บริษัทฮิวเลตต์ แพคการ์ด เอนเตอร์ไพรส์ เปิดตัวฟังก์ชันการใช้งานเพิ่มเติมสำหรับ HPE Aruba Networking Central โซลูชันการจัดการเครือข่ายที่ขับเคลื่อนด้วย AI และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอันดับแรก โดยเพิ่มตัวเลือกการใช้งานใหม่ ได้แก่ เครือข่ายคลาวด์ส่วนตัวเสมือน [Virtual Private Cloud (VPC)] สำหรับลูกค้าที่ต้องการความคล่องตัวของระบบคลาวด์ ควบคู่ไปกับมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูล (Data Security) การควบคุมข้อมูลและข้อกำหนดด้านกฎระเบียบที่เฉพาะเจาะจง รวมถึงตัวเลือกการติดตั้งระบบภายในสถานที่ (On-premise) ซึ่งสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับระบบคลาวด์ ด้วยการขยายบริการในครั้งนี้ HPE จึงถือเป็นผู้ให้บริการรายเดียวที่สามารถนำเสนอการบริหารจัดการเครือข่ายขั้นสูงที่ครอบคลุมที่สุดในอุตสาหกรรม ทั้งในรูปแบบ AI ปฏิบัติงานบนคลาวด์ ผ่านทาง VPC เฉพาะของลูกค้า, การติดตั้งระบบภายในองค์กร, SaaS สาธารณะ หรือบริการเครือข่ายตามการใช้งาน (NaaS)
HPE Aruba Networking Central On-Premises for Government นำเสนอตัวเลือกการใช้งานใหม่ พร้อมฮาร์ดแวร์เซิร์ฟเวอร์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน FIPS 140-2 ตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของภาครัฐ โซลูชันการจัดการเครือข่ายที่ครอบคลุมนี้ช่วยยกระดับประสิทธิภาพขององค์กร รองรับการใช้งานใหม่ ๆ เช่น การเก็บรวบรวมข้อมูล AI การเทรนและการประมวลผลอนุมานของ AI ซึ่งต้องอาศัยการควบคุมดูแลที่มากขึ้นผ่านตัวเลือก การติดตั้งแบบแยกขาดจากเครือข่ายภายนอก (Air-gapped On-premise) และ VPC บนคลาวด์ สำหรับตัวเลือกการใช้งานคลาวด์สาธารณะและ VPC ลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากเครือข่ายที่ครอบคลุมของ HPE GreenLake cloud ซึ่งมีศูนย์ข้อมูลกระจายอยู่ในหลายภูมิภาคทั่วโลก ช่วยให้สามารถใช้งานคลาวด์ทได้อย่างยืดหยุ่นและสอดคล้องกับข้อกำหนดในแต่ละพื้นที่
นวัตกรรมอื่น ๆ ของ HPE Aruba Networking Central ยังรวมถึงระบบเครือข่ายอัตโนมัติ AIOps ที่ทำงานตลอดเวลา ซึ่งจะคอยติดตามและตรวจสอบการทำงานของเครือข่ายแบบมีสายและไร้สายอย่างต่อเนื่องช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครือข่าย และตรวจจับปัญหาด้านประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างแม่นยำ โครงสร้างพื้นฐานของผู้ช่วย AI ทำหน้าที่เป็นสถาปนิกของเครือข่าย คอยตรวจสอบและรวบรวมข้อมูล ให้การวินิจฉัยและคำแนะนำเพื่อเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพของเครือข่าย ปิดช่องโหว่ในด้านความปลอดภัย และช่วยระบุข้อผิดพลาดในการกำหนดค่าก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของเครือข่าย
HPE Aruba Networking Central ได้ขยายความสามารถในการตรวจสอบ วิเคราะห์ และแก้ไขปัญหาเครือข่าย (Full-Stack Network Observability) รวมถึงการตรวจวัดระยะไกลอัตโนมัติ (Telemetry) ของคลังข้อมูลขนาดใหญ่ (Data Lake) รองรับทั้งสภาพแวดล้อมเครือข่ายแบบผสม (Heterogenous network) และแอปพลิเคชันไอทีหลักขององค์กร ด้วยโซลูชันการตรวจสอบทางไอทีที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ การขยายบริการเพิ่มเติมครั้งใหม่นี้มาพร้อมกับสิทธิ์การใช้งานสมาชิกรายปีจาก OpsRamp ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Hewlett Packard Enterprise โดยจะให้บริการติดตามตรวจสอบอุปกรณ์จากผู้ให้บริการรายอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ HPE Aruba Networking Central ยังให้บริการติดตามการเคลื่อนไหวของข้อมูล (Visibility) ในเชิงลึกยิ่งขึ้นในแอปแบบเรียลไทม์ เช่น Microsoft Teams เพื่อรองรับการโทรด้วยเสียงและวิดีโอที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
ฟิล มอตแทรม รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไปของ HPE Aruba Networking กล่าวว่า “องค์กรต่างก็ให้ความสำคัญของข้อมูลมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความต้องการด้านโซลูชันไอทีที่สามารถบริหารจัดการได้แบบ local และ regional ด้วยนวัตกรรมเหล่านี้ HPE สามารถตอบโจทย์ความท้าทายที่เร่งด่วนขององค์กรธุรกิจ องค์กรไม่แสวงหากำไร และหน่วยงานของรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความยืดหยุ่นในการใช้งานการจัดการเครือข่ายที่สูงมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งเมื่อผสานรวมเข้ากับนวัตกรรมที่ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของ HPE ในด้าน AI ความปลอดภัยและการเชื่อมต่อ ทำให้ HPE Aruba Networking Central สามารถนำเสนอแอปพลิเคชันการจัดการเครือข่ายที่ทรงพลังและหลากหลายที่สุดในตลาดได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และด้านการควบคุมได้อย่างมั่นใจ”
นับตั้งแต่ HPE Aruba Networking Central ได้เปิดตัวในปีพ.ศ. 2557 ได้ส่งมอบฟังก์ชันการใช้งานที่มีประสิทธิภาพมาอย่างต่อเนื่อง ในการกำหนดค่า จัดการ ตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาเครือข่ายทั้งในระบบ LAN แบบมีสายและไร้สาย, WAN และ IoT โดยผสานรวมฟังก์ชันต่าง ๆ ตลอดวงจรชีวิตของการทำงานของโครงสร้างพื้นฐาน โดยลูกค้าชั้นนำ เช่น Nobu Hotels และ Royal Jaarbeurs ของเนเธอร์แลนด์ ต่างได้รับประโยชน์จากความยืดหยุ่นในการใช้งานที่มีเอกลักษณ์และมีความแตกต่างของ HPE Aruba Networking Central ซึ่ง HPE Aruba Networking Central จะจำหน่ายในรูปแบบการสมัครสมาชิกรายปี โดยมีรูปแบบใบอนุญาตแบบสองระดับ ได้แก่ พื้นฐาน (Foundation) และขั้นสูง (Advanced) และมีจำหน่ายผ่านพาร์ทเนอร์ของ HPE รวมถึงผ่านการส่งมอบในรูปแบบของผู้ให้บริการการจัดการระบบ (MSP)