จะเข้าทำงานที่ใหม่แต่ไม่แน่ใจว่าจะไปรอดกับวัฒนธรรมองค์กรไหม ต้องคิดแล้วคิดอีก จะเปลี่ยนงานบ่อย ๆ ก็กลัวจะดูไม่ดี รีวิวบริษัทก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่บางครั้งก็อาจต้องใช้สัญชาติญาณแล้วเดาทางไปเอง

เวลาอ่าน Job Description ของงานแต่ละตำแหน่ง เราอาจเจอคีย์เวิร์ดซ้ำอย่าง สามารถ “ทำงานภายใต้ความกดดัน” “ทำงานในสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว” หรือ “จัดการกับความเครียดได้” และนั่นอาจเป็นการบอกกลาย ๆ ว่า การทำงานตำแหน่งนี้คงไม่ง่ายนัก

Gorick Ng ที่ปรึกษาด้านการทำงานที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและเจ้าของหนังสือ The Unspoken Rules เผยว่า อัตราการลาออกจากงานที่บริษัทก็เป็นตัวบอกได้ ถ้าบริษัทที่เราจะสมัครมีคนลาออกจากงานบ่อย ๆ ก็อาจจะต้องตั้งธงในใจไว้งานนี้อาจจะเป็นงานที่ท้าทายจนไม่มีใครทนได้นาน

Glassdoor เว็บไซต์หางานได้รวบรวม 5 สัญญาณอันตรายของการทำงานจากความเห็นของผู้ใช้เว็บไซต์ไว้ดังนี้

“ที่นี่เราอยู่กันแบบครอบครัว”

ประโยคที่ว่าทีมเราอยู่กันเหมือนครอบครัวดูเหมือนจะกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนรับรู้ร่วมกันแล้วว่าเราควรต้องหนีให้ไว มีผู้ใช้รายหนึ่งบน Glassdoor ถึงกับแสดงความคิดเห็นว่า ถ้าเขาได้ยินคีย์เวิร์ดคำว่า “ครอบครัว” ในออฟฟิศเมื่อไหร่ เขาจะเก็บข้าวเก็บของเตรียมตัวย้ายที่ทำงานทันที

Netflix บริษัทที่ดีที่สุดอันดับที่ 40 สำหรับการทำงานในปี 2023 บน Glassdoor พยายามหลีกเลี่ยงการใช้คำว่า “ครอบครัว” ในการอธิบายวัฒนธรรมการทำงาน แต่เปลี่ยนไปเปรียบเทียบทีมกีฬาแทน ซึ่งหมายถึงว่าแต่ละคนในทีมต้องพยายามพัฒนาศักยภาพของตัวเองให้มากที่สุด ใส่ใจกับงานของทีม และตระหนักไว้เสมอว่าอาจไม่ได้เป็นสมาชิกของทีมตลอดไป

“ที่นี่เราทำงานหนัก เพราะรักในงานที่ทำ”

คำพูดอีกอย่างของเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้าตำแหน่งสูงกว่าที่ต้องปักธงแดงและหลีกเลี่ยงให้ไว คือ การพูดว่าคนในทีมทำงานหนัก (แบบเกินเวลางาน) ไม่ใช่เพราะต้องทำและเป็นเพราะรักในงานที่ทำ ฟังดูเหมือนจะดีที่มีแรงจูงใจในการทำงาน แต่งานไม่ควรเป็นสิ่งที่กลืนกินชีวิตไปเสียหมด จึงไม่ควรเอาความรักที่มีต่องานมาเป็นตัวกำหนดชั่วโมงการทำงาน

บริษัทอีกประเภทที่ควรอยู่ให้ห่างก็คือบริษัทที่ไม่ว่าเราจะลาป่วย ลาพักร้อน หรือแม้แต่หลังเลิกงานแล้วก็จะถูกขอให้สแตนบายเผื่อมีงานเข้ามาอยู่ตลอด

“ประสบการณ์ที่ได้สำคัญกว่าเงินเดือน”

ขั้นตอนการต่อรองเงินเดือนถือเป็นสิ่งสำคัญช่วงสมัครงาน บริษัทที่ดีก็ควรจะเข้าใจในจุดนี้ แต่กลับมีผู้ใช้เว็บไซต์รายหนึ่งกล่าวว่า เมื่อพยายามที่จะต่อรองเงินเดือนกลับได้รับคำตอบว่าประสบการณ์ที่จะได้สำคัญกว่าเงินเดือน

อีกอย่างหนึ่งคือการเขียนบนประกาศสมัครงานไว้ว่าเงินเดือนสูงหรือคีย์เวิร์ดสำคัญว่า Competitive Salary หรือสวัสดิการดี แต่ไม่ยอมเปิดเผยให้พนักงานรู้ว่าระดับเงินเดือนอยู่ที่เท่าไรและสวัสดิการดีที่ว่ามีอะไรบ้าง

“ถ้าเปรียบตัวเองเป็นสี จะเปรียบเป็นสีอะไร”

คำถามของผู้สัมภาษณ์เป็นสิ่งที่บ่งบ่อกถึงแนวคิดของบริษัทได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นหากบริษัทถามคำถามที่ไม่มีสาระและไม่ได้บ่งบอกอะไรก็อาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของบริษัทได้

คำถามหนึ่งที่ผู้ใช้ Glassdoor เข้ามาแชร์ประสบการณ์ว่าไม่อยากทำงานร่วมกับบริษัทที่ถามคำถามที่เสียเวลาก็อย่างเช่น คิดว่าตัวเองเป็นสีอะไร เพราะอะไร เขาเผยว่า ต้องการทำงานกับบริษัทที่ถามคำถามที่บ่งบอกวัฒนธรรมการทำงาน ประสิทธิภาพในการทำงานมากกว่า

“สัมภาษณ์เสร็จแล้วเริ่มงานได้เลย”

อีกพฤติกรรมที่ทำให้ผู้สมัครงานเคลือบแคลงสงสัยได้ก็คงไม่พ้นการสัมภาษณ์เสร็จแล้ว รับเข้ามาทำงานทันทีหลังตอบคำถามสัมภาษณ์ไม่ทันจะเสร็จดี แแบบนี้อาจพอเดาได้ว่าบริษัทต้องการพนักงานในตำแหน่งนี้มาก ๆ ซึ่งสาเหตุอาจจะมาจากที่งานเลวร้ายขั้นสุดจนหาคนมาทำไม่ได้สักทีเลยต้องรีบ ๆ รับไป

ทั้งนี้ Gorick Ng เผยว่า เราอาจจะยังไม่สามารถตัดสินบริษัทจากคำพูดในช่วงสัมภาษณ์ได้เพียงอย่างเดียว ควรดูประกอบกับรีวิวบนแพลตฟอร์มหางานต่าง ๆ ประกอบกับการถามผู้ที่มีประสบการณ์เกี่ยวข้องกับงานหรือบริษัทนั้น ๆ ก่อน

จากนั้นก็ควรไตร่ตรองว่าสิ่งที่เราต้องการจากงานคืออะไร อะไรเป็นเป้าหมายในการทำงาน แล้วสิ่งที่เราจะได้รับจากงานนี้สามารถทดแทนกับวัฒนธรรมที่ไม่ดีบางอย่างของบริษัทได้ไหม อย่างถ้าหากการทำอยู่ในบริษัทในระยะสั้นแล้วไม่ทำให้เสียประวัติบนเรซูเม่แถมได้ต่อยอดไปทำงานที่ดียาว ๆ ในอนาคต แม้ว่าจะมีลักษณะไม่พึงประสงค์บางอย่างแต่งานนั้นอาจจะคุ้มค่าก็ได้

ส่วนถ้าหากเข้าไปทำงานแล้ว เจอความท็อกซิกเข้าอย่างที่คาดไว้ สิ่งแรกที่ควรทำคือการพูดคุยกับหัวหน้างานเพื่อหาทางปรับเปลี่ยน ถ้ายังไม่เวิร์คให้ลองคุยกับฝ่ายบุคคลดูก่อนก่อนที่จะเลือกใช้วิธีสุดท้ายอย่างการลาออกไปหางานทำที่อื่นที่ทำให้สุขภาพกายสุขภาพใจดีกว่าเดิม

ส่วนใครที่กำลังมองหางานประจำด้านเทคโนโลยี เข้ามาดูงานดี ๆ ได้เลยที่แหล่งรวมงานสายไอที Blognone Jobs

ที่มา - Glassdoor