หนึ่งในเหตุการณ์คลาสสิคของเกม Civilization ภาคแรก จนกลายเป็นมุขและมีมจนถึงทุกวันนี้ คือเหตุการณ์ที่ Mahatma Gandhi ผู้นำประเทศอินเดียที่ชวนผู้เล่นทำสงครามกับประเทศอื่นด้วยนิวเคลียร์ ซึ่งขัดกับภาพลักษณ์การใช้สันติวิธีของ Gandhi
ที่ผ่านมามีคนวิเคราะห์ว่าน่าจะเกิดจากบั๊กของเกม เพราะ Gandhi มีค่า aggression อยู่ที่ 1 ซึ่งต่ำสุดในเกม และเมื่ออินเดียเลือกระบอบการปกครองประชาธิปไตย ที่จะลดค่า aggression ลงให้อัตโนมัติ 2 ทำให้ตัวเลขดังกล่าวติดลบและเป็นบั๊กของระบบที่คำนวนค่าติดลบไม่ได้ ตัวเลข aggression เลยวนลูบกลับขึ้นไปเป็น 255 ซึ่งสูงที่สุดในเกม
ทว่า Sid Meier ผู้ออกแบบเกมดังกล่าวได้ออกหนังสือ Sid Meier's Memoir! : A Life in Computer Games และเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นครั้งแรกว่า Nuclear Gandhi ไม่ได้เกิดจากบั๊กใด ๆ และข้อสันนิษฐานข้างต้นไม่ได้มีความจริงอยู่แม้แต่น้อย แต่เขาก็ไม่ได้เปิดเผยว่าเกิดจากอะไรและเลือกจะเก็บไว้เป็นความลับ กระนั้น Sid Meier ก็ยอมรับว่าเขาชอบมุขตลกและมีม Nuclear Gandhi มาก
ที่มา - Bloomberg
Comments
India ในโลกจริงก็เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์นะ รักสงบไหมล่ะ
มีนิวเคลียร์ไม่ได้แปลว่าบ้าสงครามเสมอไปนะครับ มีไว้ป้องกันคนอื่นมาหาเรื่องก็ได้เหมือนกัน
นิวเคลียร์ มีไว้อุ่นใจกว่าไม่มีครับ โดยเฉพาะมหาอำนาจ และการที่มีไว้ครอบครองไม่ได้หมายความว่าเขากระหายสงครามนะครับ เว้นแต่จะมีเหตุจำเป็นเท่านั้น
แม้แต่รัสเซีย สหรัฐฯ หรือแม้แต่จีน ก็มีอาวุธนิวเคลียร์ และมีความขัดแย้งพอสมควร และเคยทดสอบในประเทศตัวเองแล้ว ก็ยังไม่อยากเอามาใช้เลยครับ เพราะพวกเขารู้อยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อโดนนิวเคลียร์โจมตี จากสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ไงครับ
และต่อให้มี และไม่ได้เอามาใช้จนปลดประจำการ ถ้ามีขั้นตอนการจัดการที่ดี แยกส่วนได้ ก็เอามาใช้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพื่อเลี้ยงตัวเองได้อีกนะ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
นึกว่าผู้ใหญ่มากะทุ่งหมาเมิน
Ooh
มันไม่ใช่บัค
มันเป็นฟีเจอร์ XD
ปรมาณูเพื่อสันติ
:-)
ปรมาณู หลักๆคือเอามาใช้ผลิตไฟฟ้า แล้วพวกกากยูเรเนียมที่เหลือจากนั้น ก็เอามาผลิตเป็นระเบิดได้ ว่าง่ายๆถ้ามีโรงงานไฟฟ้าปรมาณู ก็ต้องผลิตระเบิดปรมาณู ได้แน่นอน
ความร้ายแรงมันไม่ใช่ตอนยิงไปแล้วระเบิด แต่มันคือรังสีที่จะตกค้างตรงนั้นนานมาก จำได้ว่าที่ญี่ปุ่นโดนแล้วคนตายตอนระเบดทันทีไม่ได้เยอะเท่าไหร่แต่รังสีที่ฆ่าคนมีปริมาณมากกว่าตอนโดนระเบิด 2 ถึง 3 เท่ามั้ง พืชและสัตว์แถวนั้นจะเสี่ยงกินไม่ได้ทั้งหมด ถ้ายิงกันจริง จะทำให้พื้นแผ่นดินของโลกส่วนนั้นใช้งานไม่ได้เป็นเวลานาน เดี๋ยวจะมีผลต่อการผลิตอาหารป้อนประชากรโลกอีก ใครยิงทีนี่มีผลกระทบทั้งโลกอยู่ดี เลยเอาไว้แค่ขู่กัน แต่ไม่ถึงขั้นทำให้แบบประเทศที่ถือครองจนตรอกแบบไม่มีอะไรจะเสีย ถ้าถึงขั้นนั้นมียิงกันจริงๆแน่
นานมากแล้วแต่ผมจำมาแบบนี้เนี่ยแหล่ะ
ยูเรเนียมทึ่ใข้ปั่นไฟมีความเข้มข้น 3-5% ส่วนในอาวุธมีความเข้มข้น >85% ไม่เกี่ยวกันเลยครับ
ใช่ครับ แค่ว่า Uranium สามารถสกัดเพื่อใช้เป็นวัตถุดับสำหรับผลิตไฟฟ้า และผลิตอาวุธได้ทั้งคู่ ในบางกรณีก็ใช้โรงไฟฟ้า เป็นโรงงานสกัดแร่เพื่อผลิตอาวุธเช่นกัน
ส่วนความเข้มข้นที่ใช้ต่างกันมาก โรงไฟฟ้าเน้นความเข้มข้นต่ำแต่สามารถปล่อยพลังงานได้ในระยะเวลานานและเสถียร ปลอกภัยพอสำหรับใช้ผลิตไฟฟ้า ส่วนอาวุธนิวเคลียร์เน้นการปล่อยพลังงานจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น และไม่เสถียรอย่างมาก
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว