CloudFlare ผู้ให้บริการ CDN (Content Delivery Network) รายใหญ่ ได้ประกาศเปิดให้บริการ Universal SSL หรือบริการ HTTPS ฟรีสำหรับลูกค้าทุกรายแล้ว ตรงตามข่าวลือก่อนหน้า โดยจะทยอยเปิดให้ลูกค้าฟรีทุกคน คาดว่าจะเสร็จภายในเช้าวันพรุ่งนี้ตามเวลาประเทศไทย
บริการ Universal SSL มีข้อจำกัดหลายประการเทียบกับบริการ SSL ของ CloudFlare สำหรับลูกค้าเสียเงิน โดย Universal SSL จะรองรับเฉพาะเบราว์เซอร์รุ่นใหม่ ที่รองรับการเข้ารหัสแบบ ECDSA และรองรับมาตรฐานเสริม SNI เท่านั้น ทาง CloudFlare กล่าวว่าปัจจุบัน ทราฟฟิกที่มาจากเบราว์เซอร์รุ่นใหม่มีถึงมากกว่า 80% แล้ว (เบราว์เซอร์เก่าที่สำคัญมี Internet Explorer 6 และแอนดรอยด์ก่อน ICS)
CloudFlare ผู้ให้บริการ CDN (Content Delivery Network) รายใหญ่ จะมีอายุครบ 4 ปีในวันนี้ (27 ก.ย.) เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสดังกล่าว CloudFlare ประกาศว่าจะมี "สิ่งใหญ่" เกิดขึ้นในวันที่ 29 ก.ย. ซึ่งตรงกับวันจันทร์ที่จะถึงนี้
ทาง CloudFlare ระบุว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา บริษัททำให้อินเทอร์เน็ตดีขึ้นมาก ได้พยายามแก้ปัญหาของอินเทอร์เน็ตหลายประการ และยังคงพัฒนาอยู่ตลอด และในวันดังกล่าว บริษัทจะทำให้อินเทอร์เน็ตปลอดภัยขึ้นอีกมาก
ทั้งนี้ คาดการณ์กันว่าประกาศดังกล่าวจะเป็นบริการ HTTPS ฟรี เนื่องจากหากนำตัวอักษรตัวแรกของทุกย่อหน้าในประกาศดังกล่าว จะอ่านได้ว่า "SSL TLS FREE" และได้เคยประกาศไว้ว่าจะให้บริการนี้ภายในเดือนตุลาคม
CloudFlare ผู้ให้บริการ CDN (Content Delivery Network) รายใหญ่ ประกาศเตรียมเปิดให้ลูกค้าที่ใช้บริการฟรีสามารถใช้งาน HTTPS ได้ภายในเดือนตุลาคมนี้
จากเดิมที่การเปิดใช้งาน HTTPS บน CloudFlare นั้น ต้องเป็นลูกค้าแบบ Pro ที่มีราคาเดือนละ 20 เหรียญสหรัฐ ทำให้หลายๆ เว็บไซต์ที่ใช้งานแบบฟรีนั้นไม่สามารถเปิดใช้งาน SSL ได้ ซึ่งขัดต่อปณิธานของ CloudFlare ที่ต้องการให้เว็บไซต์ใช้งาน HTTPS เพื่อต่อสู้กับการดักฟังข้อมูลของรัฐ
นอกจากนี้ CloudFlare จะอนุญาตให้ลูกค้าแบบ Pro ใช้งานใบรับรองของตัวเองแทนใบรับรองของ CloudFlare ได้ภายในเดือนตุลาคมนี้เช่นกัน จากเดิมที่ต้องเป็นลูกค้าแบบ Business หรือ Enterprise เท่านั้น ทำให้สามารถใช้แบบรับรองแบบ Extended Verification ได้
อย่างที่ทราบกันว่า iPhone 5s นั้น มาพร้อมระบบอ่านลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคเครื่อง ถึงแม้จะยังไม่วางจำหน่าย แต่ก็มีกลุ่มแฮกเกอร์รวมตัวกันเพื่อเจาะระบบอ่านลายนิ้วมือนี้แล้ว
โดยโครงการนี้มีเว็บไซต์หลักคือ http://istouchidhackedyet.com/ เป็นการร่วมทุนระหว่างหลายๆ คน (และยังรับคนเพิ่มเรื่อยๆ) เพื่อเป็นรางวัลให้กับผู้ที่สามารถเจาะระบบ Touch ID Sensor ได้เป็นคนแรก โดยเงื่อนไขคือให้อัพโหลดวิดีโอการเก็บลายนิ้วมือจากที่ต่างๆ (หน้าจอ iPhone, แก้วน้ำ ฯลฯ) และนำลายนิ้วมือเหล่านั้นมาปลดล็อคเครื่องให้ได้ภายใน 5 ครั้ง (ก็คือก่อนเครื่องจะล็อคตัวเอง)
ณ ตอนนี้โครงการดังกล่าวระดมทุนได้มากกว่า 2,000 เหรียญสหรัฐแล้วครับ