ปัจจุบัน Elon Musk ดำรงตำแหน่งใน Tesla ควบทั้งซีอีโอ และประธานบอร์ดบริหาร (Chairman) ซึ่งก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ช่วงแรกของบริษัทในปี 2004 ล่าสุดมีผู้ถือหุ้นคนหนึ่งได้เสนอให้ถอดเขาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ดแล้ว
ผู้เสนอไอเดียดังกล่าวชื่อ Jing Zhao มีหุ้นอยู่ใน Tesla 12 หุ้น ได้ร่างข้อเสนอถอด Elon Musk ออกจากตำแหน่งประธานบอร์ดโดยให้เหตุผลว่าการที่คนคนเดียวควบสองตำแหน่งอาจดีกับบริษัทในระยะแรก แต่ตอนนี้ Tesla กำลังเติบโตขึ้นและควรหาผู้บริหารที่เป็นคนนอก (independent director) มาดำรงตำแหน่งแทน และยกตัวอย่างบริษัทใหญ่ๆ ในสหรัฐอเมริการวมถึงสหราชอาณาจักรหลายแห่งก็ใช้วิธีการนี้
อย่างไรก็ตาม บอร์ดบริหารได้เขียนแถลงการณ์ต่อผู้ถือหุ้นทั้งหมดให้โหวตต้านข้อเสนอนี้ โดยให้เหตุผลว่าความสำเร็จของ Tesla ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันมีขึ้นได้ก็เพราะ Elon เป็นผู้นำ และบอร์ดเห็นว่าโอกาสในการเติบโตต่อจากนี้ก็ควรเกิดจากการนำของ Elon ต่อไป
ในแถลงการณ์ยังระบุว่าปัจจุบันมีสมาชิกบอร์ดที่เป็นคนนอกอยู่แล้ว 7 คน จึงเชื่อว่าจะทำให้การทำงานของบอร์ดเป็นไปอย่างอิสระ อีกทั้งบริษัทชั้นนำอื่นๆ ใน S&P 500 ถึง 72% ก็ไม่มีประธานบอร์ดที่เป็นคนนอกเช่นกัน การที่มีซีอีโอและประธานบอร์ดเป็นคนเดียวกันจะทำให้ทิศทางของบริษัทและทิศทางของบอร์ดสอดคล้องกันและเป็นผลดีต่อบริษัทที่ต้องมีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว
ผู้ถือหุ้น Tesla จะโหวตเรื่องนี้ในวันที่ 5 มิถุนายน
Jing Zhao เคยร่างข้อเสนอผลักดันประเด็นต่างๆ ในบริษัทอื่นเช่นแอปเปิลและ IBM มาแล้ว
ที่มา - Electrek
Comments
คล้ายๆ จ๊อบ เนอะ ชีวิตขึ้นลงๆอย่างนี้
มีหุ้นอยู่ใน Tesla 12 หุ้น เสนออะไรไปก็ไม่น่าไหว ถึงจะเป็นแนวคิดที่ดีก็เถอะ
ผมไม่เข้าใจพวกผู้ถือหุ้น(นักลงทุน) ที่กล้าเสนอแบบนี้จริงๆ ธุรกิจเขาปั้นมาเองกับมือ แล้วรู้ได้ยังไงว่าผู้บริหารที่ถูกจ้างมาจะมีฝีมือมากพอในการจัดการและแก้ไขปัญหา? ==
อันนี้เสนอให้ออกจากประธานบอร์ดนะครับ ไม่ใช่ซีอีโอ
อันนี้เป็นเชิงความเป็นอิสระในการบริหารนะครับ ถ้าประธานกับCEO เป็นคนละคนกันมันจะเกิดการคานอำนาจและตรวจสอบกันเองครับซึ่งหลายคนมีแนวคิดแบบนี้เพื่อความโปร่งใสในการบริหาร มีการตรวจสอบในระดับนึงว่าCEOจะไม่ตัดสินใจดำเนินการอะไรที่ขัดขวางหรือไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น แต่การเป็นคนเดียวกันก็มีข้อดีโดยเฉพาะธุรกิจ StartUp เพราะมันจะไวครับ ตัดสินใจอะไรไปก็ผ่านหมดไม่มาขัดกันเองเพราะคนเดียวกุมอำนาจไว้หมด คราวนี้ก็ต้องมาดูว่าผู้ถือหุ้นคนอื่นเขาจะว่าไง อยากได้แบบไหน ไม่เกี่ยวกับกล้าไม่กล้านะ ถือกี่หุ้นเขาก็ยังเป็นผู้ถือหุ้นนะ มันเป็นสิทธิของเขา
คือถ้าเป็นบริษัทที่ถูกซื้อกิจการมาการคานอำนาจเป็นเรื่องที่เข้าใจได้อยู่(ในแง่การบริหาร) แต่ในกรณีธุรกิจที่ปั้นขึ้นมาเองเป็นเจ้าของเองแล้วจะต้องมีคนอื่นมาคานอำนาจเพื่ออะไรกัน? เข้าใจอารมณ์ของนักลงทุนนะครับ แต่เอาเข้าจริงคือเถ้าแก่คงไม่ยอมให้ธุรกิจตัวเองล่มจมหรอกครับ
ปล.เอาเข้าจริงไม่ใช่ไม่เข้าใจวิธีคิดนะครับ แต่จุดนึงคือมันรับไม่ได้เท่าไหร่ ลองคิดว่าถ้าเป็นบริษัทที่สร้างขึ้นมาเองกับมือแล้วต้องมาโดนไล่ออกไปเพราะตัวเองทำได้ไม่ดีพอ ทั้งๆที่ตั้งแต่แรกเริ่มก็ตัวเถ้าแก่เองที่สู้จนบริษัทมันมีอนาคตมาได้ขนาดนี้
อีกอันคือถ้าจะกล้าพูดท้าทายขนาดนี้ก็ควรมีหุ้นหรือเป็นนักลงทุนที่มีอำนาจในการโหวตอย่างน้อยๆสัก 60% ก็ยังดี ให้อารมณ์ว่าเป็นคนออกทุนแล้วจ้างเถ้าแก่มาบริหารก็ได้ แต่จากในข่าวนี่คือ… มีแค่ 12 หุ้น #หัวร้อน สุดๆกันเลยละครับ ทางที่ดีตาคนที่พูดผมมองด้วยซ้ำไปถือหุ้นบุริมสิทธิ์ยังจะดีกว่าอีก -***
อันที่จริง....แรกเริ่มหนึ่งในคนก่อตั้งคือ Eberhard แล้วโดน Musk ยึดอำนาจมานะครับ 555
Musk เป็นแค่นักลงทุนรายใหญ่ที่ได้นั่งประธานบอร์ด ถ้าตอนนั้นบอร์ดมัวแต่คิดว่าไม่ควรไล่ Eberhard ออกเพราะเป็นผู้ก่อตั้งมากับมือ Tesla คงล่มตั้งแต่ตอนนั้นแล้วครับ
กรณีนี้คนเสนอก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีกับบริษัท คงไม่มานั่งคิดถึงเรื่องใครก่อตั้ง
ผิดแล้วครับ เจ้าของเป็นผู้ถือหุ้นเป็นผู้บริหารเองแล้วมั่นใจว่าจะไม่โกงตัวเองนี่เป็นความเชื่อที่ผิดมากๆเลยครับ ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าบ.แต่งตัวเลขผลประกอบการโดยคำสั่ง ceo และประธาน แล้วเจ้าตัวทยอยขายหุ้นเรื่อยๆจนหมดแล้วก็ไขก๊อกลาออก จากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นคุณคงทราบนะครับ ไม่โกงตัวเองนี่มันเชื่อได้แค่กรณีที่เป็นเจ้าของคนเดียวลงทุนคนเดียวครับ ถ้ามีหุ้นส่วนมาร่วมมันก็มีการโกงหุ้นส่วนได้อีกครับ นี่มองแค่ในแง่ร้ายนะครับมองอีกแง่คือหาคนอื่นมาเป็นประธานนอกจากการคานอำนาจก็อาจถือเป็นการช่วยเหลือเติมเต็มส่วนที่ขาดก็ได้ถ้าหาคนที่เก่งในด้านที่ musk มีความเชี่ยวชาญน้อยมาช่วยบริหาร
ขอบคุณ zerost ที่ให้ข้อมูลครับ
ผมว่าไม่เสมอไปครับ เช่นกรณีกลุ่มครอบครัวคุณประวิทย์ที่ทยอยขายหุ้น BEC ไปจนเกือบหมดแล้ว
บริหารแบบเถ้าแก่ก็ล่มจมมาเยอะแล้วครับ
คนเก่งทางวิศวกรรม แต่อาจไม่เก่งทางด้านบริหารการจัดการก็ได้
เรื่องโรงงานผลิตรถtesla เป็นตัวอย่างที่ดี ของการฝืนไม่ยอมจ้างผู้มีประสบการณ์ด้านการผลิตโดยตรง กำลังผลิตเลยออกมาทุลักทุเลแบบนี้
กำ ผมเข้าใจมาตลอดว่า คนที่ผลิตรถ tesla อยู่ เป็นคนที่ถูกซื้อมาจากหลายที่ เห็นแวบๆ ก็มี GM แล้วแน่ๆ คนนึงในสารคดี การผลิตรถ Tesla ใน YT
ลองไล่อ้างอิงจากข่าวนี้ครับ Elon Musk บอก ตอนนี้มานอนที่โรงงานเพื่อแก้ปัญหาการผลิตของ Tesla Model 3
แต่เคยอ่านจากหลายที่ไม่มีอ้างอิงตรงนี้ ว่าแกค่อนข้างจะหัวก้าวหน้ามากไปหน่อย จนไม่เชื่อมือผู้มีประสบการณ์โดยตรงจากสายการผลิต แต่เชื่อมือวิศวกรแบบเน้นนวัตกรรมมากกว่า(จริงๆสายการผลิตก็วิศวกรทั้งนั้น เพียงแต่เชี่ยวชาญด้านควบคุมการผลิต operation มากกว่าด้าน invention ซึ่งจริงๆจะไปอยู่กับสาย product engineer,test engineer มากกว่า)
โรงงานใหญ่ๆแยกสาย R&D กับสาย Production กันชัดเจน ไม่ค่อยก้าวก่ายกัน เพราะเชี่ยวชาญคนละแบบ สิ่งที่ Elon musk เจอปัญหา โรงงานรถยนต์ทั่วโลกเจอมาเป็นสิบปีแล้วมั๊ง
จริงอยู่ที่ผู้ถือหุ้นแค่ 12 หุ้นมายื่น proposal นี่มันก็เกินไป แต่สถานะ'ความเป็นเจ้าของ'มันหมดไปตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นแล้วนะครับ ซึ่งเอาจริงๆมันหมดไปตั้งแต่มีผู้ร่วมทุนคนอื่นเข้ามาลงทุนแล้วหล่ะ
ซึ่งผลจะออกมาอย่างไรสุดท้ายก็อยู่ที่ผลโหวตของ'เจ้าของ'อยู่ดีครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ฮา กล้าดีเนอะ
เจอกบฎอั้งยี่เข้าแล้ว555
เห็นด้วย;-)
เอาใจช่วยให้ Tesla รอดนะครับ อย่าให้เป็นเหมือนประวัติของ Nikola Tesla
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
ตราบใดตา Elon ยังเป็น Ironman ในชีวิตจริงอยู่น่าจะกระเทือนยากยกเว้นเขาจะเปลี่ยนเอง เพราะผมว่าทันทีที่เขาประลงจากตำแหน่งอะไรสักอย่างหุ้นบริษัทนั้นตกลงแน่นอนทันทีแต่จะไหมคงรอสัญญาณอื่น
ส่วน Tesla เข้าใจพลิกกลับมาได้แล้วผลิตรถยนต์ได้เยอะแล้วรอกำไรต่อไปคงไม่มีผู้ถือหุ้นคนไหนบ่นแกได้แล้วละ