สมาร์ทโฟนจาก Xiaomi ตัวที่สามที่เปิดตัวในไทย ถัดจาก Mi A2 กับ Mi A2 Lite คือ Mi 8 ถือเป็นเรือธงรุ่นล่าสุด ภายใต้ชิป Snapdragon 845, กล้องหลังคู่, ระบบปลดล็อกหน้าจอด้วย 3D face unlock และหน้าจอที่มาพร้อมรอยแหว่งตามยุคตามสมัย เริ่มวางขายตั้งแต่ 3 สิงหาคม 2561 เป็นต้นไป
Xiaomi Mi 8 ที่วางขายในไทย จะแบ่งเป็นสองแบบ ได้แก่
สเปกฉบับเต็ม Xiaomi Mi 8 อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
Comments
มือถือ cpu snapdragon 845 ที่ราคาถูกที่สุด ใช่ไหมครับ
ราคาเท่า ๆ กันยังมี Zenfone 5z กับ OnePlus 6 เป็นตัวเลือกครับ
5z 6/128 เปิดขายอาทิตย์ก่อน 14990 บาท น่าจะเป็น 845 ที่ถูกที่สุด
จัดมาแล้วครับ
zenfone 5z / oneplus6 ภาษีดีกว่า เพราะมี 4x4 mimo ครับ ส่วนตัวนี้ mi8 เข้าใจว่าไม่มี
หา Access Point ใช้ยากเปล่าครับ ฮ่าๆ
Mi 8 ถ้าจำไม่ผิดมี GPS โมดูลสองชุด ของแปลกๆ ที่อาจจะไม่มีคนสนใจ แถมมี scan ใบหน้าด้วย IR ใช้กลางคืนได้ เพิ่มอีกจอ OLED คงทำ Always-On ได้ด้วย
ใน Spec Mi 8 บอกงี้ครับ LTE B41 4 antenna technology, supports 4×4 MIMO
ถ้า WIFI เป็น WiFi 2x2 MIMO technology, supports MU-MIMO
มันมากะ SDM845
มันจะเหมือนกรณี fast charge ไหมครับ
หลายๆรุ่นของ Mi ใช้ชิปที่มี fast charge แต่ไม่ได้จ่ายค่าลิขสิทธ์ให้ Qualcomm ก็ใช้งานไม่ได้
ไม่น่านะอันนี้เอาขึ้นเวป mi เลยอะ
เคยทำงานกับบริษัทที่นำ mi เข้ามาขาย คือดีลกับ xiaomi เลยนะ บอกเลยว่าข้อมูลบนเว็บนี่มั่วมาก แถมขอข้อมูลอะไรไปก็ไม่ค่อยจะซัพพอร์ตให้อีก สุดท้ายเวลาจะทำการตลาดอะไรต้องไปเสิร์ชข้อมูลในเว็บรีวิวเมืองนอกซะเยอะเลย
จากราคา 13500 ที่แปลงจาก เงินหยวน กลายเป็น 15990 ต่างกัน 2500 ภาษีน่าจะ 1000 ไม่แน่ใจว่าอีก 1500 คือค่าอะไรครับ เหมือนนโยบายเขาคือกำไรน้อยเพื้อราคาที่สมเหตสมผล แต่เหมือนเอามาขายแล้วราคาขึ้นจากอะไรครับสงสัย หรือว่าคนขายกับคนผลิตคนละส่วนกัน
+Vat 7% หรือเปล่า
1000บาทที่ +ไปไงครับ แล้ว เวลาราคาผู้ผลิตน่าจะได้เข้ามาถูกกว่าราคาเปิดตัวด้วยซ้ำไป
จะไม่ให้มีค่าดำเนินการ เงินเดือน+สวัสดิการพนักงานฝั่งไทยบ้างเลยหรือครับ
ทำไมใจดำจังเลย
Production ก็ส่วน Production ครับ
Marketing ก็ส่วน Marketing ครับ
จดทะเบียนแยกครับ ไม่งั้น "ยุ่งตายห่ะ"
Production มักมีน้อยสาขากว่า Marketing ด้วยครับ
ผมคิดว่าปรกติเขาคิดทั้งหมดที่ว่ามาในราคาเปิดตัวสินค้านิครับ ด้วยนโยบายบริษัท ไม่คิดว่าการกำหนดกำไรจะทำได้เอง ถ้าไม่ใช่บ.อื่นที่นำเข้ามาเพิ่มราคาเองเพื่อให้ได้กำไรมากกว่าปรกติ
แปลกดีที่ทั้งหมดที่ว่ามาไม่ได้รวมอยู่ในสินค้าตอนราคาเปิดตัว แสดงว่าที่ขายในจีนเขาไม่ได้คิดค่าส่วนที่บอกมาใช่ใหมครับ เพิ่งรู้ว่าที่xiaomiจีนเขาไม่มี Marketing ความรู้ใหม่เลยนะครับเนี้ย งั้นไทยก็ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้มั้งครับ ขนาดประเทศใหญ่ขนาดนั้นยังไม่มีเลยทำไมไทยต้องมี
เขาสร้างฐานมาจากจีน ความพร้อมถูกเพิ่มเติมมาเรื่อย ๆ จากแค่ที่เดิมทีเขาทำแต่ ROM แล้วเริ่มวางฐานการผลิตด้านต่าง ๆ เริ่มเปิดหน้าร้านครั้งแรก เริ่มผูกเนื้อหาและจับมือพันธมิตร และเริ่มโน้นนี่อีกหลายอย่างกว่าจะมาเป็นแบบนี้ นานนะครับ
ที่ไทยนี่ "เพิ่ง" เริ่มไม่นาน การร่วมมือกับพันธมิตร กับหน่วยงานอื่น หรือการสร้างฐานเริ่มต้น ต้องใช้กำลังทรัพย์ และอื่น ๆ และที่ไทยอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่จะลดราคาเพื่อให้ได้อะไรบางอย่างมาแทน เพราะฉะนั้น ก็ราคานี้
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
ตอนที่จีน "เพิ่ง" เริ่ม เขาก็ขายถูกได้นี่ครับ
ถึงตอนนี้ที่ไทยจะ "เพิ่ง" เริ่มแต่แบรนด์ก็มีชื่อเสียงมานานแล้ว และมีกลุ่มแฟนคลับในไทยด้วยจำนวนหนึ่ง
ผมไม่เห็นว่าคำว่า "เพิ่ง" เริ่มในไทย จะเป็นเหตุผลในการเพิ่มราคาค่าตัวมือถือได้เลยครับ
ถ้าหมายถึงขายถูกที่จีน เพราะเขามองว่า เสียบางสิ่ง แล้วคุ้มที่จะเสี่ยงได้บางสิ่งมาในจีน แต่ในไทยเขาประเมินว่ายังไม่ควรทำ
แบรนด์มีชื่อเสียงมาจากจีน ในไทยมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งรู้จัก แต่ถ้าดูที่เขาเล็งทั้งจีน อินเดีย เขาก็เน้นตลาดใหญ่นะครับ ในไทยผมว่าเทียบกันแล้ว คนทั่วไปรู้จัก Xiaomi น้อยมากเลยนะครับ ยิ่งเป็นตลาดที่มีประชากรน้อยกว่าประเทศอื่น ๆ ที่เขาลงไปลุยอย่างหนักมาก่อนหน้าแล้ว ตลาดในไทยยิ่งเล็กมากเข้าไปอีก
แล้วที่ผมบอกไป มันไม่เกี่ยวกับชื่อเสียงนะครับ ทั้งการซัพพอร์ตหลังการขาย ค่าดำเนินการ ค่าสต๊อคของ อะไหล่ ค่าพนักงานของพาร์ทเนอร์ ซึ่งตรงนี้ทางพาร์ทเนอร์ หรือตัวแทน หรือจะเป็น Xiaomi เอง ก็ต้องลงทุนใหม่ทั้งหมดนะครับ
แต่ก่อนเดิมที Xiaomi เริ่มมาเป็นมือถือราคาถูกได้ และแข่งได้ เพราะลดค่าใช้จ่ายด้านสต๊อค และบริการหลังการขาย รวมถึงพวกสิทธิบัตรต่าง ๆ ผมก็ไม่แน่ใจว่าได้จ่ายครบไหม หรือไม่ได้จ่ายเลย ประกอบกับมือถือจีนในราคาระดับนี้ หรือต่ำกว่าหน่อย จะมีการเปลี่ยน หรือหมุนเวียนสินค้ารุ่นใหม่เข้ามาถี่ เยอะมาก การตลาดแบบแต่ก่อนมันเข้าทางอยู่นะ
แต่พอจะเปลี่ยนมาเป็นเรื่องเป็นราว ทำถูกต้องมากขึ้น แล้วไม่ใช่เข้ามาชิงตลาด แล้วก็ปล่อยลอยเรื่องหลังการขายแบบไม่ใส่ใจมาก พอมาเป็นเรื่องเป็นราว มันทำแบบนั้นไม่ได้แล้วในระยะยาว เพราะจะยืนยาวไม่ได้ ไอ้ค่าพวกนี้ไม่ใช่ถูก ๆ นะครับ ร้านที่มีระบบสต๊อคสินค้า และสต๊อคอุปกรณ์เพื่องานซ่อมบำรุงนี่ จัดเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ได้เลย แล้วธุรกิจพวกนี้มันไม่ใช่เงินลงทุนน้อย ๆ ครับ
สิ่งที่ผมสนใจคือ ราคาเพิ่มขึ้น แล้วสิ่งที่ได้มา (ไม่ใช่มองแค่ตัวโทรศัพท์) ไม่ว่าจะมีเนื้อหาเข้ามาผูกไหม (แต่ในไทยคงไม่นิยม ไม่เหมือนจีนที่หลายเจ้าผูกเนื้อหาของพาร์ทเนอร์เข้ามา เอาเงินจากพาร์ทเนอร์ แล้วลดราคาเครื่อง) การบริการหลังการขายที่ดีขึ้น อะไหล่ที่ไม่ต้องรอสั่งนาน และระยะเวลาในการซัพพอร์ท
ตรงนี้คือเงิน และสิ่งที่ต้องมองว่า เมื่อเขาคิดแพง แล้วเราเลือกที่จะจ่าย เราได้พวกนี้มากขึ้นไหม
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
ผมก็ตามข่าวอยู่ประจำครับ เขาก็ขายมานานหลายปีแล้วในไทยไม่ใช่ขายปีนี้ปีแรก ผมคิดว่าการอ้างราคาจากสิ่งต่างๆที่นอกจากพาษีมันเป็นเรื่องที่ทำได้อยู่แล้ว
แต่ที่กล่าวมามันเหมือนว่า ผมประกาศขายส้ม 5 บาท คิดจาก ต้นทุน 1 บาท + การตลาด 1 บาท + vat 1 บาท + กำไรผู้ผลิต 1 บาท กำไรผู้ขาย + 1บาท ด้วยนโยบายผมเอากำไร x% เลยได้ราคาเปิดตัวนี้มา
ถ้าเป็นผมก็คงส่งออกไปที่ราคา 2 บาท เพราะ vat การตลาด และกำไรผู้ขาย รวมทั้งหมด 3บาท ก็ต้องแบ่งไปให้ประเทศปลายทาง เพราะผมได้กำไรผู้ผลิตไปแล้ว
แต่ที่ว่ามาเหมือน กำลังบอกว่าถ้าเป็น xiaomi ส่งออกจะขายที่ 5 บาทแล้วไปคิดค่าต่างๆอีกรอบ หรือไม่ก็กำไรที่คิดไม่ใช่ x% แต่เป็น y%
เอ ผมว่าเขาไม่ได้ขายมาหลายปีนะครับ เขาเพิ่งจะเริ่มตั้งร้านในไทยมากี่ปีเอง 1 - 2 ปีถึงหรือเปล่าผมไม่แน่ใจ
ส่วนเรื่องราคาค่าเครื่อง มันคงไม่ใช่แค่ ทุน ค่าการตลาด ภาษี และกำไรของคนผลิต และคนขาย เท่านั้นนะครับ มันมีมากกว่านั้นอีกเพียบเลย ผมเขียนไว้ในความเห็นของคุณคนด้านบนแล้ว
ส่วนสาเหตุที่ในจีนขายถูกตอนแรก นั้นผมก็มีเขียนไว้ในความเห็นที่ตอบไว้ด้านบนครับ แค่ไม่ได้แยกแยะออกมา เช่น ลักษณะตลาดที่เขาเลือกเข้าไปแข่ง การหารายได้จากพาร์ทเนอร์ และวิธีการดำเนินงานที่เน้นขายในจีนก่อนแล้วน่าจะไม่ได้จ่ายพวกสิทธิบัตรต่าง ๆ จนครบ
ข้อมูลส่วนใหญ่ เป็นเรื่องราวทั่วไป เอามาเทียบ ส่วนข้อมูลลึก ๆ อย่างสิทธิบัตร ผมเดาเอานะครับ แต่ก็เคยมีข่าวที่พอเทียบได้ว่า น่าจะไม่ได้จ่าย แต่พอจะออกขายนอกจีน จึงต้องเตรียมรับมือในด้านต่าง ๆ ทั้งจ้างคน ซื้อบริษัท ซื้อสิทธิบัติ และอื่น ๆ
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
ผมยกตัวอย่างใหม่ก็ได้ครับ บวกค่าอื่นๆที่คุณว่าไปอีกครับ ผมประกาศขายส้ม 6 บาท คิดจาก ค่าอื่นๆ +1 บาท ต้นทุน 1 บาท + การตลาด 1 บาท + vat 1 บาท + กำไรผู้ผลิต 1 บาท กำไรผู้ขาย + 1 บาท
สุดท้ายถ้าผมเป็นคนขายผมก็ส่ง ออก 2 บาทอยู่ดี
ปีสองปีก็นานแล้วนะครับ แล้วที่อ้างมาทั้งหมดคุณคิดว่าที่จีมไม่มีเหลอครับ ถึงแม่จะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆแล้วคิดว่าที่จีนถูกกว่าเพราะเริ่มมานานแต่ก็อย่าลืมว่าไทยเองก็เริ่มมาเป็นปีๆแล้วและคิดว่าค่าใช้จ่ายจะน้อยกว่าไทยผมว่าเป็นไปได้ยาก ทั้งที่ประเทศเขาใหญ่กว่าไทยมาก ผมว่าค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้มีมากกว่าไทยอีกเพราะบริการณ์เขามีมากกว่าของไทยมาก ส่วนลิขสิทเขาก็รับของมาผลิตยังไงก็เสียตั้งแต่ซื้อมาแล้วครับ แม้แต่ android google play
ที่จีนมีครับค่าพวกนี้ แต่ช่วงแรก เขาไม่ทำนะครับ แต่ที่ไทยทำ ตลาดในไทย กับจีนต่างกันมากครับ สภาพตลาดต่างกันเยอะ
ผมซื้อมือถือจีนมาขายในสมัยก่อน สินค้าราคาสูงมากช่วงแรก (กำไรสูงมาก) แต่เพียงไม่นานราคาก็ตกลงอย่างรวดเร็ว (ไม่ถึง 2 - 3 เดือน) และมันเป็นวัฎจักร สินค้าที่เข้ามาในจุดนี้ จะมีลักษณะการเข้ามาทำตลาดที่แตกต่างจากสินค้าในระดับอื่นอย่างมาก หรือต่อให้เป็นระดับเดียวกัน แต่อยู่คนละประเทศ หรือตลาดคนละลักษณะ ก็ทำตลาดแตกต่างกันแล้ว
ในไทยนี่เขาไม่มีการผูกเนื้อหาของพาร์ทเนอร์เข้ามาเพื่อเสริมรายได้ แล้วลดราคาขายเครื่องนะครับ แต่จีนเขามี
ปี สองปีที่ว่าในไทยนี่ ไม่นานเลยนะครับ เมื่อเทียบกับการเกิดขึ้นของ ROM MIUI ที่เป็นจุดเริ่มต้นของ Xiaomi ที่สร้างกันมานาน และผูกพันจนเข้าตลาดมาในรูปแบบที่ซอฟแวร์ หรือเนื้อหานำฮาร์ดแวร์มาก่อน (แต่ Xiaomi ก็วางตัวให้ฮาร์ดแวร์ของตัวเองดูดีด้วย)ผมจำไม่ได้แล้วว่ากี่มี แต่นานกว่าสองปี แถมลักษณะการเกิด การเข้าตลาด ลักษณะตลาดก็ต่างกันมาก
ค่าบริการต่าง ๆ คุณมองว่ามากกว่าไทย แต่ผมมองว่ามันน้อยกว่าไทยนะครับ จริง ๆ ผมคิดว่า ทั้งคุณและผมคงไม่มีตัวเลขตรงนี้มาสรุปให้จบประเด็นเฉพาะเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แต่เขาไม่ได้เริ่มในตลาดแบบที่ตลาดในไทยเป็น บริการของเขา เนื้อหาของเขา เขาไม่ได้ลงทุนครับ เขารับต่อมาอีกที แล้วได้เงินจากบริการเหล่นั้นจากพาร์ทเนอร์ครับ ซึ่งมันไม่ใช่ต้นทุนที่เขาต้องจ่าย แต่มันเป็นเงินรายรับที่เขาได้ด้วยซ้ำ ไม่ใช่รายจ่าย
Android เขามาดัดแปลงฟรีนะครับ Google Play ไม่มีครับในจีน แต่ตอนหลังที่เริ่มจะรุกตลาด และเริ่มเป็นที่นิยม ก็มีคนเอา ROM ของ MIUI มาเพิ่ม มาลอง มาดัดแปลงกันต่อ ซึ่งทาง Xaomi เองก็ทำ ROM แยกเพิ่มมาอีกเป็นหลายลักษณะ ทั้งแบบมี Google Play มาด้วยเลยก็มี
สิทธิบัตรที่ว่านี่ มันไม่ใช่เรื่องพวกนี้นะครับ แค่เรื่องการสื่อสาร แอพที่ออกแบบก็มีการใช้สิทธิบัตรของบริษัทอื่น ๆ กันเยอะแยะ เห็นเป็นข่าวกันเยอะกับบริษัทใหญ่ ๆ แต่ Xiaomi เขาแค่ทำแล้วก็ใช้ ขายกันในตลาดที่เขาเล็งไว้ เพียงแต่ว่าเมื่อออกมานอกประเทศ หรือขยายตลาดไปตลาดอื่นที่มันทำแบบสีเทา ๆ หรือดาร์ค ๆ หลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่ได้แล้ว เขาจึงเริ่มสะสมสิทธิบัตรของตัวเอง ซื้อบริษัทต่าง ๆ เพื่อเอามาไว้ใช้ และเอามาเป็นข้อแลกเปลี่ยนเวลาต้องฟ้องร้อง ยังซื้อตัวคนจาก Google เพื่อมาช่วยงานด้านการขยายตลาดไปตลาดต่างประเทศด้วยเลย
ผมคิดว่า คุณมองว่าตลาดมันเหมือนกัน ทำให้คำนวนต้นทุนแต่ละอย่างออกมาต่างออกไป รวมไปถึงทำให้คิดว่ารูปแบบการทำตลาดมันเหมือนกัน แต่จริง ๆ มันต่างกันมากนะครับ
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
สรุปคือที่อ้างมาทั้งหมดไม่รู้จริงใช้ใหมครับ การที่ซื้อมาราคาเต็มแล้วเอามาขายต่อมันต่างจากเป็นผู้ผลิตแล้วนำเข้ามาขายนะครับ ผมถามเพราะต้องการรู้ข้อมูลจริงๆครับที่ไม่ใช่แค่คิดไปเอง เพราะนโยบาย Xiaomi ทำเครื่องกำไรไม่มากเน้นขาย แต่เจอตัวแทนนำเข้าหน้าเลือดขึ้นราคาโดยอ้างโนนนี่นั่นหรือเปล่านี่คือประเด็นสำคัญของคำถามผม
จริงๆเรื่องที่ทำให้ผมสงสัย เพราะราคา Mimix 2s ตอนเปิดตัวแปลงเป็นเงินไทยอยู่ที่ 16500 แล้วขายไทยที่ 17900
มันเลยเป็นเหตุผลที่สงสัย แต่การตอบของคุณมันไม่ตอบโจทย์ราคา Mimix 2s เลย ราคาต่างกัน 1400 แต่ตัวนี้ต่างกัน 2400
ส่วนใหญ่ที่เราคุยกัน เราคิดกันไปเองจากข้อมูลเท่าที่เรารู้แหละครับ คงไม่มีใครรู้จริงทั้งหมดถ้าจะคาดครั้นขนาดนั้นนะครับ
แล้วที่ผมพูดนี่ ไม่ได้หมายถึงผมเอาเข้ามาขายนะครับ -*- มันเป็นตัวอย่างที่ยกให้รู้ถึงสภาพตลาดที่แตกต่างนะ
Xiaomi ทำกำไรไม่มาก เน้นขาย เพราะอะไรหรอครับ ที่จีนนี่ผมทราบนะครับ เพราะเขาผูกเนื้อหาของพาร์ทเนอร์ แล้วในไทยนี่เขาได้อะไรหรอ
อีกอย่าง ถ้าสังเกตุนะครับ Xiaomi นี่พยายามจับมือกับพาร์ทเนอร์ในไทยที่ตอนนี้ก็เป็นพวกโอเปอร์เรเตอร์อยู่นะ ซึ่งจะว่าไปก็ตั้งแต่ก่อนช่วงมาเปิดร้านในไทยแล้วที่ได้ลองพยายามทำดู แต่รู้สึกรอบนั้นจะโดนต่อว่าเยอะอยู่ (ลูกค้าผมเล่าให้ฟังเรื่องประกันว่าของมีปัญหา แล้วติดต่อทางโอเปอร์เรเตอร์ แล้วทางโอเปอร์เรเตอร์ไม่มีทางออกให้ แล้วเขาก็ต้องทนใช้ไปอย่างนั้น ซึ่งก็ตรงกับข้อมูลที่ผมทราบนั้นแหละ (ที่คุณบอกว่าไม่รู้จริง และผมบอกว่ามันเป็นสิ่งที่รู้ แต่ความจริงคงต้องไปถามเขาถ้าอยากจะคาดครั้นว่า มันจริงแท้แค่ไหน) ว่าเขายังไม่ได้ลงทุนเรื่องการซัพพอร์ทหลังการขาย (แต่ปัจจุบันคิดแพงขึ้น แล้วการซัพพอร์ทเป็นอย่างไง ต้องรอดู)
ประเด็นของคุณ ผมบอกไปแล้วว่า มันไม่ใช่แค่ตัวแทนนำเข้าหน้าเลือด มันมีอะไรมากกว่านั้น แต่คุณมองแค่ว่า ไอ้พวกที่มากกว่านั้น ๆ นั้นเป็นเรื่องเล็ก ซึ่งผมไม่ค่อยแน่ใจว่าทำไมคุณมองเป็นเรื่องเล็ก ทั้งที่ธุรกิจ after sale เป็นธุรกิจขนาดใหญ่มาก
ราคาต่างกันเท่าไหร่แต่ละรุ่น อันนั้นผมไม่รู้ว่าเขาวางแผนอะไรไว้อย่างไง สินค้าเหมามาเยอะ การออกแบบคล้ายเดิม หรือใช้บล๊อคการออกแบบภายในบางอย่างคล้ายเดิม ไม่ต้องวิจัยเพิ่ม หรืออื่น ๆ อันนั้นไม่รู้ครับ แต่ที่รูปตอบไปแล้ว เพียงแต่คุณมองไอ้ทั้งหมดว่า เป็นเรื่องเล็ก และมองเรื่องการผูกเนื้อหาในจีน แต่ไม่มีในไทย เหมือนมันไม่ส่งผลอะไรเท่าไหร่ ทั้ง ๆ ที่มันส่งผลมาก
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
ขอออกตัวก่อนว่า ผมคลิ๊ก Reply ที่ความเห็นคุณ Fasndee นะครับ แต่ที่จริง ผมเข้ามาแล้วมึน ไม่รู้จะแทรกตรงไหนดี เลยขอคลิ๊กที่ #1064142 แล้วกัน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าผมโต้ตอบคุณ Fasndee นะครับ
หลายครั้งที่ผมเจอความคิดเห็นที่ใส่ๆ กันมากในนี้โดยที่ไม่มีใครเคยรู้เคยทำจริงเลย ผมก็เบื่อที่จะแชร์ประสบการณ์นะครับ
คนเก่าๆ ใน Blognone ส่วนใหญ่ทราบดี ว่าผมมีบริษัทของตนเองข้ามชาติ มีสาขาที่ Singapore, Kuala Lumpur, Vientiane, Hong Kong และ Shenzhen มีสิทธิบัตรเป็นของตัวเอง 12 ฉบับ ทำธุรกิจรับจ้าง R&D เรื่องนี้โดยตรง ตัวเลขธุรกิจแบบนี้น่ะผมมีจริงๆ เป็นสิบๆ ปี
แต่ผมอ่านอัตตาคนไทยแล้วบางทีก็ท้อครับ เป็นผู้บริโภคแท้ๆ เรียนมาเยอะแล้วมักคิดราวกับว่าตัวเองทำธุรกิจนั้นๆ ได้แล้วจริงๆ
บางทีอยากสรุปสั้นๆ ว่า ลองออกมาตั้งบริษัททำตลาดให้ใครดูสักยี่ห้อไหมครับ?
นี่มีโรงงานผลิต Router ที่ Built-in Blockchain system ใน Shenzhen กำลังกระแซะผมทำตลาดในไทยอยู่
ถ้าสนใจผมจะจูงมือไป Connect ให้เลย ขอให้เก่งจริงเถอะนะ
เดี๋ยวนี้เริ่มเหนื่อยใจครับ
Internet ทุกวันนี้ทำให้เห็น Attitude ผู้คนได้มากและง่ายขึ้น แต่กลับทำให้จอมยุทธในวงการยิ่งท้อใจและเงียบหายออกไปเรื่อยๆ เพราะดูเหมือน Internet กลับถูกใช้เป็นที่แผลงอัตตาของคนรุ่นหลัง มากกว่าจะเป็นที่ถ่ายทอดและเรียนรู้วิชา ประสบการณ์ และสติปัญญาของผู้คน
ผมคิดถึง BBS จริงๆ เลย
เห็นด้วยครับ ยิ่งเว็บนี้มีเยอะมากๆ ขนาดเรื่องเบาๆ ยังดราม่าตลอดได้
สรุปว่าก็ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนสินะครับ แล้วที่ผมย้ำเสมอกับคำพูดที่ว่าเน้นกำไรน้อยนี่มันมีที่มาจากลิ้งด้านล่าง
และที่อยากรู้ความจริงเพราะไม่ใช่อัตตาและคิดว่าตัวเองเก่งหรือเรียนมามากจนมโนว่ามีความสามารถเป็นเจ้าของกิจการ จนต้องไปตั้งบ.เพื่อพิสูจเรื่องแค่ข้อสงสัยที่พิมพ์ถามตามกระทู้หลอกครับ ถ้าไม่มีใครอยากตอบหรือไม่ได้รู้ความจริงก็ปล่อยผ่านมันไป ถ้าจะท้าวความถึงเหตผลที่สงสัยแบบสั้นๆก็คงเป็น
1 ถ้าตามข่าว xiaomi มาตลอด นี่เป็นนโยบายหลักที่ทำให้เจ้านี้น่าสนใจลองไปอ่านลิ้งนี้ดูนะครับว่าทำไมเขาถึงเอากำไรน้อยแค่ 5% https://c.mi.com/thread-984288-1-0.html ซึ่งแตกต่างจากที่ว่ามา
2 การคิดราคาของเครื่องสองรุ่นที่ต่างกัน Mix2s ขายแพงกว่าเปิดตัว 1400 แต่ mi8 ขายแพงกว่าเปิดตัว 2400 ทำให้เกิดข้อสงสัยมากว่าแล้วที่ว่า 5% น่าจะจริงเพราะราคาเปิดตัวที่่ถูก แต่พอเดินทางมาไทยกับราคาขึ้นจากรุ่นก่อน ซึ่งเหตุผลรอบรับที่ถูกกล่าวมาในกระทู้ก่อนหน้ามันตอบเหตุผลนี้ไม่ได้ หรือ ตัวแทนนำเข้าเพิ่มราคาเอง หรือ 5% ที่ว่ามาเป็นแค่เรื่องที่พูดให้ดูดีหรือเปล่า หรือนโยบายนี้โดนโยนทิ้งลงถังขยะไปแล้ว
คนที่คิดจะซื้อหรือสนับสนุน(นักลงทุน)ไม่มากก็น้อยก็คงเกิดข้อสงสัยแบบผมถ้าคิดว่าจะสนับสนุนเพราะนโยบายที่ว่า แต่ราคาที่ว่ามันคืออะไร เพื่อที่จะตัดสินใจสนับสนุนต่อดีหรือไม่ หรือเป็นข้อมูลให้อ้างอิงเวลาซื้อสินค้าว่าอาจโดนเอาเปลียบหรือเปล่านะจะได้ตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ ถ้าไม่พูดให้มันดูดีแต่แรกผมก็คงไม่สงสัยหลอกครับ คงมองเหมือน samsung apple จะขึ้นก็ขึ้นไปเพราะเขาชัดเจนในการหากำไรให้ได้มากที่สุด
หลายๆอย่างมันต่างกรรมต่างวาระ ต่างสถานการณ์ครับ อย่าจับเอามารวมกันดีกว่า
อย่าง link ของคุณที่บอกว่า จะไม่เอากำไรเกิน 5% เค้าเขียนชัดเจนนะครับว่าหมายถึง อัตรากำไรสุทธิโดยรวมต่อปีของบริษัทต่อผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ไม่ควรเกินกว่า 5% ไม่ใช่ กำไรขั้นต้นของสินค้าต่อชิ้นไม่เกิน 5%
หรืออย่างเช่น Mix 2s ที่คุณบอกว่าส่วนต่างไม่สูง มันก็เป็นตัวที่เปิดตัวในไทยก่อนเข้า IPO และก่อนงบการเงินที่ชี้ว่าขาดทุนนะครับ
หรือที่คุณบอกว่านักลงทุนจะไม่พอใจเพราะขึ้นราคา ผมว่าก็ไม่น่าเกี่ยวนะ จริงๆมันกลับกันด้วยซ้ำ
ข้างต้นนี่พูดถึง xiaomi อย่างเดียวนะครับ ยังไม่ได้พูดถึงกำไรที่ distributer/reseller/retailer ควรจะได้อีก
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ฝากคุณ McKay และ/หรือท่านอื่นๆ ต่อนะครับ
case นี้ ผมขอบายก่อน
ไม่ไหวจะพิมพ์ครับ อายุมาก สายตาก็มีปัญหาเยอะแล้ว ทั้งสั้น ยาว เอียง แว่นตา 3 อัน
ชีวิตต่อจากนี้ ผมพยายามจะเผยแพร่แต่ในเรื่องเทคนิคแล้วล่ะครับ
เรื่องธุรกิจนี่ คนเก่งเต็มเมืองครับ
จะว่าไปผมก็ลืมเรื่องการชาร์จไฟในข่าวเก่าไปเลยครับ ? เจอ 2 อีเวนท์จัดซ้อนกันเหนื่อยจนอยากวาร์ปได้ ? ถ้าไม่รบกวนเกินไปฝากกลับไปต่อด้วยนะครับ ?
ให้เวลาผมนิดนะครับ นอกจากของคุณแล้ว ที่จริงผมค้าง 2 เรื่องเลย อีกเรื่องคือค้างเรื่อง Alfa Romeo กับคุณ (..ลืมชื่อชั่วคราว..) ที่ตอนนี้ไม่เห็นเลย
ช่วงนี้ที่โผล่กลับมาตอบได้บ้าง เพราะกำลังพักฟื้นจากการผ่าตัดน่ะครับ นิ้วมือเลยว่างบ้าง แต่สายตาก็เป็นอุปสรรคเอาเรื่อง
ชีวิตโดนมีดหมอมา 3 รอบแล้ว ถ้าอีกรอบจะยังทนไหวไหมเนี่ย
** edit เพิ่มภายหลัง **
ชื่อที่ลืมไปชั่วคราวคือ Papasek ครับ
ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้เร่งนะครับแจ้งไว้นิดนึง แต่ไม่ได้คอมเมนต์ตอบกลัวทางนั้นจะมีคอมเมนต์แทรกแล้วอ่านยากเลยกะจะรอจบทีเดียวครับ (แล้วผมก็เผลอลืมไปเป็นช่วงๆ ด้วย >_<) ;)
*หมายเหตุ ลุง Papasek โดนแบนไปแล้วครับ (คุ้นๆ ว่าหลายปีแล้ว) เคยบอกผมว่ายังตามอ่านอยู่แต่ไม่สมัครบัญชีใหม่แล้วครับ
อ้าว ผมก็นึกว่าลุง Papasek หายสาบสูญไปไหน ที่แท้โดนแบนนี่เอง
เรื่องชาร์จไฟของคุณจักรนันท์ ผมก็แอบตามอ่านอยู่นะครับ
น่าเสียดายครับ ผมชอบสไตล์การตอบของแกนะ มีทั้งความฮาทั้งสาระ
ผมคิดในมุมมองราคาเปิดตัว
จากการคิดไปเองว่า Mimix2s ราคาเปิดตัว บวก ภาษี 7% บวก shipping เลยได้ราคาเพิ่มจากเดิม 1400 ในนโยบาย 5% แล้วในสินค้าตัวอื่นๆก็จะได้อัตราประมาณนี้ทั้งนั้น
แต่ตัวนี้มันมีค่าใช้จ่ายมากกว่าที่ว่า ถ้าจะว่าหลัง ipo ออกมาแล้วราคา เปิดตัวต่างกันมากกว่าเดิมเป็น 2400 จากนโยบายใหม่หรือไม่
ส่วนนักลงทุนรู้ดีอยู่แล้วว่ายังไงก็ได้ 5% ถ้ามี่ตัวแทนดำเนินการอ้างค่าใช้จ่ายเพิ่ม เช่นอ้างว่าจ้างพันธมิตร 1000 บาทเลยเป็นที่มาราคาขึ้น สุดท้ายขายได้น้อยลงเพราะสู้แบรนอืนไม่ได้ ผมว่าพอใจคงแปลกครับ
ส่วนกำไรขาดทุน เอาจริงๆก็ไม่รู้ว่าข้างในเป็นยังไง หรือจริงๆแล้วที่ส่งมาไทยหลายปีนี้ขาดทุนตลอด แค่ รู้ว่าออกสินค้าค่อนข้างมากแล้วหลายๆตัวก็ไม่ค่อยดีสู้คู่แข่งไม่ได้
อยากจะมาย้ำเตือนว่า ถึง Xioami จะขายได้เยอะ แต่ว่าก็ยังขาดทุนอยู่นะครับ สิ่งที่มันกำลังเป็นอยู่ก็อาจจะเป็นการลองปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของ Xiaomi อยู่ก็เป็นได้ครับ
ถ้าอยากได้ราคาต้นทางสั่งซื้อจากจีนก็ได้นะครับ ผมดูใน ali ตอนนี้ประมาณ 14k ต้นๆ ไม่รวม shipping
เข้ามาถ้าโดน vat 7% ก็จะเป็นประมาณ 15k ถ้ารวม shipping ด้วยก็ไม่น่าเกิน 15.5k
ถ้าผมเดาก็มีค่า buffer เผื่ออัตราแลกเปลี่ยนอีกหน่อย ช่วงนี้เงินบาทแข็งถ้าเทียบกับเงินหยวนครับ
หนังสือ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ไอที มือถือ ภาษีน้ำเข้า 0% เสียแค่ VAT 7% ครับ
ผมไม่พยายามไปคิดถึงเบื้องหลัง แค่มองว่าภาพรวมของสิ่งที่ได้มามันยังอยู่ในช่วงราคาที่รับได้หรือไม่แค่นั้น ส่วนเรื่องการตลาดการดำเนินการอะไรตรงนั้นก็แล้วแต่เค้าจะทำไป ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าราคาที่เพิ่มขึ้นมาประมาณนี้ไม่ได้มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับ
และสิ่งที่สาวกเซี่ยวหมี่กังวลก็เป็นจริง ค่าตัว บวก ค่าการตลาดจนได้ จุดเด่นหายทันที
Exclusive partner AIS มีส่วนไหมครับที่ราคาอาจจะแรงขึ้นไปนิดนึง ราคานี้ไปชนกับ Zen phone 5z ที่ได้ 128 Gb มากว่า Mi 8 ที่เป็น 64 Gb
LTE CAT เท่าไรครับ
Snap Dragon 845 SoC LTE CAT 18 DL CAT 13 UP ครับ
เห็นในกลุ่ม Xiaomi เถียงกันดุเดือดมากกับราคานี้ LOL
ส่วนตัวชอบ mi8 se เสียดายที่ไม่นำเข้ามา ได้ใช้ชิป series 7xx ด้วย
ไม่อยากไปซื้อตามตู้ที่มาบุญครอง
รู้สึกลอกซะเหมือนไอฟงมากไป ไม่ชอบที่มีรูต่อ ext แค่รูเดียวเลย
แต่ 5z(สั่ง Shopee) กับ 1+(จองกับ AIS) ก็ยังไม่ขายหน้าร้าน ทำเอารอยาว ๆ ไปเลยตอนนี้
เปิดมาราคานี้ ผมก็รอสิ รอเก็บตอนโล๊ะ stock น่าจะเหลือสัก 8-9000