Phil Spencer หัวหน้าทีม Xbox เปิดเผยว่าเกม Starfield มีผู้เล่นพร้อมกันสูงสุดเกิน 1 ล้านคนในวันแรกที่เปิดเล่นทั่วไป (ก่อนหน้านี้เป็น early access) โดยนับรวมทั้งพีซีและ Xbox

ตัวเลขยอดขายของ Starfield อาจวัดได้ยากเพราะมีผู้เล่นจาก Game Pass ทั้งบนพีซีและ Xbox ด้วย ส่วนตัวเลขผู้เล่นพร้อมกันบน Steam สูงสุดอยู่ที่ราว 2.7 แสนคน ตัวเลขนี้ยังไม่รวมผู้เล่นพีซีที่ซื้อเกมจาก Microsoft Store โดยตรงด้วย

Phil Schiller รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดของแอปเปิลประกาศลงจากตำแหน่ง โดยให้ Greg (Joz) Joswiak หัวหน้าฝ่ายการตลาดสินค้า (Product Marketing) ทำหน้าที่แทน โดยตัว Schiller จะรับตำแหน่งทางการเป็น Apple Fellow แต่ยังดูแล Apple Store และงานอีเวนต์ของแอปเปิลต่อไป

Schiller เรียนจบด้านชีววิทยาแต่ทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ตั้งแต่จบใหม่ๆ และก้าวหน้าในงานด้านเทคโนโลยีมาจนเป็นผู้จัดการไอทีและหันไปทำงานให้คำปรึกษาการจัดการ ก่อนจะเข้าทำงานกับแอปเปิลในปี 1987 ก่อนจะลาออกไปอยู่กับ Firepower Systems และ Macromedia ในปี 1997 เขากลับมาเป็นผู้บริหารแอปเปิลในหลัง Steve Jobs กลับมาสู่แอปเปิล (Jobs กลับมาปี 1996) แล้วทำงานกับแอปเปิลเรื่อยมา

Phil Schiller หัวหน้าฝ่ายการตลาดของแอปเปิล ให้สัมภาษณ์กับ TechCrunch ในประเด็นที่แอปอีเมล Hey ของ Basecamp ถูกปฏิเสธนำขึ้น App Store จนทำให้ David Heinemeier Hansson พาร์ทเนอร์ของ Basecamp ออกมาวิจารณ์ในประเด็นดังกล่าว เนื่องจากแอปเปิลกำหนดให้แอปต้องจ่ายเงินค่าสมาชิกผ่าน App Store เท่านั้น

Schiller ย้ำว่าแอปเปิลจะไม่เปลี่ยนแปลงกฎกติกาดังกล่าว ส่วนที่กล่าวว่าแอปอย่าง Netflix หรือ Spotify สามารถเลือกจ่ายเงินค่าสมาชิกนอกแอปได้นั้น เพราะแอปกลุ่มนั้นถือเป็นแอปแบบ reader กล่าวคือเป็นแอปที่แสดงคอนเทนต์ภายนอก แต่กรณีของแอปอีเมลนั้นไม่เข้าข่าย

Phil Schiller หัวหน้าฝ่ายการตลาดของแอปเปิล ให้สัมภาษณ์กับ CNET หลังแอปเปิลเปิดตัว MacBook Pro รุ่นจอ 16 นิ้ว โดยตอบคำถามหลายประเด็น ทั้งเรื่องเปลี่ยนมาใช้ Magic Keyboard และการนำปุ่ม Esc กลับมา

ประเด็นคีย์บอร์ดซึ่งแอปเปิลเปลี่ยนมาใช้แบบ butterfly หลายปีก่อนตั้งแต่ MacBook แต่มีผู้พบปัญหาในการใช้งาน จนแอปเปิลต้องออกโครงการซ่อมคีย์บอร์ดให้ฟรีนั้น Schiller บอกว่าคีย์บอร์ด butterfly มีทั้งลูกค้าที่ชอบและไม่ชอบตั้งแต่เปิดตัว จึงมีการปรับปรุงแก้ไขโดยตลอด จนมาถึงคีย์บอร์ด butterfly รุ่น 3 การตอบรับของลูกค้าก็ดีมากขึ้น

Phil Schiller หัวหน้าฝ่ายการตลาดของแอปเปิล ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Engadget โดยพูดถึง iPhone XR ที่เพิ่งเปิดจองเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (และไทยก็เป็น Tier-1 ด้วย) มีประเด็นน่าสนใจหลายอย่าง

เรื่องแรก Schiller อธิบายที่มาว่าทำไมต้องตัวอักษร R ว่า ที่ผ่านมาแอปเปิลไม่ได้กำหนดว่าอักษรที่นำมาใส่ชื่อรุ่น จะต้องย่อมาจากอะไรโดยเฉพาะ ก็กรณีของ iPhone XR และ XS นั้น เขาบอกว่าเหมือนการใส่ R และ S ในชื่อรุ่นรถสปอร์ต ซึ่งสะท้อนความเร็ว เท่านั้นเอง

จากประเด็นที่ Steam ออกมาบอกว่าแอปแคสต์เกม Steam Link ถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้น App Store ของแอปเปิล ก็มีคนอีเมลไปสอบถามเรื่องนี้กับ Phil Schiller รองประธานฝ่ายการตลาดของแอปเปิล ซึ่งเขาชี้แจงมาว่าเป็นเรื่องจริง

Schiller อธิบายว่าทีมตรวจสอบแอปพบว่าแอปดังกล่าว ละเมิดข้อกำหนดหลายอย่าง อาทิ เนื้อหาที่ผู้ใช้งานสร้างขึ้นมา (UGC), การซื้อของภายในแอพ (In-App Purchase) และอีกหลายข้อ ซึ่งแอปเปิลกำลังพูดคุยกับ Valve เพื่อหาทางออกให้แอปนี้เป็นไปตามข้อกำหนดของ App Store

ถึงแม้ Schiller จะไม่ได้อธิบายปัญหาทั้งหมด แต่ก็พอจะทำให้เข้าใจได้ว่าเรื่องขัดแย้งทางธุรกิจ ก็น่าจะเป็นการซื้อสินค้าภายในแอปนั่นเอง

Phil Schiller หัวหน้าฝ่ายการตลาดของแอปเปิลยังคงให้สัมภาษณ์สื่อต่อเนื่อง คราวนี้เขาพูดคุยกับ The Telegraph และพูดถึงช่วงเวลาที่เลวร้าย ตอนแอปเปิลต้องออกตัวแก้ปัญหาบั๊กในซอฟต์แวร์แบบต่อเนื่องหลายวันด้วย

Schiller บอกว่าเรามีสัปดาห์ที่เลวร้าย มีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นมาโดยตลอด (บั๊ก root ใน macOS, บั๊กตัว i ใน iOS และบั๊ก HomeKit) แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ ตอนนี้ทีมได้เพิ่มการตรวจสอบอย่างระมัดระวังมากขึ้นในทุกขั้นตอน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

Phil Schiller หัวหน้าฝ่ายการตลาดแอปเปิล เดินสายให้สัมภาษณ์กับสื่อต่อเนื่อง คราวนี้เป็น T3 โดยพูดถึงเบื้องหลังการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวในปีนี้ ซึ่งสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้

Phil Schiller หัวหน้าฝ่ายการตลาดของแอปเปิล ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์เนเธอร์แลนด์ Bright พูดถึงเทคโนโลยียืนยันตัวตนด้วยใบหน้า Face ID ว่าทำให้ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้

นอกจากนี้ Phil ยังพูดถึงเทคโนโลยียืนยันตัวตนด้วยใบหน้าของสมาร์ทโฟนรายอื่นว่า "ห่วยทั้งนั้น" (They all stink.) โดยอธิบายว่าเทคโนโลยีเหล่านั้น ไม่ได้มีวิธีการทำงานในแบบที่ Face ID ใช้งาน และบอกได้ว่า Face ID เป็นรูปแบบการทำงานที่มีความเฉพาะตัวไม่เหมือนกับของคนอื่น

สัปดาห์ที่แล้วแอปเปิลเปิดตัว MacBook Pro รุ่นใหม่ที่ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในหลายๆ เรื่อง เช่นการตัดพอร์ต USB แบบปกติออกหมดและแทนด้วย USB-C รวมถึงเอาปุ่ม ESC ออกและให้ใช้ Touch Bar แทน นอกจากนี้ยังตัดช่องเสียบ SD Card ออกด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่วงการช่างภาพต้องใช้งานเป็นประจำ

ล่าสุด Phil Schiller ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของแอปเปิล ได้ให้สัมภาษณ์กับ The Independent ว่าแอปเปิลตัดช่องเสียบ SD Card ทิ้งเพราะเวลาเสียบการ์ดเข้าไปแล้วจะมีส่วนท้ายของการ์ดยื่นออกมา ซึ่งแอปเปิลเห็นว่ามันรุงรัง (cumbersome) เขายังยกตัวอย่างสมัยที่ CompactFlash (CF Card) ยังได้รับความนิยมและเป็นช่วงที่ SD Card เริ่มเข้ามามีบทบาท ว่าตอนนั้นแอปเปิลก็ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง และแอปเปิลก็ไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจได้ แต่ขณะนี้ทุกคนสามารถใช้การ์ดได้ทั้งสองแบบด้วยเครื่องอ่านการ์ดที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป

Phil Schiller ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของแอปเปิล ให้สัมภาษณ์กับรายการของ John Gruber ตอบคำถามประเด็นที่หลายคนสงสัย ดังนี้

จากข่าว Mark Zuckerberg ยอมเอาน้ำเย็นรดตัว และท้า Bill Gates ให้ทำแบบเดียวกัน ตอนนี้การเทน้ำแข็งราดตัวเองเพื่อสนับสนุนแคมเปญระดมทุนเพื่อต่อสู้โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) ระบาดไปทั่ววงการไอทีอเมริกาแล้ว

ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทใหญ่ที่ลงมาเล่นแคมเปญนี้มีทั้ง Satya Nadella ซีอีโอไมโครซอฟท์ (แท็ก Jeff Bezos และ Larry Page) กับ Phil Schiller ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของแอปเปิล (แท็กเจ้านายตัวเอง Tim Cook และนักแสดง Chris O'Donnell)

ต้องรอดูว่าท่านซีอีโอทั้งสามแห่งกูเกิล แอปเปิล อเมซอน จะร่วมมาเล่นแคมเปญนี้ด้วยหรือไม่ครับ

เอกสารภายในอีกฉบับของแอปเปิลที่ถูกเปิดเผยเพื่อเป็นหลักฐานในคดีฟ้องร้องกับซัมซุง (เอกสาร 1, เอกสาร 2) รอบนี้เป็นเอกสารใหม่เมื่อปี 2013 จากฝ่ายขายของแอปเปิล ที่ประเมินสถานการณ์แล้วพบว่าส่วนแบ่งตลาดของ iPhone ลดลง สวนทางกับ Android ที่เติบโตมากขึ้น

เอกสารนี้ระบุว่าคู่แข่งของแอปเปิลพัฒนาขึ้นมากทั้งในแง่ฮาร์ดแวร์และแง่ ecosystem และการเติบโตในตลาดมือถือมาจาก 2 ส่วนหลักๆ คือ มือถือจอใหญ่ราคาแพงกว่า 300 ดอลลาร์ และมือถือราคาต่ำกว่า 300 ดอลลาร์ ซึ่งแอปเปิลไม่มีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ทั้งคู่ จนเป็นผลให้ส่วนแบ่งตลาดของแอปเปิลลดลง

Phil Schiller ผู้บริหารระดับสูงฝ่ายการตลาดของแอปเปิล ขึ้นให้การต่อศาลในคดีที่แอปเปิลฟ้องซัมซุงว่าละเมิดสิทธิบัตรและแนวทางการออกแบบ (คดีเดียวกับที่คณะลูกขุนตัดสินว่าซัมซุงผิดและต้องจ่ายแอปเปิล 1 พันล้านดอลลาร์, มีข่าวหลอกเรื่องจ่ายด้วยเหรียญ และซัมซุงขอให้พิจารณาคดีใหม่เพราะหัวหน้าคณะลูกขุนมีประวัติไม่น่าเชื่อถือ)

Phil Schiller รองประธานฝ่ายการตลาดของแอปเปิล หนึ่งในพนักงานระดับสูงของแอปเปิลเพียงไม่กี่คนที่ทวีตความรู้สึกส่วนตัวลงบนทวิตเตอร์ ได้ออกมาทวีตสั้น ๆ ว่า “shenanigans” (ไอ้ขี้โกง) พร้อมกับแนบลิงก์ข่าวจาก Ars Technica ที่ระบุว่าซัมซุงใช้เทคนิคอะไรในการทำให้คะแนน benchmark ของ Galaxy Note 3 สูงกว่าที่ควรจะเป็นถึง 20%

shenanigans http://t.co/30FoQDfNw0

— Philip Schiller (@pschiller) October 1, 2013

Phil Schiller ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของแอปเปิล ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์สถึงราคา 329 ดอลลาร์ของ iPad mini ว่าไม่แพงอย่างที่ถูกวิจารณ์ เพราะลูกค้ายินดีจ่ายเพิ่มเพื่อแลกกับคุณภาพเหนือกว่าแท็บเล็ตของคู่แข่ง

Schiller บอกว่า iPad เป็นแท็บเลตที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด และที่ผ่านมา iPad รุ่นราคาถูกที่สุด 399 ดอลลาร์ ยังขายดีกว่าแท็บเล็ตคู่แข่ง เมื่อตอนนี้ราคาขั้นต่ำลงมาอยู่ที่ 329 ดอลลาร์ ซึ่งจะเปิดตลาดลูกค้าหน้าใหม่ๆ อีกมาก

เขายังพูดถึงแท็บเล็ตของคู่แข่งว่า แท็บเล็ตที่ขนาดเล็กกว่า iPad ล้มเหลวทั้งหมด เพราะไม่สามารถให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีพอ

ที่มา - รอยเตอร์ส

จากปัญหา iPhone 5 มีรอยขูดขีดและถลอกง่าย ก็มีลูกค้าที่รู้สึกไม่พอใจและได้อีเมลไปถาม Phil Schiller รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดของแอปเปิลว่า เขาใช้ iPhone 5 สีดำและพบว่ามันมีรอยแบบนี้รอบตัวเครื่อง และก็พบว่ามีคนเจอสภาพแบบนี้เหมือนกันหลายคน จึงอยากถามว่าแอปเปิลมีแผนแก้ไขบ้างหรือไม่? ซึ่ง Schiller ก็ตอบกลับมาดังนี้ครับ

สินค้าอลูมิเนียมใดๆ มีโอกาสที่จะเกิดรอยขูดขีดหรือถลอกจนเห็นผิวสีเงินของมันได้อยู่แล้วเมื่อใช้งาน ถือเป็นเรื่องปกติ

จบนะ จบ

ที่มา: 9to5 Mac

หลังจากเปิดตัว iPhone 5 นั้น Apple ไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดฐานวางเครื่องหรือ Dock ตัวใหม่ จึงมีผู้สงสัยส่งอีเมลไปถาม Phil Schiller ก็ได้คำตอบกลับมาว่า

Apple ไม่มีแผนทำ Dock ของ iPhone 5 เพราะคนส่วนใหญ่มักใช้ Dock กับลำโพงหรือนาฬิกา

แต่สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือ ลายเซ็นต์ของอีเมลล์เขียนว่า "Sent from my iPhone 5"

ที่มา - 9to5Mac