นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นแรกๆ Pebble เลิกกิจการไปตั้งแต่ปี 2016 โดยขายสินทรัพย์ให้ Fitbit โดย Fitbit ปิดเซิร์ฟเวอร์ของ Pebble ในปี 2018 หลังจากนั้นยังมีชุมชนผู้ใช้งานคอยช่วยดูแลกันต่อไปในชื่อ Rebble
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือ Fitbit ขายกิจการต่อให้กูเกิล (เสร็จสมบูรณ์ในปี 2021) ทำให้ตอนนี้กูเกิลมีสถานะเป็น "เจ้าของ" สินทรัพย์ของ Pebble ด้วย
ตามที่สมาร์ทวอทช์ Pebble ซึ่งได้ขายกิจการให้ Fitbit ไปตั้งแต่ปลายปี 2016 และทาง Fitbit บอกว่าบริการต่าง ๆ ของ Pebble จะยังใช้งานได้ต่อไปถึง 30 มิถุนายน 2018 ซึ่งหลังจากนี้บริการทั้งหมด รวมทั้งข้อมูลบัญชี Pebble Appstore ฯลฯ จะถูกปิดทั้งหมด อย่างไรก็ตามมีกลุ่มนักพัฒนาที่ตัดสินใจร่วมมือกันเพื่อต่อเวลาให้ Pebble อีกด้วยโครงการ Rebble.io
Fitbit ได้เข้าซื้อสินทรัพย์จาก Pebble และให้คำสัญญาว่าบริการต่าง ๆ ของ Pebble จะใช้ได้ตลอดปี 2017 ซึ่งล่าสุด Fitbit ก็ได้ขยายการสนับสนุนบริการ Pebble เพิ่มเติมไปจนถึง 30 มิถุนายนปีนี้ เพื่อให้ผู้ใช้ Pebble ยังคงสามารถใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้เหมือนเดิม และให้นักพัฒนาแอพบนแพลตฟอร์ม Pebble มีเวลาในการพอร์ตแอพและคอนเทนต์ต่าง ๆ มาสู่ Fitbit Ionic
Pebble ได้ออกอัพเดตนาฬิกาเพื่อให้รองรับการทำงานแม้จะไม่ได้เชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือลดการพึ่งพาบริการคลาวด์ของ Pebble หลังจากที่ Pebble ได้ขายสินทรัพย์ให้ Fitbit ไปแล้ว
เมื่อปีที่แล้ว Pebble ยืนยันว่าบริการจะใช้ได้เหมือนเดิมตลอดปี 2017 การอัพเดตครั้งนี้จึงเป็นการบ่งบอกเป็นนัยว่า Fitbit ที่ซื้อ Pebble ไปแล้วจะสามารถปิดเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการผู้ใช้ Pebble ได้ทุกเมื่อ หลังจากผ่านปี 2017 ตามที่สัญญาไปแล้ว
Fitbit ได้ซื้อสินทรัพย์และสิทธิบัตรของ Pebble ไปเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามไม่มีใครทราบว่ามูลค่าในการซื้อขายอยู่ที่เท่าใด รายงานข่าวนั้นบอกเพียงไม่สูงมาก และระบุว่าอยู่ราว 34-40 ล้านดอลลาร์ แต่เมื่อ Fitbit ออกรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุด (ก่อนหน้านี้คือเบื้องต้น) ก็ได้เผยราคาจริงในการซื้อ Pebble ซึ่งน้อยกว่าที่ลือกันเสียอีก
โดย Fitbit ระบุว่ามูลค่าในการซื้อ Pebble นั้นอยู่ที่ 23 ล้านดอลลาร์ โดยเป็นการมาทั้งสินทรัพย์, สิทธิบัตร และพนักงานบางส่วน ซึ่งที่ราคานี้น้อยกว่าเงินที่ Pebble สามารถระดมทุนได้ 26 ล้านดอลลาร์ เมื่อต้นเดือนปี 2016 เสียอีก
สำหรับไตรมาสที่ผ่านมา Fitbit มีรายได้ 573.8 ล้านดอลลาร์ ลดลง 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจาก Fitbit Charge 2, Alta, Fitbit Blaze และ Fitbit Flex 2 สุทธิแล้วขาดทุน 125.7 ล้านดอลลาร์
ที่มา: Fitbit และ Business Insider
หลังการขายกิจการ Pebble ให้กับ Fitbit ก็มีคำถามตามมาว่าแล้วอนาคตของผู้ที่ซื้อ Pebble มาใช้จะเป็นอย่างไรต่อไปจากนี้ ล่าสุดทาง Pebble ออกมาอธิบายประเด็นดังกล่าวแล้ว
โดย Jon Barlow นักพัฒนาของ Pebble (ซึ่งตอนนี้ทำงานกับ Fitbit) ได้เขียนบล็อกอธิบายก้าวต่อไปของ Pebble มีประเด็นสำคัญดังนี้
หลังจากที่มีข่าวลือเกี่ยวกับการขายกิจการมาระยะหนึ่ง ในที่สุดวันนี้ Pebble ได้ประกาศผ่านทาง Kickstarter Update และบล็อกของบริษัทโดยมีเนื้อหาสำคัญว่า Fitbit ได้ตกลงที่จะเข้าซื้อ "สินทรัพย์ที่สำคัญ" ของ Pebble ซึ่งจะทำให้บริษัทไม่สามารถดำเนินกิจการได้ต่อไป และตัดสินใจที่จะปิดตัวลง โดยที่ Pebble จะหยุดการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้งหมด รวมทั้งยุติการรับประกันสินค้าที่ถูกจำหน่ายไปแล้วด้วย
สำหรับผู้สนับสนุนการระดมทุนผ่าน Kickstarter ที่ยังไม่ได้รับสินค้า (Pebble Time 2 และ Pebble Core) จะได้รับเงินคืนเต็มจำนวนภายใน 4-8 สัปดาห์
สำนักข่าว Bloomberg รายงานข้อมูลเพิ่มเติมจากข่าว Fitbit เตรียมซื้อกิจการ Pebble โดยหลายแหล่งข่าวยืนยันว่าดีลใกล้ยุติและเตรียมเปิดเผยอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งมีข้อมูลสำคัญเพิ่มเติมดังนี้
ที่มา: Bloomberg
The Information รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวหลายรายว่า Fitbit ได้ปิดดีลเข้าซื้อกิจการ Pebble ไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยมูลค่าที่ไม่สูงมาก ซึ่ง Engadget บอกว่าอยู่ราว 34-40 ล้านดอลลาร์ แต่ก็มากพอที่จะให้ Pebble ไปชำระหนี้สินที่ค้างกับซัพพลายเออร์ได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีข่าวว่า Pebble ประสบปัญหาทางการเงินมาตลอด จนต้องปลดพนักงานออกจำนวนหนึ่ง
ดีล Pebble นี้อาจไม่สวยนัก เพราะก่อนหน้านี้ Pebble เคยได้รับข้อเสนอขอซื้อกิจการจาก Citizen เมื่อปี 2015 ถึง 740 ล้านดอลลาร์ และล่าสุดเป็นข้อเสนอจาก Intel มูลค่า 70 ล้านดอลลาร์ เพื่อแลกกับการยุติโครงการ Pebble 2 ซึ่ง Pebble บอกปัดทั้งสองข้อเสนอ แล้วสุดท้ายก็มาจบที่ Fitbit นั่นเอง
ตัวแทนของทั้งสองบริษัทยังไม่ได้ออกมายืนยันใดๆ แต่ Twitter @Pebble ก็ทวีตข้อความต่อข่าวนี้ว่า ¯_(ツ)_/¯ (ล่าสุดทวีตถูกลบไปแล้ว)
ที่มา: Engadget และ TechCrunch
Pebble ได้ออกอัพเดตเฟิร์มแวร์ล่าสุดทั้งสำหรับ Pebble 2 และ Pebble Time เวอร์ชัน 4.3 โดยมาพร้อมกับฟีเจอร์ต่าง ๆ มากมาย ดังนี้
สำหรับ Pebble 2 และ Pebble Time
สำหรับ Pebble 2 เท่านั้น
เมื่อปี 2012 Pebble Technology เริ่มโครงการ Pebble Watch บน Kickstarter และสร้างปรากฏการโครงการที่มีผู้สนับสนุนมากที่สุดในเว็บ (ปัจจุบันโดนแซงโดยโครงการ Pebble Time โดย Pebble Technology เช่นกัน)
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Pebble Technology ประกาศขอสนับสนุนโครงการใหม่คือโครงการ Pebble2, Time2 ซึ่งเป็นการอัพเกรดอุปกรณ์เดิมให้ดีขึ้นและเพิ่มคุณลักษณะ การตรวจวัดการเต้นหัวใจ และ ระบบปฏิบัติการ Pebble OS รุ่น 4.0 ที่เน้นความสามารถไปทางด้านสุขภาพและกีฬา เพื่อให้ใช้ความสามารถของ Pebble Watch ได้มากขึ้น
คำเตือน ภาพเยอะมาก
Pebble ออกอัพเดตซอฟต์แวร์ใหม่เวอร์ชัน 4.0 เพื่อรองรับ Pebble 2 และ Pebble Time 2 ที่กำลังเริ่มส่งสินค้า โดยเป็นการอัพเดตทั้งแอพบนมือถือ (iOS, Android) และ Firmware ของนาฬิกา มีรายละเอียดสำคัญดังนี้
ที่มา: Pebble
Pebble ผู้ผลิตสมาร์ตวอชที่เกิดจากการระดมตั้งแต่แรกเปิดระดมทุนอีกครั้ง โดยครั้งนี้มาพรอมกัน 3 รุ่นหลัก
Pebble 2 และ Pebble Time 2 เพิ่มฟีเจอร์สำคัญคือการวัดอัตราการเต้นหัวใจได้ในตัวแล้ว ความแตกต่างของทั้งสองรุ่นเป็นเรื่องจอภาพขาวดำและจอสีเช่นเดิม ส่วนอายุแบตเตอรี่อยู่ที่ 7 วัน และ 10 วันตามลำดับ ทั้งสองรุ่นกันน้ำลึก 30 เมตร Pebble 2 ราคาเริ่มต้น 99 ดอลลาร์ เริ่มส่งมอบกันยายนนี้ ส่วน Pebble Time 2 ราคาเริ่มต้น 169 ดอลลาร์เริ่มส่งมอบพฤศจิกายนนี้
เว็บไซต์ของ Pebble และบัญชี Twitter @Pebble ได้เปลี่ยนมานับถอยหลัง เพื่อเตรียมประกาศข่าวสำคัญ กำหนดเวลาเช้าวันที่ 24 พฤษภาคม เวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 3 ทุ่มของบ้านเรา
ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนจาก Pebble ว่าการแถลงนี้จะเป็นเรื่องอะไรกันแน่ (สินค้าใหม่, ลดราคา?) แต่มีคำโปรยบอกใบ้หลายคำ อาทิ "คุณจะรู้สึกดีอย่างมาก" หรือ "ทุกอย่างดีขึ้นกว่าเดิมเมื่อมีเพื่อนๆ" ซึ่งคงต้องเดากันไปก่อน ณ จุดนี้
ที่มา: Android Central
Pebble ผู้ผลิตสมาร์ตวอชรายสำคัญเลิกจ้างพนักงาน 40 คนหรือประมาณหนึ่งในสี่ของบริษัท แม้ว่าปีที่ผ่านมาจะออกสินค้าได้หลายตัว ทั้ง Pebble Time, Pebble Steel, และ Pebble Round
ข่าวนี้มาจากการให้สัมภาษณ์ของ Eric Migicovsky กับเว็บ Tech Insider ระบุว่าสถานะการณ์การระดมทุนใน Silocon Valley ตอนนี้ค่อนข้างลำบาก แม้ว่าบริษัทจะระดมทุนจาก KickStarter ได้ถึง 20 ล้านดอลลาร์แต่กลับระดมทุนจากนักลงทุนได้เพียง 26 ล้านดอลลาร์ตลอดช่วงเวลาแปดเดือนหลังจากนั้น
Pebble เคยระบุว่าขายสมาร์ตวอชได้แล้ว 1 ล้านเครื่องเมื่อปี 2013 แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้เปิดเผยยอดขายอีก
ที่มา - Tech Insider
Pebble ประกาศปรับลดราคานาฬิกาหน้าจอสีทั้ง Pebbel Time และ Pebble Time Round ลง 50 ดอลลาร์ ทำให้ราคาขายลงมาอยู่ที่ 149.99 ดอลลาร์ และ 199.99 ดอลลาร์ ตามลำดับ โดยการปรับลดราคานี้มีผลทั้งการจำหน่ายช่องทางออนไลน์ และในร้านค้าปลีก
สำหรับ Pebble Time Steel ไม่มีการลดราคาลงมา ยังอยู่ที่ 249.99 ดอลลาร์
Pebbel ยังเปิดเผยสถิติของ Pebble Health โดยบอกว่าผู้ใช้งาน Pebble Time มากกว่า 90% เปิดใช้ฟีเจอร์นี้แล้ว และมากกว่า 2 ใน 3 ก็ใช้งานเป็นประจำ
Pebble อัพเดตซอฟต์แวร์ชุดใหญ่ ทั้งเฟิร์มแวร์ของตัวนาฬิกา Pebble และแอพบน Android/iOS
ที่มา - Pebble
Pebble ผู้ผลิตสมาร์ทวอทช์ชื่อดังที่สร้างตัวจากแพลตฟอร์มระดมทุน Kickstarter ปล่อยเฟิร์มแวร์รุ่นใหม่ 3.8 ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์เพื่อสุขภาพครบชุดที่หลายคนเฝ้ารอมานาน
ฟีเจอร์เพื่อสุขภาพของ Pebble มาในชื่อ Pebble Health ซึ่งเป็นศูนย์รวมข้อมูลการออกกำลังที่รวบรวมจากสมาร์ทวอทช์ซึ่งพัฒนาร่วมกับ Stanford University โดยมีฟีเจอร์พื้นฐานตั้งแต่การติดตามกิจวัตรประจำวัน ตรวจจับพฤติกรรมการนอน และบอกระยะเวลาการนอนหลับ ไปจนถึงการนับก้าวเดิน ซึ่งรายงานทั้งหมดจะถูกนำไปแสดงผลในหน้า Timeline ซึ่งสามารถควบคุม-เลื่อนดูได้ด้วยปุ่มข้างตัวเครื่องเหมือนฟีเจอร์อื่นๆ
หลังจากเปิดตัวเมื่อช่วงสิ้นเดือนกันยายนสำหรับ Pebble Time Round นาฬิกาอัจฉริยะทรงกลมของ Pebble มาตอนนี้สื่อมวลชนต่างประเทศหลายเจ้าได้เริ่มเผยแพร่รีวิวของตนเองแล้ว
โดยภาพรวม ทุกสำนักเห็นตรงกันหมดว่าเป็นนาฬิกาอัจฉริยะจาก Pebble ที่สวยงามตัวหนึ่งและเหมือนนาฬิกาจริงๆ อย่างไรก็ตามอายุการใช้งานต่อการชาร์จหนึ่งครั้งกลับสั้นมากกว่าที่คาด (อยู่ได้เพียงสองวัน), ขอบหน้าจอที่หนาและกินพื้นที่, แอพที่รองรับการแสดงผลจอแบบทรงกลมที่ยังมีน้อย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคุณสมบัติที่จำเป็น และพบในนาฬิกาอื่นๆ (ไม่เว้นแม้แต่ Pebble Time รุ่นปกติ) และที่สำคัญคือราคาเมื่อเทียบต่อประสิทธิภาพยังถือว่าค่อนข้างแพง
หลังจากที่เมื่อต้นปีนี้เปิดตัว Pebble Time และ Pebble Time Steel ไปแล้ว ล่าสุด Pebble ได้ประกาศเปิดตัว Pebble Time Round ซึ่งถือเป็นนาฬิกาอัจฉริยะตัวล่าสุดของตนเองอย่างเป็นทางการ
แน่นอนว่ารูปทรงต้องตรงตามชื่อ Pebble Time Round นั้นเป็นนาฬิกาอัจฉริยะแบบทรงกลมตัวแรกของ Pebble แต่ที่น่าสนใจคือมีขนาดที่บางเพียง 7.5 มิลลิเมตร หนักเพียง 28 กรัม ใช้จอแบบ e-paper ในการแสดงผล แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 2 วัน ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ชาร์จไฟได้เร็ว และสามารถทนต่อน้ำได้ (splash resistance) ขนาดหน้าปัดที่ 38.5 มิลลิเมตร (นับจากขอบ)
หลังจาก Pebble Time ซึ่งเป็นนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากโครงการระดมทุนผ่าน Kickstarter ได้เริ่มส่งมอบให้แก่ผู้สนับสนุนไปตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา คราวนี้ถึงตาของ Pebble Time Steel กันบ้าง และในขณะนี้มันได้มาอยู่ในมือของผมแล้ว
สำหรับสเปคนั้นอ่านได้จากข่าวเก่า หรือจาก Pebble ครับ
สินค้าใช้เวลาในการจัดส่งจากสิงคโปร์ 5 วัน นับจากเมื่อได้รับแจ้งการส่งสินค้า จนมีใบแจ้งรับของจากไปรษณีย์มาหย่อนที่หน้าบ้าน
ก่อนหน้านี้ผู้ที่ซื้อ Pebble Time บ่นว่าไม่สามารถใช้กับ iPhone ได้เนื่องจากแอพ Pebble Time ยังไม่ขึ้น App Store ผู้พัฒนา Pebble ต้องออกมาบอกให้ชาว iOS กดดัน Apple ให้อนุมัติแอพเร็วๆ เนื่องจากส่งแอพไปนานแล้ว โดยใช้แท็ก #FreeOurPebbleTime
การกดดันได้ผล Apple ปล่อยแอพ Pebble Time ขึ้น App Store เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้ใช้งาน Pebble Time สามารถดาวน์โหลดได้ทันที
ที่มา - The Next Web
หลังจาก Pebble Time ล็อตแรกได้เริ่มส่งสินค้าให้กับผู้สนับสนุนผ่าน Kickstarter ไปแล้ว ตอนนี้เกิดปัญหาใหม่ขึ้นมา นั่นคือแอพ Pebble Time Watch สำหรับซิงค์ข้อมูลบน iPhone ยังไม่ได้รับการอนุมัติให้ขึ้น App Store ทำให้คนที่เตรียมใช้ Pebble Time กับ iPhone ถึงได้รับของก็ยังใช้งานไม่ได้นั่นเอง (Android ไม่มีปัญหา)
บริษัท Pebble ออกมาแถลงข่าวความคืบหน้าของสมาร์ทวอทช์จอสี Pebble Time ดังนี้
John Biggs แห่ง TechCrunch อ้างแหล่งข่าวภายใน Pebble ระบุว่าถึงแม้บริษัทจะประสบความสำเร็จกับโครงการระดมทุนล่าสุดอย่าง Pebble Time ด้วยเงินกว่า 20 ล้านดอลลาร์ แต่ภายในบริษัทก็มีปัญหาทางการเงินหนักจนตอนนี้ต้องขอกู้เงิน 5 ล้านดอลลาร์และขอเครดิตอีก 5 ล้านดอลลาร์จากธนาคาร ซึ่งเป็นเรื่องไม่ปกตินักสำหรับบริษัทสตาร์ทอัพ อันเนื่องจากบริษัทไม่สามารถขอเพิ่มทุนจากบรรดากองทุน Venture Capital ได้