แฮชแท็กยอดนิยมในทวิตเตอร์ #เยาวชนปลดแอก ที่พูดถึงเหตุการณ์ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยตั้งแต่เมื่อวานนี้ (18 ก.ค.) ช่วงเย็น มาถึงวันนี้ช่วงเช้า มีคนพูดถึงมากเกิน 10 ล้านข้อความทวีต
#เยาวชนปลดแอก 10ล้านแล้วแก เอาให้สุดค่ะ เราต้องทวงสิทธิเสรีภาพของพวกเรากลับคืนมา ไม่งั้นเราก็ต้องทนอยู่กับอะไรแบบนี้ รีวนไปค่ะ pic.twitter.com/ftLR23wtjg
— ฉันเอง (@Bamboo25505976) July 19, 2020
ตัวเลขสูงสุดเท่าที่หาเจอคือ 10.8 ล้านข้อความตามภาพที่มีคนแคปหน้าจอไว้
10 ล้านทวิต เทรนอะไรได้10ล้านทวิตไหม นี่คือการรวมพลังกันของพวกเรา เก่งมากๆๆทึกคน งงเลย ขนลุกมากอ่ะ #เยาวชนปลดแอก pic.twitter.com/dIR61vxeyb
— คุณความสุข (@bellbell_naka) July 18, 2020
หากเทียบกับสถิติเก่าของผู้ใช้ทวิตเตอร์ในไทย ที่รวบรวมโดยเว็บไซต์ Get Day Trends แฮชแท็กที่เป็นแชมป์อันดับหนึ่งคือ #กราดยิงโคราช ทำไว้ที่ 8.5 ล้านข้อความต่อวัน ซึ่งหมายความว่า #เยาวชนปลดแอก ขึ้นมาเป็นแชมป์รายใหม่แล้ว (สถิติในระบบของ Get Day Trends ยังเป็น 6 ล้านข้อความอยู่ในขณะที่เขียน)
ถ้าเทียบสถิติของแฮชแท็กยอดนิยมแบบทั่วโลก (world wide trends) แชมป์ที่เคยทำไว้คือ #AdvanceHBDPawanKalyan ซึ่งเป็นการฉลองวันเกิดให้ Pawan Kalyan นักแสดงชาวอินเดีย ทำไว้ที่ 10.5 ล้านข้อความ
ต้องรอดูกันว่าเมื่อ Get Day Trends อัพเดตข้อมูลแล้ว #เยาวชนปลดแอก จะขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของ world wide trends หรือไม่
หมายเหตุ: แท็ก #AdvanceHBDPawanKalyan ครองแชมป์แท็กยอดนิยมในอินเดียด้วย โดยมีสถิติสูงถึง 16.1 ล้านข้อความ แต่เหตุผลว่าทำไมตัวเลข India กับ World wide แตกต่างกัน คงมีแต่ทวิตเตอร์ที่ทราบ
ทวิตเตอร์ไม่เคยเผยอัลกอริทึมของอันดับ trend ซึ่งหลายครั้งแท็กที่ได้รับความนิยมสูงๆ อาจเห็นตัวเลขลดลงหรือหายไป
แคปตอนยอดแท็ก 10ล้าน เก็บไว้พอดีผ่านไปครึ่งชม. ยอดลดเหลือ 8ล้านกว่าเมิงขยันลบ กุก้จะขยันแท็ก จะปั่นให้ยิ่งกว่า 10ล้านอีก รอดูพลังของพวกกุได้เลย#เยาวชนปลดแอก pic.twitter.com/5RxZUTZN2a
— ??? ?.⏰? | ᵗᵉⁿˡᵉᵉ ⁿᵘ'ᵉˢᵗ (@paopeipeik) July 19, 2020
หมายเหตุ: ขอบคุณคุณ @leafsway ที่แนะนำให้รู้จัก Get Day Trends
Comments
ตัวเลขใน rank twitter มันไม่รู้คำนวณแบบไหน แต่อันดับหนึ่งที่เป็นทางการคือ 60 ล้านทวีตใน 24 ชั่วโมง ตอนงานรางวัลเกาหลีที่เอาให้แฟนคลับโหวตผ่านทวีตแข่งกันโดยมี hashtag ร่วมคือ #TwitterBestFandom
https://guinnessworldrecords.com/world-records/421314-most-used-hashtag-on-twitter-in-24-hours
10 ล้าน นี่จะมี IO ช่วยปั่นอยู่เท่าไรนะ
IO ใช้ #เยาวชนปอดแหก ครับ
ผมว่าเยอะมากๆ
อย่างต่ำๆ น่าจะ >8M ที่เป็นบอท+อวตาร ปั่นแทค
ถ้าปั่น 8m ควรจะต้องใช้คนปั่นกี่คนครับ ควรจะต้องใช้ เครื่องกี่ ip
Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project
เคยเห็นสมัยทัวร์ลงทาทายัง 1 ไอดี ทวิตทุกๆ2 วินาที
ไม่รู้ทำกันยังไง
Twitter มี limit อยู่นะครับ
Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project
วันนี้เท่าที่ดู io ขยันเป็นพิเศษ บนเพจสื่อหลัก ปกติจะไม่ไปตามด่าในข่าวแบบนี้ แต่วันนี้มาเยอะจนชัดเจนเลย
ภาษีพวกเรา ToT
IO ไม่ทำงาน ส-อา ครับ
The Dream hacker..
ก่อนหน้านี้ไม่นาน ตอนที่นกฟ้าเปิด @TwitterThailand เซเลปทวิตเตอร์ไทยบางคนประกาศย้ายไป Minds ตอนนี้คงย้ายกลับมาเกือบหมดแล้ว
เห็นว่าสาขาใหญ่ออกมาปฏิเสธกับเผยข้อมูลว่าไม่มีอะไรกับรัฐบวยไทยแล้วด้วย คนเลยกลับมามั้ง
เขาจะเอามาอ้างว่ามีคนเห็นด้วย10ล้านคนในประเทศรึเปล่านะ
มีแค่ ทวิตอย่างเดียว เหรอ แล้ว ใครไปลบของเค้ากันนะ มีปั่นแท็ก กันอีก
อินเดียเค้าผู้ใช้เยอะ อันนั้นของจริงครับ บ้านเราไอดีปั่นเยอะ แอคปลอมสมัครไว้ปั่นแท็ค
เวลาทวิตกวาดล้างที ผู้ติดตาหายวาบๆเลย
ก่อนทวิตจะกวาดล้าง ก็หายวาบๆแล้ว
เพราะ ปั่นด้วยเงินน้ำเลี้ยงจากภาษีปชช
หมายถึงแอคปลอมพวก IO อ่ะนะ
ถถถถถถ
แปลกทำไมเห็นสูงสุดแค่ 2m แฮะ
เปิด Twitter ทีไรก็เจอแต่แท็กไบร์ทวินอะไรนั่นทุกวัน
มี extension ปิดไหมครับ?
ผมว่าตัวนั้นน่าจะโฆษณามากกว่า ของผมเองย้าย trending ไปอเมริกาแทน
เหมือนกันครับ ส่วนตัวเข้าใจว่าชอบกัน แต่เข้าไปทีไรเจอแต่เรื่องดาราเดิม ๆ ชักเริ่มเบื่อเหมือนกัน
mute tags สิครับ
The Dream hacker..
ตัวเลขปั่นด้วยบอท มันน่าเอามาอวดสถิติตรงไหน
มั่นใจได้ไงว่าคือ 10 ล้านจริงๆ ไม่มีการปั่นยอด
เว็บนี้มี IO ด้วยหรอ
ไม่ใช่ว่าเวปนี้คือ IO หรอกเหรอ
ในกลุ่มพวกประท้วงมีพวกถือป้ายหมิ่นสถาบันด้วย ไม่รู้พวกคุณต้องหารอะไร ต้องการประชาธิปไตยอันมีทัก... เป็นประมูข? หรืออันมี ธา... เป็นประมูข? แล้วพอตำรวจเขาเชิญตัวก็มาโวยวายเขาหาว่าเผด็จการ
อันนี้ผมขออนุญาตนะครับ
คือที่ผมเห็นแชร์ตามเฟส ตามทวิตก็เป็นคำวิจารณ์ตามความรู้สึก
ของเค้า ผมว่าท่านเป็นกษัตริย์ที่ใจกว้าง และมีพระปรีชาสามารถอย่างเหลือล้น
น่าจะสามารถแยกแยะ ข้อเท็จจริงได้ อันไหนไม่จริงก็ไปล่อยไป อันไหนจริง
ก็น่าจะเอาปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้แผ่นดินร่มเย็นยิ่งขึ้น จริงไหมครับ?
เพราะการที่ลูกๆ จะขัดแย้งกับพ่อกับแม่มันก็เรื่องปรกติ ลูกคนโตก็ใกล้ชิด
กับพ่อกับแม่หน่อย ส่วนลูกคนเล็กมันก็จะห่างๆพ่อแม่หน่อยบางทีก็อาจจะไม่เข้าใจในการกระทำของ
พ่อแม่ด้วยที่ว่ายัง เยาว์วัย (ก็อาจจะมีลูกคนโตๆหน่อยมันดื้อมันก็ต้องตักเตือนกันตามสมควร)
สมมติถ้าคุณเป็นพ่อแม่ พอลูกถึงวัยต่อต้านคุณจะทำยังไง กักบริเวณ?ทำโทษใช้ไม้เรียวฟาด?
หรือจะคุยด้วยเหตุด้วยผลตามข้อเท็จจริงหละครับ?
ยิ่งลงโทษหนักๆมันไม่ยิ่งจะทำให้ลูกๆต่อต้านมากขึ้นหรือเปล่าครับ?
เปิดใจกว้างๆ ตามข่าวครบๆ ไม่ใช่สักแต่ว่าเทิดทูนๆ เทิดทูนได้ถ้ามีเหตุอันเชื่อได้ให้น่าเทิดทูน
แต่ก็แล้วแต่ความคิดคน เราบังคับใครให้ชอบเหมือนเราไม่ได้ และเค้าก็ไม่มีสิทธิบังคับให้เราชอบด้วย
สมมติการไม่มี A ทำไมต้องมี B หรือ C มาแทน ??
ทัศนะจำกัดจนต้องมีอะไรอยู่บนหัวสักอย่างงั้นหรือ
วันนึงทักกี้ก็ต้องตาย วันนึงธรก็ต้องตาย จะไปตามตูดบุคคลที่เกิดแก่เจ็บตายได้ทำไม
ผมไม่คิดว่าการมีมลทินของมนุษย์ธรรมดาจะทำให้อุดมการณ์ผู้ประท้วงมีมลทินได้ เพราะแก่นเขาไม่ใช่ทักกี้หรือธร
ผมรู้ว่าคุณพยายามด้อยค่าผู้ประท้วง แต่คำค้านของคุณไม่ valid เลย
ทำไมต้องมีประมุขครับ ประชาธิปไตยเฉยๆ เหมือนบ้านอื่นเมืองอื่นไม่ได้เหรอครับ ทำไมสำหรับบางคนระบอบการปกครองต้องยึดติดกับตัวบุคคลตลอด เป็นตัวของตัวเองไม่ได้เหรอ เชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อมั่นในประชาชนคนส่วนใหญ่
หลายประเทศก็มีประมุขนะครับ อย่างเยอรมันก็มีประมุขคือประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้ง มีนายกรัฐมนตรีอยู่ใต้ประมุขอีกที
ปัญหาจริงๆ แล้วคือตรวจสอบไม่ได้อ่ะนะ
เขาอาจจะหมายถึงว่าอยากได้ประมุขที่มาจากการเลือกตั้งหรือเปล่าครับ
คำว่าประมุขของผมคนละความหมายกับที่คุณเข้าใจครับ ประชาธิปไตยของเรามันบิดเบี้ยวเพราะมีคำว่าประมุขต่อท้ายนี่แหละ ยกตัวอย่างประเทศที่คุณว่ามา ก็ไม่มีประเทศไหนใช้คำว่าประชาธิปไตยอันมีประธานาธิบดีเป็นประมุข
ปัญหามันไม่อยู่ที่คำต่อท้ายนี่สิครับ ชื่อมันไม่ได้ define สิ่งที่เป็นอะครับ เปลี่ยนชื่อ ไม่เปลี่ยนระบบระบอบก็เท่านั้น
ถ้าชื่อมัน define สิ่งที่เป็น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวก็น่าจะปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอ่ะครับ
ก่อนหน้าสงครามสีเสื้อ เราไม่มีคำห้อยท้ายหลังนะครับ แต่ก็มีปัญหาเดิมๆ มาตลอดเวลา
ผมอาจตีความสิ่งที่คุณพูดผิดก็ได้ คุณอาจพยายามพูดอ้อมๆ จนผมเข้าใจผิดก็ได้ หรือคุณอาจเห็นว่าปัญหาทั้งหมดหรือปัญหาหลักอยู่ที่ชื่อระบอบจริงๆ อันนี้ผมก็สุดจะหยั่งถึงครับ
อังกฤษก็มีระบบกษัตริย์ที่มีเรื่องวุ่นวายใจนะครับ แต่ไม่มีปัญหาในทางการปกครองเท่าเรา และผมไม่คิดว่าการที่เค้าไม่มีปัญหาเยอะปบบเรา มันเป็นเพราะชื่อระบอบอะไรนะครับ
เพราะออสเตรเลียที่มีประมุขคนเดียวกันกับอังกฤษ ก็มีปัญหากับระบอบการปกครองที่มีประมุขแบบปัจจุบันเช่นกัน (ควีนเป็นประมุข)
ถ้าผิดกฏหมายก็ไปจับคนที่ป้ายเอานะครับ
คือสงสัยอย่างยิ่งและสงสัยมาก ๆ ว่า ถ้ามีคนไม่พอใจ ไม่เทิดทูน แล้วทำไมต้องไปบังคับให้เขาเลือกเป็นทักเป็นธร
ไม่ชอบอย่างเดียวไม่ได้เหรอ ไม่อยากให้มีใครอีกไม่ว่าจะทักจะธรหรือจะใครอื่นอีกได้มั้ย
หรือแม้แต่แค่เขาไม่เทิดทูนคนบางคน ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ชอบคนทั้งบ้านเลยสักหน่อย
หรือแม้แต่ตามประสาเด็ก ๆ ที่บางทีก็ไม่ค่อยพอใจพ่อแม่อาจจะด้วยวัยเด็ก ยังอ่อนประสปการณ์
จากเดิมที่เคยเห็นพ่อแม่เป็นฮีโร่ เป็นสุดยอดเป็นที่สุด แต่พอโตขึ้นมาความคิดเขาอาจจะเปลี่ยนไป
การที่เขาตั้งคำถามถึงพ่อแม่ หรืออาจะเสื่อมความเลื่อมใส แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้รักพ่อแม่เสียหน่อย
พ่อแม่ เปราะบางจนถึงขนาดรับฟังความคิดของลูก ๆ ไม่ได้เลยเชียวเหรอ
แล้วพี่ ๆ คนโตกว่าจะไม่ช่วยปรับความเข้าใจน้อง ๆ หรือว่าจะไล่น้องออกจากบ้านเสียให้ได้
ทางเลือกในการที่จะอยู่ด้วยกันในครอบครัวมันไม่ได้มีแค่ ไม่ A ก็ต้อง B หรือ C เสมอไป
ยิ่งขับไล่ ยิ่งลงโทษ ไม่ได้ทำให้เกิดความรักความเลื่อมใสศรัทธาหรอกนะครับ
ก็คงเหมือนที่คนไม่ชอบทักไม่ชอบธร แต่โดนไล่ไปเป็นสลิ่มแหละครับไม่ต่างกัน อคติมันทำให้คนที่เห็นตรงข้ามเราเป็นศัตรูไปหมด ส่วนผมไม่อะไรทั้งนั้นครับออกตัวก่อน :)
มันมีคนที่ไม่เอาเพื่อไทย ไม่เอาธนาธร ไม่เอาลุง ไม่เอาปชป มั้ยครับ
แล้วคนพวกนี้เค้าถูกเรียกว่าอะไรอ่ะ
ไทยเฉยมั๊งครับ แต่ผมเรียกว่าดัดจริตนะ เพราะผมอยู่ในกลุ่มคนที่คุณว่ามาเกือบจะเป๊ะๆเลย
555 แสดงว่าผมก็ไทยเฉยสิ ไม่ได้ไปใช้สิทธิ์ เพราะไม่รู้จะเลือกใคร
รอฮีโร่มาช่วยประเทศอยู่ แต่ไม่รู้จะมาในช่วงชีวิตนี้มั้ย
ถ้าคุณเล่นทวิตไม่สนใจ จะโดนไล่ เป้นพวก ignorant นะครับ โดนว่า ต่างนาๆ ทวิตเฉยๆ ยังโดนลากมาเกี่ยวได้
ไม่ได้แคร์ครับ ไม่ได้ไม่รู้หรือไม่ได้ไม่สนใจ เพราะตามการเมืองมาตลอด บางทีอาจจะมากกว่าหลายคนที่ชอบด่าคนอื่นว่า ignorant ด้วยซ้ำ
ดูแม้กระทั่งช่องตามทีวีดาวเทียมเสื้อเหลือง เสื้อแดง เสื้อฟ้า ดูมาหมดแล้ว จนตัดสินใจได้ว่า ผมยังไม่พร้อมจะเลือกใคร
ไม่ได้ไปใช้สิทธิก็ไม่ได้แปลว่าเฉยหรอกครับ หลายๆคนก็เลือกไม่ออกเสียง คือสุดท้ายคนเรามันมีจุดยืนกันหมดแหละว่าตัวเองอยากให้ชีวิตความเป็นอยู่เป็นอย่างไร
แล้วก็เลิกรอฮีโร่ได้แล้วครับ มันไม่ใช่ในนิยาย มันไม่มีหรอกคนที่ดีพร้อมทุกอย่างแล้วหวังจะมาเปลี่ยนแปลงให้คนทั้งประเทศกินดีอยู่ดี สิ่งที่คุณควรจะคาดหวังคือระบบการปกครองที่มันเอื้อต่อการพัฒนาที่สุด ไอ้ฮีโร่มากอบกู้อะไรนี่มันมุก propaganda ใช้มาตั้งกี่ยุคกี่สมัยมาแล้วล่ะครับ
+1 ไม่มีใครเป็นฮีโร่ได้หรอก ผู้นำที่ดีต้องด่าได้ และพร้อมแก้ไข ถ้าใครบอกว่าตัวดีเองดีทุกอย่าง ไม่เคยผิดเลย ทำอะไรก็ถูกไปหมด ก็คิดเอาเองละกันเนอะ ว่าเค้าพูดจริงหรือเปล่า
ก็ถึงบอกไงครับ ว่าไม่รู้จะเจอฮีโร่แบบนั้นมั้ยชาตินี้ เพราะจริงๆคือไม่ได้หวัง
มันไม่มีทางเจอหรอกครับ มันไม่ควรจะมีอยู่ในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยด้วยซ้ำ
นั่นสิ ผมเลือกพรรคเล็กๆพรรคนึง ไม่ได้เก้าอี้เลยซักตัว ผมจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มไหนหว่า
อยากรู้ว่าอยู่กลุ่มไหนลองไปโพสความเห็นต่างจากพวกปลดแอกดูซิ
ตะกี๊ลองไปส่องในเฟสของ blognone โพสต์เดียวกันนี้แหละเรื่อง เยาวชนปลดแอก
มีผู้ใช้งานคนนึงเค้าแค่แซวว่า 10 ล้านแล้วทำไมนครปฐมยังแพ้ มีแฟนๆฟากปลดแอกถึงกับต้องใช้คำว่ามึง แล้วไปด่าเรื่องหน้าตาเค้าว่าลาว
เห็นแบบนี้ก็เซ็ง
เห็นคอมเม้นท์นี้เหมือนกันครับ คือแบบด่ากราดแบบนี้ก็ไม่ไหว
ตัวชงใน jp นั่นแหละครับตัวดี เที่ยวด่าเรียงตัวยัน เอกHRK
ไม่อยากจะเชื่อว่าบางคนที่อ่านเว็บข่าวเกี่ยวกับเทคโนโลยี จะไม่ค่อยติดตามข่าวสารขนาดนี้ IO เป็นของกองทัพ เขาจะมานั่งปั่นแทกของเด็กทำไม 10ล้านทวิตก็ไม่ได้แปลว่าจะต้องมีคนเห็นด้วย 10 ล้านคน แค่แสดงให้เห็นว่ามีคนพูดถึง สนใจ ประเด็นนี้มากถึง 10 ล้านทวิตนะ
คนคิดว่าเป็นทีม IO คนละฝั่งครับ
IO ไม่ได้จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับกองทัพเท่านั้น
อ่า ก็ใช่ครับ เพราะ เป็นของหน่วยงานรัฐ
IO มาจากรัฐจัดตั้งเท่านั้นครับ มีอยู่มีกินด้วยภาษีคนไทย ..นอกนั้นเรียกกองเชียร์อาสาสมัคร
io ผมว่าใครทำก็ได้นะครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นหน่วนงานรัฐ หลักการน่าจะคล้ายๆ marketting
ที่ถูกต้องที่คนพยายามสื่อความกันคือ Information Warfare ครับ คือปั๊มข้อมูลมาสู้กัน ส่วน Information Operation เป็นปฏิบัติการที่ถูกใช้กับฝั่งกองทัพมาก่อน
แต่ถ้าขั้วการเมืองอื่นๆ ที่ไม่ใช่ทหาร และไม่ใช่หน่วยงานรัฐบาลทำ Information Warfare ด้วย เราจะเรียกปฏิบัติการด้านข้อมูลข่าวสารนั้นว่าอะไรครับ?
ก็เรียกว่า IO หรือ Information Operation อ่ะแหละ
ยกตัวอย่าง สมมติว่า แท็กเยาวชนปลดแอกนี้มาจากการปั๊มข้อมูลจนขึ้นที่หนึ่ง มันก็เป็นการปฏิบัติการด้านข่าวสารอย่างนึง ซึ่งไม่ได้มาจากฝั่งทหารแน่นอนอยู่แล้ว ฝั่งที่ทำปฏิบัติการนี้ก็เรียกรวมๆ ว่า IO เหมือนกัน
แม้ว่า IO จริงๆ จะมีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะกว่านี้ก็เถอะ
ขอบคุณครับ อ่อ แสดงว่าใครๆก็สามารถ ทำปฏิบัติการข่าวสารได้ ไม่ใช่รัฐบาลอย่างเดียว เหมือนที่เขาพูดกันในทวิตเตอร์
มันก็ทำกันมาในระดับนึงอ่ะครับ แต่อาจไม่ได้มีโครงสร้างการทำที่ดี ส่วนใหญ่ฝั่งประชาธิปไตยก็ทำกันแบบแยกกันทำ ไม่มีระเบียบแบบแผนอะไรมาก
แล้วจะออกไปในทางเสนอความจริง หรือเสนอข้อมูลอีกฝั่ง มากกว่าที่จะเป็นปฏิบัติการดึงมวลชน
อารมณ์เหมือนรวมกลุ่มกันเพื่อเผยแพร่ข้อมูลประมาณนี้ไหมครับ
ไม่เหมือนรวมกลุ่มกันนะครับ ต่างคนต่างมีแนวทาง เป้าหมายใหญ่เหมือนกัน แต่เป้าหมายย่อยและวิธีการไม่เหมือนกัน
อย่างเพจมิตรสหายท่านหนึ่ง (หรือคนหนึ่ง, ผมจำไม่ได้), วิวาทะ, ไข้แมว, ปวิณ, สมเจียม, ดร.สินชัย, อั้มเนโกะ ฯลฯ จะเห็นว่าแนวทางต่างกันสิ้นเชิง และแทบไม่ยุ่งเกี่ยวกัน มันก็เป็น IO ในแบบตัวเอง
แต่ของ ... มันไม่เหมือนกัน มันลึกล้ำกว่านั้น มันมีขั้นตอน มีโครงสร้าง มีงบประมาณ มีแผน มีฝ่ายนโยบาย มีฝ่าย ฯลฯ
โถ……… ทำไมอ่อนไหวจังเลยครับ คิดไม่เหมือนกันต้องเป็น IO กองทัพหมดเลยหงออออออ สงสัยโดน echo chamber หลอกซะแล้วววว
อ่า แล้วผมบอกว่าคนไม่เห็นด้วยเป็น io ตรงไหนหรอครับ เพราะผมบอกแค่ว่า io เป็นของกองทัพ คนที่อ่อนไหวน่าจะเป็นคุณนะ พิมอะไรก็ต้องลากยาว
IO - ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นฝั่งไหนนี่ครับ
ถ้าฝั่งการนักการเมืองทำ ก็เรียก IO เหมือนกัน
และทำมาก่อนฝ่ายทหารด้วย
พอโดนจับได้เลยต้องเร่งพยายามบิดให้คิดว่า ทหารฝ่ายเดียวที่ทำ IO
ส่วนฝ่ายนักการเมืองเสียงใสๆบริสุทธิ์ ไร้ IO
เห็นต่างก็เป็น io กับ สลิ่ม เห็นเหมือนกัน ได้เป็นผู้ปลดเอกประเทศ
เพราะจักรวาล หมุนรอบคนรุ่นใหม่ครับ จอน ว ญ ยังโดนยัดสลิ่มได้เลยตอนทวิตเรื่อง พรบ คู่ชีวิต
จ.ว.ญ. เป็น สลิ่ม แม่เจ้าา
เผด็จการ ไม่สามารถเลือกตั้งให้คนอื่นเป็นผู้นำได้นอกจากประยุทธ์
ประชาธิปไตย สามารถเลือกประยุทธ์ อภิสิทธิ์ ธนาธร ทักษิณ ได้ตามที่ประชาชนต้องการ
ผมถามคนรักประยุทธ์ รักเผด็จการ คุณมองไม่เห็นความอยุติธรรมนี้เลยหรอครับ
ที่เลือกตั้ง ที่ผาน ไม่ได้เรียกว่า ประชาธิปไตร เหรอ
ไม่ครับ
เพระา อะไร องค์ ประกอบ ไม่ครบเหรอ
จะว่ายังไงดีล่ะ
ในเบื้องต้นกติกาการเลือกตั้งไม่เป็นไปตามหลักการลงคะแนนเสียงที่เท่าเทียมครับ จริงอยู่ที่ว่าการลงคะแนนของประชาชนแต่ละคนมีน้ำหนักเท่ากัน แต่ว่ากติกาที่ถูกออกแบบมามีทั้งกระบวนการที่แปลงการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง (ระบบสัดส่วนผสม) ไม่สะท้อนความคิดเห็นของประชาชน รวมถึงการบังคับให้การเลือกนายกรัฐมนตรีต้องอาศัยการลงคะแนนเสียงของ สว. (ที่มาจากการแต่งตั้ง) ด้วย ทำให้คะแนนเสียงในการเลือกนายกรัฐมนตรีในสภาน้ำหนัก 1 ใน 3 (250 เสียงจาก 750 เสียง) มาจากความเห็นของคนๆ เดียวมาแต่ต้น ดังนั้น น้ำหนักคะแนนในการเลือกผู้นำประเทศจึงไม่สมดุลและไม่เป็นการใช้สิทธิ์ที่เท่าเทียมกันครับ
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของกรรมการการเลือกตั้งที่น่าเคลือบแคลงหลายกรณีด้วยครับ
แอบมีปัญหามากมายครับ เป็นข่าวมากมายอยู่นะครับช่วงนั้น ลองดูเม้นท์บนก็ได้
เอาแค่เรื่องส.ว.ลาก 250 เสียงก็ไม่ใช่ละครับ
เหมือนถามว่าทำไมหมาไม่ใช่เสือ
มีหัวเหมือนกันมั๊ย...มี
มีตัวเหมือนกันตัวมั๊ย...มี
มีหางเหมือนกันมั๊ย...มี
องค์ประกอบก็ครบ...ทำไมยังเป็นหมา
1 บัตรเขย่ง
2 ส.ว. คัดเลือกโดย คสช.
3 บัตรที่มาจาก ตปท ไม่นำมานับ
4 กกต ไม่เป็นกลาง นี่ อดีต กกต เอาหลักฐาน โกงเลือกตั้งล่าสุดมาแฉ ยังเพิกเฉย
เอาแค่สว.250เสียงก็น่าเกลียดแล้วครับ ยังไม่ต้องนับประเด็นอื่น
เลือกตั้งที่ผ่านมา เป็นการฟอกขาวให้เผด็จการทหารที่ใช้อาวุธยึดอำนาจมาจากรัฐบาลประชาชน ให้ดูดีว่ามาจากประชาชน
*ฟอกขาว เพื่อหลอกคนไทยและคนต่างประเทศ(คนที่เชื่อก็คือพวกที่ได้รับผลประโยชน์)
*ขนาดโกงทุกเม็ด ประยุทธ์ยังแพ้สุดารัตน์เลย แต่ได้เป็นนายกฯเพราะเสียงสว.ที่พวกตัวเองคัดเลือกมาเพื่อมาเลือกตัวเอง
*โกงยังไง พิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินมา5ล้านใบ แล้วใช้บัตรพวกนี้แบ่งไปแต่ละเขตที่คำนวณไว้ว่ากี่ใบถึงจะชนะ พอนับคะแนนจึงมีบัตรเกินจำนวนคนมาใช้สิทธ์5ล้านคนพอดี(เกือบเป๊ะ) เป็นที่มาของคำว่า บัตรเขย่ง ของกกต.ไทยๆ ประชาชนเริ่มสงสัยทำไมบัตรเกิน หลังจากนั้นกกต.เก็บตัวเงียบอีกเดือน ไม่ยอมประกาศผลการเลือกตั้ง(คงกำลังคิดหาทางออกงามๆ)
และแล้วก็ประกาผลว่า ให้เอาคะแนน5ล้านใบไปแจกทุกพรรค โดยเฉพาะพรรคเล็กพรรคน้อยให้ได้ตำแหน่งสส.ได้สส.ฝ่ายเผด็จการเพิ่มไปอีก 555555 โคตรเก่ง ยอมใจเลย คาดไม่ถึงจริงๆ555
*หลายคนสงสัย ทำไมคิดต่างไม่ได้?
*เผด็จการ กับประชาธิปไตย ไม่ใช่การคิดต่างกัน แต่มันเป็นการเอาเปรียบ เหยียบปาก(ห้ามพูด) ข้าถูกหมด เอ็งผิดหมด
*ถ้าคิดต่างกันคือการคิด รัก ชอบ ตัดสิน เลือก ต่างกัน บนกติกาเดียวกัน แฟร์ต่อกัน เช่น เอ็งเลือกปชป. ข้าเลือกพท. เขาเลือก อคม. ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ถกกันได้
ความคิดที่เห็นแตกต่างมันมีเป็นเรื่องปกติ การเลือกพรรคเล็กๆพรรคนึงก็ไม่ได้แปลว่าจะเป็นสลิ่มหรือไม่สลิ่ม
มันขึ้นอยู่กับเหตุผล หลักการคิดของคนที่เลือก หลายๆคนในนี้น่าจะต้องย้อนมองกลับไปที่พื้นฐานความคิดของตัวเองก่อน แล้วคนที่บอกคนอื่นว่าโดน echo chamber รึป่าวนะ บางทีอาจจะต้องตรวจสอบตัวเองก่อนนะครับ
ความแตกต่าง ของการชุมนุม คือ กลุ่มคนที่ชุมนุม ไม่ใช่เหลือง ไม่ใช่แดง เหมือนเมื่อ 10 ปีก่อน เป็นเรื่องของเด็กรุ่นใหม่ ที่กำลังจะมีสิทธิ์เลือกตั้ง ผม .. แก่แล้ว ยอมรับ แล้วที่ผ่านมา เราควรยอมรับได้แล้วว่า เราไม่ควรเอาความคิดของเรา ไปยัดหัวคนอื่น เช่น ถ้าไม่เหลืองเหมือนผม คุณคือแดง คุณมันเลว ต้องเอาให้ตายไปเลย ยัดหัวไปแบบนี้ ไม่ควรจะมีแล้ว ตอนนี้ทำได้แค่ทำงาน มีเงินผ่อนรถผ่อนบ้าน อนาคตของประเทศ คงต้องฝากเยาว์ชนรุ่นใหม่เขาจัดการกัน
แต่คนรุ่นใหม่ ถ้าคิดไม่เหมือนพวกเค้า เค้าจะยัดให้เป็น สลิ่ม ทันทีนะครับ ผมว่า รุ่นใหม่ ก็ไม่ต่างกับรุ่นเก่าตรงไหนเลย
ไม่เห็นด้วย ก็จะเป็นพวก ignorant หรือ สลิ่ม นะครับ คุณต้องเห็นด้วย และ ตามพวก เค้าไปด้วย
เราก็ไม่ได้จำเป็นต้องตามนี้ครับ วิธีคิดแบบเสรีมีตั้งหลายรูปแบบมีได้หลายแง่มุม แต่ถ้าความคิดมันต่างกันตรงข้ามกันเกินไปจะโดนโยนไปฝั่งตรงข้ามก็แปลก
อันนี้อยากรู้ครับ ว่าไม่เห็นด้วยตรงไหน ปัจจุบันคุณมองเป็นแบบไหนดีอย่างไรคุณถึงชอบ แล้วสิ่งที่พวกเค้าเรียกร้องจะทำให้เป็นแบบไหนไม่ดีอย่างไรคุณถึงไม่ชอบไม่เห็นด้วย
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ตอนที่ทาง คนรุ่นใหม่ กดดันให้ดาราหลายๆคน เช่น คัตโต๊ะ หรือนักแคสเกมส์ เช่น Heart Rocker ออกมาติดแฮชแท็ก #save วันเฉลิม ผมไม่เห็นด้วยที่ไปตราหน้าคนที่ไม่ออกมาแสดงจุดยืนทางการเมืองที่ไม่เหมือนกับพวกเขาว่า สลิ่มหรืออิคนอแรน การทำแบบนี้ ใช่ประชาธิปไตยจริงๆหรือ? ผมมองว่าเหมือนการล่าแม่มดมากกว่า จากนั้นผมก็โดนกลายเป็นสลิ่มทันที
ผมก็โดนมาเหมือนกัน แค่สงสัยที่ HRK โดนถล่มเพราะไม่ติดแท็กเฉย ๆ โดนโยนเข้าดงสลิ่มซะงั้น 555
แต่ที่รับไม่ได้มากที่สุดคือมายุ่งเรื่องส่วนตัวของผมนี่แหละ ลากเข้ามาได้ไงก็ไม่รู้ จำได้ว่าตอนนั้นโกรธมาก
ใช่แล้วครับ มันไม่ใช่เรื่องของคนรุ่นเราแล้ว ไม่มีเหลืองแดง นปก สลิ่ม อะไรนั่นแล้วครับ เลิกเล่นได้แล้ว ปล่อยเด็กๆ เค้าทำเถอะ
คนรุ่นเราในที่นี้คือ คนที่เล่น internet รุ่นแรกขึ้นไป ไม่ใช่อยู่ในยุค YouTube, Twitch แล้ว
เพราะงั้น ต่อให้คุณไป I/O Facebook, Twitter, Web-boards, TV หรือ วิทยุ ไม่มีผลแล้วครับ
แต่ในทางกลับกัน ถ้าเวลาผ่านไป อีก 10-20 ปี แล้ว
รายชื่อดังต่อไปนี้ ลงเลือกตั้ง อิสระ มีสิทธิ์ได้เป็น ส.ส. สูงมาก
พี่บาร์ส (พี่แว่น พาเจ๊ง อดีต GM Ragnarok รุ่นแรก) เป็นนายกไปเลย
Voูoู กับ KirosZ มาเป็น โฆษกรัฐบาล
พวกนี้เป็น ส.ส.
เอก HRK ประธานสภา (ถ้ายอมถอดหน้ากากนะ หรือจะถ่ายรูปทั้งแบบนั้น ?)
SkizzTv
ปลิ้ม (VRZO) หัวหน้าฝ่ายค้าน
จอร์จ ปรีโรจน์ หัวหน้าฝ่ายรัฐบาล
อิสระ ฮาตะ วิป รัฐ
ไม่รุ้จักชื่อพวกนี้ แสดงว่า ตกยุคแล้วนะครับ เดินสยามพนักงานขายแถวนั้นเรียกคุณลุงแล้ว นั่งจิบน้ำขิงรัวๆ
แปลว่ากรณีนี้คุณเลือกที่จะมองที่เปลือก(ที่สร้างโดยกลุ่มคนไม่กี่คน) แทนที่จะมองแก่นของมันหรือเปล่าครับ
เรื่องโดนตราหน้าทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรหรือทำแล้วแต่ก็ยังโดนนี่ผมเห็นด้วยครับ และคงไม่มีคนที่ sane คนไหนมองว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องดี อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่แก่นหรือสิ่งที่กลุ่มนศษออกมาเรียกร้องต้องการ และผมยังก็ติดตรงคำที่ว่าจุดยืนทางการเมืองที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งมันก็กลับไปยังคำถามแรกของผมครับคือ
จุดยืนทางการเมืองที่ว่าต่างกันนั้นต่างกันอย่างไร ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มนักศึกษาตรงไหน(ในแก่นของมัน ไม่ใช่การกระทำของคนบางกลุ่ม) ปัจจุบันเป็นแบบไหนดีอย่างไรคุณถึงชอบ แล้วแก่นที่พวกเค้าเรียกร้องจะทำให้เป็นแบบไหนไม่ดีอย่างไรครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
เค้าไม่ได้เลือกมองที่เปลือกครับ ผมเข้าใจว่าเค้ารู้ว่าแก่นคืออะไร เค้าแค่บ่นเรื่องการแสดงออกของกลุ่มคนกลุ่มนึง(ซึ่งเสียงดังซะด้วย)ที่มีต่อการแสดงออกของเค้า คำว่า"คิดไม่เหมือนพวกเค้า"ที่เค้าพิมพ์ก็หมายถึงเรื่องนี้เท่านั้นเองครับ
ดังนั้นคำถามใน paragraph ที่ 3 ไม่จำเป็นนะครับ เพราะเค้าไม่ได้พูดถึงแก่นตั้งแต่แรก แค่ในส่วน paragraph ที่ 2 ที่บอกว่าเห็นด้วยก็จบใจความแล้ว
จำตอนม็อบนกหวีดไปบุกช่องสามแล้วบังคับสรยุทธ์ให้เป่านกหวีดได้ไหม
การสนับสนุนเผด็จการ คือการทำลายประชาธิไตย กลุ่มคนเหล่านี้จะยอมรับไม่ได้ ก็ไม่แปลกครับ
จะมาอ้างว่าเป็นประชาธิไตย ทำไมยอมรับความเห็นต่างไม่ได้ แต่เอมันต่างจนตัวเองโดนทำลายแบบนี้ ให้ยอมรับ ก็อ้างแปลกๆ ไปนา
เม้นท์นี้เขาแค่บอกว่าเห็นต่างกับคนรุ่นใหม่ แต่ไม่ได้แปลว่าเขาสนับสนุนเผด็จการสักหน่อย
เข้าใจครับ และก็ไม่ปฏิเสธว่ามีเคสแบบนี้จริงๆ ที่เห็นๆ ตอนนี้ก็เริ่มใช้คำว่า สลิ่มพร่ำเพื่อมากขึ้น อาจจะเพราะคำว่าสลิ่ม ณ ตอนนี้คือคำที่ค่อนข้างแย่ มองว่าบุคคลคนนึงด้อยค่าในความคิด และสนับสนุนเปด็จการ เห็นชอบกับการทำร้าย อุ้ม บุคคลคิดต่างของรัฐบาล บลาๆๆๆๆ
บางคนพอเจออะไรที่ไม่ถูกใจ ก็บ้วยซะง่ายๆ เพื่อบีบให้คิดแบบเดียวกัน ง่ายดี จบ เหมือนเด็กที่อยากได้อะไร แต่ไม่ได้ ก็ร้องไห้ซะ จบ เดี๋ยวก็ได้ ง่ายดี
แต่สุดท้ายนี้ ผมก็ไม่เคยไปว่าใครเป็นสลิ่มง่ายๆ เพราะการเมืองผมไม่เเน่นพอ
ผมเบื่อตรรกะแบบนี้มากครับ คุณต้องเถียงให้ได้ครับว่าที่โดนเด็กมันตราหน้าว่าเป็น เป็นสลิ่ม เป็น ignorant นั้นเพราะตัวเองไปเห็นต่าในประเด็นไหน ไม่มีใคร เด็กสมัยนี้ยอมรับความเห็นต่างมากกว่าคนรุ่นเก่าเยอะครับ แต่อยู่ที่ว่าประเด็นนั้นมันกดทับสิทธิเสรีภาพ ต้องย้อนถามตัวเองครับว่าไปพูดยังไงให้โดนเด็กมันถอนงอกเอา
The Dream hacker..
แต่ผมเห็นด้วยนะ มันจะมีคนกลุ่มนึงในทั้งสองฝั่งที่คอยจจำแนกกลุ่มให้คนอื่นตลอด
เช่น ถ้าผมไม่เห็นด้วยกับธนาธรผมก็เป็นสลิ่ม ถ้าผมไม่เห็นด้วยกับลุงตู่ ผมก็เป็นควายแดง หรือไม่ก็ส้มหวาน
คุณไม่มีอำนาจจะไปควบคุมใครได้ครับ ไม่ว่าคุณจะวางตัวดียังไงก็มีคนที่พร้อมจะถล่มคุณโดยไม่ต้องใช้เหตุผลใดๆ อยู่ตลอดเวลาอ่ะนะ ต่อให้คุณคุมตัวเองได้ แต่คนอื่นคุมตัวเค้าเองไม่ได้ เค้าก็ด่าคุณ ถอนหงอกคุณอยู่ดี
ผมจึงไม่เห็นด้วยที่จะโยนความผิดให้คนโดนถอนหงอกทั้งๆ ที่ไม่รู้บริบทครับ
คิดไม่เหมือน ไม่ผิด
รักประยุทธ์ ผิด
รักเผด็จการ ผิด
คุณรู้ตัวมั้ยครับว่าคุณกำลังใช้คนกลุ่มนึงมาเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ทั้งหมด และคุณก็ใช้อีกกลุ่มนึงมาเป็นตัวแทนของคนรุ่นเก่าทั้งหมด
คนที่ออกมาชุมนุมได้ ส่วนนึงก็ต้องมองว่าความคิดตัวเองถูกอยู่แล้ว ทีนี้พอเจอคนที่คิดไม่เหมือนก็ขึ้นกับวุฒิภาวะ, ระบบความคิดของคนนั้นว่าจะทำยังไงกับคนที่คิดไม่เหมือนตัวเอง จะเหวี่ยงใส่, คุยด้วยเหตุผล, ผลักไปอีกฝ่าย, ลองเอาเหตุผลของอีกฝ่ายมาพิจารณา
ที่ผ่านมา ผมว่าน้อยนะที่จะมาคุยด้วยเหตุผลหรือลองเอาเหตุผลของอีกฝ่ายมาพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นไหน เพราะเหมือนว่าทำไปเหมือนคนเชื่ออะไรแล้วยึดมั่นในสิ่งที่เชื่อ
ความคิดบางอย่างเป็นแค่เรื่องการโยนภาระให้รัฐบาลหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ก็เชื่อและคิดไปว่าเป็นสิ่งที่รัฐบาลควรต้องทำ พอมีคนมาบอกว่าเราต้องพยายามแก้ปัญหานั้นเอง ก็มองว่าไม่พยายามทำสังคมให้มันดีขึ้น
มันยากจริงๆ ครับ ใช้เวลา เพราะข่าวสารที่เขารับมา มันฝังราก ฝังใจ ตย เลยน แม่ผมนี่แหละเชียร์ลุง ดูเนชัน ผมใช้เวลามากกว่า 6 เดือนได้ ค่อยๆ ให้เปิดใจดูช่องอื่น รับข่าวจากหลา่ยๆ ที่ สอนให้ใช้เฟชบุ๊กไปด้วย กับไลน์ จะโทรก็โทรแต่เฟช ให้เห็นอะไร รอบๆ ด้านบ้าง (แต่ไม่ให้เข้า รอยัลลิสนะ แกนะจะรับไม่ไหว แกรักมาทั้งชีวิต)
ต้องค่อยๆ รับข่าวจากหลายๆ ที่ และเป็นข่าวที่มาจากการใช้เหตุผลด้วย ไม่ใช่มาจากความอคติไม่งั้นก็จะปิดรับเพราะมองว่าตั้งป้อมจะว่ากันอยู่แล้ว
ลูกผมยังไม่เล่น twitter แต่อยู่บ้านนั่งดู YouTube เหมือนคล้ายๆโดนล้างสมอง
เค้าด่าว่าอะไรก็เอียงตามเค้าไปหมด คล้ายๆช่องดาวเทียมเมื่อก่อน
แต่ผมก็ปล่อยให้ดู แล้วค่อยมาแลกเปลี่ยนความรู้กันจะได้หาข้อเท็จจริงพร้อมกับเรียนรู้ไปในตัว
ขอให้กำลังใจคนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยนะครับ แต่ผมขอรอเลือกตั้งครั้งหน้าดีกว่า ดูสถานการณ์ สัก 2ปีครึ่ง ผมเห็นตอนนี้หลายๆ ประเทศเศรษฐกิจก็แย่กันหมด ถ้าเราไปทำแบบนี้เหมือนว่า จะทำให้แย่กันไปใหญ่ ผู้ใหญ่จะมองว่าเราความอดทนต่ำ มันก็เป็น loop เดิมไม่จบไม่สิ้นสักที ถ้ากลัวว่าจะเลือกตั้งแล้วโกงเราก็พยายามหาหลักฐานที่เด่นชัดให้คนอื่นๆได้เห็นและก็เยาวชนในขณะนั้นมีสิทธิ์เลือกตั้งพอดี อยากทราบถึงความเห็นคนไอที ด้วยครับ
ส่วนตัวเลยคำว่าโกงนานและ ตั้งแต่เห็นสภาพ ของ รบ. นี้
ตอนนี้เป็นห่วงเรื่อง ความคิดความอ่านของ รัฐบาล รวมถึง รมต.
การตัดสินใจแต่ละอย่างต้องให้โดนด่าก่อนถึงคิดได้ บางทีก็คิดไม่ได้
การนิ่งนอน เพิกเฉยอีก
บางทีตำแหน่งมันก็จัดสรร ตามข้อตกลง
แต่ปัจจุบันมันเกินไป สมัยคสช ยังจัดสรรบุคคลมาทำงานได้ดีกว่าอีก
ผมเห็นด้วยกับการจัดสรรบุคลากรครับ นายกอาจจะตามใจนักการเมืองมากเกิน ท่านไปอยู่ในดงพวกนักการเมืองก็พลอยโดนว่าไปด้วย น่าสงสารแกเหมือนกันครับ
ตรรกะแบบนี้คือ...นายกคนดี
ที่เลวทุกวันนี้เพราะคนรอบข้าง?
ถ้าคนดีจริง ต้องไม่ยอมให้คนรอบข้างทำเลวครับ
เลือกตั้งครั้งหน้าด้วยกฎแบบเดิม ผมว่าน่าจะได้ผลเหมือนเดิมครับ เพราะสว.มีวาระ 5 ปีซึ่งกินยาวไปถึงเลือกตั้งครั้งหน้าด้วย
That is the way things are.
เลือกตั้งที่ผ่านมา...ยังชัดไม่พอ?
ที่เค้าเรียกร้องคือแก้ไขกติกาให้เป็นธรรม
ซึ่งทำได้เลยไม่ต้องรอ
ผมสนับสนุนและแจ้งเหตุผลที่ไม่ควรรอเลือกตั้งครั้งหน้าครับ
1.สว. มีอายุ 5 ปี เลือกตั้งครั้งหน้าก็ยังมี 250 เสียงชุดเดิมอยู่ ทำให้มีความกติกาไม่มีความเที่ยงธรรม
2. หลังจาก 5 ปี มีการจัดคณะกรรมการสรรหา สว. ใหม่ ซึ่งจะเสนอโดย กกต.
3. กกต ปปช และ ตุลาการศาล มาจากการแต่งตั้งของ คสช ซึ่งทำให้เป็นเครื่องมือมากกว่าเป็นผู้รักษาระเบียบ
***ถ้ายุบ สว. 250 เสียงและถอดถอนองค์กรอิสระทุกคนที่เคยได้รับผลประโยชน์จาก คสช. และแต่งตั้งใหม่โดยเป็นผู้ที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ จึงจะสามารถรอการเลือกตั้งใหม่ครั้งหน้าได้ครับ
ขออย่างเดียวเปลี่ยนแปลงหรือไม่เปลี่ยนแปลงก็ขออย่าให้มีการเสียเลือดเสียเนื้อกันอีกเลย
ข่าวนี้ แสดงให้เห็นว่า คน IT ยังมีพวกอยู่ในกะลา หูตามืดบอดอยู่อีกเยอะทีเดียว
ทั้งๆที่น่าจะมีพัฒนาการทางความคิด และเข้าถึงข่าวสารที่มีคุณภาพมากกว่าลุงๆป้าๆ ที่ดูแต่ทีวีและข่าวไลน์
ก็ไม่รู้ว่าพวกนี้ จะมีโอกาสพัฒนา หัดคิด หัดสงสัย เป็นไหม หรือจะหลงเชื่อสิ่งที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่ยังเล็กโดยไม่คิดต่อไป
ผมว่าก็พุดเกินไปนะครับ ผมว่าทุกคนก็อยู่ในกะลาทั้งนั้นเเหละครับ ไม่มีใครดีไปกว่าใคร อยู่ที่จะเลือกกะลาใบไหน
ปัญหาทุกวันนี้คือต่างคนต่างมีความชอบไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่ผมอยากจะสื่อแล้วขอให้มันเกิดคือไม่อยากให้มีการเสียเลือดเสียเนื้อกันอีกเลย เพราะหลายๆเหตุการในประวัติศาสตร์มักจะมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอยู่เสมอ
รับความเห็นต่างไม่ได้เหรอครับ?
ผมเห็นเค้าก็คุยกันด้วยเหตุและผลในความคิดเห็นของแต่ละคน นี่มาถึงฟาดงวงฟาดงา ด่าคนอื่นเค้าไม่รู้จักคิด ไม่สงสัยเฉย
พูดแบบนี้จุดประสงค์คือต้องการให้เกลียดฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยรึเปล่า เหมือนมาดิสเครติดมากกว่า
ปัญหาของคนเข้าใจในระบบประชาธิปไตยตอนนี้คือ รับความเห็นต่างไม่ได้ ใครไม่เห็นด้วยคือผิด อยากได้ประชาธิปไตยจนกลายเป็นเผด็จการสะเอง
แอบแปลกใจเหมือนกันนะครับ ที่ดูจะมีหลายคนค่อนข้างไม่โอเคกับ #เยาวชนปลดแอก พอสมควรเลย อยากรู้เลยว่าทำไม ดูหลายๆคนก็ไม่น่าใช้อวตารเหมือนในทวิตด้วย
ถ้าอย่างคนบางคนที่อ้างว่า
แต่ไม่เคยเห็นด่านี่ เค้าก็แค่รักในเผด็จการครับ ไม่มีเหตุผลอื่น
อ้อเจ้าของคำพูดมาแก้ต่างให้ตัวเองได้นะครับ ผมไม่ว่าอะไร xD
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ผมก็ค่อนข้างแปลกใจพอสมควร เข้าใจว่าคน IT จะได้เปรียบเรื่องข้อมูลและการวิเคราะห์
ที่ว่าคน IT ได้เปรียบเรื่องข้อมูลและวิเคราะห์
นิยามคน IT คืออะไรครับ
แล้วมันเกี่ยวกับความสามารถในการวิเคราะห์มากน้อยแค่ไหนครับ
คนวงการอื่น เช่น คนที่เรียนฟิสิกส์ เป็นต้น มี critical thinking สู้สายไอทีไม่ได้เลยเหรอครับ
ขออนุญาตินำมาแปะ นิยามเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้อง
"เทคโนโลยี หมายถึง สิ่งที่มนุษย์พัฒนาขึ้น เพื่อช่วยในการทำงานหรือแก้ปัญหาต่าง ๆ เช่น อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักรวัสดุ หรือ แม้กระทั่งสิ่งที่จับต้องไม่ได้
สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูล ข้อเท็จจริง ข่าวสาร ความรู้ ที่ได้มีการบันทึก และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ เผยแพร่ทั้งส่วนบุคคลและสังคม
องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
5.ข้อมูล ข้อเท็จจริง หรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับบุคคล วัตถุหรือสถานที่ ข้อมูลมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะใช้เป็นเครื่องช่วยในการวางแผนงานการบริหารจัดการ ดังนั้นข้อมูลจะต้องมีความถูกต้อง มีความเที่ยงตรง สามารถเชื่อถือได้ มีความเป็นปัจจุบัน สามารถตรวจสอบได้ และมีความสมบูรณ์ชัดเจน "
ผมจึงคิดว่าการนำข้อมูลมาแยกแยะนำข้อเท็จจริงเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อคือการรวบรวมข้อมุลและวิเคราะห์ จึงบอกว่าคน IT จะได้เปรียบ แต่ไม่ได้บอกว่าดีที่สุดครับ ขอบคุณครับ
Ref https://www.mindphp.com/คู่มือ/73-คืออะไร/4123-what-is-it.html
ผมไม่ได้สนใจว่า "IT" คืออะไรครับ
แต่แค่สงสัยว่า "คน IT" มีนิยามว่าอะไร
คนที่เรียนจบ Computer Science/Computer Engineering/Electronic Engineering หรือหมายถึงคนทั่วไปที่สนใจข่าวสารเกี่ยวกับเทคโนโลยี
เข้าใจผิดไปสักหน่อยครับ
- การที่เราจะได้เปรียบเรื่องข้อมูลและการวิเคราะห์ นั้นคือเราต้องได้รับข้อมูลข่าวสารปริมาณมากจากหลายๆ แหล่งมาวิเคราะห์ ฉะนั้นไม่จำต้องเป็นคน IT
- ส่วนคนทำงาน IT สาขาเกี่ยวกับข้อมูลจริงๆ หลายคนก็วิเคราะห์ไม่เป็นครับ และคนที่ทำงานทางด้านนี้ น่าจะมีไม่ถึง 80K คนในประเทศ ฉะนั้นคนพวกนี้ไม่ได้จะเจอกันง่ายๆ เพียงแต่เวลาเจอที่ก็เจอพร้อมๆ กันครับ เพราะชอบไปรวมที่เดียวกัน
การดีเบตความเหมาะสมในการประท้วงครั้งนี้จะสนุกขึ้นมาก
ถ้าเราไม่อยู่ในรัฐบาลที่ใช้รัฐธรรมนูญโกง
คนที่เขียนรัฐธรรมนูญต่อยอดชีวิตตัวเองด้วยสว.ลากตั้ง
ตามจับคนให้ความรู้เรื่องโหวตโน
ใช้ถ้อยคำกำกวมในการอ้างเรื่องสว. (สภาร่วม)
คือมันเป็นรัฐบาลกึ่งเผด็จการชัด ๆ อยู่แล้ว ไม่มีอะไรจะมาดีเบตกัน แล้วการประท้วงมันแปลกตรงไหน
ใครบอกว่ารัฐบาลนี้ legitimate ควรลงเลือกตั้งสู้กัน ไปสู้กับเขาที่โกงระบบรอไว้เป็นสิบปี ขอให้คุณภูมิใจในชื่อสลิ่มเถอะ จะอายทำไม
เอาจริงๆ แค่เรื่อง สว.นี่ก็ Conflict of interest เต็มๆ ไม่ต้องมาเถียงเรื่องอื่นกันแล้วครับ ใครว่าชอบธรรมนี่ก็ได้แต่เวทนาจริงๆ
ที่สำคัญ สว. มีอายุ 5ปี เท่ากับเลือกตั้งครั้งหน้า สว. ก็ยังมีอำนาจในการเลือกนายกอีก
เห็นด้วยครับ
ต่อให้เขาเป็นรัฐบาลประชาติปไตยจริงๆ หรือรัฐธรรมนูญมีไม่มีปัญหา
เขาก็ไม่สมควรเป็นรัฐบาลอยู่ดีครับ ด้วยพฤติกรรมขาดนิติรัฐอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าเป็นประชาธิปไตยจริงๆ พรรคพวกประยุทธ์มันไม่สามารถชนะเลือกตั้งมาได้อยู่แล้ว ถึงโคตรโกงเข้ามาได้ก็อยู่ไม่ได้
ลองอ่านไป ร้อยคอมเม้นท์เริ่มรู้สึกแปลกๆ
ประชาธิปไตย ของคนรุ่นใหม่
กำลังกลายเป็นพวกมากลากไป Bully คนไม่ร่วมด้วย(โดยอ้างประชาธิปไตย)ไปแล้วสินะ
อันไหนคือบูลลี่เหรอครับ?
การที่คนเรายังไม่เลือกฝั่งกลับหาว่าเป็นพวก ignore เพิกเฉยปัญหา หรือไปว่าแดกเรียกเป็นพวกดัดจริต
การใช้คำเหยียด ยัดเยียดฝั่งให้เป็น อย่างเช่น สลิ่ม ioทหาร
นี่ยังไม่นับการไปเรียกพวกจากโซเชี่ยลอื่นมาช่วยรุมอีกนะ
อารมณ์คล้ายๆพวก #BLM ที่เคยบ่นในทู้ที่ผ่านมา
ในสถานการณ์มีผู้กดขี่และผู้ถูกกดขี่ ไม่เลือกฝั่งไม่มีจริงครับ
ที่โดนเรียกแบบนั้นคือเป็นคำจำกัดความที่ถูกต้องแล้ว
จริงๆคำว่าบูลลี่กับเหยียดถูกใช้จนเกร่อ เอามาฉาบคำว่าโดนด่าเท่านั้นเอง ผมเองก็กำลังต้องการบทความที่สังคายนาศัพท์นี้อยู่ เพราะแม้แต่ฝ่ายซ้ายเองก็ใช้คำนี้ได้ตลกพอสมควร
ผมแนะนำครับถ้าคุณอยากรู้ว่าเป็นยังไงให้ไปคอมเม้นเห็นต่างในกลุ่มที่ชุมนุมดูครับเห็นผล100%
+1 5555
หัวรุนแรงมันมีทั้งสองฝั่งครับ ผมคงไม่หวังจะได้รับการยอมรับความเห็นต่างในเพจเชียร์ลุงเหมือนกัน ซึ่งก็ไม่ได้บอกว่าคนในเพจเชียร์ลุงผิดนะครับ เค้าก็มีเหตุผลที่จะคิดแบบนั้น
การจะไปบอกว่านี่ไง ฝ่ายแก(คนรุ่นใหม่) มีพวกหัวรุนแรงอยู่ ฉะนั้นแก(ที่คิดแบบเดียวกับคนรุ่นใหม่)ก็เป็นแบบเดียวกันหมด นี่ก็ไม่จบอะครับ
บางทีก็ต้องมองว่าฝั่งที่เขาอยู่นั้นเขาสู้เพื่ออะไร แล้วคุณโอเคกับสิ่งที่เขาสู้หรือเปล่า ก็แค่นั้นครับ
ผมนี้เลิกเข้าทวิต ช่วงนี้ไปเลย มีแต่อะไรไม่รุ้
ไม่ใช่บูลลี่ แต่รังเกียจและขยะแขยงเผด็จการและผู้สนับสนุนครับ เพราะเผด็จการคือผู้ทำลายล้างชาติประชาชน ผู้ทำลายล้างกฏกติกามารยาท ความเท่าเทียม ความยุติธรรมทั้งหลายทั้งปวง
รบกวนยกตัวอย่างประโยคที่บอกว่าเป็นความเห็นต่างที่ผู้ชุมนุมรับไม่ได้ให้หน่อยได้มั้ยครับ
จริงๆสิทธิการคุ้มครองการเห็นต่างหรือหลักสิทธิมนุษยชน มันคือซับเซ็ตหนึ่งของประชาธิปไตย ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมา
ดังนั้น สิทธิคุ้มครองนี้ มันไม่คุ้มครองแนวคิดที่ละเมิดหรือขัดขวางการเป็นประชาธิปไตยตั้งแต่แรกครับ เพราะคุณใช้สาขาย่อยมาคุ้มครองสิ่งจะทำลายสาขาหลักไม่ได้ (ชอบเผด็จการเป็นสิทธิจึงฟังดู bruh)
ดังนั้น ความเห็นต่างที่ว่า คืออะไร ที่พวกคุณคิดว่าผู้ชุมนุมรีแอคไม่ถูกต้อง อยากทราบชัดๆ
เพราะคำว่าเห็นต่างมีหลายเลเวล พูดแค่ว่าเห็นต่างไม่ได้ๆๆ อยากรู้ว่าที่ไปลองเห็นต่างมานั้น รูปประโยคจริงๆคืออะไร
ไม่เอาความเห็นเกรียนเฟซบุ๊คมาอ้างอิงนะครับ เพราะผมคุยกับคนที่ชุมนุมจริง เขาก็มีแก่นเขาจริง
ผมขอยกมาจากคำตอบด้านบนก็แล้วกัน
ผู้ชุมนุมเห็นว่าพวก celeb ต้องออกมาร่วมประท้วงโดยใช้
social network ของตัวเอง แต่ celeb บางคนเห็นต่างและไม่ทำ
อย่างนี้พวกผู้ชุมนุมมีสิทธิ์ ไปตำหนิ ด่าทอรวมกันไปกด dislike หรือถึงขั้น
ไปทำร้ายร่างกายเขาหรือไม่
คนที่ไม่เอาเผด็จการแต่ไม่เห็นด้วยกับการปิดถนน
สร้างความเดือดร้อนให้ภาคธุรกิจและประชาชนก็มี
เขาไม่ออกมาประท้วงด้วยก็ถูกป้ายสีว่ารักเผด็จการซะอย่างนั้น
เห็นพูดถึงแก่นของกระประท้วงครั้งนี้
รบกวนอธิบายหน่อยได้ไหมครับว่าแก่นของการประท้วง
"ที่แท้จริง" ครั้งนี้คืออะไร
การตำหนิ หรือดิสไลค์เป็นเรื่องปกติในทุกๆสังคมครับ แต่การขู่ทำร้างร่างกายเป็นเรื่องที่ผิดและไม่สมควร ถ้ามีก็เป็นโทษตามกฎหมาย การชุมนุมมีข้อเรียกร้องสามข้อ ไม่ได้มีข้อไหนบอกให้ดาราเซเลปออกมานี้ครับ ถ้ามีช่วงนึงในการชุมนุมพูดแบบนี้ก็บอกได้นะครับ หรือที่บอกว่าคนไม่ออกไปรักเผด็จการนะ แล้วแก่นมันก็ชัดอยู่แล้วที่ว่าให้แก้รัฐธรรมนูญ หรือถ้าคุณเห็นชอบในรัฐธรรมนูญชุดนี้ก็สุดแล้วแต่ครับ
ความเห็นของคุณเองก็ยังพยายามผลักผมเป็นฝ่ายตรงข้ามให้ได้
ผมยังไม่ได้พูดถึงรัฐธรรมนูณเลยว่าผมเห็นด้วยหรือไม่คุณก็พยายามป้ายสีผมซะแล้ว
คนจะเห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญหนือไม่มันก็เป็นความคิดเห็นของคนนั้น ๆ
ไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญแล้วคิดว่าจะออกมาประท้วงก็ทำได้
หรือไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญแล้วไม่ออกมาประท้วงเป็นความคิดเห็นต่างก็ทำได้เหมือนกัน
คนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญก็สามารถเห็นต่างในทางปฏิบัติได้
ไม่ออกมาใช้ social network ตัวเองมาเคลื่อนไหวมันก็เป็นสิทธิของเขา
ถ้าคุณบอกว่าการถูกถล่ม dislike ถูกถล่ม comment ของ celeb
ที่ไม่โพสสนับสนุนการประท้วงเป็นเรื่องปกติ ถ้าอย่างนั้น การที่
celeb ที่โพสสนับสนุน ถูกถล่ม dislike กับถูกถล่ม comment
มันก็จะเป็นเรื่องปกติด้วย ผมไม่เห็นด้วยตรงนี้ แทนที่จะเป็น
การต่อสู้ทางความคิดมันกลายเป็นยกพวกตีกันมากกว่า
ก็เพราะว่าการชุมนุมมันมีแก่นอยู่ที่ รัฐธรรมนูญ นะครับ แต่ผมยังไม่เห็นคุณจะโฟกัสที่จุดนี้เลย คุณสนใจแต่ว่า ถ้าไม่ออกมาจะถือว่าเป็นการสนับสนุนฝ่ายไหนไหม ดาราโดนถล่มจะเป็นเรื่องปกติไหม คุณไม่เห็นด้วยกับการที่ดาราจะโดนถล่มผมก็ไม่เห็นด้วยครับ แต่ผมคงไม่มองเพียงเฉพาะเรื่องย่อยๆแค่นี้ เราควรจะโฟกัสที่แก่นมันมากกว่า
ผมไม่ปฏิเสธว่าคนหมู่มากจะพูดรู้เรื่องหมดนะ เข้าใจและรู้ดีว่าทุกสังคมมีคนเพี้ยน
แต่ใจความของแต่ละม็อบควรพินิจจากองค์ความคิดหรือทัศนคติแกนนำว่าคิดอย่างไร เช่น กปปส ดูจากสุเทพ เทือกสุบรรณ ว่าพูดว่าอะไร เป็นต้นครับ
ปล. เวลาบอกว่าเห็นต่างแล้วโดนบูลลี่โดนเหยียดนี่ ถามไอเดียเบื้องหลังนิดนึงครับ จะได้เข้าใจตรงกัน เห็นต่างที่ว่าคือ ผู้ชุมนุมต้องการเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ แล้วเห็นต่างว่าสิ่งนี้ไม่ควรเปลี่ยนแปลง หรือต่างแบบไหนครับ เพราะอย่างที่บอก มันมีหลายเลเวล
ในข้อ 2 ปัญหาคือคุณไปยัดเยียดว่าคนไม่ออกมาประท้วง
คือคนที่อำนวยความสะดวกให้กับสิ่งที่คุณเกลียด
ก็จะเป็นการตอบ ปล.ของคุณด้วยว่า
บางคนเห็นด้วยเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ
แต่ก็เห็นต่างเรื่องวิธีการที่จะให้ได้มาในเป้าหมายที่ต้องการ
อย่างผู้ชุมนุมเห็นว่าการประท้วงคือทางที่ถูกต้องก็ประท้วงไป
celeb ที่อยากใช้ social network เป็นเครื่องมือก็โพสไป
ส่วน celeb หรือคนอื่นที่ยังอยากทำมาหากินตามปกติก็ทำได้
ถ้าคุณอยากให้ประท้วงก็ไปโน้มน้าวด้วยเหตุผล
การไปป้ายสีว่าคนที่ไม่ทำเหมือนคุณทุกอย่างให้เป็นฝ่านตรงข้าม
มันเป็นการเริ่มต้นของการยกระดับความขัดแย้งให้มากขึ้น
ปล. คุณ ok ไหมกับคนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญแต่ไม่ออกมาเคลื่อนไหว?
let it happen is let it happen
ความจริงมันขมแต่ก็ต้องกลืนครับ ปล่อยให้เกิดก็คือปล่อยให้เกิด เราต่างปล่อยให้เกิด ผมเองยังกล้ารับ
รับผิดชอบว่าเรามอบประเทศแบบไหนให้ลูกหลานเรา
ถ้าคุณจะคิดว่าฉันไม่เกี่ยว ฉันไม่รู้ บอกว่านี่คือการยัดเยียด มันก็สิทธิ์ของคุณได้
และผมจะมองว่าคนเหล่านี้เป็นคนแบบไหนก็ได้ ผมมองของผมคนเดียวหนิ
แค่บอกว่ามีส่วน ไม่ได้บอกว่าผิด เผื่อคุณจะสบายใจขึ้น ไม่ใช่เรื่อง guilty ผมบอกแล้ว
ผมไปป้ายสีตอนไหนว่าใครเป็นฝ่ายตรงข้าม และผมไม่เคยและไม่ได้ละเมิดใครอยู่แล้ว
และเผื่อคุณไม่เข้าใจ คิดว่าผมไปป้ายสีใครรักเผด็จการ ประโยคนั้นคือจะบอกว่า แม้แต่ worst case ยังไม่มีกฏหมายเอาผิดเลย จึงไม่มีใครทำอะไรได้หรอก (ประมาณว่า มีคนร่ำร้องว่าถูกด่าว่าไม่ปิดน้ำแม้เห็นกับตา ผมก็บอกว่า ไม่ต้องรู้สึกผิดหรือหวาดกลัวอะไรหรอก ต่อให้ตั้งใจเปิดจนน้ำเต็มห้องก็ไม่ผิดกฏหมาย)
ตอบ ปล. ok ไม่เคลื่อนก็ไม่ต้องเคลื่อน
"2 อำนวยความสะดวกให้เกิดสิ่งใด ก็ยืดอกรับที่เกิดสิ่งนั้นไปครับ มั่นใจว่าตนถูกก็ไม่ต้อง guilty ก็ได้ ทำอย่างไรก็มีคนนินทาอยู่แล้ว ข้อหารักเผด็จการไม่มีกฏหมายเอาผิดหรอก"
ผมตีความว่าคุณบอกว่าคนที่ไม่ต่อต้านหรือออกมาประท้วงเป็นคนที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มคนที่คุณไม่ชอบไปโดยปริยาย คือถ้าไม่ออกมาร่วมประท้วงก็คือศัตรู นั่นคือการป้ายสีที่ผมกล่าวถึงคุณคุยกับผม
ผมก็เลยคิดว่าเป็นการป้ายสีผมเป็นฝ่านอำนวยความสะดวก
ความเห็นต่อมา
"let it happen is let it happen
ความจริงมันขมแต่ก็ต้องกลืนครับ ปล่อยให้เกิดก็คือปล่อยให้เกิด เราต่างปล่อยให้เกิด ผมเองยังกล้ารับ
รับผิดชอบว่าเรามอบประเทศแบบไหนให้ลูกหลานเรา"
ผมตีความว่าคุณคิดว่าการที่คุณไม่ต่อต้านตั้งแต่ทีแรกเป็นเรื่องที่ผิด
และตอนนี้คุณคิดได้และคุณยอมรับผิดและมาแก้ไขในตอนนี้คือออกมาเคลื่อนไหว
ผมไม่มีปัญหาอะไรกับความคิดนี้ แต่ประโยคที่ว่า "let it happen is let it happen
ความจริงมันขมแต่ก็ต้องกลืนครับ ปล่อยให้เกิดก็คือปล่อยให้เกิด เราต่างปล่อยให้เกิด ผมเองยังกล้ารับ" เหมือนคุณก็ยังกล่าวหาคนที่ไม่ออกมาเคลื่อนไหวว่าไม่กล้ารับความผิดพลาดของตัวเอง แค่ไม่พูดออกมาตรง ๆเท่านั้นเอง
และนี่คือความแตกต่างทางความคิดที่คุณถามตั้งแต่แรก
คนที่ไม่ชอบรัฐธรรมนูญนี้ซึ่งเหมือนกับพวกคุณแต่มีความเห็นแตกต่าง
ในเรื่องวิธีการปฏิบัติซึ่งต่างจากพวกคุณแต่ถูกกดดันให้ออกมาประท้วง
เหมือนพวกตัวเองเท่านั้นเพื่อแสดงว่าไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ ไม่อย่างนั้น
ก็จะเป็นพวกสนับสนุนรัฐธรรมนูญไปโดยปริยาย
ถ้าผมจะตีความไม่ตรงกับที่คุณต่องการจะสื่อก็ขออภัยด้วย
ปล.วันนี้หมดโควตาน่าจะหมดแล้ว
มันยากนักหรือกับแนวคิดตนเองก็มีส่วนร่วม หรือเกลียดกลัวการถูกผมมองว่าผิดขนาดนั้น งั้นผมบอกอีกทีให้สบายใจว่าที่คุณยกมา ไม่มีความผิด 100% มีสิทธิในการคิดและทำเต็มที่ พูดกับตัวเองซ้ำๆว่าฉันไม่เกี่ยวๆๆแบบนั้นก็ได้ หรือต่อให้ผมกล่าวหาใครว่าอำนวยความสะดวกแล้วไง ต่อให้ผมชี้หน้าว่าไม่กล้ายอมรับแล้วไง มันก็ได้แค่นั้น ผมมีเหตุผลที่คิดแบบนี้ เขามีเหตุผลที่ปฏิเสธ และถ้ามีใครตรากฏหมายเป็นความผิดผมจะเป็นคนแรกที่คัดค้าน
อย่าไปจมกับความผิดถูกจน offended ว่ามีใครว่าชั้นผิดรึเปล่า เพราะผมไม่ได้ใช้ แค่บอกว่าทุกอย่างมีปัจจัย ไม่ได้เกิดมาโดดๆ
Dictators ไม่ได้ผุดมาพรวดเดียวอำนาจล้นฟ้าเลย
แต่คือการล่อเลี้ยงจากสิ่งแวดล้อมจนเติบใหญ่ เมล็ดพันธุ์นี้เติบโตไม่ได้ถ้าไม่ใช่ดินแบบนี้ อุณหภูมิแบบนี้ ความชื้นแบบนี้
เราต่างเป็นอุณหภูมิ เป็นความชื้น หรือเป็นไส้เดือนที่ผ่านมาพรวนดินโดยไม่รู้ตัว
ถ้ามันเกิดที่ฟินแลนด์มันจะรอดมั้ย ถ้ามันเกิดที่แคนาดาจะขึ้นเป็นต้นอ่อนได้รึเปล่า
วิธีคิด วิธีมองโลก วัฒนธรรมที่นี่คือปุ๋ยชั้นดีที่อำนวยความสะดวกแก่มันชัดๆ ก็แค่นั้นเอง
ปล.ผมไม่ได้กล่าวหาคุณแต่แรกด้วยซ้ำเพราะวิธีเขียนคุณเหมือนยกตัวอย่างถึงความคิดบุคคลที่ 3 หรือไม่ก็ถามความคิดผมเอง ผมจะกล่าวหาคุณได้ยังไงเพราะผมไม่รู้ว่าอันไหนคือความคิดคุณ
คุณถามมาก่อน
"ดังนั้น ความเห็นต่างที่ว่า คืออะไร ที่พวกคุณคิดว่าผู้ชุมนุมรีแอคไม่ถูกต้อง อยากทราบชัดๆ
เพราะคำว่าเห็นต่างมีหลายเลเวล พูดแค่ว่าเห็นต่างไม่ได้ๆๆ อยากรู้ว่าที่ไปลองเห็นต่างมานั้น รูปประโยคจริงๆคืออะไร
"
ผมตอบความเห็นแรกว่า
"คนที่ไม่เอาเผด็จการแต่ไม่เห็นด้วยกับการปิดถนน
สร้างความเดือดร้อนให้ภาคธุรกิจและประชาชนก็มี
เขาไม่ออกมาประท้วงด้วยก็ถูกป้ายสีว่ารักเผด็จการซะอย่างนั้น"
แล้วคุณเข้ามาตอบว่า
"อำนวยความสะดวกให้เกิดสิ่งใด ก็ยืดอกรับที่เกิดสิ่งนั้นไปครับ มั่นใจว่าตนถูกก็ไม่ต้อง guilty ก็ได้ ทำอย่างไรก็มีคนนินทาอยู่แล้ว ข้อหารักเผด็จการไม่มีกฏหมายเอาผิดหรอก"
ทำให้ผมแปลความหมายว่า คุณคิดว่าคนที่ไม่ออกมาประท้วงคือคนที่อำนวยความสะดวกให้กับฝ่ายสนับสนุน
รัฐธรรมนูญตรงนี้ทำให้ผมคิดว่าคุณผลักคนที่ไม่ได้เห็นด้วยกับคุณ 100% คือไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญต้องออกมา
ประท้วงถ้าไม่ออกมาประท้วงก็คือเป็นพวกสนับสนุนรัฐธรรมนูญไปโดยปริยาย ตรงนี้ผมเข้าใจถูกหรือไม่
ถ้าผิดผมก็ขอโทษและคงไม่มีประเด็นอะไรอีกต่อไป
ผมไม่ได้กลัวว่าคุณจะเกลียดผมหรือไม่ ตอนนี้เราแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอยู่
ซึ่งผมเองสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เป็นสิ่งที่ดีเราคุยกันได้
สิ่งที่ผมไม่เห็นด้วยคือการแยกคนอื่นให้เป็นคนชั่ว คนเลว ซึ่งมันจะ่ทำให้เกิด
action ที่ไม่พึงประสงค์ตามมา อย่างเช่น การไปตราหน้าว่าคนที่ไม่ออกมาประท้วง
หรือ celeb ที่ไม่แสดงตัวทาง social network ของตัวเองออกมาว่าสนับสนุนการประท้วง
เป็นพวกสนับสนุนเผด็จการ เราต้องไปไปถล่ม dislike, comment หรือไป DDoSสตรีมเขาให้ล่ม
ผมเห็นหลายคนพยายามบอกว่าเป็นการแสดงต่อสู้ความคิดเห็นเบบหนึ่งแต่ผมคิดว่าเมื่อวัตถุประสงค์ของการกระทำนััน
คือทำให้คนอื่นเดือดร้อนแล้ว มันไม่ใช่การแสดงเสรีภาพทางความคิดเห็นอีกต่อไป
ถ้าผมเห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลง เห็นด้วยกับการชุมนุม ให้ทุนสนับสนุน แต่ไม่ได้ออกไปชุมนุมและไม่ติด tag บน social ผมผิดมั้ยครับ?
เอ้า สมมติดาราซักคนทำแบบที่ว่ามาเลย แต่ไม่ออกหน้า (เพราะมันอาจกระทบอะไรก็ว่าไป) เค้าผิดมั้ยครับ?
คือถ้าฝั่งประชาธิปไตยยังมีแนวคิดชุดเดียว แบบเดียว เห็นต่างไม่ได้ สมมติจบการต่อสู้นี้แล้วฝ่ายประชาธิปไตยชนะ ผมจะได้สังคมประชาธิปไตยจริงๆเหรอ?
การยัดเยียดฝั่งไม่ใช่แก่นของการชุมนุม ไม่ใช่อุดมการณ์ มันคือพฤติกรรมของปัจเจกที่บางครั้งทำไปด้วยอารมณ์ บางครั้งก็ทำไปด้วยความไม่รู้ หรือบางครั้งก็เป็นพวกที่มีพื้นฐานนิสัยแบบนั้นจริง ๆ เป็นเรื่องรองที่ไม่ควรนำมาเป็นสาระ
ผมอธิบายเรื่องการยัดเยียดฝั่งสั้น ๆ แต่เพียงเท่านี้ ต่อจากนี้ขออธิบายเรื่องการเห็นต่างบนระบอบประชาธิปไตย
ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจก่อนนะครับ การไม่เห็นด้วย ตำหนิ ด่า เหน็บแนม คนที่คิดไม่เหมือนตัวเองในระบอบประชาธิปไตย นี่มันคือการอนุญาตให้มีความแตกต่างทางความคิดแล้วครับ เขาไม่เห็นด้วยกับคุณก็ต่อว่าคุณ คุณมีเหตุผลอะไรก็ชี้แจงกลับไป ถ้าเขาหมิ่นประมาทล้ำเส้นก็แจ้งความดำเนินคดีไป จะไปคาดหวังให้ทุกคนเข้าใจความคิดเห็นของคนอื่น รับฟังอย่างอ่อนน้อม มันเป็นไปไม่ได้ครับ แบบนั้นมันคือสังคมยูโทเปียไม่ใช่ประชาธิปไตย
คนในสังคมมีทั้งแบบที่แข็งกระด้างเกรี้ยวกราด ทั้งลื่นไหลอ่อนน้อม วิธีการแสดงออกก็ย่อมต่างกันเป็นธรรมดา
ในทางกลับกัน ถ้าเป็นสังคมเผด็จการ คุณจะแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างไม่ได้นะครับ ยกตัวอย่างเช่น ไม่อนุญาตให้มีม็อบ ไม่อนุญาตให้วิจารณ์ ใครฝ่าฝืนโดนจับกุม โดนยัดเยียดข้อหา หรือแม้กระทั่งโดนอุ้ม อะไรทำนองนี้ครับ มันจะไม่ได้จบแค่ที่การเถียงกันแล้วต่างฝ่ายต่างหาเหตุผลมาสู้ ไม่มีโอกาสที่จะได้เถียงกันแต่แรก
มันก็เหมือนคนเราในสังคม บางกลุ่มเถียงกันแบบนุ่มนวล บางกลุ่มเถียงกันโวยวายหยาบคาย แต่อย่างน้อยคือยังได้เถียงกันครับ ส่วนเผด็จการคือใครเถียงจับเข้าห้องไปห้ามพูด
ส่วนเรื่องถัดมาคือเนื้อหาที่ระบอบประชาธิปไตยอนุญาตให้เราเถียงกันได้ ส่วนมากประชาธิปไตยก็ให้เราเห็นต่างกันได้เกือบทุกเรื่องล่ะครับ ยกเว้นเรื่องที่มันไปริดรอนสิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน ความเสมอภาค ของคนอื่นในสังคม เพราะมันคือการละเมิดแก่นของความเป็นประชาธิปไตยครับ ซึ่งระบอบเผด็จการโดยตัวมันเองละเมิดเรื่องพวกนี้ครับ ดังนั้นการสนับสนุนเผด็จการจึงไม่ถูกจัดเป็นความเห็นต่างที่ชอบธรรมในระบอบประชาธิปไตย มันเป็นเรื่องที่ผ่านการกลั่นกรองทางหลักการมาแล้วว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
การพยายามอ้างสิทธิ์ในการเห็นต่าง เพื่อสนับสนุนหัวข้อที่บอกว่า "ไม่อนุญาตให้คนอื่นมาเห็นต่าง" มันจึงเป็นเรื่องที่ลักลั่นย้อนแย้งอย่างมากครับ
That is the way things are.
สิ่งที่คุณว่าไม่น่าใช่แก่นของประชาธิปไตยครับ
แก่นของประชาธิปไตยคือระบอบการปกครองที่รับใช้สิทธิ เสรีภาพ และภราดรภาพของปัจเจก ด้วยความเชื่อว่าสามสิ่งนี้คือสมบัติล้ำค่าที่มนุษย์ทุกคนต้องมี พูดง่ายๆคือระบอบต้องยอมรับสิทธิ เสรีภาพ และภราดรภาพเสมอ
ทีนี้ถ้าสมมติมีบางคน(เอาจริงๆก็ไม่สมมตินะ) "เลือก" ที่จะยอมแพ้ในความเป็นปัจเจก ยอมมอบเสรีภาพและภราดรภาพให้เผด็จการ ถามว่าเค้ามีสิทธิรึเปล่า?
ถ้าคุณยึดถือประชาธิปไตยที่แก่น ก็ต้องบอกว่าเค้ามีสิทธิครับ เพราะนั่นคือสมบัติของเค้า คุณไม่มีสิทธิ์จะไปริดรอนสิทธิของคนกลุ่มนี้ด้วยการบอกว่าไม่มีสิทธิที่จะทำ
แต่ที่เรากำลังต่อสู้กันคือ"ระบอบเผด็จการ"ซึ่งจะมาริดรอนสิทธิของผู้ที่ไม่ได้มอบสิทธิให้ นั่นคือการต่อสู้โดยชอบธรรมที่จะปกป้องสิทธิของตัวเอง
ต่อให้คน 90% ในประเทศจะยินยอมให้เผด็จการ คุณก็ไม่จำเป็นต้องยินยอมไปด้วย เพราะนั่นคือสิทธิ์ของคุณที่เชื่อในประชาธิปไตยและจะไม่ยอมให้ใครมาริดรอนความเป็นมนุษย์ของตัวเอง
เราจำเป็นต้องสู้กับ"ระบอบ"เผด็จการ เพราะเผด็จการมาริดรอนสิทธิ เสรีภาพ ภาดรภาพของเรา แต่เราไม่จำเป็นต้องสู้กับปัจเจกที่ใช้สิทธิของตนในการละทิ้งสิทธิ์ในชีวิตตัวเอง เพราะแม้เขาจะไม่ยึดถือในสิทธิ์นั้น แต่เราต้องยึดถือครับ
ดังนั้น การละเลยสิทธิของผู้อื่น ด้วยข้ออ้างว่าผู้อื่นไม่สนใจสิทธิของตัวเองต่างหากที่ลักลั่นย้อนแย้ง เพราะคุณกำลังทิ้งความเชื่อของตัวเองด้วยเหตุผลว่าคนอื่นไม่เชื่อในเรื่องนั้น
แล้วสังคมประชาธิปไตยที่ตั้งต้นด้วยความไม่เชื่อในแก่นของมัน จะได้สังคมประชาธิปไตยจริงๆเหรอครับ หรือต่อให้เป็นสังคมพวกลากมากไปก็เรียกประชาธิปไตย?
ปล. แต่เชื่อว่ามีเรื่องนึงที่เราเห็นตรงกัน คือจะประชาธิปไตยแบบไหนก็ดีกว่ารัฐบาลนี้ละ(วะ)
ทุกคนมีสิทธิ์ชอบ "แนวคิด" เผด็จการครับ แต่ไม่สามารถสนับสนุนเผด็จการในระบอบการปกครองประชาธิปไตยได้
คุณต้องมองว่า "เผด็จการ" มันเป็นการปกครองระดับ "ประเทศ" ที่มีผลกับทุกคนครับ มันไม่มีระบอบการปกครองที่แบ่งตามความชอบของคนในระดับบุคคล ดังนั้นการสนับสนุนเผด็จการจึงเทียบเท่ากับการริดรอนสิทธิ์ของคนอื่นทางอ้อมครับ
ในโลกสมมติ ถ้าเราสามารถเลือกได้ว่า บ้านนี้เป็นเผด็จการบ้านเดียว อีกบ้านไม่ต้องเป็น ทุกอย่างอาศัยความยินยอมพร้อมใจ ไม่ละเมิดกัน แบบนี้ผมว่ามันก็ไม่ผิดครับ คนที่อยากเลือกที่จะถูกปกครองก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่ว่าในความเป็นจริงมันทำไม่ได้ครับ เพราะหลาย ๆ อย่างในประเทศก็ใช้ร่วมกัน เช่น สกุลเงิน ถนน สาธารณูปโภค ภาษี อากาศที่หายใจ เส้นทางการบิน น่านน้ำ resource ของทุกคนมันแชร์กันอยู่ในทุก ๆ องค์ประกอบ จะมาใช้ resource ร่วมกันโดย 2 ระบอบมันไม่ได้
ทางเดียวที่เป็นไปได้คือทำแบบเกาหลีครับ แยกกันเป็นเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ แยก resource ขอบเขตกันชัดเจน ซึ่งถ้าแยกกันแบบนี้ผมไม่มีปัญหาใด ๆ เลยครับ เลือกได้ตามความสมัครใจเลย
ผมยังยืนยันครับว่าเราต้องสู้กับชุดความคิดที่สนับสนุนเผด็จการในระดับปัจเจก หากเรายังอยู่ร่วมกันในฐานะคนประเทศเดียวกันอยู่ เพราะเมื่อระบอบเผด็จการขึ้นมามีอำนาจ ผลกระทบมันเกิดขึ้นกับทุกคนทุกฝ่าย และก็คงไปละเมิดฝ่ายที่ไม่ได้สนับสนุนด้วยแน่นอน
อย่างไรก็ตามคุณจะคิดเห็นต่าง ไม่เห็นด้วยกับผม ก็ไม่เป็นไรนะครับ ผมไม่คิดจะเปลี่ยนความคิดใครด้วยการต่อว่าบังคับอยู่แล้ว ที่ผมต้องการคือค่อย ๆ ถกเถียงนำเสนอมุมมองจนสามารถชักจูงอีกฝ่ายมาเห็นด้วยกับผมเท่านั้นเอง ซึ่งสุดท้ายต่อให้มีคนอ่าน 10 คนแล้วเปลี่ยนใจ 1 คน ผมก็ถือว่าผมประสบความสำเร็จแล้ว
That is the way things are.
ผมไม่เชื่อเรื่องการชี้ว่าวิธีคืดของปัจเจกผิดครับ ตราบใดทีสิ่งนั้นยังไม่ใช่ความผิด
และผมไม่ได้เชื่อว่าระบอบประชาธิปไตยถูก 100% พอๆกับไม่เชื่อว่าเผด็จการผิด 100% อยู่ที่บริบทและสภาพแวดล้อม (แต่ผมเชื่อว่าเผด็จการมีโอกาสเลวเกิน 90% ดังนั้นมันเลยเป็นระบอบที่ห่วย และเราคงเห็นตรงกันว่ารบ.นี้ห่วย)
อย่างที่ว่าไป ประชาธิปไตยเป็นแค่ระบอบการปกครอง แก่นของแนวคิดมันคือสิทธิ เสรีภาพ และภราดรภาพ
ระบอบเผด็จการนั้นริดรอนเสรีภาพและภราดรภาพอย่างแน่นอน แต่ในบางครั้งผู้ปกครองก็ยังให้"สิทธิ"อยู่ และบางคนก็เลือกจะใช้สิทธินั้นในการยอมอยู่ในสภาพทาส
ดังนั้นการที่ใครก็ตามจะไปชี้ว่า"คุณไม่มีสิทธิ์"จึงเป็นการก้าวล่วงสิทธิในระดับพื้นฐาน ซึ่งผิดหลักการของสิทธิอย่างชัดเจนไมต่างจากเผด็จการแบบเข้มข้นเลย
คุณมองว่าการใช้สิทธิของอีกฝ่ายจะมาริดรอนสิทธิของตน ดังนั้นอีกฝ่ายจึงไม่มีสิทธิ์นั้น ในการทำแบบนั้นคุณก็ริดรอนสิทธิของอีกฝ่ายอยู่เช่นกัน
มันจึงย้อนแย้งว่าปัจเจกที่ต้องการสิทธิ กลับเชือว่าการละเมิดสิทธิเป็นเรื่องที่ทำได้ แค่เพราะสิทธิไม่อยู่ในระบอบที่ตนเลือก
การณ์จะกลายเป็นว่าคุณเชื่อในสิทธิ เสรีภาพ และภราดรภาพ เพราะประชาธิปไตยบอกว่ามันดี ไม่ใช่ว่าคุณเลือกจะเชื่อในประชาธิปไตยเพราะมันรับใช้สิทธิ เสรีภาพ และภราดรภาพ
คุณอาจมองว่าระบอบเป็นเรื่องใหญ่ แต่ผมเชื่อว่าแนวคิดของปัจเจกเป็นเรื่องใหญ่ครับ
ถ้าปัจเจกยอมบิดแนวคิดของตนเพื่อให้ได้ระบอบ สุดท้ายเราจะได้ระบอบแบบไหนมา?
มันมีหลักการอยู่ครับว่า สิทธิและเสรีภาพของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย "ต้อง" ไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่นครับ
ตัวอย่างเช่น คนๆ หนึ่งไม่สามารถมีสิทธิ์ไปทำร้ายร่างกายคนอื่นได้ ฉันใดก็ฉันนั้นคำว่า "สิทธิ์" ในระบอบประชาธปไตยก็มีข้อจำกัดอยู่เหมือนกัน ไม่ได้อนุญาตทุกอย่างครับ
นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของแก่นของประชาธิปไตยครับ
That is the way things are.
อ่านแล้วอยากเ..ือกบ้างนิดเดียวนะครับ
สำหรับผมนะ ประชาธิปไตย กับ สิทธิ เสรีภาพและภราดรภาพ ไม่ใช่เรื่องเดียวกันเลยครับ
สิทธิ เสรีภาพ ตลอดจนภราดรภาพ มันอยู่ในระดับความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน
ประชาธิปไตย มันคือการได้ออกเสียงเลือกวิธีการปกครองด้วยตัวเองเท่านั้น
แต่ผมยอมรับว่าเผด็จการส่วนใหญ่ควบคุมและจำกัด สิทธิ เสรีภาพและภราดรภาพของประชาชนเสมอ
ซึ่งการปกครองระบบประชาธิปไตย ริดรอนทั้ง 3 สิ่งนี้น้อยกว่าที่ "วัฒนธรรมของชาติ" ริดรอนเสียอีก
สำหรับผม เท่านี้จริงๆ ครับ
แล้วเห็นต่างว่าอะไรล่ะครับ ถ้ามาพูดเห็นต่างแล้วเสนอความคิดในมุมของเผด็จการมันก็ไม่ควรจะไปเถียงกับประชาธิปไตยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว สิ่งที่เค้าเรียกร้องมันชัดเจนว่าเค้าไม่เอาเผด็จการ เค้าต้องการความเป็นประชาธิปไตย ในบริบทของประชาธิปไตยมันชัดอยู่แล้วว่าเราวิพากษ์วิจารณ์อะไรได้บ้างที่มันไม่ลิดรอนสิทธิของคนอื่น แต่ในฝั่งเผด็จการคุณไม่มีสิทธิที่จะเอาความคิดเห็นต่างของตัวเองมาเสนอด้วยซ้ำ
ถ้าคุณเจอแต่สังคมที่พร่ำบอกแต่คำว่าประชาธิปไตยแต่ไม่ยอมรับฟังอะไรคุณเลย ก็ถามตัวเองเถิดว่ามองหาประชาธิปไตยผิดที่หรือเปล่า คนประเภทศึกษามาครึ่งๆกลางๆแล้วก็ตีความอะไรตามใจตัวเองมันมีเยอะมาแต่ไหนแต่ไร เราเรียนรู้กันมากี่ปีแล้วกับเรื่องแบ่งพรรคแบ่งสี เรารู้กันอยู่แล้วว่ามันไม่ได้ประโยชน์อะไร แล้วเราจะไปโฟกัสกับคนกลุ่มนี้เพื่อ?
อย่าบอกว่าพวกนี้เป็นคนส่วนใหญ่ ผมไม่เห็นว่ามันจะใกล้เคียงคำว่าส่วนใหญ่ เพียงแค่คนพวกนี้มันทำตัวเสียงดังตามสื่อโซเชียลมีเดีย ไม่ใช่คนที่ยอมเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงเพื่อขอให้ได้แสดงออกถึงจุดยืนตัวเองแบบน้องๆที่ม๊อบเมื่อวันก่อน
เราเอาน้องๆออกไปก่อนนะครับ ผมนับถือใจน้องมากที่กล้าออกมาช่วงนี้
ขอเอาฝั่งเผด็จการออกด้วย เนื่องจากเรากำลังพูดในมุมประชาธิปไตย
เห็นต่างคือเห็นต่างด้านวิธีการครับ เช่น ผมเห็นด้วยกับการชุมนุมแต่ไม่ติด tag หรือผมไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมกลางถนนเพราะมองว่าเป็นวิธีที่กระทบสิทธิของผู้อื่น แต่อยากให้มีการชุมนุมในรูปแบบอื่น หรือผมอาจไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมเลยแต่ไม่เอาเผด็จการ
ซึ่งแน่นอนว่าเราอาจไม่เห็นด้วยกันได้ (เช่น ไม่ชุมนุมก็เรียกร้องไม่ได้สิเฟ้ย) แต่ที่ผมเห็นทั้งในบริบทคนรอบตัวและสื่ออนไลน์ต่างๆจำนวนไม่น้อย คือ ถ้าไม่เห็นด้วย=สลิ่ม วิจารณ์=สลิ่ม สลิ่ม=เห็นด้วยกับเผด็จการ
ซึ่งเอาจริงๆ ที่ผมมาล่อเป้านี่ก็พอจะเห็นภาพนะครับ ผมยกตัวอย่างแล้วด้วยซ้ำว่า"ถ้าผมเห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลง เห็นด้วยกับการชุมนุม ให้ทุนสนับสนุน แต่ไม่ได้ออกไปชุมนุมและไม่ติด tag บน social ผมผิดรึเปล่า?"
ทั้งที่ตอบได้สั้นๆง่ายๆว่า ผมไม่ผิด และคนกลุ่มที่จะมาวิจารณ์ที่ไม่ทำเรื่องแบบนั้นมันกระพี้ มีน้อย ไม่ต้องไปสนใจ คนกลุ่มใหญ่ไม่ทำตัวแบบนั้นหรอก(แบบที่คุณตอบในย่อหน้าสาม) แต่คนที่มาตอบผมตอนนี้ 100% ยังจะลากผมเข้าหาเผด็จการอยู่เลย
เรื่องนี้บอกอะไรผม คุณ หรือเรา ได้บ้างมั้ยครับ?
งั้นก็อย่างที่ผมว่าไปในคอมเมนต์ล่างๆนะ ว่าคุณคุยเรื่องนี้ผิดที่หรือเปล่า ถ้าคนในที่ตรงนั้นมัน Toxic ก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเค้าแค่นั้นแหละครับ สุดท้ายถ้าคุณมีเหตุผลชัดเจนที่สามารถสนับสนุนความคิดคุณได้มันก็พอ ถ้าคุณมั่นใจว่ามีเหตุผลพร้อมคุยแต่อีกฝั่งไม่มีเหตุผล คุณก็ไม่ต้องไปคุยกับเค้าสิ
คอมเมนต์ในนี้มีลากคุณเข้าฝั่งเผด็จการด้วยเหรอ มีผมเนี่ยที่ยกตัวอย่างว่าถ้าถูกกล่าวหาแบบนั้นแล้วควรจะทำยังไง คือผมรู้สึกว่าคุณเหมารวมไปหมดเลยว่าคนที่อยากได้ประชาธิปไตย = คนที่พากันด่า HRK = คนที่ไม่ยอมรับความเห็นต่าง คือมันคนละเรื่องเลยน่ะ
คือสุดท้ายมันเอาเรื่องน้องๆออกไปไม่ได้หรอก เพราะต้นข่าวคือเรื่องน้องๆ แต่ทุกคนพากันลากไปเรื่องของพวกซ้ายตกขอบกันหมด เอาจริงๆน้องๆมันไม่ได้เป็นซ้ายที่ต่อสู้กับขวาด้วยซ้ำ มันคือคนไทยที่อยากมีอิสระภาพอ่ะ อยากแสดงออกถึงจุดยืนของตัวเองว่าไม่อยากโดนกดขี่แล้ว
ผมพูดถึงซ้ายตกขอบ เพราะเม้นย่อยกำลังพูดเรื่องซ้ายตกขอบ และเอาจริงๆ มันเยอะนะครับ หนีไปที่ไหนก็เจอ
แต่ถ้าจะพูดถึงน้องๆด้วย เอาว่าเราเข้าใจตรงกันครับ ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นซ้ายตกขอบ และผมชื่นชมน้องๆที่ออกมาในช่วงนี้
วันนี้พึ่งเห็นข่าวชุมนุมด้วยการเก็บขยะ สะท้อนความหมักหมมของรัฐบาล ชอบไอเดียแบบนี้จริงๆ
จริงๆผมเสียดายนะ การชุมนุมเรียกร้องอะไรแบบนี้ถ้ามันทำได้โดยเสรีและมีหลักการชัดเจนเราจะได้เห็นอะไรที่มันสนุกและสร้างสรรค์เยอะเลยนะ แต่ในไทยมันดันเกิดขึ้นด้วยเกมการเมือง ความเกลียดชัง ภาพลักษณ์เป็นไปด้วยความรุนแรง คือกลายเป็นตัวร้ายไปเลยอ่ะ พอใครคิดจะทำอะไรที่มันสร้างสรรค์หน่อยก็โดนเหมารวมเป็นเรื่องแย่ไปก่อนละ ส่วนตัวผมเลยชื่นชมน้องๆเพราะมาแบบคลีนๆ ดูมีไอเดียชัดเจน ดีที่ยอมสลายตัวไม่ชุมนุมยืดเยื้อไม่งั้นไม่สวยแหง
ด่าคนเห็นต่าง = เผด็จการ
ส่งคนไปขุ่มขู่ถึงหน้าบ้าน, อุ้ม, ฆ่า, จับคนเห็นต่างเข้าคุก เข้าโรงบาลบ้า = ปกติ, ปชต.
บางทีก็สงสัยว่ากองเชียร์เผด็จการเขาไปเรียนนิยามแบบนี้มาจากไหน?
มันไม่ใช่ประชาธิปไตยปกติ แต่มันคือ "ประชาธิปไตยแบบไทยไทย"
สลิ่มเยอะจังครับ
ในทวิตเตอร์ กับ tag นี้ ผมเห็น false dilemma เยอะเลยนะ อย่างเช่น
"ไม่ลุกขึ้นสู้ก็อยู่อย่างทาส"
มันคือความพยายามแบ่งว่าคนมีตัวเลือกแค่นี้ ทั้งที่มันไม่ใช่เลย อ่านแล้วอึดอัดไม่น้อย
ก็อาจจะเป็นการอุปมาอุปไมย ที่กระตุ้นให้ลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิของประชาชน
การที่ปชช. ปล่อยให้ ผู้มีอำนาจกระทำการตามอำเภอใจ แล้วก้มหน้าก้มตา ใช้ชีวิตไปวันๆก็คงเหมือนเป็นทาสล่ะมั้งครับ
ปล่อยให้คนมีคดีความ ค้ายา มาเป็นรมต. , ปล่อยให้คนเอาภาษีประเทศไปสั่งซื้อ อาวุธแพงๆ ในยามที่คนทั้งประเทศเดือดร้อน ฯลฯ
แล้วปชช อยู่เงียบๆเพราะกลัว ก็เหมือนทาสนะ
ผมเข้าใจจุดประสงค์ของสารนะ และเห็นด้วยกับการอธิบายจากคุณ
ผมแค่รู้สึกอึดอัดกับการใช้ false dilemma เท่านั้นเอง
มันมีทั้งทาสแบบ objective และแบบ subjective นะครับ
ตอนนี้ทาสแบบ objective นี่เมืองไทยไม่น่าจะมีแล้วส่วนแบบ
subjective นี่เป็นความคิดในใจของแต่ละคนไม่สามารถเอามาใช้กับทุกคนได้
บางคนบอกว่า ทำงานกินเงินเดือนเหมือนเป็นทาส บางคนแต่งงานก็เหมือนเป็นทาสเมีย
หรือเลี้ยงแมวก็เป็นทาสแมว ปัญหาคือการเอา subjective มาปนกับ objective
คือตัวเองคิดเอานิยามความเป็นทาสในความคิดตัวเองไปยัดเยียดให้คนอื่น
ทำไมโฟกัสกับกลุ่มคนที่ชอบยัดเยียดอะไรให้ตัวเองกันจังครับ เราเจอคนประเภทนี้มาตั้งแต่ยุคเสื้อเหลืองเสื้อแดง (ผมโดนด่าเป็นควายแดงมาตั้งแต่ยุคนั้น) น่าจะมีภูมิต้านทานอะไรกันบ้างนะครับ ก็รู้อยู่ว่าชุดความคิดแบบนี้มันไม่ถูก แล้วมันก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความคิดอะไรแบบนั้น
แก่นสารของเรื่องมันไม่ได้อยู่ที่เรื่องนี้เลยนะ คือมันมีเรื่องให้พูดให้คุยได้อีกเยอะ แต่ถ้าคุณมาจบแค่ปากประตูว่า "ไม่ชอบเพราะถูกยัดเยียด" มันก็คือจบแล้วอ่ะ ไม่ต้องต่อความยาวหาข้ออ้างใดๆเพราะมันไม่ได้เข้าถึงแก่นของเรื่องเลยด้วยซ้ำ สุดท้ายคุณก็ยอมให้เค้าตีตราโดยที่ไม่สนใจจะหาข้อมูลใดๆมาตอบโต้อ่ะ แล้วตอบโต้มันไม่จำเป็นจะต้องไปปะทะคารมกับใคร เอาแค่ตัวเองรู้แก่นความคิดของตัวเองก็น่าจะพอแล้ว
สมมติผมบอกว่าไอ้ที่มันเถียงๆกันอยู่นี่ มันไม่ใช่ประชาธิปไตยสู้กับประชาธิปไตย แต่มันเป็นประชาธิปไตยสู้กับเผด็จการ ซึ่งมันไม่เหลือเรื่องอะไรให้เถียงกันแล้วนอกจากคุณเป็นเผด็จการอ่ะ แบบนี้คุณก็ต้องหาข้อมูลมาเถียงสิว่าชุดความคิดที่คุณว่ามันไม่ใช่เผด็จการยังไง
ไม่รู้จะรีพลายอันไหน ยาวจัด
ผมเคยโดนผลักไปอีกฝั่งสมัยเสื้อเหลือง
ที่ทำงานเป็นพวกเสื้อเหลือง สนับสนุนการรัฐประหาร
พอเราพูดว่า ทำไมไม่ใช้ระบบรัฐสภาจัดการล่ะดีกว่าปิดสนามบินไหม
คำถามที่โดนย้อนกลับมา คือ เธอเป็นเสื้อแดงเหรอ ที่บ้านเธอเป็นคนชนชั้นไหน
การที่เรายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ถือกฎหมายเป็นหลัก กลับโดนผลักไสว่า เป็นเสื้อแดง คือ งง
เห็นด้วยเลยครับ ผมกลับมองว่า ที่เห็น rep กันหลายร้อย มีแต่เถียงกันเรื่อง การแบ่งฝ่ายทั้งที่ เนื้อหาของข่าวนี้ คือ เทรน twitter บอกว่า #เยาวชนปลดแอก มีการพูดถึง มากกถึง 10ล้านทวีต
ก็ไม่รู้ว่า ลากกันไปถึงเรื่อง เลือกฝ่ายได้ยังไง
"สมมติผมบอกว่าไอ้ที่มันเถียงๆกันอยู่นี่ มันไม่ใช่ประชาธิปไตยสู้กับประชาธิปไตย แต่มันเป็นประชาธิปไตยสู้กับเผด็จการ ซึ่งมันไม่เหลือเรื่องอะไรให้เถียงกันแล้วนอกจากคุณเป็นเผด็จการอ่ะ แบบนี้คุณก็ต้องหาข้อมูลมาเถียงสิว่าชุดความคิดที่คุณว่ามันไม่ใช่เผด็จการยังไง"
ก็นี่แหละครับทำให้ผมพยายามอธิบายเรื่องการผลักคนที่เห็นต่างให้เป็นคนชั่ว คนเลวมันส่งผลยังไง
เมื่อคุณคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย คนที่เห็นต่างเป็นฝ่ายเผด็จการไม่มีอะไรต้องถกเถียง
แล้วมันจะคุยก้นได้อย่างไร แทนที่คุณจะฟังที่เขาพูด กลับไปให้อีกคนมาพิสูจน์ว่าไม่เป็นเผด็จการยังไง
เท่าที่ผมเห็นมา วิธีการเดียวที่จะพิสูจน์ว่าไม่ใช้เผด็จการก็คือต้องทำตามที่พวกที่อ้างว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตย
บอก ห้ามถาม ห้ามสงสัย ในกรณีนี้คือต้องออกมาประท้วงหรือแทก social network ในทางเดียวกันเท่านั้น
ถ้าเห็นเป็นอย่างอื่นคุณก็เป็นฝ่ายเผด็จการ เราไม่ต้องรับฟังอะไร แล้วเราจะทำอะไรก็ได้เพราะมันเป็นเผด็จการ
สิ่งที่ควรโฟกัสคือเนื้อหาของ "เยาวชนปลดแอก" คืออะไรนะครับ
ไม่ใช่มาต่อความยาว สาวความยืดเรื่องความเห็นต่าง
ไทยตอนนี้จะกลายเป็นเผด็จการ เนื้อหาเทรนด์ในนั้นต้องการให้สังคมเข้าใจและร่วมกับเขา ถ้าคุณยัง Ignore จะกลับมาไม่ได้แล้ว นี่คือ Point ไม่ใช่หรอ
เท่าที่ผมอ่านดูกว่า 100 คอมเม้น ทำให้คิดได้ว่าเออ คนที่เล่น Blognone นี่ก็นิยมแบบเผด็จการแต่ผมก็ไม่สามารถทำอะไรได้อยู่ดี
จะเอาอะไรมากกับคนที่ร้อนตัว แล้วอยากปกป้องแนวคิดของตัวเอง
และ ข่าว การสร้างสถิติรีทวิตแท็ก #เยาวชนปลดแอก ในทวิตเตอร์ ก็กำลังจะสร้างสถิติรีพลายมากที่สุดใน Blognone (หรือเปล่า) ^ ^"
ผมคุ้นๆ ว่าจะเป็นข่าวเกี่ยว Apple สมัย jobs ยังมีชีวิตนะครับ
ผมคิดว่าข่าวตอนคุณธนาธรจะสร้าง Hyperloop ซะอีก อันนั้นก็รีพลายเยอะ
กระทู้ hot จริมๆ
บริหารโง่ ๆ มา 5-6 ปี ไม่มีไรดีขึ้น
เป่านกหวีดให้มีการปฏิรูปตำรวจ ทหาร แต่พอทหารใช้งบเปลืองก็ช่วยปกป้อง พอมีกรณีแบบทายาทกระทิง ซึ่งเป็นปัญหาที่ควรปฏิรูปชัดเจน ... ไม่เห็นมีใครเอานกหวีดมาเป่าอยากปฏิรูปอีก
ปรี๊ดๆ