partners บริษัทลงทุนจากจีนและสหรัฐตามลำดับ
Ming Maa ประธานของ Grab ระบุว่าจะนำเงินก้อนนี้ไปลงทุนเพิ่มเติมในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท พร้อมตั้งเป้าด้วยว่า ปีนี้รายได้ของบริษัทน่าจะแตะถึง 1,000 ล้าน ซึ่งจะเป็นบริษัทแรกในภูมิภาค
ที่มา - Bloomberg