เป็นที่รู้กันว่าประเทศจีนนั้นมีการควบคุมอินเทอร์เน็ตอย่างเข้มงวด ทำให้ชาวเน็ตจีนต้องหาวิธีแชร์สิ่งต้องห้ามอยู่เรื่อย ๆ ล่าสุดมีรายงานว่าชาวเน็ตจีนเริ่มใช้บล็อกเชนในการแชร์บทความเรื่องอื้อฉาวที่บริษัทหนึ่งผลิตวัคซีนสำหรับเด็กแบบต่ำกว่ามาตรฐาน
เรื่องมีอยู่ว่าบริษัทผลิตวัคซีนแห่งหนึ่งคือ Chuangchun Changsheng Biotechnology ถูกค้นพบว่าผลิตวัคซีนแบบต่ำกว่ามาตรฐานให้เด็กอายุ 3 เดือน ทำให้วัคซีนไม่สามารถสร้างระบบภูมิคุ้มกันบนมนุษย์ได้จริง (หรือสร้างได้ไม่เต็มที่) แต่การผลิตวัคซีนต่ำกว่ามาตรฐานนั้นทำให้บริษัทมีอัตรากำไรสูงขึ้นจนกลายเป็นบริษัทผลิตวัคซีนยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศ ทำให้ชาวเน็ตจีนแชร์ข่าวและวิจารณ์ถึงระบบวัคซีน
หลังจากเกิดข่าวเรื่องอื้อฉาวแล้ว ก็มีบทความอีกจำนวนหนึ่งที่ถูกแชร์ตามมากับข่าว มีบทความหนึ่งที่แชร์กันจำนวนมากชื่อว่า King of Vaccines เขียนโดยบล็อกเกอร์ที่ใช้นามแฝงว่า Beast เป็นเรื่องประวัติอย่างละเอียดของ Chuangchun Changsheng ว่าบริษัทนั้นมีที่มาอย่างไรจึงกลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของจีนโดยการขายผลิตภัณฑ์ด้อยคุณภาพ หลังจากนั้นไม่นานนักบทความต้นฉบับก็หายไป แม้ชาวเน็ตจีนจะพยายามคัดลอกมาโพสต์ซ้ำแต่ก็ถูกลบออก จึงทำให้มีผู้คิดจะใช้บล็อกเชนเก็บข่าวไว้แทน
วิธีการแชร์ข่าวนี้คือการใช้ประโยชน์จากบล็อกเชนของ Ethereum มีคนชาวเน็ตคนหนึ่งใช้บัญชี Ethereum ส่ง 0.001 ETH ให้ตัวเองพร้อมใส่เนื้อหาบทความนั้นเข้าไปใน metadata ของธุรกรรมด้วย ซึ่งข้อมูลทั้งหมดของธุรกรรมจะปรากฏบน public ledger ที่ใครก็เห็นได้ และเนื่องจากบล็อกเชนของ Ethereum เป็นระบบกระจายศูนย์ หน่วยงานควบคุมอินเทอร์เน็ตจีนจึงไม่สามารถสั่งให้เอาเนื้อหาลงได้ง่าย ๆ เหมือนกับโซเชียลเน็ตเวิร์คอื่นภายในประเทศ
ตอนนี้บทความดังกล่าวยังถูกบันทึกอยู่บนบล็อกเชน สามารถเข้าไปดูได้จาก Etherescan
ที่มา - TechNode
ภาพจาก Shutterstock
Comments
เดี๋ยวนะข่าวนี้กระทบต่อความเป็นอยู่ของชาวจีนเองแต่รัฐบาลเลือกที่จะปกป้องบริษัทมากกว่าคนหรอ หลักการคอมมิวนิสต์เดี๋ยวนี้มันอยู่ในกระดาษสินะ
เคยมีด้วยเหรอครับหลักการ..... มีแต่หลักกูกันทั้งนั้นอ่ะครับ ระบอบอำนาจเบ็ดเสร็จแบบนี้
เห็นเขาโฆษณาชวนเชื่อหลักการนี้มานามนม แถมคนของเขาก็เชื่ออย่างสุดใจกันเยอะอยู่ครับ... แต่ก็นะอำนาจเบ็ดเสร็จใครถือก็หอมหวานเกินกว่าจะแบ่งให้คนอื่น ผมมองประเทศนั้นแล้วเห็นประชาชนเขาเหมือนปศุสัตว์ของรัฐบาลมากกว่าจะเป็รประชาชนของเขาด้วยซ้ำ
คนของเขาไม่เชื่อครับ แต่คนของเขาประกาศออกสื่อ ลงหนังสือให้โลกรู้ไม่ได้ นี่คุยกับคนที่เกิดในจีนมาเยอะมาก
เป็นเรื่องปกติของจีนครับ ที่นั่นนายทุนใหญ่จะได้รับการปกป้องมากกว่าคนธรรมดายิ่งกว่าประเทศทุนนิยมอีก
ใช่ครับ
ผู้มีอำนาจรัฐก็เป็นคนที่ต้องกินต้องใช้ต้องตาย
เชื่อใจคนไม่รู้จักมากไปก็ย่อมเสียใจเป็นธรรมดา
ผมได้ยินหนาหูแล้วว่าจีนจะเริ่มเข้าสู่ขาลง ซึ่งก็มีโอกาสเป็นไปได้นะ
ตั้งแต่ยุคเติ้ง เสี่ยวผิง นี่ผมว่าเรียกจีนว่าเป็นคอมมิวนิสต์ยากมากนะครับ (ยกเว้นเรียกตามเขาเรียกตัวเอง)
lewcpe.com, @wasonliw
อีกไม่นานจีนได้บล็อคเครือข่าย Blockchain แน่แบบนี้ เล่นเอาแต่ปิดข่าว ปิดหูปิดตาประชาชน ไม่ได้แก้ไขปัญหาอะไรเลย ทำประเทศแย่ลงไปอีก แถมยังปกป้องหน่วยงานตนเองอีก ขอให้สักวันจีนล่มสลายหรือเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยเสียที ปัญหาจะได้จบ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
คงต้องปิด internet ทั้งประเทศถึงจะ บล็อกได้ ไม่ก็ระเบิด คอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง มือถือ ที่ต่อ internet ได้ ทิ้งให้หมดเพื่อ บริษัทเดียว
ก็ใกล้เคียงนะครับ :p
เหมือนพูดถึงประเทศวากันด้าเลยครับ
เป็นวิธีใช้ที่รู้สึกว่าเจ๋งมาก
อีกไม่นาน คงมี SNS ที่สร้างจาก Blockchain แน่ๆ
dump!!
ประเด็นคือ 250,000 dose ต่ำกว่ามาตรฐาน 'เป็นตัวเลขขั้นต่ำ' เป็นยอดการผลิต 'เฉพาะเดือนนี้' นั่นหมายความว่าอาจจะผลิตแย่ๆแบบนี้มานานแล้วและกระทบคนหลายล้าน น่าสงสารเหยื่อมากครับ
steemit แต่ไม่โดนเลือกใช้แหะ ก็กว่าจะสมัครได้ลำบากซะขนาดนั้น
ไม่ค่อยแน่ใจ เพราะเราตรวจข้อเท็จจริงไม่ได้เลย ดังนั้น
ถ้าบทความนี้จริง จะได้ภาพ รบ.จีน แย่ ปกป้องนักธุรกิจแย่ๆ ไม่สนใจชีวิตประชาชน
แต่ถ้าบทความนี้ไม่จริง มันคือจดหมายสนเท่ห์ เพื่อดิสเครดิต รบ.จีน ดีๆนี่เอง
ส่วนตัวไม่แน่ใจเพราะ
มีข่าวเศรษฐีจีน โดนประหาร พร้อมยึดทรัพย์ญาติใกล้ชิดทั้งหมดอยู่เป็นระยะๆ
อย่างข่าวนมเมลามิน เจ้าของ บ.นม ก็ซวยมาแล้ว
ดังนั้นคำว่า รวยแล้วรอด ใช้ไม่ได้ในจีน
ไม่ได้หมายความว่าจีนจะไม่มีคอรัปชั่นนะ แต่จับได้ = ตาย+ยึดทรัพย์สถานเดียว
แถมไม่ประหารทันทีด้วย เป็นการกำหนดให้จำคุกสำนึกผิดก่อน 3-5 ปี ค่อยประหาร
แสดงว่าคุณยังไมเข้าใจเรื่องความโลภหรือกิเลสของคน และดูเหมือนคุณจะเชื่อมั่นค่อนข้างมากว่ารัฐบาลจีนมีความตงฉิน พร้อมที่จะตัดสินหรือประหารใครก็ตามที่ทำผิดกฎหมายอย่างไม่บิดพลิ้ว ไม่ว่ารัฐบาลหรือคนในรัฐบาลจะมีส่วนได้ส่วนเสียหรือไม่
แต่บทความนี้ไม่ได้โจมตีรัฐบาลจีน แต่โจมตีบริษัทที่ผลิตวัคซีนต่างหาก ความเป็นจริงที่รัฐบาลจีนเองก็ยอมรับคือวัคซีนไม่ได้คุณภาพ (แต่รัฐบาลจีนยังยืนยันผ่านสื่อของรัฐ China Daily และสื่อของพรรคคอมมิวนิสต์ People's Daily ว่าปลอดภัย ถึงวัคซีนจะไม่ได้ผลแต่ก็ไม่ได้ส่งผลเสียกับร่างกาย แต่ยังไม่แสดงรายละเอียดเชิงวิชาการเพิ่มเติม) การที่รัฐบาลจีนแบนคีย์เวิร์ดดังกล่าวผมเองคิดว่าไม่ได้เป็นการปกป้องบริษัทที่ผิดหรอก (เพราะตอนนี้ก็จับคนในบริษัทไปแล้วหลายราย) แต่เพื่อเป็นการ damage control ความเชื่อมั่นของกระทรวงสาธารณสุขของจีน แต่ก็แล้วแต่'ความเชื่อของแต่ละคน'ว่าเรื่องแบบนี้ควรปกปิดหรือไม่