ดร. พิเชษฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เผยในงานสัมมนา "ร่างกฎหมายคุ้มครองส่วนบุคคล ผลกระทบจาก GDPR" วันนี้ (18 พฤษภาคม) ว่า ระหว่างที่ประเทศไทยยังอยู่ระหว่างร่างกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทางกระทรวงดีอีก็ได้หารือกับ ETDA หรือ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ จัดตั้งคณะกรรมการด้านการคุ้มครองข้อมูลขึ้นมาชุดหนึ่ง ทำหน้าที่ดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะระหว่างรอสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย
เป้าหมายของการตั้งคณะกรรมการชุดนี้คือรับมือหากมีปัญหาเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล ทางหน่วยงานอื่นสามารถเข้ามาขอคำปรึกษาคณะกรรมการได้ และคณะกรรมการจะทำงานล่วงหน้าได้เลย โดย ดร. พิเชษฐ บอกว่า ถ้ารอให้มีกฎมายคุ้มครองส่วนบุคคลบังคับใช้จะเป็นการใช้เวลาโดยเปล่าประโยชน์ อย่างไรก็ตาม ดร. พิเชษฐ ไม่ได้ระบุว่า คณะกรรมการชุดนี้เป็นใครบ้าง มีกี่คน
ด้านความคืบหน้าของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในไทย ตอนนี้อยู่ระหว่างส่งให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ และจะเข้าสู่กระบวนการนิติบัญญัติต่อไป (ประเทศไทยพยายามร่างกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมากว่าสิบปีแล้ว) และกฎใหม่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของยุโรปหรือ GDPR ก็กำลังจะบังคับใช้ในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้
ภาพจาก Facebook ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
Comments
น้ำตาจะไหล แล้วทรูที่ทำข้อมูลหลุดนี่จะยังไงครับ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
กฎหมายคงไม่มีผลย้อนหลังครับ แต่ในอนาคตถ้ามีเคสเดียวกันเกิดขึ้นอีกจะได้โดนสักที
ดูจากกสทช สคบ ฯลฯ อาจจะไม่พ้นเสือกระดาษเช่นเคย
ปล. กรณีทรุยไม่ต้องรอคณะกรรมการนี้ด้วยซ้ำกสทช.เล่นได้เลยเพราะมันผิดกฏระเบียบที่กสทช.ตั้ง แต่ดูจะทำพอให้รู้ว่าทำแล้วนะ...
สำหรับผม ควรจะเป็นแบบนี้
- ยุบ กสทช. ทิ้ง แล้วจัดตั้งหน่วยงานใหม่ที่สามารถดำเนินการและมีผลทางกฎหมายที่รุนแรงกว่า ไม่ใช่แค่เสือกระดาษ หรือทำแค่หน้าที่ส่งๆ
- กรณี True ที่ทำข้อมูลหลุด ควรถูกพิจารณาให้โดนปรับ, โดนขึ้น Blacklist ผู้ให้บริการ, โดนลงโทษจาก กสทช. มากกว่านี้ และต้องโดน Audit ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน เป็นระยะเวลานานจนกว่าจะมั่นใจว่าไม่เกิดความผิดพลาดอีก แบบนี้ทางผู้ให้บริการจะเข็ดหลาบและไม่กล้าบริการแบบสั่วๆ ขอไปทีอีก
- ถ้ามีอีก 1 รอบ แสดงว่าไม่มีคุณสมบัติการให้บริการและปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ ไม่สมควรให้บริการอีกต่อไป ต้องถูกสั่งล้มลลายและจำหน่ายข้อมูลและทรัพยสินให้กับบริษัทผู้ให้บริการอื่นที่ทำงานได้ดีกว่านี้ มาดูแลต่อ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
สาระสำคัญอาจะไม่ใช่การยุบกสทช.แต่เป็นถอนคณะกรรมเดิมออกทั้งหมดแล้วปรับปรุงกฏหมายครับเพราะการยุบโดยการเปลี่ยนชื่อคือมันมีค่าใช้จ่ายสูงมากครับอย่าไปเปลืองภาษีฟรีๆเลย แค่เห็น EGA เป็น DGA ผมก็เอือมละครับ แค่ใบ cert เพื่อเปลี่ยนชื่อองค์กรอย่างเดียวก็ซื้อเป็นแสนละครับ