มีข้อมูลจากซอฟต์แวร์ BridgeOS 2.0 จาก Apple เผยว่า iMac Pro อาจมีหน่วยประมวลผลร่วมเป็น ARM โดยคาดว่าน่าจะเลือกใช้ A10 Fusion เพื่อให้ Mac สามารถใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ บน iOS ได้ และน่าจะถือว่าเป็น Mac เครื่องแรกที่ใส่ชิพ ARM ที่เป็นซีรีส์ A เข้ามา

Johnathan Levin และ Steve Troughton-Smith สองนักพัฒนาผู้ค้นพบข้อมูลรายงานผ่าน Twitter ว่า ชิพ A10 Fusion นี้น่าจะเอาไว้ใช้ประโยชน์ในด้านฟีเจอร์คล้าย ๆ iOS อย่างเช่นการสั่งเรียก "Hey Siri" หรือ "หวัดดี Siri" รวมถึงชิพนี้อาจมีการรันในระหว่างที่ iMac Pro ถูกปิดเครื่องด้วย

ทั้งนี้ Apple ยังไม่ประกาศวันที่วางจำหน่าย iMac Pro แต่อย่างใด โดยกำหนดการที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้าคือในเดือนธันวาคมปีนี้

Apple ปล่อย macOS 10.13 High Sierra ให้ดาวน์โหลดแล้ว Mac ที่รองรับสามารถอัปเกรดได้ฟรี โดยมีฟีเจอร์หลักๆ เช่น

Pixelmator ซอฟต์แวร์กราฟิกชื่อดังบน macOS เปิดตัว Pixelmator Pro ที่ปรับปรุงครั้งใหญ่ทั้งในแง่ฟีเจอร์และ UI

UI ของ Pixelmator Pro ปรับมาเป็นหน้าจอเดียว (single window) ออกแบบขึ้นด้วยแนวคิด hidden interface ซ่อนทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อเน้นแสดงผลภาพให้มากที่สุด บวกกับซัพพอร์ตฟีเจอร์ของ Mac ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งจอ (split-screen), การซิงก์กับ iCloud, เอนจินกราฟิกรองรับ Metal 2 รวมถึงการรองรับ Touch Bar บนคีย์บอร์ด MacBook Pro

แบบสำรวจที่จัดทำโดย Verto Analytics เผยให้เห็นว่าผู้ใช้คอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ ที่ใช้แล็ปท็อปวินโดวส์จำนวน 21% และผู้ใช้เดสก์ท็อประบบวินโดวส์ 25% มีแผนจะเปลี่ยนไปใช้แมคภายใน 6 เดือนข้างหน้า ในขณะที่มีผู้ใช้แมคจำนวน 2% เท่านั้นที่มีแผนจะเปลี่ยนไปใช้วินโดวส์ ทั้งนี้กลุ่มผู้ใช้งานที่มีแผนจะเปลี่ยนไปใช้แมคมากที่สุดคือผู้ที่มีรายได้ 1.5 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีขึ้นไป รองลงมาคือผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 1.5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ ลงไป

แอปเปิลเปิดตัว iMac Pro คอมพิวเตอร์ที่ระบุว่าเป็น The most powerful Mac ever ด้วยสมรรถนะสูงสุด 11 Teraflops

iMac Pro ใช้ดีไซน์แบบออลอินวันแบบเดียวกับ iMac แต่ใช้โทนสีดำตามแบบฉบับของโปร สเปกจัดเต็มด้วยจอ 5K, ซีพียู Xeon สูงสุด 18 คอร์, จีพียู Radeon Vega รุ่นใหม่ล่าสุด, แรมแบบ ECC, SSD ขนาดสูงสุด 4TB, 10Gb Ethernet, Thunderbolt 3 จำนวน 4 พอร์ต ทั้งหมดในราคาเริ่มต้นที่ 4999 ดอลลาร์

ข้อเสียของ iMac Pro คงเป็นอีกนานกว่าจะวางขาย ใครอยากได้ต้องรอกันถึงเดือนธันวาคมนู่นเลย

ข้อจำกัดของการเขียนแอพ iOS ในปัจจุบันคือเราจำเป็นต้องใช้แมคเพื่อเชื่อมต่อกับ iOS ในการรันและทดสอบแอพบนเครื่องจริง อย่างไรก็ตาม ในงาน Build 2017 เมื่อคืนนี้ ไมโครซอฟท์ก็ทำลายข้อจำกัดนี้แล้วด้วย Xamarin Live

Xamarin Live เป็นแอพที่ติดตั้งบน iOS/Android ให้เราสามารถส่งไฟล์ไบนารีของแอพจาก Visual Studio ไปรันบนสมาร์ทโฟนได้แบบไม่ต้องต่อสาย

ขั้นตอนการทำงานคือเราต้องเชื่อมต่อ (pair) ฝั่งของ Visual Studio กับแอพ Xamarin Live บนมือถือก่อนด้วยการสแกน QR Code เมื่อจับคู่กันเสร็จแล้ว Xamarin Live จะพรีวิวโค้ดของเราบนหน้าจอสมาร์ทโฟน เมื่อเราแก้ไขโค้ด แอพบนหน้าจอ Xamarin Live ก็จะเปลี่ยนแปลงแบบเรียลไทม์

ไมโครซอฟท์ประกาศปรับสถานะ Visual Studio 2017 for Mac จากสถานะพรีวิวที่ปล่อยมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว มาเป็นสถานะ GA (general available)

ตัว IDE รองรับการพัฒนาจาก Visual Studio เต็มรูปแบบ ทั้ง แอนดรอยด์, แมค, iOS, tvOS, watchOS, เว็บ, และคลาวด์

ไฟล์โปรเจคยังคงใช้ของเดิมจากวินโดวส์ได้, รองรับระบบแพ็กเกจ NuGet, รวมถึงการอินทิเกรต Git ในตัว

ที่มา - Visual Studio

ท่าทีของไมโครซอฟท์ในช่วงหลังชัดเจนมาก ว่าวางตำแหน่งของ Surface ให้จับตลาดผู้ใช้แมค ทั้งการนำ Surface Book ไปเทียบกับ MacBook Pro โดยตรง หรือแคมเปญนำเครื่องแมคเก่ามาเทิร์นเป็น Surface

ล่าสุดไมโครซอฟท์ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการออกซอฟต์แวร์บน macOS ชื่อว่า Surface Migration Assistant ช่วยอำนวยความสะดวกให้คนที่ใช้แมคอยู่แล้ว อยากย้ายข้อมูลในเครื่องไปยัง Surface เครื่องใหม่ได้สะดวกสบายมากขึ้น

แอพตัวนี้ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่มีคนพบไฟล์บนเซิร์ฟเวอร์ของไมโครซอฟท์ และสามารถดาวน์โหลดมาทดลองใช้บนแมคได้แล้ว

Nate Mitchell หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Oculus ให้สัมภาษณ์กับ TechCrunch เนื่องในประเด็นการลดราคาฮาร์ดแวร์ หัวข้อหนึ่งที่น่าสนใจคือแผนการซัพพอร์ต macOS (Mitchell ใช้ MacBook Pro รุ่นล่าสุดเป็นเครื่องทำงาน) คำตอบคือบริษัทอยากซัพพอร์ตแมคอยู่แล้ว แต่ยังไม่อยู่ในแผนอย่างน้อยก็ใน 6 เดือนข้างหน้า

แอพพลิเคชั่น Daily Wallpaper ของกูเกิลที่ตอนแรกทำออกมาเฉพาะในสมาร์ทโฟน Google Pixel เท่านั้น ล่าสุดมีอัพเดตเพิ่มเติม สามารถใช้บนมือถือแอนดรอยด์อื่นๆ รวมถึงเครื่อง Mac ด้วย

Daily Wallpaper คือแอพที่เปิดให้ผู้ใช้สามารถเลือกภาพ และอัพโหลดภาพวอลเปเปอร์สวยๆ ของตัวเองลง Google+ ได้ จากนั้นแอพก็เปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์เป็นภาพใหม่ไม่ซ้ำกันทุกๆ วันให้

จากที่ตอนแรกกูเกิลทำมาให้ใช้ใน Google Pixel เท่านั้น วันนี้มีอัพเดตว่าผู้ที่ใช้มือถือแอนดรอยด์ทั่วไปก็สามารถดาวน์โหลดแอพได้ทาง Google Play แล้ว และผู้ที่ใช้ Mac ดาวน์โหลดได้ที่ Featured Photos Screensaver for Mac

สำหรับใครที่ไม่เคยใช้ มีคำแนะนำดังนี้

มีข่าวเมื่อวันก่อนว่า ไมโครซอฟท์จะเปิดตัว Visual Studio for Mac เมื่อคืนนี้ ข่าวอย่างเป็นทางการก็มาแล้ว

โดยเนื้อแท้แล้ว Visual Studio for Mac คือการนำ Xamarin Studio ของบริษัท Xamarin ที่ไมโครซอฟท์ซื้อมาเมื่อกลางปี มาปรับปรุงใหม่ในชื่อ Visual Studio ดังนั้นความสามารถของมันจะยังไม่เทียบเท่ากับ Visual Studio เวอร์ชันพีซี

Visual Studio for Mac จะรองรับการเขียนภาษา C#, F# ในตัว และรองรับการเขียน .NET เพื่อแปลงเป็นแอพมือถือทั้ง iOS/Android (ฟีเจอร์เดิมของ Xamarin) ฝั่งของการพัฒนาบนเว็บและคลาวด์ รองรับ .NET Core, ASP.NET Core และการเชื่อมต่อกับ Azure App Services

ผู้ใช้แมคคงคุ้นเคยกับเสียงดนตรีตอนเปิดเครื่องที่เป็นเอกลักษณ์มายาวนาน (ใครไม่เคยได้ยิน ฟังได้จากคลิปท้ายข่าว เสียงบูตเครื่องนี้ เป็นสัญญาณว่าการตรวจเช็คระบบหลังเปิดเครื่องผ่านไปด้วยดี และกำลังจะเข้าสู่กระบวนการบูตระบบปฏิบัติการ ) แต่เสียงนี้หายไปแล้วใน MacBook Pro รุ่นใหม่ กลายเป็นความเงียบที่ไม่มีเสียงใดๆ

ของใหม่อีกอย่างที่ถูกเพิ่มเข้ามาใน MacBook Pro คือมันจะเปิดเครื่องเองทันทีเมื่อเปิดฝาเครื่อง (แม้จะอยู่ในสถานะปิดแบบ shutdown ก็ตาม) ดังนั้นการตัดเสียงบูตออก น่าจะช่วยลดความรำคาญลงได้จากการเปลี่ยนแปลงนี้

ที่มา - Gizmodo, 9to5mac

PlayStation Vue บริการทีวีออนไลน์ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2014 ประกาศลงแพลตฟอร์ม Android TV แล้ววันนี้ ด้านพีซีและแมคในรูปแบบเว็บไซต์จะตามมาในอนาคต ซึ่งสามารถสมัครบริการผ่านเว็บไซต์ได้ทันที ไม่ต้องใช้เครื่อง PlayStation

การใช้งานบน Android TV ต้องการระบบปฏิบัติการเวอร์ชัน 4.4 ขึ้นไป สำหรับผู้สมัครใหม่จะได้สิทธิ์ทดลองใช้ฟรี 7 วัน แล้วทำการเชื่อมต่อบัญชีกับเครื่อง Android TV

ด้านการใช้งานบนพีซีและแมค จะมาพร้อมฟีเจอร์อย่าง mini-player ด้านรายละเอียดอื่นๆ ยังไม่เปิดเผย

ที่มา - PlayStation Blog

เป็นที่รู้กันว่าราคาค่าตัวของอุปกรณ์ตระกูล Mac ของแอปเปิลสูงกว่าพีซีหรือแล็บท็อปทั่วไปมาก แต่จากจัดซื้ออุปกรณ์ตระกูล Mac ให้พนักงานใช้ IBM กลับพบว่าค่าใช้จ่ายในระยะยาวนั้นถูกกว่าพีซีค่อนข้างมาก

Fletcher Previn รองประธานฝ่าย Workplace as a Service ของ IBM เผยว่าถึงแม้ราคาของ Mac จะสูงกว่า แต่เมื่อคำนวนค่าใช้จ่ายในระยะยาวแล้ว ถือว่าถูกกว่าพีซี ที่ได้ราคาที่ดีที่สุดจากไมโครซอฟท์ราว 3 เท่า เนื่องจากพนักงานที่ใช้พีซีพบปัญหาและต้องโทรเรียกซัพพอร์ทมากกว่า Mac ถึง 2 เท่า รวมถึงค่าใช้จ่ายในการจัดการและติดตั้งที่มากกว่า ซึ่งทำให้ IBM ประหยัดไปได้ราว $273 - $543 ต่อ Mac 1 เครื่อง

ล่าสุด BioWare นำเกม Action-RPG สุดคลาสสิกอย่าง Jade Empire มาลง iOS กับ Mac แล้ว ในรูปแบบของ Special Edition

เกม Jade Empire เป็นเกมที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2005 และมีแฟน ๆ จำนวนมากรอคอยการมาของภาคต่ออยู่เสมอมา ถึงแม้ตัวเกมนี้จะไม่ใช่ภาคใหม่ แต่การที่ BioWare กลับมาพัฒนาแฟรนไชส์นี้ต่อ เรียกได้ว่าเป็นแสงแห่งความหวังให้แก่แฟน ๆ เลยทีเดียว

ผู้ที่สนใจสามารถซื้อเกมผ่านทาง iTunes ในราคา 10$ จากรายละเอียดที่ระบุไว้ในร้านค้า ดูเหมือนว่าเกมจะออกแบบใหม่ ให้สามารถควบคุมได้ง่ายบนมือถือโดยเฉพาะ ภายในเกมยังมีเนื้อหาให้เล่นถึงมากกว่า 40 ชั่วโมงด้วยกัน

เมื่อต้นปีนี้ ไมโครซอฟท์เปิดซอร์ส Chakra เอนจินจาวาสคริปต์ของ Edge โดยใช้ชื่อโครงการว่า ChakraCore พร้อมประกาศว่าจะพอร์ตมันไปยังระบบปฏิบัติการอื่นด้วย

ล่าสุดไมโครซอฟท์ประกาศว่า ChakraCore สามารถรันบนลินุกซ์และแมคได้แล้ว โดยทำงานได้กับ Ubuntu 16.04 LTS และ OS X 10.9 ขึ้นไป (ลินุกซ์ดิสโทรอื่นก็สามารถรันได้ แต่ไมโครซอฟท์ทดสอบบน Ubuntu เป็นหลัก) อย่างไรก็ตาม ไมโครซอฟท์ยอมรับว่า ChakraCore บนวินโดวส์ยังมีความสามารถ-ประสิทธิภาพเหนือกว่า และจะเดินหน้าพัฒนาให้ ChrakaCore บนทุกแพลตฟอร์มมีความสามารถทัดเทียมกันต่อไป

นักวิจัยจาก Bitdefender ค้นพบมัลแวร์ใหม่บน Mac ซึ่งมีชื่อว่า Backdoor.MAC.Eleanor ซึ่งสามารถเข้าถึงและควบคุมระบบของ macOS ได้

นักวิจัยได้ค้นพบมัลแวร์ตัวนี้จากแอพแปลงไฟล์ชื่อว่า EasyDoc Converter ซึ่งเป็นแอพที่บอกว่าเป็นแอพแปลงไฟล์แบบ drag-and-drop แต่จริง ๆ แล้วในตัวแอพไม่ได้มีความสามารถในการแปลงไฟล์เลย มีแต่ความสามารถในการดาวน์โหลดสคริปต์อันตราย

Tiberius Axinte หัวหน้าฝ่ายเทคนิคของ Bitdefender Antimalware Lab ได้เผยว่ามัลแวร์ชนิดนี้อันตรายเพราะยากที่จะตรวจจับ และให้ผู้บุกรุกสามารถเข้าควบคุมระบบได้ เช่น ล็อกเครื่อง, นำข้อมูลไปขู่แบล็คเมล์ หรือเปลี่ยนให้เครื่องการเป็น botnet สำหรับการโจมตีเครื่องอื่น ๆ ก็ได้

ตั้งแต่เมื่อวานนี้ เริ่มมีการรายงานจากผู้ใช้บางคนบน Facebook และเว็บไซต์ Pantip.com (รวมไปถึงโพสต์ในส่วน forum ของที่นี่) ว่า Microsoft Office for Mac เริ่มสามารถตัดคำไทยได้แล้ว

จากโพสต์บน Facebook ของผู้ใช้ที่มีชื่อว่า Kan Yuenyong ระบุว่าคนที่ต้องการทดสอบความสามารถในการตัดคำภาษาไทยนี้ จะต้องเป็นผู้ทดสอบตามโครงการ Office Insider โดยจะได้รับอัพเดต สำหรับ Microsoft Word เป็นรุ่น 15.23.0 ซึ่งจะสามารถตัดคำไทยได้แล้ว ส่วนกระทู้จากเว็บไซต์ Pantip.com ระบุว่าเมื่อได้รับอัพเดตเป็น 15.24.0 ก็จะสามารถตัดคำไทยได้ และมีการตรวจการสะกดคำผิดภาษาไทยมาด้วย

อาจจะไม่ใช่ข่าวดีติดๆ กันสำหรับ Apple เมื่อบริษัทวิจัยตลาด TrendForce ออกมาเผยยอดตัวเลขประมาณการณ์ยอดส่งมอบโน้ตบุ๊กในไตรมาสแรกของปีนี้ซึ่งทำไปได้ 35.62 ล้านเครื่อง คิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วยอดตกลงไปถึง 19% จากไตรมาสที่แล้ว (Q4, 2015) และเมื่อเทียบปีต่อปีแล้วอยู่ที่ 7.3%

ทิศทางของ Microsoft Office ในช่วงหลังๆ (นับตั้งแต่รุ่น 2013) เปลี่ยนจาก "โปรแกรม" กลายเป็น "แพลตฟอร์ม" สำหรับการทำงาน โดยมีเอกสารอยู่บนกลุ่มเมฆ มีแอพหลักที่ไมโครซอฟท์พัฒนาเอง และเปิดช่องให้นักพัฒนาภายนอกเข้ามาสร้างแอพบนแพลตฟอร์ม Office ได้ผ่านส่วนขยาย (ไมโครซอฟท์เรียก Add-in)

ในงาน Build 2016 เมื่อวานนี้ ไมโครซอฟท์ยังเดินหน้าต่อไปในทางนี้ โดยประกาศว่า Office of Mac 2016 จะรองรับ Add-in เช่นเดียวกับ Office บนแพลตฟอร์มอื่นๆ (ระบบ Add-in ของ Office ทำงานได้ข้ามแพลตฟอร์ม ใช้ได้ทั้งบน Windows, iPad, เว็บ)

Add-in บนแมคจะใช้งานได้เร็วๆ นี้ ตัวอย่าง Add-in ที่ไมโครซอฟท์นำมาโชว์คือ Starbucks ทำระบบส่งบัตรของขวัญให้เพื่อนผ่าน Outlook ได้โดยตรง

หลังจาก Transmission ซึ่งเป็น BitTorrent client ได้ออกอัพเดตใหม่ 2.90 หลังจากที่ร้างไป 2 ปี ก็เจอปัญหาจนได้เมื่อมีคนค้นพบว่า Transmission เวอร์ชันใหม่นี้ติดมัลแวร์เรียกค่าไถ่บน OS X มาด้วย

มัลแวร์เรียกค่าไถ่นี้ชื่อว่า KeRanger ถูกค้นพบโดย Palo Alto Networks Inc ตัวมัลแวร์จะใช้เวลาประมาณ 3 วันในการติดต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้สร้างมัลแวร์ จากนั้นจัดการเข้ารหัสข้อมูลทั้งดิสก์ และเรียกค่าไถ่ถ้าต้องการให้ปลดล็อก 1 bitcoin (ประมาณ 400 ดอลลาร์)

มาถึงตอนนี้ แว่น Oculus Rift ยังรองรับเฉพาะระบบปฏิบัติการวินโดวส์เท่านั้น ฝั่งผู้ใช้แมคคงมีคำถามว่าสุดท้ายแล้ว Oculus จะรองรับแมคด้วยหรือไม่

เรื่องนี้ Palmer Luckey ซีอีโอของ Oculus ให้สัมภาษณ์กับเว็บข่าว ShackNews คำตอบของเขาคือ "ขึ้นกับแอปเปิล ถ้าแอปเปิลออกคอมดีๆ มา เราก็จะทำ" (Palmer ใช้คำว่า good computer)

เขาขยายความว่าแอปเปิลไม่ได้ออกคอมพิวเตอร์ที่มี GPU ระดับสูงพอสำหรับ Oculus ตัวอย่างคือ Mac Pro ราคา 6,000 ดอลลาร์ ได้ AMD FirePro D700 ซึ่งยังต่ำกว่าสเปกที่ Oculus ต้องการ ดังนั้นต่อให้ Oculus อยากรองรับแมค ก็ยังทำไม่ได้ในตอนนี้

บริษัทแบ็คอัพ Backblaze รายงานบั๊กของ Adobe Creative Cloud อัพเดตล่าสุด 3.5.0.206 บนแมค หลังจากผู้ใช้ล็อกอินเข้าระบบแล้ว สคริปต์ของ Adobe จะลบไดเรคทอรีแรก (เรียงตามตัวอักษร) ในไดเรคทอรี root ของระบบทิ้ง

กรณีของ Backblaze มีไดเรคทอรีชื่อ .bzvol เป็นไดเรคทอรีซ่อนสำหรับเก็บข้อมูลแบ็คอัพของผู้ใช้ ซึ่งมักเป็นไดเรคทอรีลำดับแรก และโดนลบข้อมูลไปด้วย ส่วนผู้ที่ไม่ได้ใช้ Backblaze มักมีไดเรคทอรี .DocumentRevisions-V100 ที่เก็บข้อมูล autosave และ version history ของระบบแทน

Adobe รับทราบปัญหานี้และหยุดอัพเดตแพตช์ตัวนี้ไปก่อน ทางแก้แบบชั่วคราวสำหรับคนที่อยากใช้ Creative Cloud ตอนนี้คือสร้างไดเรคทอรีหลอกขึ้นต้นด้วย .a เพื่อให้โดนลบแทนครับ

ปัจจุบัน แอพที่ไม่ได้ปล่อยให้ดาวน์โหลดจาก App Store (หรือที่เรียกว่าแอพภายนอก) มักจะใช้เฟรมเวิร์คสำหรับการอัพเดตซอฟต์แวร์ที่ชื่อว่า Sparkle ในการตรวจสอบและอัพเดตแอพ โดยมีผู้ค้นพบค้นพบช่องโหว่บนเฟรมเวิร์คว่าสามารถโดนโจมตีแบบ man-in-the-middle attack ได้

Ars Technica รายงานว่าพบช่องโหว่บนเอนจินเรนเดอร์ WebKit บน Sparkle โดยขณะกำลังตรวจสอบการอัพเดตซอฟต์แวร์เมื่อเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายนอกผ่านช่องทาง HTTP ที่ไม่มีการเข้ารหัส ผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถตรวจจับทราฟฟิกของเครือข่าย Wi-Fi และส่งโค้ดอันตรายไปรันบนเครื่องเหยื่อได้

หลังจากที่ไมโครซอฟท์ประกาศว่า Windows 10 ยอดใช้งานถึง 200 ล้านคน ล่าสุด ข้อมูลประจำเดือนธันวาคมจาก Steam แสดงส่วนแบ่งระบบปฏิบัติการที่ถึงแม้ Windows 7 64 บิต ยังคงนำอยู่ที่ 34.81% แต่ก็ถูก Windows 10 64 บิต ไล่จี้มาที่ 31.25% แล้ว แต่มีสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ยอดของ Windows XP แบบ 32 บิต กลับมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น 0.01% แม้ไมโครซอฟท์ได้สิ้นสุดการสนับสนุนไปแล้ว

ด้าน OS X และ Linux ต่างลดลงที่ 0.08% และ 0.02% ตามลำดับ และอัตราส่วนของหน่วยประมวลผลยังคงเป็น Intel ที่ผงาดครอบครองส่วนแบ่งอยู่ 76.31% และ GPU ยังเป็น Nvidia ที่มีอยู่ 54.61%