ต้นเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลจีนสั่งเบรกการ IPO ของ Ant Group พร้อมเรียก Jack Ma เข้าพบ โดยที่ไม่ได้มีรายละเอียดที่แน่ชัด ล่าสุด Wall Street Journal รายงานอ้างอิงคนวงในพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่า ปัญหาเกิดจากความไม่พอใจของรัฐบาลจีนต่อตัว Jack Ma และ Xi Jin Ping เป็นคนสั่งเบรก IPO นี้เอง
ต้นเหตุของความไม่พอใจเกิดจากปาฐกถาที่เซี่ยงไฮ้ของ Jack Ma เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่เจ้าตัวระบุว่าอยากจะช่วยแก้ปัญหาทางการเงินให้กับประเทศจีนด้วยนวัตกรรม แต่ก็โจมตีรัฐบาลว่าเป็นอุปสรรค จากการออกกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เข้มงวดซึ่งกลายเป็นการปิดกั้นนวัตกรรมไปแทน และเมื่อประธานาธิบดี Xi Jingping และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลได้อ่านรายงานปาฐกถานี้ ก็ไม่พอใจและมองว่า Jack Ma สร้างภาพลบให้กับรัฐบาลเพื่อยกตัวเองให้ดูดี
แหล่งข้อมูลของ WSJ บอกด้วยว่ารัฐบาลจีนพยายามจะเข้ามาควบคุม Ant Group นานแล้ว ขณะที่สิ่งที่ Xi Jingping สนใจมีเพียงอย่างเดียวคือเจ้าของบริษัทหรือคนรวยเหล่านี้ จะมีทัศนคติเรื่องผลประโยชน์ของตัวเองว่าไปในทิศทางเดียวกับผลประโยชน์ของรัฐหรือไม่
ที่มา - WSJ
ภาพจาก Alibaba Group
Comments
งันแปลว่า Jack Ma ก็ไม่ค่อยชอบกฏหมายของรัฐบาลจีนใช่เปล่านี้ ว่าแต่นี้คงโดนเรียกไปปรับทัศนคติสินะครับ
ปัญหาใหญ่ ระหว่างนักธุรกิจ กับ รัฐ คือ ถือตำราคนละเล่ม
นักธุรกิจ มองกำไรสูงสุด ที่เป็น micro economic
รัฐ ต้องดูแลภาพรวมระบบเศรษฐกิจ ที่เป็น macro economic
ซึ่งเป้าหมายต่าง การจัดความสำคัญของแต่ละเรื่องก็ต่าง
สงสัยมีการเมืองเบื้่องหลัง เพราะจริงๆแจ็ค หม่าก็เป็นสมาชิกพรรคฯที่ได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากรบ.ไปตั้งบ. แต่มาพูดเหมือนตีตัวออกห่าง ก็คงต้องมีการลงโทษกัน
ฮื้มมมม ข้อมูลจากข่าวนี้ก็ยิ่งยืนยันชัดเจนเลย
ว่าเราไม่สามารถแยกบริษัทสัญชาติจีนออกจากรัฐบาลจีนได้
ยังไงก็หนีไม่พ้นความสัมพันธ์กันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
การที่ฝั่งตะวันตกจะออกมาแบนบริษัทจีนเช่น TikTok Huawei
เพราะกลัวเรื่องความสัมพันธ์กับรัฐบาลจีนก็ฟังขึ้นพอสมควร
พวกบริษัทสัญชาติไหนๆก็ต้องทำตามกฏหมายของประเทศเขาหรือประเทศอื่นๆที่ต้องไปลงทุนอยู่แล้ว
อันนี้ไม่ได้หมายถึงเรื่อง “ตามกฎหมาย” น่ะครับ
เพราะ ant group จะ ipo มันไม่มีอะไรผิดเลย
แต่รัฐบาลจีนสั่งห้ามได้ และขัดขืนไม่ได้
เทียบกลับกัน ถ้ารัฐบาลจีน สั่ง หัวเหว่ย ให้ฝังอุปกรณ์ดักฟังบ้างล่ะ
ที่มันน่ากลัวคือตรงนี้
ถ้าอ่านต้นทางที่เข้าใจคือ "รัฐ" (Communist Party) ออกกฎหมายใหม่ทันทีเพื่อเจาะจง ANT Group จนทำให้ IPO ล่มอันเป็นผลโดยตรงจากกฎหมายใหม่ ซึ่งเทียบเท่ากับการที่รัฐใช้อำนาจในการควบคุมเอกชน. เมื่อเทียบประเทศอื่น (เช่น ไทย) รัฐจะควบคุมเอกชนได้ยากกว่า เพราะ regulator ต้องขอให้ฝ่ายนิติบัญญัติผ่านกฎหมายซึ่งก็ต้องใช้เวลาถกเถียงกัน ทำให้พอมีโอกาสที่เอกชนจะต้านทานได้บ้าง
ตรงกันข้ามเลยต่างหาก การเปลี่ยนแปลงในนาทีสุดท้ายแบบนี้ แปลว่าทั้งบริษัท และรัฐบาลจีน ไม่ได้ประสานงานใกล้ชิด คุยกัน ติดต่อกัน แบบที่สื่อตะวันตกตั้งข้อสังเกตเลยต่างหาก เพราะถ้ามีการคุยกันมาตลอด ทุกอย่างคงเข้ารูปเข้ารอยแบบที่รัฐบาลจีนต้องการ ก็แปลว่าการ IPO เป็นความต้องการของรัฐบาลจีน และการล้มในนาทีสุดท้ายก็จะส่งผลเสียหายต่อรัฐบาลด้วย
ส่วนการสั่งห้ามในนาทีสุดท้ายก็ไม่ใช่เรื่องแปลก อเมริกาก็ให้อำนาจประธานาธิบดีสั่งอะไรก็ได้ด้วย executive order แบบที่ "แทบจะ" ไม่มีอะไรมาคานได้ แม้แต่ supreme court
ยังไง บริษัทเอกชนก็ยังต้องทำตามกฎหมายครับ ไม่ใช่รัฐอิสระ
อำนาจทุกอย่างที่รัฐบาลอเมริกาจะทำ ถ้าอยู่นอกเหนือที่กำหนด ต้องผ่านศาล
สงสัยไม่ตามข่าวว่า เขาฟ้องศาลยกเลิกคำสั่งไปหลายคำสั่งแล้ว
แต่ใครค้านจักรพรรดิสีฯได้?
ขนาดดาราชื่อดังยังโดนอุ้มหายไปหลายเดือน จนยอมจ่ายค่าไถ่ไปหลายพันล้าน ถึงยอมปล่อยตัวออกมา แบบว่าอุ้มไปขังไว้หลายเดือนไม่แจ้งข้อหา พอยอมจ่ายเงินปุ๊บถึงได้ขึ้นศาลปั๊บ :P
ประเด็นคือการขัดแย้ง ชิงอำนาจในพรรคคอมฯนั่นแหละ ไม่มีอะไรซับซ้อน เราเลยได้เห็นการใช้อำนาจที่เกินเลยกันแบบนี้ อีกหลายหน
ว่าแล้วไง คิดไม่ผิด
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ริจะเป็นอริกับจักรพรรดิ์ ก็ต้องวัดกันหน่อย
จะว่าไปเนื้อเรื่องมันคล้ายๆเห็นที่ไหนมาก่อน
คนหน้าเหลี่ยมนี่ต้องเจออะไรประมาณนี้ทุกคนไหมนะ
แต่มาได้ไกลขนาดนี้เพราะรัฐบาลช่วยดันหรือเปล่าหว่า
จีนกำลังยิ่งใหญ่เบียดอเมริกา ด้วยระบบการปกครองที่ต่างกัน ทำให้โฆษณาโปรโมทประชาธิปไตยที่ทำมาหลายสิบปีสั่นคลอน
รัฐบาลจีนมอง Fintech พวกนี้มีปัญหาหลักๆคือไม่ต้องทำตามกฏของ Basel Accord เพราะไม่จัดว่าเป็นสถาบันทางการเงิน ปล่อยกู้ก็ไม่ต้องใช้ของคำ้เพราะมีระบบเอไอตรวจสอบ ซึ่งถ้าหากว่าระบบเอไอพลาดคือหนี้เสียเพิ่มขึ้นทันที
อันนี้จริง
เลาๆว่า ให้ AI จับคู่ กู้กันแบบ peer to peer
ซึ่งก่อนโควิด มันก็ได้ผลดี หนี้เสียน้อย
แต่เจอโควิดเข้าไป คงเกิดเคสเละเทะอยู่ไม่น้อย
อาจเป็นเหตุผลนึงที่รัฐต้องระวัง
น่าสนใจ
ถ้าพูดแบบนั้นการใช้"คน"ประเมินความเสี่ยง ก็ไม่ได้ดีกว่า AI เท่าไรหรอกครับ เพราะcovid-19เป็นภัยพิบัติที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
ดูบ้านเราเถิด ไม่ได้ใช้ AI ใช้คนประเมินloan อย่างเข้มงวดสุดๆ(ตามคำสั่งbotมาสองปีแล้ว) แต่อีก 2เดือนจะเห็นผลจากการพักชำระหนี้ ว่าNPLพุ่งมากแค่ไหน
ต่อให้มีหลักทรัพย์ค้ำฯ แต่มูลค่าหลักทรัพย์มันลดลงเช่นกัน
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ประเมินแม่นไม่แม่นแต่อยู่ที่ ANt ไม่ต้องตั้งสำรองหนี้เสียมากเท่าสถาบันการเงิน ทำให้ต้นทุนของการปล่อยกู้ต่ำกว่า กำไรจึงมากเกินจริงครับแต่เสี่ยงกับระบบเศรษฐกิจมากๆครับ
อันนี้ไม่รู้แบ๊งค์ชาติจีน
แต่ของไทย พวกnon-bankก็กันสำรองต่ำกว่าbank เช่นกัน เพราะกฎระเบียบมันเข้มงวดน้อยกว่า
ตอนนี้micro finance ในไทยมาเต็ม ได้กันสำรองสักเท่าไร เห็นขนาดโชปิ ยังมีปล่อยกู้ให้ซื้อของตัวเอง
ผมมองกลับกัน พอมีเคสนี้มาให้เทรน มันจะยิ่งเก่งและปล่อยกู้ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นไปอีก
ถ้าคนระดับ แจ๊ค หม่า ยังบอกงี้ ก็ใช่แล้วล่ะ เลิกอุดหนุนของจีนกันเถอะ แต่อ่าว ไม่ทันแล้วบ้านเรา ได้แต่ตามกัมพูชาไปติดๆละกัน
ซ้ำ
แจ๊คหม่ามีความคิดก้าวหน้า ลึกๆแจ๊คหม่าคงอยากจะให้จีนปกครองในระบอบประชาธิปไตย เพราะจะทำให้การเมืองตรวจสอบได้ โปร่งใสขึ้น ทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ตัวเองในระดับโลกดี และตัวเองก็สามารถลงสมัครชิงประธานาธิบดีได้ง่าย