ขณะนี้มีผู้ใช้ทั่วไปได้รับจานดาวเทียม Starlink ตัวทดลองกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดมีผู้ใช้คนหนึ่งทดสอบความเร็วได้ค่อนข้างแกว่งคือระหว่าง 77-130Mbps และ Elon Musk ได้เข้าไปตอบทวีตว่าความเร็วอินเทอร์เน็ตจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เป็นประมาณ 300Mbps และค่า latency (ping) จะอยู่ที่ประมาณ 20ms ภายในปีนี้
นอกจากนี้ Elon ยังระบุว่า Starlink จะครอบคลุมเกือบทั้งโลกภายในสิ้นปีนี้ และจะครอบคลุมทั้งโลกภายในปีหน้า โดยขณะนี้ SpaceX พยายามส่งดาวเทียม Starlink ให้กระจายๆ กันเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่โลกมากที่สุดก่อน และจะเพิ่มความหนาแน่นของดาวเทียมในภายหลังเพื่ออุดจุดบอด
สุดท้ายเขายังยืนยันว่าสัญญาณเน็ตมือถือยังดีกว่า Starlink เมื่อใช้ในที่ชุมชนหนาแน่น ส่วนอินเทอร์เน็ตดาวเทียมจะเหมาะสำหรับชุมชนหนาแน่นปานกลางถึงต่ำ
สำหรับในอนาคต Starlink ตั้งเป้าไว้ว่าจะทำความเร็วได้ถึง 10Gbps
ที่มา - The Verge
ภาพโดย Starlink
Comments
ถ้าราคาซักเดือนละพันบาทน่าเอาไปติดพวกเรือวิ่งตามเกาะ
เหมือนจะเน้นขายในพื้นที่ห่างไกลที่เข้าถึงระบบอินเตอร์เน็ตไม่ได้ หรืออินเตอร์เน็ตไม่ค่อยดีมากกว่านะ แต่ยังมีไฟฟ้าเข้าถึงหรือเป็น off-grid
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ผมว่ามันย้อนแย้งกับราคานะครับ ชาวบ้านใครจะจ่ายไหว
อาจมองว่าเน้นขายคนที่อยู่ Off-Grid หรือคนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลในบ้านเขาที่มีกำลังทรัพย์และรายได้สูงก็ได้ครับ และราคา Internet ในพื้นที่ห่างไกลบ้านเขาก็ไม่ได้ต่างจาก Starlink สักเท่าไหร่นะ เผลอๆ แพงกว่าด้วย
แค่ไม่เหมาะกับเราที่กำลังทรัพย์น้อยสักเท่าไหร่ ซึ่งคงต้องรอเจ้าอื่นมาแข่งทำราคาถูกอีกที หรือกดดันให้บริษัท Cable และผู้ให้บริการออกมาพัฒนาและแก้ปัญหาให้เกิดการแข่งขันและทำราคาที่ถูกลงเสียที
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ห่างไกลไม่ได้หมายถึงชาวบ้านเสมอไปนะครับผมว่า
บางธุรกิจ บางโครงการ บางหน่วยงาน บางการทดลองเค้าก็ตั้งอยู่ในที่ๆโครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงไปไม่ถึงนะครับ คิดว่านะ
พวกกองทัพusa ก็น่าจะซื้อหลายตัว และอาจพ่วงแพคเกจ ดาวเทียมส่วนตัวของกองทัพเพื่อความปลอดภัย
อันนั้นทราบครับ
แต่เคยไปนั้งเรือไปเที่ยวเกาะแล้วสัญญาณมือถือมี ๆ ดับ ๆ ไปตลอดทาง
แบบมันยิงมาจากฝั่งเข้าใจละครับ เลยแอบคิดครับว่าถ้า starlink มันถูกมาก ๆ พวกผู้ประกอบการพวกนี้เค้าจะได้ซื้อมาติดได้ให้นักท่องเที่ยวเชื่อมไวไฟเรือเอาอะไรแบบนั้นครับ
จานมันไม่ได้หมุน real time ขนาดนั้นนะครับ มันล็อคตำแหน่งงี้ เรือเคลือนตลอดไม่น่าใช้ได้ คงหลุด
คิดว่าจำนวนดาวเทียมที่มีเป็นจำนวนหลักพันหลักหมื่นจะเข้ามาช่วยในจุดนี้
(เพราะใช้ในรถยังใช้ได้อ่ะนะ บนเรือก็น่าจะได้เหมือนกัน)
รถใช้ได้หรอครับ ของผมไม่รู้คลิปของประเทศไร พี่แกแค่เขย่ารถ Ping ค้างไว้ ก็หลุด time out เลย ยิ่งรถวิ่งไปห่างจากจุดเดิมหน่อยนี่ยาวเลยครับ
คงเหมือน จานรับสัญญาณดาวเทียมในรถยนต์ ที่ทรงชามข้าวที่ฮิตๆกันสมัยก่อนจะมีเนทมือถือกันแรงๆมั๊งครับ
หมุนหาดาวเทียมเองได้ ยิ่งstarlink วงโคจรต่ำและจำนวนดาวเทียมเยอะ น่าจะหาง่ายกว่า
แต่อันนี้มันต้องส่งกลับด้วยนะครับ ยิ่งถ้าเรือมันโยกไปโยกมานี่อาจจะต้องมีระบบควบคุมดีหน่อย
ผมว่าน่าจะยากนะ ยิ่งถ้าจะทำเป็นสเกลเล็กๆ ติดหลังคาเรือ ชนคลื่นทีหมุนกันคอหัก
ปล. อยู่ๆ ก็คิดไปถึงเวลา Falcon 9 ลงจอดแล้ว OCISLY กับ JRTI สัญญานขาดตลอด
ผมว่าตอนนี้มันไม่ใช่ปัญหาแล้วครับ
ดูจาก live feed การลงจอดของจรวดแต่ละครั้ง ก่อนหน้านี้แรงขับจากเครื่องยนต์จรวดจะทำให้ ASDS สั่นอย่างหนักจน live feed หายไป แต่ช่วงปีที่ผ่านมาก็แก้ไขปัญหานี้ได้แล้ว ไม่มีภาพตัดแล้ว ดังนั้นการโยกไปมาของเรือธรรมดาซึ่งไม่หนักเท่าคงไม่น่าเป็นปัญหา
เหมือนว่าเขาจะยิงไปหาเรืออีกลำ แล้วค่อยยิงขึ้นดาวเทียม จะการยิงขึ้นดาวเทียมตรง ๆ
คงต้องใช้งานแบบบนเรืออะ มีตัวควบคุมรักษาสมดุลหมุนหาดาวเทียมได้เอง แต่น่าจะใหญ่ๆ ถ้าจะเอาไว้ส่งด้วย เพราะเห็นโทรศัพท์ส่งข้อมูลน้อยแค่แบบ Iridium ก็ไม่ต้องรูปจานก็ใช้ได้
ในอนาคตน่าจะได้ครับ เห็นว่าเค้าแพลนไว้ใช้กับเครื่องบินที่บินเร็วขนาดนั้น เรื่องไม่น่าใช่ปัญหา แต่อาจจะต้องมีจานรับรุ่นหมุนรอบทิศเอง
มีจานสำหรับเครื่องบินนะครับ เรือไม่น่าใช่ปัญหา
lewcpe.com, @wasonliw
เป้าหมายคือเพื่อ tesla ครับ ในหลายมิติ
คนในพื้นที่ห่างไกลได้รับประโยชน์เต็ม ๆ เลย ถ้าลดต้นทุนลงได้มาก ๆ จะมีประโยชน์กับพื้นที่ทุรกันดารในพื้นที่ด้อยพัฒนา
คิดว่าเป้าหมายที่ทำโครงการนี้เพราะจะใช้กับผลิตภัณฑ์ของตัวเองมากกว่าเช่น รถยนต์ จรวด แผงโซร่า หรือที่ชาร์จรถเป็นต้น แบบว่าเชื่อมต่อกับเครื่องข่ายตลอดเวลา อัพเดทซอฟแวร์ ทำนู่นนี่บลาๆได้ ส่วนเรื่องขาย internet นั้นน่าจะเป็นเป้าหมายรองมากกว่ามั้ง แบบระหว่างรอระบบเสร็จก็ขาย internet ไปก่อนเผื่อจะเป็นอีกธุรกิจหลักในอนาคต
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ Project Kuiper,OneWeb จะกระโดดเข้ามาเพื่ออะไร
ความคิดในหัวลูกพี่อีลอนเป็นอะไรที่ไม่มีใครเดาได้
แต่ผมเดาว่า
"ก่อนที่เราจะสื่อสารกันระหว่างดวงดาวได้ เราก็ต้องเอาบนดาวดวงเดียวให้รอดก่อน"
เป้าหมายสูงสุดของโครงการคือ พัฒนาระบบการสื่อสารระหว่างดวงดาว ตามชื่อของมัน โดยมีระหว่างทางจะมีสิ่งที่ได้มาด้วยก็คือระบบอินเตอร์เน็ตภายในดาว รายได้จากส่วนนี้ และเทคโนโลยีการสื่อสารด้วยแสงในอวกาศ
หลังจาก Starlink ครอบคลุมพื้นที่บนโลกหมดแล้ว เฟสต่อไปก็ต้องเป็นบนดวงจันทร์ บนวงโคจรของโลก(รอบดวงอาทิตย์) และบนดาวอังคาร และดาวต่อๆไป โดย Satrlink น่าจะต้องอยู่บนวงโคจรรอบดวงอาทิตย์อีกจำนวนมาก เพื่อเป็นสถานีเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตระหว่างดวงดาว ช่วยเพิ่มความเร็วรวมถึงลดความหน่วงอีกด้วย
ทำมาฟรีเลยครับ เดี๋ยวก็มีคนใช้
ตอนสร้างดาวเทียม ตอนยิงขึ้นฟ้ามันจ่ายเงินไง