Fujitsu ประกาศแผนการหยุดผลิตเซิร์ฟเวอร์เมนเฟรม และเซิร์ฟเวอร์ยูนิกซ์ที่ใช้ซีพียูสถาปัตยกรรม SPARC
Fujitsu ให้เหตุผลว่าตลาดโครงสร้างพื้นฐานทางไอทีเปลี่ยนไป โลกหมุนไปทางคลาวด์และไฮบริดมากขึ้น และบริษัทเองก็เริ่มปรับโมเดลธุรกิจมาเป็นการให้เช่าตามปริมาณการใช้งานจริง (as-a-service) จึงได้เวลาหยุดขายและซัพพอร์ตสินค้ารุ่นเก่าๆ
Oracle ออก Java 14 ตามรอบการออกรุ่นใหญ่ทุก 6 เดือน ฟีเจอร์ใหม่ในรุ่นนี้เน้นที่เรื่องหน่วยความจำและ garbage collector (GC) หลายอย่าง เช่น การรองรับ NUMA-aware memory allocation บน G1 ที่เป็น GC ดีฟอลต์ในปัจจุบัน และการพอร์ต ZGC ซึ่งเป็น GC ตัวใหม่มายังวินโดวส์และแมค
ของใหม่อีกอย่างที่น่าสนใจคือ records เป็นฟีเจอร์ใหม่ของตัวภาษา Java ที่ให้เขียนซินแทกซ์ประกาศคลาสได้กระชับและปลอดภัยขึ้น (รายละเอียด), switch expression ที่เคยทดสอบใน Java 12/13 กลายเป็นฟีเจอร์มาตรฐานแล้ว
นอกจากนี้ยังเริ่มประกาศให้ Java บน Solaris/SPARC มีสถานะล้าสมัย (deprecated) เพื่อเตรียมถอดออกในอนาคต
สัปดาห์ที่ผ่านมา ออราเคิลเปิดตัวซีพียู SPARC M8 ซึ่งเป็นรุ่นต่อของ SPARC M7 ที่ออกในปี 2015
ออราเคิลคุยว่า SPARC M8 มีประสิทธิภาพดีว่า SPARC M7 ถึง 2 เท่า, มีประสิทธิภาพด้านการประมวลผล Java และการเข้ารหัสดีกว่าซีพียูสถาปัตยกรรม x86 (ไม่ระบุว่ารุ่นไหน) 2 เท่า, มีประสิทธิภาพด้านฐานข้อมูลดีกว่า x86 ถึง 7 เท่า
ฟีเจอร์อีกอย่างของ SPARC M8 ที่ต่อเนื่องมาจาก M7 คือ Software in Silicon v2 หรือการป้องกันมัลแวร์ในหน่วยความจำ และ Data Analytics Accelerator (DAX) ที่ช่วยเร่งความเร็วในงานด้านการวิเคราะห์ข้อมูล
ซีพียูตระกูล SPARC เป็นสินค้าที่ออราเคิลได้มาจากการเข้าซื้อซัน สองปีหลังเปิดตัวรุ่น M6 ตอนนี้ทางออราเคิลก็เปิดตัว SPARC M7 พร้อมให้สั่งได้แล้ว
ออราเคิลชูชุดเด่นเรื่องความปลอดภัยของ SPARC M7 โดยเพิ่มฟีเจอร์สองชุดได้แก่ Silicon Secure Memory ป้องกันการเข้าถึงหน่วยความจำในส่วนที่ไม่ได้รับอนุญาต และ Hardware-Assisted Encryption ชุดคำสั่งเร่งความเร็วในการเข้ารหัส 15 อัลกอริธึมหลัก ได้แก่ AES, Camellia, CRC32c, DES, 3DES, DH, DSA, ECC, MD5, RSA, SHA-1, SHA-224, SHA-256, SHA-384, SHA-512
ซีพียูตระกูล SPARC มีข่าวน้อยลงเรื่อยๆ หลังออราเคิลซื้อซันไป ตอนนี้ทางโครงการเดเบียนก็ออกมาประกาศถอด SPARC ออกจากโค้ดของโครงการ ทั้ง unstable, experimental, jesse-updates, และโค้ดภายในอื่นๆ
ก่อนหน้านี้เดเบียนรองรับสถาปัตยกรรม SPARC 64 บิตเฉพาะเคอร์เนลเท่านั้นแต่แอพพลิเคชั่นส่วนใหญ่จะรันที่ 32 บิต
ดิสโทรอื่นๆ หยุดซัพพอร์ต SPARC กันไปเป็นก่อนหน้าเดเบียนเป็นเวลานาน Red Hat หยุดออกรุ่น SPARC ตั้งแต่ปี 2000, SUSE ออกรุ่นสุดท้ายปี 2002, และ Ubuntu ออกรุ่นสุดท้ายปี 2010
ที่มา - The Register
ออราเคิลออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับซีพียู SPARC M7 รุ่นล่าสุด ซึ่งเป็นรุ่นต่อจาก SPARC M6 ที่เปิดตัวเมื่อปีกลาย
ซีพียู SPARC M7 หนึ่งจะประกอบด้วยคอร์ S4 จำนวน 32 คอร์ โดยหนึ่งคอร์มีได้สูงสุด 8 เธร็ด, ซีพียูหนึ่งตัวรองรับแรมได้สูงสุด 2TB และเซิร์ฟเวอร์หนึ่งระบบใส่ได้สูงสุด 32 ซีพียู
ฟีเจอร์อื่นๆ ของ SPARC M7 คือ
ออราเคิลเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป SPARC M6 ที่เปิดตัวไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยเปิดตัวมาพร้อมกันสองรุ่นได้แก่ SPARC M6-32 และ SuperCluster M6-32
SPARC M6-32 รองรับซีพียูสูงสุด 32 ซ็อกเก็ต โดยชิปแต่ละตัวมี 12 คอร์ รวม 384 คอร์ รองรับหน่วยความจำสูงสุด 32TB ใช้ Oracle Solaris สำหรับ SuperCluster M6-32 คือ SPARC M6-32 ที่ขายคู่กับเซิร์ฟเวอร์สตอเรจ Exadata
ออราเคิลระบุว่าเซิร์ฟเวอร์ทั้งสองตัวออกแบบมาสำหรับการประมวลผลฐานข้อมูลในหน่วยความจำโดยเฉพาะ และหากใช้ Oracle VM Server for SPARC ก็จะสามารถแบ่งเครื่องออกมาได้ถึง 128 เครื่องต่อโดเมน
ที่มา - Oracle
ออราเคิลเปิดตัวชิป SPARC M6 รุ่นล่าสุดที่งาน Hot Chip โดยมีฟีเจอร์สำคัญที่สุดคือการขยายจำนวนซ็อกเก็ตต่อเครื่องได้ถึง 96 ซ็อกเก็ต รวมจำนวนคอร์ถึง 1,152 คอร์ และ 9,216 เธรดในเครื่องเดียว
ชิป M6 นั้นมาพร้อมกับส่วนเชื่อมต่อสองฝั่ง ได้แก่ Scalability Links จำนวน 6 ชุด เอาไว้เชื่อมต่อกับซีพียูในโดเมนเดียวกัน ทำให้ซีพียูแต่ละกลุ่มสามารถจัดเป็นชุดได้ชุดละ 8 ตัว ขณะเดียวกันก็มีช่องทาง Coherence Links ไว้เชื่อมต่อกับซีพียูนอกกลุ่มผ่านระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เรียกว่า Bixby มันสามารถส่งข้อมูลหลายทอด (multiple hops) เพื่อเรียกข้อมูลจากหน่วยความจำที่อยู่บนซ็อกเก็ตอื่นๆ ได้ ทำให้สามารถขยายจำนวนซ๊อกเก็ตไปได้สูงสุด 96 ซ๊อกเก็ต
ออราเคิลอัพเดตซีพียูสำหรับเซิร์ฟเวอร์ในตระกูล SPARC T5 โดยเพิ่มคอร์ภายในเป็น 16 คอร์ต่อซ็อกเก็ต พร้อมกับตัวควบคุมหน่วยความจำ 4 ชุดบนตัวซีพียู ทำให้ทำความเร็วการส่งข้อมูลกับหน่วยความจำเป็นสองเท่าตัว ส่วนตัวบอร์ดจะสามารถรองรับซีพียูได้ 8 ซ็อกเก็ต ทำให้ได้ 128 คอร์ต่อบอร์ด
ชุดคำสั่งใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน SPARC T5 เน้นเรื่องของการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น เป็นแนวทางเดียวกับอินเทลที่ช่วงหลังเพิ่มชุดคำสั่ง AES-NI เข้ามา ทางฝั่งของ SPARC นั้นเพิ่มชุดคำสั่งทั้งการเข้ารหัสแบบ AES, และ DES รวมไปถึงกระบวนการอื่นๆ เช่น SHA, MD5, ECC, และ RSA ฟีเจอร์เหล่านี้ทำให้การเข้ารหัสรูปแบบต่างๆ ทำได้เร็วขึ้น
ต่อจากข่าว ฟูจิตสึมีแผนสร้างซูเปอร์คอมที่แรงกว่า K Computer เมื่อปลายปีที่แล้ว วันนี้มันมาแล้วครับ
บริษัทฟูจิตสึเคยมีส่วนร่วมในการพัฒนา K Computer ซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลกระบบล่าสุด จัดอันดับโดย TOP500 (ข่าวเก่า
สมัยที่ซีพียู SPARC อยู่ในการบริหารของซันนั้นการวางตลาดชิปรุ่นใหม่ทำได้ช้า และต้องเลื่อนซ้ำไปมา แต่ภายใต้การบริหารของออราเคิลหลังจากเพิ่มเปิดตัว SPARC T3 ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ตอนนี้ออราเคิลก็เริ่มเปิดสเปคของ SPARC T4 แล้ว
SPARC นั้นช่วงหลังถูกออกแบบให้เป็นชิปที่รับเธรด (thread) ได้จำนวนมาก เช่นใน T3 นั้นสามารถรองรับเธรดได้ถึง 16 เธรดต่อคอร์ (ซีพียู x86 มักรับได้แค่ 2 เธรด) และจำนวนคอร์ต่อชิปก็มากถึง 8 คอร์ทำให้รองรับเธรดได้ 128 เธรด แต่ใน T4 ออราเคิลเริ่มกลับลำด้วยการลดจำนวนเธรดลงเหลือ 8 เธรดต่อคอร์โดยยังมีจำนวนคอร์สูงสุด 8 คอร์เช่นเดิม
หลังจากซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Earth Simulator ของญี่ปุ่นครองแชมป์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลกได้ในช่วงปี 2002-2004 ญี่ปุ่นก็ยังไม่มีคอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลกอีกเลย จนกระทั่งเดือนนี้ การจัดอันดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ TOP500 ก็ได้แชมป์ใหม่จากญี่ปุ่นอีกครั้ง
คอมพิวเตอร์ตัวใหม่นี้ชื่อว่า K Computer เป็นผลงานของบริษัทฟูจิตสึ ร่วมกับศูนย์วิจัย Advanced Institute for Computational Science แห่งสถาบันวิจัยด้านเคมีและฟิสิกส์ RIKEN ที่เมืองโกเบ
ขณะที่ SAPRC T3 นั้นถูกโฆษณาว่าเป็นซีพียูตัวแรกในโลกที่ใส่มาถึง 16 คอร์ในชิปเดียว แต่สำหรับ T4 นั้นชิปจะมีเพียง 8 คอร์เท่านั้น เพื่อใช้พื้นที่ไปเพิ่มประสิทธิภาพให้แต่ละคอร์แทนการกระจายงานออกไปมากๆ
แม้ชิปที่มีจำนวนคอร์มากๆ จะทำงานได้ดีเมื่อต้องให้บริการงานเล็กๆ จำนวนมากๆ แต่กับงานฐานข้อมูลหนักๆ เช่นออราเคิลนั้นความเร็วต่อคอร์สำคัญกว่ามาก และ SPARC อยู่ในมือออราเคิลก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่จะออกแบบชิปให้ตอบรับกับซอฟต์แวร์หลักของบริษัทมากยิ่งขึ้น
ออราเคิลระบุว่า T4 ตัวต้นแบบนั้นทำงานจริงในห้องวิจัยแล้ว และจะวางตลาดในปีหน้า ส่วนแผนต่อๆ ไปนั้นคือการขยายเมนบอร์ดให้รองรับซีพียูได้มากขึ้น จาก 4 ซ็อกเก็ตในวันนี้กลายเป็น 8 ซ็อกเก็ตในปี 2013 และ 64 ซ็อกเก็ตในปี 2014
หลังจากการเข้าซื้อกิจการครั้งประวัติศาสตร์เสร็จสิ้นลงด้วยดี ออราเคิลก็เดินหน้าเต็มที่ทันที โดยเริ่มจากสร้างความเชื่อมั่นให้กับฐานลูกค้าของซันเดิม
ออราเคิลซื้อพื้นที่โฆษณาใน Wall Street Journal ฉบับที่ขายในยุโรป มีข้อความว่าออราเคิลจะลงทุนใน SPARC และ Solaris มากกว่าที่ซันเคยจ่าย เพิ่มฝ่ายขาย ปรับปรุงประสิทธิภาพ จบท้ายด้วยข้อความจาก Larry Ellision ซีอีโอของออราเคิลว่า "ไอบีเอ็ม เราจะเข้าสู่ตลาดฮาร์ดแวร์แล้วนะ เตรียมตัวดีๆ"
โฆษณาชิ้นนี้สามารถหาดูได้จากเว็บของออราเคิลเช่นกัน (ภาพอยู่ด้านใน) น่าเสียดายไม่ตอบคำถามที่ทุกคนอยากรู้คือเรื่อง MySQL แฮะ
ที่มา - TechCrunch
บริษัทฟูจิสึได้เปิดเผยว่า ตอนนี้บริษัทกำลังพัฒนาซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีพลังประมวลผลสูงถึง 10 เพตาฟลอป ซึ่งคาดว่าจะพัฒนาให้แล้วเสร็จภายในต้นปี พ.ศ. 2554 และจะถูกใช้งานโดยศูนย์วิจัย RIKEN ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระบบนี้ติดตั้งโปรเซสเซอร์ SPARC64 VIIIfx (ใช้โค้ดเนมว่า "วีนัส") ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์แบบ 8 คอร์ มาพร้อมกับความเร็วสัญญาณนาฬิกา 2 กิกะเฮิร์ต และมีพลังประมวลผล 128 กิกะฟลอป
เอชพีออกโปรแกรมใหม่ที่เรียกว่า
นอกจากซีพียูสี่ตระกูลที่เราได้ยินชื่อกันบ่อยคือ x86, ARM, Power, และ MIPS แล้ว ซีพียูอีกหนึ่งตระกูลที่เคยยิ่งใหญ่อย่างมากคือ Sparc ที่ดูแลโดยซันนั้นก็ยังมีการใช้งานในเซิร์ฟเวอร์อยู่พอสมควร แต่ Sparc รุ่นต่อไปคือ UltraSaprc-RK หรือชื่อเล่นว่า Rock นั้นก็มีข่าวลือว่าถูกยกเลิกการพัฒนาไปแล้ว
ชิป Rock นั้นเป็นชิปที่ถูกเตรียมไว้เพื่อมาแทนที่ชิป Niagara แต่การพัฒนานั้นใช้เวลามาแล้วห้าปี
จนถึงตอนนี้ยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการจากทางซัน โดยชิป Sparc นั้นมีผู้ผลิตอีกหนึ่งรายคือฟูจิตสึ คาดว่าทางซันอาจจะย้ายความสนใจไปยังชิป x86 ในตระกูล Nehalem แทน ส่วน Sparc นั้นอาจจะอยู่ในสถานะที่ยกให้ฟูจึตสึดูแลตลาดไปอย่างโดดเดี่ยว
ข่าววงในรายงานว่า Sun Microsystems สั่งยกเลิกโครงการพัฒนาซีพียูในตระกูล SPARC รหัส "Rock" หลังจากทำมา 5 ปี
"Rock" เป็นโครงการที่ซันหวังจะใช้พลิกฟื้นสถานการณ์ของบริษัทในตลาดซีพียูสำหรับเซิร์ฟเวอร์ หลังจากโดน Xeon ของอินเทลและ POWER ของไอบีเอ็มตีตลาดอย่างหนัก Jonathan Schwartz ซีอีโอของซันเคยเขียนลงบล็อกเมื่อปี 2007 ว่าเขาได้รับ Rock รุ่นต้นแบบแล้ว แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีการพูดถึง Rock อีกเลย (ดูบล็อกพร้อมภาพของ Rock)
ซันวางแผนจะขาย Rock เมื่อปีที่แล้ว (2008) แต่ต้องเลื่อนด้วยเหตุผลทางเทคนิคหลายอย่าง ซันไม่สามารถเปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ได้จริงมา 10 ปีแล้ว และปัจจุบันต้องใช้ชิปจาก Fujitsu ไปพลางๆ