จากเหตุกราดยิงในโรงเรียนที่ฟลอริด้า จึงมีการประชุมหารือเรื่องความรุนแรงในโรงเรียนที่ทำเนียบขาว โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี ระบุในการประชุมว่าวิดีโอเกม หนัง มีส่วนช่วยสร้างความคิดรุนแรงให้แก่เยาวชน ด้านประเด็นกฎหมายปืน อาจพิจารณาอายุคนที่ซื้อปืนได้ใหม่ จาก 18 ปี เป็น 21 ปี
"เราต้องทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่เด็กและเยาวชนดู รวมถึงเกมและภาพยนตร์ด้วย ผมได้ยินคนพูดกันว่าระดับความรุนแรงของเกมมีอิทธิพลต่อความคิดเยาวชนมากขึ้นเรื่อยๆ" ทรัมป์ กล่าวในการประชุม และยังบอกด้วยว่าการกำหนดเรตหนังทุกวันนี้อาจไม่ครอบคลุมความรุนแรงมากพอ เพราะจัดเรตเฉพาะเนื้อหาโป๊แต่อาจไม่ได้ครอบคลุมเรื่องความรุนแรง การฆ่าฟันกัน
ทรัมป์ไม่ใช่คนแรกที่โทษเกมว่ามีส่วนช่วยสร้างปัญหาความรุนแรง ก่อนหน้านี้ Matt Bevin ผู้ว่าการรัฐเคนทักกีก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าปืนไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นเกมต่างหากที่เป็นปัญหา
ภาพจาก Shutterstock โดย JStone
ที่มา - Polygon
Comments
ปืนกึ่งอัตโนมัติไม่ใช่ปืนที่ยิงรัวได้นะครับ แต่เป็นปืนที่ขึ้นกระสุนให้พร้อมยิงในนัดต่อไปได้อัตโนมัติ แต่เป็นการยิงทีละนัด
bump stock ทำให้ปืนกึ่งอัตโนมัติกลายเป็นปืนอัตโนมัติ (semi -> full) โดยการใช้แรง recoil และแรง bump ครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
รอ Mod Trump บน GTAV ได้เลย มาแน่
เด็กทั่วโลกก็เล่นเกมเดียวกัน แต่กลับไม่ค่อยมีข่าวยิงกราด เหมือนอเมริกา แค่นี้ก็น่าจะคิดได้นะว่ามันมาจากอะไรมากกว่า
เรื่องของเรื่องคือนักเรียนออกมาประท้วง https://www.youtube.com/watch?v=zsAOQG-MB5M
และให้ข้อมูลว่า NRA (กลุ่มผู้ค้าปืนใน usa) บริจากเงินให้ทรัป์ $13M (ตัวเลขจริงของเงินบริจากที่ทรัป์ใด้ทั้งหมดคือ $11.4M) https://www.youtube.com/watch?v=ZxD3o-9H1lY
ผลคือทรัมป์ชี้มาที่เกมส์ ... เปลี่ยนเป้า จะใด้ไม่โดนจิ้มเรื่องเงินบริจาก และไม่ต้องขัดใจ NRA
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
"เพราะจัดเรตเฉพาะเนื้อหาโป๊แต่อาจไม่ได้ครอบคลุมเรื่องความรุนแรง การฆ่าฟันกัน"
คนไม่เคยดูหนังก็งี้ หนังฆ่ากันนี่ติดเรต R ทั้งนั้น
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวเกม แต่อยู่ที่การเข้าถึงเนื้อหาเกมที่ไม่เหมาะกับวัยต่างหาก
ผมเล่น Serious Sam, Counter Strike, Ragnarok ยิ่งเอเลี่ยนเลือดสาด เอามีดไล่ฟันคน ฆ่าตั๊กแตนเป็นหมื่นตัว ตั้งแต่อายุ14 GTA ก็เล่นมันเกือบทุกภาค แต่ชีวิตจริงผมก็ไม่ได้ไปไล่ฆ่าใครที่ไหนนะ ได้แต่ตบยุงไปวันๆ
ตัวแปรสำคัญไม่น่าอยู่ที่ปืน หรือ เกม แต่น่าจะเป็นที่สภาพแวดล้อมที่คนคนนั้นเติบโตมามากกว่า
ผมเห็นด้วยนะว่าการโทษเกมหรือปืนเพียงอย่างเดียว
มันเป็นเหตุผลที่ง่ายเกินไปของแต่ละขั้ว
ถ้าคนเล่นเกมจะบอกว่าผมเล่นเกมมาตั้งเยอะก็ไม่ได้ไปฆ่าใคร
คนที่มีปืนก็พูดได้เหมือนกันว่าผมมีปืนยิงปืนไปตั้งเยอะก็ไม่ได้ไปฆ่าใคร
ก็เคยมีสว.อเมริกาโทษเกมนะครับ ปัจจุบันติดคุกข้อหาค้าอาวุธเถื่อนไปแล้ว
ผมว่าสื่อทุกประเภทมันมีผลกับความคิด กับจิตใต้สำนึกของคนนะครับ
โดยในคนที่สภาพจิตปกติทั่วไป อาจจะแยกแยะได้ หรือสามารถหักห้ามใจได้
แต่กับคนที่สภาพจิตไม่ปกติอยู่แล้ว ซึ่งก็อาจจะมีแนวโน้มที่จะก่อความรุนแรงหรือแสดงพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์อยู่แล้ว
กลุ่มนี้อาจจะมีพฤติกรรมเลียนแบบ หรือมีแนวโน้มที่จะก่อเหตุที่เลวร้ายกว่ากรณีที่ไม่ได้เสพสื่อที่มีเนื้อหารุนแรงเลย
แต่ความจริงแม้แต่พวก MOBA เองก็ทำวัยรุ่นแหกปากลั่นร้านเน็ต
ทำคนเล่นมีอาการก้าวร้าวชั่วขณะ คือกลายเป็นคนใจร้อน หุนหัน พูดน้อย ไปเป็นระยะนึงเลย
จาก ปสก ของเกมเมอร์คนนึง ยอมรับเลยว่าจริง
มีส่วนมากกว่า 80% เห็นมาหลายปีดีดัก
ทุกวันนี้ไม่ Dot แล้วสุขภาพจิตดีขึ้นมากมาย
ไปเลี้ยงไอด้อลจรุงจิตกว่าเย้อออะะะะะ
เกมมีส่วนมั้ย มีแน่นอน มีมากด้วย เพราะมันคือ simulator ประเภทนึงเท่านั้นเอง
มีส่วนสนับสนุนให้การกระทำสมบูรณ์ ผมคิดว่าวาทกรรมโทษเกม มันเป็นคำพูดที่ไร้ความรับผิดชอบไปหน่อย
ถ้าผมมีหลานผมก็คงไม่อยากให้หลานเล่น
เกมที่คุณว่ามามันทำให้หัวร้อนก้าวร้าวเพราะความยากของเกมครับ ไม่ใช่เพราะเนื้อหา ลองไปเล่นเกมที่มีเนื้อหาเดียวกันอย่าง WC3 โหมดเนื้อเรื่องแล้วใช้สูตรโกงให้เล่นง่ายดูสิ ถ้ายังหัวร้อนอีกผมก็ไม่รู้จะว่าไงละ
เรื่องนี้จริงครับ ผมก็เคยประสบมาก่อน แบบตอนชนะนี้แบบสบายใจ แพ้เมื่อไหร่นี้เครียดขึ้นมาทันที เพื่อนเล่นไม่ถูกใจอารมณ์เสีย แถมยังมีพวกที่เล่นเกมส์แล้วแพ้ไม่ได้อีก
ผมมาคิดดูดีๆแล้วนะปัญหาพวกนั้นไม่ได้เกิดจากเนื้อหาของเกมเท่าไร แต่เป็นการอยากเอาชนะกันซะมากกว่าตัวอย่างก็เกมที่ไม่มีความรุนแรงเลยอย่าง monopoly ก็หัวร้อนกันมานักต่อนักละ มันจะมีเกมอยู่หมวดนึงผมเรียกเกมทำลายมิตรภาพพวก super smash bros, mario kart เก่าๆหน่อยก็ chocobo racing, แต่ที่สุดของเกมแนวนี้ผมก็ยังยกให้ dokapon ถ้าใครเคยเล่นน่าจะรู้ดี
อย่างที่คุณ Orion บอกครับ มันเป็นที่นิสัยอยากเอาชนะของมนุษย์เอง
เอาจริงๆนะไม่ได้มีแค่เกมหรอก อะไรที่เป็นการแข่งขัน หรือแม้แต่กีฬาทั่วไปที่แข่งขันกันแบบตรงๆก็ใช่ แพ้แล้วอารมเสีย เอาอย่างนักเทนนิสก็เขวี้ยงไม้ลงพื้นพัง นักบอลก็ตีกัน กีฬาสีของโรงเรียนก็มีนะแต่ส่วนมากแค่ด่าลับหลัง ที่ไหนมีการแข่งขันที่นั่นมีความขัดแย้งเสมอแล้วก็อยากเอาชนะด้วย ไม่ได้ดังหวังก็จะอารมเสียไปแล้วขึ้นอยู่กับว่าคน คนนั้นจะไปใส่อารมณ์กับอะไรคนหรือสิงของโดยที่เราไม่เห็นกัน เหตุการณ์กราดยิงมันมีมาตั้งแต่ก่อนมียุคเกมอีกหรือเปล่าที่ USA หน่ะ
ผมก็เล่น FPS เกมนึง ต้องคอยแปลศัพท์แสงภาษาอังกฤษไปด้วย รับ Attitude ของแต่ละคนในทีมให้ได้ หัวร้อนเวลาโดน troll/teamkilling
มันถึงจุดหนึ่งที่ผมบอกตัวเองว่า "พอเถอะ มีแต่จะทำให้ใจตัวเองตกต่ำลงไปอีก"
ผมเลยเข้า Forum โพสฝากถึงแอดมินของเซิฟนั้นว่า "Need to suspend my account" เพราะสุขภาพจิตเสียอย่างรุนแรง เขาปรึกษาในกลุ่มของแอดมินด้วยกันแล้วเห็นชอบให้อนุมัติ "แบน"(ไม่ถาวร) และกล่าวทิ้งท้ายให้ผมสู้ชีวิตต่อไป
หลังจากที่เลิกเล่นเกมแล้วเข้าสู่โลกปกติ หลายๆอย่างก็ดีขึ้นครับ มุมมองก็ดีขึ้น สุขภาพจิตดีขึ้น แต่ถ้าจะกลับไปก็คงจะมีแต่กลับไปคุยกับเพื่อนเก่าในนั้นและฝึกภาษาไปในตัว
ถ้าผมนะนำนะถ้าคิดจะเล่นเกมอยู่ให้เปลื่ยนแนวเกมครับเป็นพวกแนว co-op แทน เกมแนวนี้ที่ผมลองมาสังคมในเกมดีกว่าสังคมเกม pvp เยอะเลย แล้วก็เลื่ยงพวกเกมที่มีความเสี่ยงสูง เช่นพลาดแล้วมีผลต่อคนอื่นเยอะพวกนี้มันทำให้คนหัวร้อนง่ายแล้วก็ด่ากันไปมา
หรือไม่ก็เล่นพวกเกม single player ที่เน้นเนื้อเรื่องแทน พวกนี้ก็พอฝึกภาษาได้อยู่แต่ไม่ได้โต้ตอบเท่าไร
เกมก็อาจจะผลบ้างแต่ก็ต้องตอบคำถามที่ว่าทำไมประเทศอื่นที่เสพสื่อไม่ได้ต่างกันกับไม่ค่อยมีปัญหานี้ อย่างประเทศอื่นคนที่เขาสภาพจิตไม่ปกติเขาก็ไม่ได้สามารถหาปืนมาได้ง่ายๆ ตัวอย่างก็ญี่ปุ่นที่สภาพสังคมเครียดมากยังมีเหตุแบบที่เกิดในอเมริกาน้อยมากเลยที่ดังๆก็เอามีดไล่แทง 19 ศพ ลองคิดดูว่าถ้าญี่ปุ่นสามารถหาซื้อปืนได้ง่ายแบบในอเมริกาเหตุการณ์นี้จะเป็นยังไง
คนญี่ปุ่นเชือดกันเองทุกวันด้วยรอยยิ้มปีศาจ + ภูติน้ำแข็ง คั้บ
คืออารมณ์เหมือนมีฟังชันอะไรมาสั่งให้ผู้รับ หายไป แบบนั้น โหดมากมาก
ไม่ค่อยเข้าใจ ตรรกะของคนที่บอกว่า “ผมก็ติดเกมส์นะครับ แต่ไม่เคยไปทำร้ายใคร” เหมือนกัน
ก็เหมือนกับผมบอกว่า “สุราเป็นสาเหตุหนึ่งของความรุนแรงในครอบครัว” ก็คงจะมีคนออกมาเถียงว่า ผมก็กินเหล้าสังสรรค์กับเพื่อนตลอด แต่ไม่เคยกลับบ้านไปกระทืบลูกเมียนะครับ อะไรแบบนี้
เออ มันก็จริง แต่ปัญหาคือ คนหลายคนที่เมาเหล้าแล้วไปทำร้ายคนอื่นมันก็มีเยอะแยะไง
theguardian, nytimes, forbes รวบรวมข้อมูลมาแล้วสรุปเหมือนกันว่าเกมส์ไม่ไช่สาเหตุของการยิงกันครับ ...
theguardian บอกว่าจากข้อมูลย้อนหลัง ไม่สามารถสรุป (inconclusive) ว่าเกมส์และสื่ออื่นๆ ทำให้ก้าวร้าวขึ้นหรือไม่
และชี้ด้วยว่า อเมริกามีประชากรเพียง 4.4% ของทังโลก แต่มีปืนถึง 42% ของทังโลก ถึงเกมส์จะทำให้คนคนจะก้าวร้าวขึ้น (ซึ่งจริงๆ ไม่สามารถสรุปใด้) แต่ถ้าปืนหายากขึ้นการกราดยิงก็เกิดยากขึ้น
... ส่วนตัวผมดูคลิป swatting ก็ดูคนเล่นเกมส์จะกลัวกันทุกคนและไม่เห็นมีใครขัดใจ ตร. เลย
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ล่าสุดหนุ่มมะกัน ไปก่อคดีที่ญี่ปุ่นอ่ะครับ
ต่อให้ไม่มีปืนเหตุมันก็เกิดอยู่ดี root ไม่ได้อยู่ที่ปืนซะหน่อย
ผมเห็นต่าง นะครับ
ผมว่าเกมส์ "อาจจะมีผล" ต่อเด็กบางคนที่ป่วยอยู่
แต่เกมส์มันจะไม่มีผลต่อเด็กปกติ แค่สนุกและเกรียนแตกบ้าง หัวเสียบ้าง
แต่ทุกคนที่พูดลนละฝั่ง จะเหมา ถึงเด็กทั้งหมด
ผมก็เห็นด้วยนะว่าเกมมันมีผล แต่ผมว่าภาพยนตร์น่าจะมากกว่า หนังอย่าง Die Hard หรือTerminator นี่ยิงกันสนั่นทั้งเรื่อง
หนังมันเป็นอะไรที่สั้นๆ แล้วก็จบไปครับ อย่างมากอาจจะแค่ 3 ชั่วโมง แล้วตัวหนังช่วงที่มีความรุนแรงก็สั้นๆ ด้วย ส่วนเกมมันเรียกได้ว่าความรุนแรงแทบจะเป็น 80% ของบางเกมส์เลยด้วยซ้ำ และโดยส่วนมากก็ไม่ได้เล่นแป๊บๆ จบ เรียกว่าเป็นความรุนแรงแบบต่อเนื่องมากกว่าหนังแน่นอน
โดยส่วนตัวจากที่เคยติดเกมมากๆ มาก่อน คิดว่าความรุนแรงในเกมมีส่วนในการแปรเปลี่ยนไปเป็นนิสัยหรือบุคคลิกของคนๆ หนึ่ง ไม่มากก็น้อยแน่นอนครับ และคำว่าหัวร้อนที่ถูกบัญญัติมาจากวงการเกมก็ไม่ได้เกิดขึ้นมาแบบลอยๆ แน่นอน
มีผลครับ และผมเห้นว่าเข้าพูดได้ดีนะ