อยากแต่งห้องเหมือนในซีรีส์ได้ไม่ยาก IKEA ใน UAE ออกโฆษณาชุดใหม่โดยการเอาเฟอร์นิเจอร์มาแต่งเป็นห้องนั่งเล่น โดยเอาแรงบันดาลใจจากซีรีส์ชื่อดังทั้ง Simpsons, Stranger Things และ Friends
การแต่งห้องนอน ห้องนั่งเล่นของหลายๆ คนอาจจะธรรมดา และน่าเบื่อไปแล้ว แต่ถ้าได้แต่งห้องตามซีรีส์ที่เราชื่นชอบคงจะฟินไม่น้อย
โดยที่แคมเปญโฆษณาชุดใหม่ของ IKEA ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE ได้ดีไซน์ห้องนั่งเล่น ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นห้องศูนย์กลางของครอบครัวที่มีความหมายมากที่สุดมาตกแต่งใหม่โดยการใช้เฟอร์นิเจอร์ของ IKEA ทั้งหมด
แต่ไม่ใช่แค่ห้องนั่งเล่นธรรมดา แต่เป็นห้องนั่งเล่นที่ได้แรงบันดาลใจจากซีรีส์ Simpsons, Stranger Things และ Friends เป็นการดึงจุดเด่นออกมาก มีการดีไซน์แบบ 3D
แคมเปญนี้มีชื่อว่า “Ikea Real Life” ร่วมกับเอเยนซี่ Publicis Spain ซึ่งกว่าจะคลอดแคมเปญนี้ออกมาได้ ต้องใช้เวลาถึง 2 เดือนเพราะต้องเช็คสินค้าเฟอร์นิเจอร์ต่างๆให้ถูกต้องตรงตามที่วางจำหน่ายในปัจจุบันด้วย
ทาง IKEA ได้บอกว่า แคมเปญนี้ทางทีมงานได้ทำงานใกล้ชิดกับทีมโฆษณาเป็นเวลาหลายเดือน ต้องค้นหาเฟอร์นิเจอร์หลายร้อยหลายพันรายการ เพื่อให้ได้ชิ้นที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่จะนำมาดีไซน์ห้องให้ใกล้เคียงกับซีรีส์มากที่สุด
ในโฆษณานี้มีการบอกราคาสินค้าอย่างละเอียด เพื่อเป็นการชี้เป้าให้ลูกค้าสามารถไปตามช้อปได้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
พิกุล ศรีมหันต์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารไทยพาณิชย์ บอกว่า SCB เตรียม 4 กลยุทธ์ให้บริการลูกค้า ประกอบด้วย
ปัจจุบันธนาคารได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าเอสเอ็มอีทั่วประเทศจำนวนกว่า 500,000 ราย ซึ่งมีความจำเป็นต้องขยายตลาดไปต่างประเทศ และด้วยความสามารถทางดิจิทัลทำให้การส่งสินค้าไปขายยังต่างประเทศเป็นเรื่องที่ทำได้สะดวกรวดเร็ว เข้าถึงกำลังซื้อมหาศาลจากผู้บริโภคทั่วโลกด้วยช่องทางอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศ (cross border e-commerce)
SCB จึงร่วมมือกับ Amazon Global Selling (AGS) หนึ่งในหน่วยธุรกิจของอเมซอนซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อมุ่งสนับสนุนให้ผู้ประกอบการทั่วโลกขยายฐานการค้าสู่ตลาดต่างประเทศและเข้าถึงเครือข่ายลูกค้าของ อเมซอนกว่า 300 ล้านรายทั่วโลก รวมถึงลูกค้าชั้นดีกว่า 100 ล้านรายที่มีการซื้อสินค้าเป็นประจำผ่านมาร์เก็ตเพลสของอเมซอน อเมซอนมีศูนย์จัดส่งสินค้า 175 แห่งทั่วโลกที่พร้อมจะนำสินค้าจากประเทศไทยไปสู่ลูกค้าใน 185 ประเทศและภูมิภาคต่างๆ อเมซอนยังผลิตนวัตกรรมด้านการบริการและเครื่องมือต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้ขายบริหารจัดการธุรกิจทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ Fulfillment by Amazon (FBA), Amazon Advertising และ Seller Central เป็นต้น
การร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเปิดโอกาสให้เอสเอ็มอีไทยขยายช่องทางการขายไปต่างประเทศ โดยเริ่มจากประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งมีมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซใหญ่กว่าประเทศไทยถึงกว่า 20 เท่า ปัจจุบันสหรัฐอเมริกานับเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทย โดยรายงานการค้าส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างเดือนมกราคม –เมษายน ปี 2562 ระบุว่า ประเทศไทยได้ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกาด้วยมูลค่าถึง 3.44 แสนล้านบาท นับเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย ทั้งนี้เชื่อว่ายอดขายของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เกิดขึ้นบนอเมซอนในอนาคตจะช่วยสนับสนุนให้การส่งออกของประเทศเติบโตอย่างแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
เบอร์นาร์ด เทย์ ผู้อำนวยการ อเมซอน โกลบอล เซลลิ่ง ประจำภูมิภาคเอเชียตะออกเฉียงใต้ บอกว่า อเมซอน โกลบอล เซลลิ่งจะช่วยส่งเสริมให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จักผ่านออนไลน์มาร์เก็ตเพลสของอเมซอน โดยนอกจากการจัดตั้งทีมงาน อเมซอน โกลบอล เซลลิ่ง ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ยังได้ทำงานร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์เพื่อผลักดันเป้าหมายนี้ให้เป็นจริง
ในระยะแรกของความร่วมมือทางธนาคารไทยพาณิชย์ และ อเมซอน โกลบอล เซลลิ่ง มีเป้าหมายร่วมกันที่จะช่วยกันประชาสัมพันธ์และส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้ตระหนักถึงโอกาสขยายธุรกิจผ่านตลาดอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศ โดยจะผลักดันผู้ประกอบการไทยบุกตลาดอีคอมเมิร์ซสหรัฐอเมริกาผ่าน Amazon.com ด้วยการให้ความรู้ผู้ประกอบการที่สนใจเริ่มต้นธุรกิจอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศบน Amazon ผ่านหลักสูตร JumpStart ซึ่งเป็นหลักสูตรอบรมพิเศษที่มีเนื้อหาครอบคลุมถึงการเริ่มต้นธุรกิจบนอเมซอนอย่างถูกต้อง อาทิ การเปิดบัญชีผู้ขาย การสร้างรายการสินค้า การบริหารจัดการบัญชีผู้ขายผ่านระบบ Seller Central การใช้บริการ Fulfillment by Amazon และอื่นๆ อีกมากมาย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
SoftBank ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือจากประเทศญี่ปุ่นได้ประกาศตัดสินใจใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมจาก Nokia และ Ericsson สำหรับ 5G
SoftBank Mobile ยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมจากประเทศญี่ปุ่นตัดสินใจใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมจาก Nokia และ Ericsson สำหรับเทคโนโลยี 5G แทนที่ อุปกรณ์โทรคมนาคมจาก Huawei ที่บริษัทใช้มาเป็นระยะเวลายาวนาน และคาดว่าคู่แข่งอย่าง NTT Docomo รวมไปถึง Au ซึ่งเป็น 2 ค่ายใหญ่อาจยกเลิกใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมของบริษัทยักษ์ใหญ่จากจีนเช่นกัน
ตัวแทนของ Ericsson ได้กล่าวว่าบริษัทเตรียมนำระบบ Machine Learning มาใช้ตรวจสอบระบบเครือข่ายของ SoftBank ว่ามีบริเวณใดที่ต้องเพิ่มเสาโทรคมนาคม รวมไปถึง Nokia ที่เตรียมนำเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายของ SoftBank ด้วย
ก่อนที่ Huawei จะพบคำสั่งบริหารของรัฐบาลสหรัฐฯ นั้น SoftBank ได้เซ็นสัญญากับ ZTE ในการเป็น Supplier อุปกรณ์โทรคมนาคมในเครือข่าย 5G ส่วนทางด้านในเทคโนโลยี 4G บริษัทได้เลือกใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมจาก ZTE และ Huawei เป็นหลักมาโดยตลอด เนื่องจากอย่างที่ทราบกันว่าอุปกรณ์โทรคมนาคมจากจีนมีราคาถูกกว่าคู่แข่งจากยุโรปขั้นต่ำ 20% ถึง 30% แต่ประสิทธิภาพนั้นคุ้มค่าคุ้มราคา
ไม่เพียงแค่อุปกรณ์โทรคมนาคมจาก Huawei ที่โดนแบนจากญี่ปุ่น แต่ก่อนหน้านี้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทั้ง 3 เจ้าในประเทศญี่ปุ่นก็ได้หยุดรับจองโทรศัพท์มือถือจาก Huawei ในรุ่น P30 เนื่องจากความกังวลว่าจะไม่ได้อัพเดต Software หรือไม่
ช่วงที่ผ่านมาผู้ให้บริการโทรคมนาคมทั่วโลกต่างต้องตัดสินใจอย่างหนักในการเลือกอุปกรณ์โทรคมนาคม โดยผู้ให้บริการในยุโรปส่วนใหญ่มักที่ไม่เลือกอุปกรณ์โทรคมนาคมของ Huawei สำหรับเทคโนโลยี 5G เช่น EE จากสหราชอาณาจักร แต่ก็ยังมีผู้ให้บริการบางรายในเอเชียยืนยันที่จะใช้อุปกรณ์ของ Huawei อยู่ดี เช่น M1 จากประเทศสิงคโปร์
ที่มา – Zdnet, Japan Times
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
งานที่เกมเมอร์และผู้ที่ชื่นชอบเรื่องเกมยิ่งไม่ควรพลาด Thailand Game Expo by AIS eSports มหกรรมเกมและอุปกรณ์เกมมิ่งที่ใหญ่ที่สุดครั้งแรกของเมืองไทย
The post เที่ยวงาน Thailand Game Expo by AIS eSports อีเวนต์ใหญ่ที่ชาวเกมต้องไม่พลาด appeared first on mxphone.
ในที่สุด Gaming Convention หรืองานเกมในไทยก็มีเพิ่มขึ้นอีกงานแล้ว แถมผู้จัดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เพราะคือพี่ใหญ่โทรคมนาคมอย่าง AIS ดังนั้นลองมาดูกันดีกว่าว่างานนี้มันแตกต่างจากงานอื่นๆ อย่างไรบ้าง
ปกติแล้วงานเกมต่างๆ ที่เคยจัดในประเทศไทยจะใช้ไอเท็มในเกมเพื่อดึงดูดผู้ร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็นการทำกิจกรรมเพื่อรับไอเท็ม หรือแค่เข้ามาร่วมงานก็ได้ไอเท็มใหม่ไปกันฟรีๆ แต่นั่นมันเป็นยุคเก่าแล้ว เพราะ Thailand Game Expo ที่ AIS eSports จัดขึ้นนั้นมีอะไรที่มากกว่างานอื่นๆ
เริ่มต้นที่การรวมสินค้า และบริการที่เกี่ยวกับเกมมากมายมาจำหน่ายในราคาพิเศษ หรือลดสูงสุด 50% ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง, เครื่องเกมคอนโซล, Gaming Gear รูปแบบต่างๆ, โทรศัพท์มือถือสำหรับเล่นเกม และแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตมือถือ และบ้านเพื่อการเล่นเกมเช่นกัน
ดังนั้นมันต่างกับงานอื่นๆ ชัดเจนที่เน้นแจกไอเท็มภายในเกมเพื่อกระตุ้นให้คนมางาน เพราะแบบนั้นจะได้แค่กลุ่มที่ชื่นชอบเล่นเกม แต่การเน้นจำหน่ายสินค้า และบริการเกี่ยวกับเกมก็ช่วยขยายกลุ่มผู้เข้าร่วมงานได้ไม่ยาก ทั้งยังทำให้เกิดเงินสะพัดภายในงานมากกว่างานเกมปกติอีกด้วย
ชมการแข่งขันได้หลายเกม แถมลุ้นนักกีฬาทีมชาตินอกจากนี้ตัวงาน Thailand Game Expo ยังรวมการแข่งขันของหลากหลายเกมเอาไว้ในงานอีกด้วย ซึ่งแตกต่างกับงานเกมอื่นๆ ที่มักจะมีการแข่งขันเกมของค่ายผู้ให้บริการเกมเพียงรายเดียว หรือถืงจะแข่งขันหลายเกม แต่เงินรางวัลภายในงานก็ไม่ได้มากขนาด 7 แสนบาทเหมือนในงานนี้
ที่สำคัญตัวงานยังมีการจัดแข่งขันเพื่อคัดตัวนักกีฬา eSports ทีมชาติไปแข่งขันในรายการซีเกมส์ที่ฟิลิปปินส์ในช่วงปลายปี เรียกได้ว่าแค่สองเรื่องนี้ก็แตกต่างกับงานเกมอื่นๆ มากแล้ว แถมยังไม่รวมถึงการมางาน Thailand Game Expo แล้ว ยังไปเดินเล่นซื้อโทรศัพท์มือถือในราคาพิเศษได้ที่งาน Thailand Mobile Expo ด้วย
ตลาด eSports เติบโตเร็วหากไม่ร่วมก็พลาดโอกาสสำคัญปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไปของ AIS เล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ตลาด eSports มีเงินสะพัดในไทยกว่า 22,000 ล้านบาท แต่มันยังมีโอกาสเติบโตได้มากกว่านี้ ดังนั้นการที่ AIS เข้ามาสนับสนุนผ่านการจัดงาน Thailand Game Expo ก็เป็นอีกฟันเฟืองที่ช่วยให้อุตสาหกรรม eSports นั้นเติบโตอย่างยั่งยืน
สรุปThailand Game Expo นั้นแตกต่างกับงานเกมอื่นๆ ในประเทศไทยจริงๆ เพราะการชูเรื่องจำหน่ายสินค้ามากกว่าการใช้เนื้อหาของเกมดึงดูด ดังนั้นคงต้องติดตามกันต่อไปว่างานนี้จะจัดครั้งหน้าเมื่อไร แต่ก็มีแว่วๆ มาบ้างแล้วว่าน่าจะจัดร่วมกับ Thailand Mobile Expo เหมือนเดิม
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
พาทัวร์งาน Thailand Mobile Expo 2019 (TME2019) รอบกลางปี ที่ ไบเทคบางนา (Bitec Bangna) ณ Hall 98-99 ระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม - 2 มิถุนายน
The post พาเที่ยวงาน Thailand Mobile Expo 2019 รอบกลางปี เริ่มแล้ววันนี้ appeared first on mxphone.
เกาะติด อัพเดตราคา สมาร์ทโฟนทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่กันภายในงานมหกรรมมือถือแห่งปี Thailand Mobile Expo 2019 ระหว่างวันที่ 30 พ.ค.-2 มิ.ย. 62
The post อัพเดทราคาสมาร์ทโฟนงาน Thailand Mobile Expo 2019 [TME2019] รอบกลางปี appeared first on mxphone.
ปฏิเสธไม่ได้ว่าโทรศัพท์มือถือคือสิ่งจำเป็นของใครหลายคน จึงไม่แปลกที่งาน Thailand Mobile Expo จะมีความคึกคักกว่างานขายสินค้าไอทีอื่นๆ แต่เพื่อเพิ่มความยั่งยืน ผู้จัดอย่าง MVision ก็ยกระดับงานนี้ไปอีกขั้น
เป็นอีกครั้งที่ MVision จัดงาน Thailand Mobile Expo หรือ TME ภายใต้แนวคิดรวมทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์มือถือ เพราะครั้งก่อนๆ ก็มีทั้งการรวมเอามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือได้ รวมถึงการจำหน่ายโดรน และแก็ดเจต เพื่อสร้างความหลากหลายใหัตัวงาน และไม่ได้ดึงดูดแค่โทรศัพท์มือถือราคาถูกอีกต่อไป
สำหรับครั้งนี้ TME นำสินค้า และบริการที่เกี่ยวกับการเล่นเกมเข้ามาในงานเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือสำหรับเล่นเกม, ผู้ให้บริการเกมบนโทรศัพท์มือถือ, อุปกรณ์เสริมสำหรับเล่นเกมบนโทรศัพท์มือถือ รวมถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง ซึ่งตัวคอมฯ นั้นเคยมาจำหน่ายในงานบ้างแล้ว แต่ยังไม่มากเท่างานครั้งนี้
โอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็ม วิชั่น เล่าให้ฟังว่า ภาพรวมงานครั้งนี้จะแตกต่างออกไป เพราะจัดพร้อมกับงาน Thailand Game Expo by AIS eSports ซึ่งตัวงานนั้นจะรวมเอาสินค้า และบริการเกี่ยวกับเกมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ จึงช่วยยกระดับงาน TME ขึ้นไปอีกขั้น ผ่านความหลากหลายที่ไม่เคยมีมาก่อน
เงินสะพัด 2,500 ล้านบาท กับคนกว่า 7 แสน“ตัวงานนี้คาดว่าสินค้าหูฟัง และ Gaming Gear หรือสินค้าที่เกี่ยวกับเกมจะจำหน่ายได้ค่อนข้างดี เพราะกระแสเรื่องนี้มาแรงมาก ผ่านการสนับสนุนเรื่อง eSports และมีหลายสื่อแสดงให้เห็นว่าเกมนั้นสร้างเป็นอาชีพได้ ส่วนตัวเงินสะพัดในงานนี้อยู่ที่ 2,500 ล้านบาท และมีคนร่วมงาน 7 แสนคนเมื่อนับรวม TME กับ Thailand Game Expo”
นอกจากนี้ตัว MVsion ยังมีส่วนร่วมในการจัดงาน Idol Expo ที่รวบรวมวง Idol ของประเทศไทยไว้มากมายเหมือนกับที่เคยจัดไปในงานช่วงต้นปี ดังนั้นเมื่อมี 3 งานจัดในพื้นที่เดียวกัน ทำให้ MVsion ต้องใช้พื้นที่ถึง 30,000 ตร.ม. เรียกว่าเป็นการเติบโตไปอีกขั้นของงาน TME จริงๆ
ภาพรวมวันแรกคึกคัก ส่วน Huawei ยังไม่เงียบมากส่วนภาพรวม TME ในวันแรกนั้นค่อนข้างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับเกมที่มีการจัดการแข่งขันคัดนักกีฬาทีมชาติไปแข่งในซีเกมส์ หรือพื้นที่จำหน่ายโทรศัพท์มือถือที่หลากหลายค่ายทำโปรโมชั่นมากระตุ้นยอดขาย ส่วน Huawei ที่มีข่าวไม่ค่อยดีนักในช่วงนี้ ตัวบูธก็ยังไม่ได้เงียบมาก แต่อาจเป็นแค่วันแรก และฝนตกเท่านั้น
สรุปThailand Mobile Expo ครั้งนี้สร้างความแตกต่างไปอีกขั้นจริงๆ เพราะมีการรวมเอางานเกมเข้ามา ซึ่งเหนือกว่าการเอามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามาร่วมงานในครั้งก่อน คราวนี้ก็ต้องดูงานจำหน่ายสินค้าไอทีอื่นๆ แล้วว่าจะต้องปรับตัวไปในทิศทางไหน เพราะไม่อย่างนั้นตัวงานก็อาจเสื่อมความนิยมไปเรื่อยๆ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
COM7 เดินหน้าขยายตลาดเกมมิ่งในเมืองไทย เปิดตัว “BaNANA E-Quip” แบรนด์น้องใหม่ภายใต้การบริหารของThailand Game Expo 2019
The post COM7 ขยายแบรนด์ “BaNANA E-Quip” ประเดิมงานแรก Thailand Game Expo 2019 appeared first on mxphone.
เปิดฉากอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับงาน Thailand Game Expo by AIS eSports มหกรรมเกมและอุปกรณ์เกมมิ่งที่ใหญ่ที่สุดครั้งแรกของประเทศ
The post เริ่มแล้ว! Thailand Game Expo by AIS eSports ครั้งแรกของไทย โดย AIS เครือข่ายอันดับ 1 ระดับโลกเพื่อชาว eSports appeared first on mxphone.
Huawei จัดชุดใหญ่เปิดตัวกองทัพโปรดักซ์นำโดยแท็บแล็ต MediaPad M5 Lite พร้อมด้วยรุ่นเล็ก Y5 2019 ที่จะเริ่มขายในเดือนมิถุนายนนี้
The post Huawei เปิดตัวชุดใหญ่ นำทัพโดย MediaPad M5 Lite และ Y5 2019 appeared first on mxphone.
RTB เปิดตัว “Jabra Elite 85h” สุดยอดหูฟังระดับเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดของจาบร้า (Jabra) ที่ได้รับรางวัลระดับโลกมามากมาย
The post อาร์ทีบี เปิดตัวหูฟังเจ้าของรางวัลระดับโลก Jabra Elite 85h ครั้งแรกในไทย!! appeared first on mxphone.
หากพูดถึงสระว่ายน้ำหลายคนคงนึกถึงสิ่งที่มีอยู่ในบ้านเศรษฐี, คอนโดฯ หรือศูนย์ออกกำลังกายต่างๆ แต่รู้หรือไม่ว่าเทรนด์สระว่ายน้ำในปัจจุบันนั้นเปลี่ยนไปแล้ว และผู้ให้คำตอบได้ดีที่สุดก็คงไม่พ้น POOL&SPA ผู้นำในเรื่องนี้
ที่บอกว่า POOL&SPA หรือบริษัท พูล แอนด์ สปา จำกัด สามารถให้คำตอบเรื่องนี้ได้ดีที่สุดก็เพราะ POOL&SPA คือผู้นำในตลาดนี้อย่างปฏิเสธไม่ได้ ผ่านการก่อตั้งมานาน 45 ปีตั้งแต่ยุคจำหน่ายเคมีพันธ์ที่ใช้ในสระว่ายน้ำ หรือคลอรีน และอื่นๆ จนถึงการนำเข้าอุปกรณ์เกี่ยวกับสระว่ายน้ำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเป็นรายแรกๆ
และเมื่อสระว่ายน้ำเริ่มถูกให้ความสำคัญมาขึ้นในโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ รวมถึงบ้านเศรษฐีก็เริ่มมีการทำตลาดจริงจัง ผ่านการรับงานตั้งแต่ต้นจนจบของการทำสระว่ายน้ำ หรือการออกแบบ, เดินระบบ และตกแต่งให้ตัวสระสวยงาม รวมถึงบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวกับสระว่ายน้ำ เช่นห้องซาวน่า และห้องสตีมไอน้ำ
กุลศรา โสณกุล ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ POOL&SPA เล่าให้ฟังว่า ตอนนี้กลุ่มลูกค้าหลักยังเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม, คอนโดมิเนียม และหมู่บ้านจัดสรร ส่วนกลุ่มลูกค้าทั่วไปยังคิดเป็นส่วนน้อย แต่จำนวนก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น
สระว่ายน้ำไม่ได้อยู่แค่บ้านของคนมีสตางค์เท่านั้น“ช่วงก่อตั้งบริษัทนั้นคุณพ่อเป็นคนเริ่มทำตลาด และตอนนี้ก็มาถึงตัวเองในฐานะรุ่นที่สองที่มาทำงานกับ POOL&SPA ตั้งแต่ 20 ปีก่อน ซึ่งเวลานั้นคุณพ่อมองว่า ในอนาคตสระว่ายน้ำน่าจะไม่ได้อยู่ในโครงการใหญ่ๆ หรือเป็นของเล่นคนรวย ทำให้ตัวเองเริ่มทยอยปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการทำตลาด เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ”
สำหรับการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ทางการตลาดในอีก 2-3 ปีข้างหน้านั้น POOL&SPA ได้ทำการนำเข้า และจัดจำหน่ายอุปกรณ์เกี่ยวกับสระว่ายน้ำตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนถึงระดับไฮเอนด์ พร้อมกับขยายพาร์ทเนอร์ในลักษณะขายส่งจากแค่หลักสิบเป็นหลักร้อยที่รับสินค้าจาก POOL&SPA เพื่ออกไปตอบโจทย์ความต้องการของบุคคลทั่วไป และโครงการอสังหาฯ ต่างๆ
ทั้งนี้ต้นทุนในการทำสระว่ายน้ำในปัจจุบันนั้นอยู่ที่ 4 แสนบาทสำหรับสระไฟเบอร์กลาสขนาด 2.45×4.45 ม. ซึ่งนิยมติดตั้งในบ้านขนาดเล็ก รวมถึงบางโครงการพูลวิลล่า ส่วนรูปแบบสระว่ายน้ำที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันคือ Lap Pool ที่มีความยาวมากกว่า 18 ม. เพื่อกับการว่ายน้ำออกกำลังกายได้จริง
“ตอนนี้ทิศทางของตลาดสระว่ายน้ำนั้นต้องเป็นสระที่ใช้ว่ายออกกำลังกายได้จริง ไม่จำเป็นต้องมีดีไซน์โค้งมน (Free Form) แบบที่ในอดีตชอบกัน เพราะนอกจากทำความสะอาดง่ายแล้ว มันยังเหมาะสมกับคอนโดมิเนียมที่กำลังเกิดเพิ่มขึ้น และเหตุนี้เองก็ทำให้ตลาดสระว่ายน้ำนั้นเติบโตประมาณ 20-30% ทุกปี ผ่านมูลค่าเฉพาะอุปกรณ์รวมกว่า 1,000 ล้านบาท”
ขณะเดียวกันเข้าใจว่าบางบ้านอาจทำสระไว้โชว์ ไม่ได้ใช้ออกกำลังกายจริงจัง แต่สิ่งที่สำคัญคือไม่ว่าจะเป็นสระรูปแบบไหน POOL&SPA ต้องการมุ่งที่จะสื่อสารให้ผู้ที่ต้องการมีสระว่ายน้ำไม่ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในรูปแบบใดก็ตามทราบว่า การสร้างสระว่ายน้ำต้องให้ความใส่ใจเหมือนกับการสร้างบ้าน ตั้งแต่รากฐาน การวางระบบกรองและฆ่าเชื่อ รวมถึงส่วนอื่นๆ เช่นห้องเครื่องที่ต้องได้มาตรฐาน เพื่อให้สระว่ายน้ำที่สร้างขึ้นมาได้คุณภาพและมีมาตรฐาน
และการดูแลรักษาหลังจากนั้นจะไม่ยุ่งยาก รวมถึงช่วยลดปัญหาจุกจิกกวนใจ ซึ่งจำเป็นต้องทำทั้งระบบ บริษัทจึงพร้อมเป็น Learning Center ให้ความรู้เรื่องการสร้างสระ และอื่นๆ เพื่อให้สระว่ายน้ำเป็นแหล่งรวมความสุขของครอบครัว หรือเป็นส่วนเติมเต็มการพักผ่อนได้อย่างแท้จริง ยิ่งในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านสระว่ายน้ำ บริษัทก็พร้อมที่จะให้คำปรึกษา และช่วยยกระดับธุรกิจนี้ให้ดียิ่งขึ้น ทั้งการให้ความรู้กับดีลเลอร์ ผู้รับเหมา หรือแม้กระทั้งเจ้าของโครงการ และลูกค้าที่ต้องการมีสระว่ายน้ำ สามารถเข้ามาคุยกับเราได้หลากหลายช่องทางเช่น Facebook ของ POOL&SPA Thailand หรือทางหน้าเว็บไซต์ www.poolspa.co.th
“จริงๆ แล้วสระว่ายน้ำ 1 สระสามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 8-10 ปีโดยไม่ต้องเปลี่ยนน้ำเลยก็ได้ถ้าดูแลถูกวิธี ซึ่งหัวใจสำคัญคือระบบกรอง และระบบฆ่าเชื้อ รวมถึงการเซ็ตระบบ ยิ่งเจ้าของสระในบ้านไม่ได้ดูแลเอง มันก็ต้องช่วยเหลือพวกเขาเรื่องนี้ให้มาก เพื่อให้พวกเขาเลิกคิดว่าการมีสระว่ายน้ำนั้นสร้างความยุ่งยากกับชีวิต”
นวัตกรรมช่วยต่อยอดการเติบโตของอุตสาหกรรมในทางกลับกัน POOL&SPA ก็มีการนำนวัตกรรมต่างๆ มาช่วยยกระดับตลาดสระว่ายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นตัวสระแบบ Beach Pool ที่เปลี่ยนแปลงจากสระว่ายน้ำธรรมดาให้ดูคล้ายชายหาด ผ่านการใช้พื้นผิวพิเศษที่ให้ความรู้สึกเหมือนเหยียบลงบนทรายในบางบริเวณของสระ เหมาะสมกับการสร้างบรรยากาศใหม่ให้กับการใช้งานสระว่ายน้ำ
รวมถึงการนำระบบควบคุมคุณภาพสระว่ายน้ำด้วย UV พ่วงกับระบบเกลือ เพราะก่อนหน้านี้การสร้างสระน้ำเกลือนั้นตัวน้ำจะมีรสชาติกร่อย รวมถึงทำให้ไฟใต้น้ำขึ้นสนิม และค่า PH ในสระสูงตลอดเวลา ซึ่งการใช้ UV เข้ามาช่วยกับระบบนี้ก็จะแก้ปัญหาดังกล่าวได้ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนระบบสระเกลือที่ใช้งานคู่กับโอโซนด้วย
“ที่คนกลัวคลอรีนมากๆ เพราะเขามีภาพจำที่ไม่ดี แต่จริงๆ แล้วถ้าควบคุม และดูแลดีๆ ตัวคลอรีนก็ไม่อันตราย และตัวนวัตกรรมสระว่ายน้ำตอนนี้ก็มีการใช้หุ่นยนต์ช่วยทำความสะอาดด้วย ถือเป็นการช่วยเหลือเจ้าของบ้านที่มีสระว่ายน้ำ รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เพราะมันทำความสะอาดได้ดีกว่าการใช้คน”
สรุปตลาดสระว่ายน้ำอาจดูห่างไกลจากคนทั่วไป แต่จริงๆ สระว่ายน้ำนั้นไม่ได้อยู่ไกลเลย เพราะแทบทุกคนต้องเคยลงสระว่ายน้ำกันมาบ้าง ยิ่งประเทศไทยเป็นเมืองร้อน สระว่ายน้ำก็เป็นอีกสิ่งที่ช่วยคลายร้อนได้เป็นอย่างดี และเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว หากคิดจะสร้างสระว่ายน้ำสักที่ POOL&SPA ก็เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ไม่ควรพลาดเลย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
นายกรัฐมนตรีมาเลเซียยืนยันที่จะใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมจาก Huawei ถึงแม้ประเทศต่างๆ จะกังวลในเรื่องความปลอดภัยและความมั่นคงก็ตาม
มหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ได้กล่าวในงาน The Future Of Asia ที่ประเทศญี่ปุ่นว่า มาเลเซียจะใช้อุปกรณ์จาก Huawei ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แม้จะมีความกังวลในเรื่องความมั่นคง แต่ก็ไม่กลัวในเรื่องนี้ โดยนายกมาเลเซียเป็นตัวแทนประเทศแรกๆ ที่ออกมาสนับสนุนยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมจากจีน หลังจากหลายๆ ประเทศเริ่มกังวลในเรื่องนี้มากขึ้น
ในช่วงที่ผ่านมา ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามคำสั่งบริหาร ห้ามบริษัทในสหรัฐฯ ใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมที่เป็นภัยต่อความมั่นคง เพื่อที่จะปกป้องระบบอินเตอร์เน็ตและเทคโนโลยีสารสนเทศของสหรัฐจากการคุกคามของเทคโนโลยีต่างชาติ ส่งผลทำให้ Huawei ได้รับผลกระทบทันที เนื่องจาก Supplier ที่เป็นบริษัทสหรัฐฯ ไม่สามารถค้าขายกับ Huawei ได้เลย
นายกรัฐมนตรีมาเลเซียยังได้พูดถึง Huawei ว่า เป็นบริษัทที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะเรื่องของ AI และยังเชื่อว่า Huawei จะสามารถเพิ่มโอกาสในเรื่องของระบบโทรคมนาคมกับเรื่อง AI ให้กับประเทศมาเลเซียอย่างแน่นอน ยังรวมไปถึง “งานวิจัยของ Huawei มีมากกว่างานวิจัยภายในประเทศมาเลเซียรวมกันเสียด้วยซ้ำ” ซึ่งมาเลเซียต้องเรียนรู้จากเรื่องนี้
ขณะเดียวกันความกังวลในการขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของจีนนั้น เขาได้กล่าวว่า “ตอนที่จีนยากจนเราก็กลัวจีน แต่เวลาจีนรวยขึ้นมาเราก็กลัวจีน” อย่างไรก็ดีนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียก็มีความกังวลถึงความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐในตอนนี้อาจส่งผลกระทบต่อเรื่องข้อพิพาทในทะเลจีนใต้อีกด้วย
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีมาเลเซียยังได้มองว่า สหรัฐควรที่จะยอมรับว่าหลายๆ ประเทศในเอเชียมีศักยภาพในการผลิตสินค้าเทคโนโลยีและมีคุณภาพเทียบเท่ากับตะวันตก โดยเขายังได้กล่าวว่า “พวกเราควรจะยอมรับว่าสหรัฐไม่สามารถป็นประเทศทรงอำนาจของโลกที่มีเทคโนโลยีดีที่สุดได้ตลอดไป”
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
Samsung เตรียมส่งโปรโมชั่นสุดยิ่งใหญ่ในงาน “Thailand Mobile Expo 2019” พร้อมสิทธิพิเศษและของรางวัลสุดพรีเมี่ยม ณ ไบเทค บางนา ในวันที่ 30 พ.ค. - 2 มิ.ย. นี้
The post คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม! Samsung เตรียมส่งโปรสุดยิ่งใหญ่ประจำปี ในงาน TME 2019 appeared first on mxphone.
Tesco Lotus ประกาศนโยบายเพื่อสิ่งแวดล้อม ยกเลิกการใช้แพ็คเกจจิ้งโฟมทุกชนิด ทุกสาขา ใช้ถาดเธอร์โมฟอร์มที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิลได้ 100% ดีเดย์ 1 ก.ค. 62 นี้
เป็นทิศทางสำคัญของวงการค้าปลีกในประเทศไทยที่มีการตื่นตัวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ขยะพลาสติกมากขึ้น ตั้งแต่ต้นที่ผ่านมาได้เห็นผู้เล่นค้าปลีกหลายรายมีนโยบายลด หรืองดใช้ถุงพลาสติกมากขึ้น ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจค้าปลีกมีส่วนสำคัญในการสร้างขยะรายใหญ่รายหนึ่งเช่นกัน
อย่างที่เมื่อวันก่อนที่กลุ่มเซ็นทรัลได้ประกาศหักดิบ งดแจกถุงพลาสติกในทุกกลุ่มธุรกิจ เริ่ม 5 มิถุนายนที่จะถึงนี้ (อ่านเพิ่มเติม กลุ่มเซ็นทรัลหักดิบ! งดแจกถุงพลาสติกจริงจังทุกกลุ่มธุรกิจ ดีเดย์ 5 มิ.ย.นี้)
Tesco Lotus ที่เป็นหนึ่งในผู้เล่นค้าปลีกรายใหญ่ในไทย มีการเริ่มนโยบายเรื่องสิ่งแวดล้อมมาหลายปีแล้ว แต่เริ่มมาเพิ่มความเข้มขึ้นเมื่อปีที่แล้วเพราะคนไทยเริ่มตระหนักถึงปัญหานี้มากขึ้น
ในปีนี้ได้ประกาศยกเลิกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากโฟมทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป พร้อมเพิ่มความเข้มข้นนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมด้วยโครงการแบบครบวงจรและมุ่งสู่การสร้างระบบปิดของบรรจุภัณฑ์ (closed loop packaging system) ต้องการลดขยะบรรจุภัณฑ์ประเภทใช้ครั้งเดียว (single-use packaging) และขยะพลาสติก
สลิลลา สีหพันธุ์ ประธานกรรมการฝ่ายกิจการบรรษัท เทสโก้ โลตัส บอกว่า
“ในฐานะผู้ประกอบการค้าปลีกที่มีร้านค้ากว่า 2,000 สาขาทั่วประเทศ มีความตระหนักดีถึงบทบาทของเราในการช่วยบรรเทาปัญหาขยะและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จะยกเลิกการใช้บรรจุภัณฑ์ใส่อาหารที่ทำจากโฟมทุกชนิดในทุกสาขา โดยเราได้เริ่มทยอยเปลี่ยนจากโฟมมาใช้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และจะยกเลิกบรรจุภัณฑ์โฟมทุกรูปแบบได้ 100% ภายในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้”
สิ่งที่ Tesco Lotus นำมาใช้แทนโฟมนั้น เรียกว่า “ถาดเธอร์โมฟอร์ม (Thermoform)” ขึ้นรูปจากวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% ถูกนำมาใช้แทนถาดพลาสติกและฟิล์มแบบเก่าสำหรับสินค้าประเภทเนื้อสัตว์ตัดแต่งและผลไม้พร้อมทาน
โดยถาดเธอร์โมฟอร์มทำมาจากพลาสติกที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% แต่ใช้พลาสติกน้อยกว่าปกติ ช่วยลดใช้พลาสติกปีละกว่า 400 ตัน หรือเทียบเท่าขวดน้ำพลาสติกขนาด 600 มิลลิลิตรจำนวน 26.6 ล้านขวดเมื่อเทียบกับถาดพลาสติกแบบเก่าที่เคยใช้นอกจากนี้ถาดเธอร์โมฟอร์มยังมีความสะอาดถูกสุขอนามัยและช่วยคงความสดของสินค้าเป็นการช่วยลดขยะจากอาหารอีกทางหนึ่ง
อีกทั้งยังมี Green Corner จำหน่ายบรรจุภัณฑ์อาหารปลอดภัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แบรนด์เฟสท์ (Fest) จาก SCG ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบรรจุภัณฑ์ที่เป็นทางเลือก และเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานจากกล่องโฟมหรือบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ โดยมีจำหน่ายที่ Tesco Lotus ไฮเปอร์มาร์เก็ตทุกสาขาทั่วประเทศ
จากการที่ยกเลิกถาดโฟมทั้งหมดทุกสาขานั้น จะสามารถลดการใช้โฟมได้ถึง 51 ล้านตันต่อปี หรือ 11.24 ล้านถาดต่อปี
10 ปี ลดถุงพลาสติกไปแล้ว 180 ล้านใบTesco Lotus เป็นแบรนด์แรกๆ ที่มีนโยบายเรื่องลดขยะพลาสติก ได้เริ่มรณรงค์การงดแจกถุงพลาสติกแก่ลูกค้ามาแล้วตั้งแต่ปี 2553 ใช้วิธีการ “สร้างแรงจูงใจ” ที่ว่าถ้าลูกค้าปฏิเสธไม่รับถุงพลาสติก หรือนำถุงผ้ามาช้อปปิ้งเอง จะได้รับแต้มในคลับการ์ดเพิ่ม 20 แต้ม และได้มีการเพิ่มขึ้นจนในปัจจุบันเป็น 50 แต้ม
สลิลลา เล่าให้ฟังว่า จากที่ได้มีนโยบายนี้มา 10 ปีเริ่มเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้น ในปีแรกๆ ลดจำนวนถุงพลาสติกได้น้อย เพราะลูกค้ายังไม่ค่อยเข้าใจ แต่เริ่มมาจริงจังเมื่อปีที่แล้วตอนมีข่าวเรื่องการตายของสัตว์ทะเล ห้างค้าปลีกเริ่มจับมือกับภาครัฐมีการงดแจกถุงพลาสติกทุกวันที่ 4 ของทุกเดือน สร้างการรับรู้มากขึ้น เริ่มมีเทรนด์การไม่รับถุงพลาสติกเพิ่มเป็นเท่าตัว
ซึ่งในวันที่ 4 ที่งดแจกถุงพลาสติก Tesco Lotus ได้นำถุงกระดาษมาใช้แทนสำหรับลูกค้าที่จำเป็นต้องใช้ถุง เป็นการนำกล่องกระดาษจากการส่งของมารีไซเคิล ด้วยการส่งไปให้ทาง SCG ผลิตมาทำถุงกระดาษต่อ
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา Tesco Lotus ได้ลดการใช้ถุงพลาสติกไปแล้ว 180 ล้านใบ มอบแต้มคลับการ์ดไปแล้วกว่า 5,690 ล้านแต้ม ในปีที่แล้วลดการใช้พลาสติกไปได้ 32 ล้านใบ และในปีนี้ช่วง 5 เดือนแรกสามารถลดการใช้ถุงพลาสติกไปแล้ว 10 ล้านใบ
“ตอนนี้มันเป็นวิกฤตขยะ ถ้าปล่อยให้ทุกคนใช้แบบนี้ต่อไปประเทศจะอยู่ไม่ได้ ห้างค้าปลีกเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของลูกค้า มีส่วนสร้างขยะ กับบรรจุภัณฑ์ เราก็ต้องดูแลผลกระทบจากธุรกิจ ไม่อยากให้ประเทศไทยติดอันดับขยะมากที่สุดอันดับ 6 ของโลก ตอนนี้ต้องคิดให้ครบวงจร ทำร่วมกับหลายภาคส่วน คิดตั้งแต่การออกแบบภาชนะ ไปจนถึงปลายทางการนำกลับมาใช้ เป็น Closed Loop Economy ครบวงจร”
นอกจากนี้ Tesco Lotus ยังมีสาขาที่ปลอดถุงพลาสติกจำนวน 5 สาขา ได้แก่ เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส สาขานวมินทร์, สาขาแอมพาร์ค, สาขาซอยมัณฑนา, สาขามหาวิทยาลัยขอนแก่น และเทสโก้ โลตัส ตลาด สาขาจามจุรีสแควร์ ส่วนใหญ่เป็นสาขาที่ใกล้มหาวิทยาลัย เพราะเด็กรุ่นใหม่จะเข้าใจปัญหานี้มากกว่า โดยจะมีขยายเพิ่ม 3 สาขาที่เกาะช้างในปีนี้
ส่วนของฟู้ดคอร์ทก็เริ่มมีการเปลี่ยนภาชนะด้วยเช่นกัน และกำลังพูดคุยกับร้านค้าเช่าภายใน Tesco Lotus ในการลดขยะพลาสติกต่อไป
ไทยยังไม่พร้อมมาตรการลงโทษด้วยการซื้อถุงพลาสติกส่วนประเด็นเรื่องถุงพลาสติกที่หลายคนมองว่าประทเศไทยน่าจะมีมาตรการเหมือนในต่างประเทศที่เป็นการ “จ่ายเงิน” เพื่อซื้อถุงพลาสติก หรือในทางเทคนิคจะเป็นมาตรการ “การลงโทษ” นั่นเอง
สลิลลามองว่า ประเทศไทยยังไม่เหมาะกับการใช้การลงโทษด้วยการจ่ายเงินเพิ่มเพื่อใช้ถุงพลาสติก ต้องเริ่มจากการให้รางวัลการแจกแต้มก่อน ต้องค่อยๆ สร้างการรับรู้สร้างพฤติกรรมใหม่
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญก็คือถ้าใช้การลงโทษด้วยการคิดเงินค่าถุงพลาสติก จะต้องมีหลายๆ ฝ่ายร่วมมือกัน หรือมีผู้เล่นค้าปลีกหลายรายพร้อมใจกันใช้ ถ้าทำอยู่เจ้าเดียวจะดูแปลกแยก หรืออาจจะต้องมีกฎหมายเข้ามาช่วย
อย่างที่ Tesco ในประเทศอังกฤษมีการตื่นตัวในเรื่องนี้มาก เพราะมีกฎหมายคิดเงินค่าถุงพลาสติก เพิ่งเริ่มเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ส่วนในประเทศอื่นๆ ก็เริ่มมีกฎหมายนี้แล้วเช่นกันอย่างในประเทศมาเลเซีย
โดยที่ Tesco ทั่วโลกมีเป้าหมายว่าจะต้องลดปริมาณการใช้แพ็คเกจจิ้งให้ได้ครึ่งหนึ่งภายในปี 2025 ส่วนในประเทศไทยต้องค่อยเป็นค่อยไปเริ่มจากถุงพลาสติกถาดโฟมและเป้าหมายต่อไปคือกล่องกระดาษต้องการลดขยะมากขึ้น
สุดท้ายแล้วขอทิ้งท้ายด้วยตัวเลขจำนวนขยะในประเทศไทยที่มีมากถึง 27.82 ล้านตันต่อปี แสดงว่าคนไทยสร้างขยะเฉลี่ย 1.15 กิโลกรัมต่อคนต่อวัน ปัญหาขยะส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมการบริโภค โดยเฉพาะจากพลาสติกมีเฉลี่ยถุง 2 ล้านตัน แต่มีการนำกลับมาใช้เพียงแค่ 5 แสนตันเท่านั้น จึงกลายเป็นปัญหาขยะล้นโลกในตอนนี้
สรุปเรียกว่าเริ่มมีนโยบายเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการลดขยะพลาสติก และแพ็คเกจจิ้งที่ใช้ครั้งเดียว ซึ่งโฟมก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของสิ่งแวดล้อม มีการย่อยสลายยาก การที่ Teso Lotus งดใช้ถาดโฟมไปเลยนั้นก็เป็นกลยุทธ์ที่ดี แต่ความท้าทายก็ยังคงอยู่ที่การสร้างการรับรู้เรื่องการแยกขยะให้ลูกค้าด้วย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
สิงคโปร์ขึ้นแท่นเบอร์ 1 โลกเป็นประเทศที่มีความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจสูงที่สุด โค่นสหรัฐอเมริกาเรียบร้อย ส่วนไทยปีนี้อยู่อันดับที่ 25 ขยับขึ้นจากปีก่อนถึง 5 อันดับ
สถาบัน IMD จัดอันดับประเทศที่มีความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจประจำปี 2019 ปรากฏว่า สิงคโปร์ขึ้นแท่นเบอร์ 1 ของโลก โค่นแชมป์เก่าอย่างสหรัฐอเมริกาไปเรียบร้อย
ประเทศอื่นๆ ที่น่าสนใจคือ ซาอุดิอาระเบียที่ขยับอันดับขึ้นสูงที่สุดในตาราง จากปีก่อนอยู่อันดับที่ 26 แต่มาปีนี้ ครองอันดับที่ 13 ไปได้ สำหรับประเทศแถบบ้านเราที่น่าสนใจคือ อินโดนีเซีย ปีนี้อยู่อันดับที่ 32 (ปีก่อนอันดับ 43) ส่วนไทยปีนี้อยู่อันดับที่ 25 (ปีก่อนอันดับ 30) ปัจจัยที่ทำให้ไทยไต่อันดับขึ้นมาได้สูง เป็นเพราะการที่ภาครัฐดึงให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศ
Arturo Bris ผู้อำนวยการของสถาบัน IMD บอกว่า “ในยุคที่ความไม่แน่นอนเกิดขึ้นอยู่ทั่วไปในตลาดโลก รวมถึงความเปลี่ยนแปลงในด้านการเมืองระหว่างประเทศ ตลอดจนความสัมพันธ์ทางการค้า และคุณภาพของสถาบันต่างๆ สิ่งเหล่านี้เป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้ประเทศเกิดความเจริญรุ่งเรือง”
จากรายงานระบุว่า สาเหตุที่ทำให้อันดับของสหรัฐอเมริกาลดลง เป็นเพราะเรื่องกฎหมายภาษี และการส่งออกเทคโนโลยีชั้นสูง (high-technology) ที่อ่อนแอลงในช่วงปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เกณฑ์ในการจัดอันดับของ IMD จะเน้นไปที่ศักยภาพในทางเศรษฐกิจของประเทศ โครงสร้างพื้นฐาน ประสิทธิภาพของรัฐบาลและภาคเอกชน แต่นอกจากนั้นยังมีมากกว่า 235 ตัวชี้วัดเพื่อใช้ในการจัดอันดับ เช่น อัตราการว่างงาน การเติบโตทางเศรษฐกิจ การลงทุนของภาครัฐในด้านสุขภาพและการศึกษาของประชาชน รวมถึงการทำการสำรวจจากนักธุรกิจระดับโลกที่อยู่ในตำแหน่งผู้บริหารเพื่อสอบถามถึงหัวข้อต่างๆ ได้แก่ ความร่วมมือทางสังคม โลกาภิวัฒน์ และการคอร์รัปชั่น
ที่มา – Bloomberg
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
ก่อนหน้านี้ Luckin Coffee เคยตั้งเป้าไว้ว่า ภายในปี 2019 จะมีสาขารวมทั้งหมดในจีน 4,500 แห่ง เตรียมโค่น Starbucks ในจีนที่มีสาขาทั้งหมดเพียง 3,600 แห่งเท่านั้น
แต่ Luckin Coffee บอกว่าแค่นั้นมันไม่พอ เพราะหลังจาก Luckin Coffee นำบริษัทเข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา จนมีเกิดกระแสราคาหุ้นขึ้นๆ ลงๆ แต่ที่แน่นอนคือ Luckin Coffee ระดมทุนจากการ IPO รอบนี้ได้มากกว่า 500 ล้านดอลลาร์
ทำให้ล่าสุด Luckin Coffee จึงประกาศเป้าหมายใหม่ ณ ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของตัวเองที่เซี่ยเหมิน (Xiamen) ในมณฑลฝูเจี้ยน โดยระบุว่า Luckin Coffee ตั้งเป้าขยายสาขาอีก 10,000 แห่งภายในปี 2021
นั่นหมายความว่า เป้าหมายในปี 2019 ที่จะมีสาขาครบ 4,500 หากนำไปรวมกับเป้าหมายในสิ้สุดปี 2021 อีก 10,000 สาขา หากเป็นไปตามแผนนี้ Luckin Coffee จะมีสาขาทั่วจีนถึง 14,500 สาขา
ในขณะที่ Starbucks พยายามมองหาช่องทางในการต่อสู้ในศึกกาแฟจีน ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือ “การเดลิเวอรี่”
ไม่นานมานี้ Kevin Johnson ซีอีโอของ Starbucks ประกาศแผนเตรียมขยายสาขาเดลิเวอรี่ 3,000 แห่งใน 50 เมืองทั่วประเทศจีน
แถมล่าสุด Starbucks ก็เริ่มขยับไปสู่การขายสิทธิ์การดูแลแบรนด์ในหลายประเทศแถบเอเชีย อย่างในไทยได้ Coffee Concepts Thailand และ F&N Retail Connection Co. ที่มีไทยเบฟถือหุ้นร่วม เป็นผู้ดูแล Starbucks ในไทย ส่วนในอีกหลายประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Starbucks ก็มีผู้ดูแลร้านอย่างเช่น Maxim Group ที่ดูแล Starbucks ในสิงคโปร์ กัมพูชา เวียดนาม และพม่า ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่านี่คือเกมการต่อสู้ในศึกกาแฟจีนที่ Starbucks ต้องการสู้อย่างถึงที่สุด
ศึกกาแฟจีนระหว่าง Starbucks และ Luckin Coffee ไม่มีใครยอมใครจริงๆ
เพราะในสายตาของ Starbucks จีนคือตลาดเบอร์ 2 ของแบรนด์ จะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด ส่วน Luckin Coffee ที่เป็นเจ้าถิ่น การต่อสู้ในตลาดบ้านเกิดย่อมมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากชนะ ก็จะเป็นหมุดหมายสำคัญในการขยายสาขาออกไปนอกประเทศในอนาคต
ใครที่ยังไม่รู้จัก Luckin Coffee ต้องรีบรู้จักแล้ว เพราะเขาใหญ่โตขึ้นทุกวันๆ ดูได้จากคลิปด้านล่างนี้เลย
อ้างอิงข้อมูลการขยายสาขาของ Luckin Coffee – All Tech Asia
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
ข้อมูลของมือถือรุ่นใหม่และรุ่นเด่นที่น่าสนใจในแต่ละช่วงราคา เพื่อเป็นหนึ่งในทางเลือกประกอบการตัดสินใจสำหรับเลือกซื้อตามงบประมาณที่ตั้งไว้
The post แนะทางเลือกซื้อมือถือตามงบในประเป๋า ในงาน Thailand Mobile Expo 2019 appeared first on mxphone.
The Body Shop เปิดตัวโครงการรีไซเคิลภายในร้าน ให้ลูกค้าคืนขวดเปล่าเมื่อใช้สินค้าหมดแล้วเพื่อนำเอาไปรีไซเคิลต่อ เป็นความต้องการที่จะช่วยลดขยะพลาสติก
ทิศทางของวงการค้าปลีกทั่วโลกเริ่มตื่นตัวกับปัญหาขยะพลาสติกล้นโลก ล่าสุด The Body Shop ร้านขายสินค้าสุขภาพ และความงามสัญชาติอังกฤษ ได้เปิดตัวโครงการใหม่ที่ช่วยรีไซเคิลขยะพลาสติกได้มากขึ้น
โครงการนี้ได้ร่วมมือกับองค์กร Plastics For Change ใจความหลักของโครงการนี้ก็คือให้ลูกค้าสามารถเอาแพ็กเกจจิ้งที่ไม่ใช้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นขวดเปล่า หรือหลอดเปล่ามาคืนที่ร้าน โดยที่ร้านจะมีกล่องเปล่าเพื่อรับแพ็คเกจจิ้งเหล่านี้ และมีสิ่งตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ ให้กับลูกค้า ถืเป็นการช่วยแยกขยะไปในตัว
ในอนาคตจะมีการต่อยอดในการเอาพลาสติกมารีไซเคิลในแพ็คเกจจิ้งขวดแชมพูด้วย
เหตุผลที่ทาง The Body Shop ต้องเปิดโครงการนี้ ก็มีจุดประสงค์คล้ายกับแบรนด์อื่นที่ต้องการลดขยะพลาสติก และเพื่อสนับสนุนผลงานศิลปะขนาดใหญ่ของคนเก็บขยะชาวอินเดียใน Borough Market ในกรุงลอนดอน
ทางแบรนด์บอกว่า การร่วมมือกันในครั้งนี้ต้องการเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น ช่วยสนับสนุนให้คนแยกขยะ อีกทั้งยังสร้างค่านิยมให้มองพลาสติกเป็นทรัพยากรที่มีค่า สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่ ถ้ามีการใช้อย่างรับผิดชอบ
แต่โครงการนี้จะมีเพียงแค่ในสหราชอาณาจัก รออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส และเยอรมนี
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา