John McAfee ผู้ก่อตั้งบริษัทแอนตี้ไวรัส McAfee (ปัจจุบันไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับบริษัทแล้ว) ได้เสียชีวิตแล้วด้วยอายุ 75 ปี ขณะถูกควบคุมตัวในเรือนจำเมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน จากข้อหาหลีกเลี่ยงภาษีในสหรัฐอเมริกา โดยทางการระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่าอาจมาจากการฆ่าตัวตาย และทีมทนายของ John McAfee ก็ได้ยืนยันการเสียชีวิตของเขา
ระหว่างถูกควบคุมตัวในเรือนจำ เขาถูกทางการสหรัฐตั้งข้อหาเพิ่มเติมอีกรวม 7 ข้อหา เกี่ยวกับการหลอกให้คนมาลงทุนในเงินคริปโต โดยเขาปฏิเสธการถูกส่งตัวกลับไปที่สหรัฐมาตลอด
John McAfee เริ่มตั้งบริษัทพัฒนาแอนตี้ไวรัสในปี 1987 ต่อมาได้ขายหุ้นบริษัททั้งหมดในปี 1994 และไม่มีความเกี่ยวข้องอีกเลย ซึ่งช่วงหนึ่งเขายังออกมาให้ความเห็นขอบคุณอินเทล ที่ซื้อกิจการ McAfee ไป และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อบริษัท ปัจจุบันอินเทลได้ขายธุรกิจนี้ไปแล้ว และเจ้าของใหม่ TPG ก็กลับมาใช้ชื่อ McAfee เหมือนเดิม
ที่มา: Reuters
Comments
RIP
เขาถูกทางการสหรัฐตั้งแต่ข้อหาเพิ่มเติมอีกรวม 7 ข้อหา >> เขาถูกทางการสหรัฐตั้งข้อหาเพิ่มเติมอีกรวม 7 ข้อหา
RIP ครับ
RIP ครับ สมัยก่อนเจ้าดังๆมีแต่ Norton antivirus ก่อนที่จะโดน McAfee เบียดไป ยิ่งเวอร์ชั่นหลังๆทำแผ่นบูทได้ สร้างแผ่นดีสแล้วเอาไปบูทแสกนไวรัสให้เครื่องเพื่อนหรือที่ทำงาน อย่างเท่เลย
McAfee มีมานานมากแล้วนิยมใช้มากกว่า Norton (และ Microsoft Anti-Virus อีก 555) เท่าที่ผมจำความได้ (เอาเฉพาะในไทยนะครับ) McAfee นี่ใช้กันมาตั้งแต่ สมัยยังเป็น DOS กับ Windows 3.x เลย มากกว่า Norton แต่ด้วยความที่ทั้งคู่มันห่วยมาก ตรวจอะไรไม่ค่อยจะเจอ เจออีกทีคือเครื่องติดไปแล้ว ตัวที่ผมว่าดีสุดสมัยนั้นคือ การ์ด hardware antivirus card "AVC-2000" "AVC-3000" "AVC-4000" ของบ. R&D ของไทย (ถ้าผมจำคำสั่งไม่ผิดคือ RTSCAN หรือ RTKILL อะไรเนี่ยแหละ) ควบคู่กับ ThunderByte Antivirus อีกตัวที่ค่อนข้างดี
ส่วน Norton/Symantec เพิ่งจะมาตีตื้นได้สมัยช่วงหลัง Windows 98 เพราะประสิทธิภาพในการตรวจจับเริ่มดีกว่าเยอะ ในช่วงต้นปี 200x แล้วก็ค่อยแผ่วลงมาเป็นยุค NOD32 กับ Kaspersky (และยี่ห้ออื่นๆ เช่น Avast, AVG, Trend Micro, BitDefender) แต่องค์กรก็ยังใช้ McAfee กับ Symantec เป็นหลักๆ (ร่วมกัน Trend Micro กับ Sophos) กันอยู่ตั้งแต่ช่วง 200x มาถึงปัจจุบัน แล้วก็มาเป็นยุค FireEye, Crowdstrike
ส่วนเรื่องแผ่น boot เนี่ย จริงๆ คือ format /s แผ่น แล้วใส่ ไฟล์ของ antivirus ลงไปในแผ่น แล้วรันคำสั่งใน DOS prompt เอาหลังจากบูท ก็ทำได้มานานแล้วนะครับ
AVC4000 สมัยนั้นนี่เทพสุดจริงครับ คงเพราะมันเป็นhardware ด้วย ลงทุนซื้อมาใช้แล้วรอดตัวดังๆยุคนั้นหมดเลย(โดยเฉพาะDieHard2)
สมัยก่อนมันupdate database ยากด้วย เพราะinternetแพง คนอยู่กทม.โชคดีใช้BBSได้ คนอยู่ตจว.จะใช้BBSก็ต้องโทรทางไกลนาทีละ 18บาท พวกที่เป็นsoftware เจอตัวใหม่ๆเจาะก็จบ แต่hardwareยังทนทานกว่า
แต่ก็งงนะ ตอนนั้นเคยซื้อหนังสือ Norton antivirus เล่มหนาๆ แบบหลายร้อยหน้า ก็ยังงงว่าทำไมมันทำหนังสือแยกได้หนาขนาดนั้นเลย ลืมเนื้อหาไปหมดละ
ส่วนผมไม่รอด DieHard2 ครับ ตรวจเจอ กำจัดได้ แต่ในเครื่องติดไปเรียบร้อย และข้อมูลทั้งหลายก็เรียบด้วย
ผมเคยติด Die Hard 2 เหมือนกัน ยังจำได้กับ "SW" animation เลย แต่นั่นคือก่อนติด AVC card นะ
นึกถ Aidan MacAllan ใน House of Cards เลย
"John McAfee เริ่มตั้งบริษัทพัฒนาแอนตี้ไวรัสในปี 1987 และขายกิจการให้กับ Intel ในปี 2010 ซึ่งนับตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริษัทอีกเลย"
อันนี้คลาดเคลื่อนนิดหน่อยนะครับ ลุงจอห์นแกขายหุ้นไปหมดตั้งแต่ปี 1994 แล้ว ตอนมีข่าวว่าอินเทลจะเปลี่ยนชื่อผลิตภัณฑ์ ลุงแกยังมาบอกว่าดีเลย ชื่อกูจะได้ไม่ต้องไปผูกกับแอนตี้ไวรัสห่วย ๆ สักที
แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว ขอบคุณครับ
น่าสงสัย คนอย่าง John ไม่น่าจะฆ่าตัวตายนะออกจะเป็นคนลุย ๆ คล้ายกับ Elon
กลับกัน เพราะเป็นคนลุยๆแบบนี้แหละครับถึงตัดสินใจทำอะไรเด็ดขาด ผ่านจุดสูงสุดมาถึงจุดต่ำสุด เจ้าตัวก็คงไม่ไหวแล้วล่ะ
ติดยาทำให้ frontal cortex ถูกทำลาย (สมองส่วนที่ทำหน้าที่คิด/ตัดสินใจ/ใช้เหตุผล) ยาเสพติดเมื่อใช้ไปนานๆ จะมีการกดประสาท เกิดอาการซึมเศร้า ใช้อารมณ์ตัดสินมากกว่าเหตุผล ฯลฯ
จะเห็นได้ว่าพวกที่ติดยาหนักๆ จะมีอาการไม่อยู่กับร่องกับรอย หลายๆ คนถึงขั้นพูดไม่รู้เรื่องไปเลยถาวร
แกมีโพสแบบนี้ด้วย https://twitter.com/officialmcafee/status/1316801215083225096?s=20
RIP
กดดูข่าว tag John McAfee แล้วต้องบอกว่าอีกหนึ่งสีสันของโลก IT ที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใครต้องจากไป นอนหลับให้สบายนะครับลุง john
คงไม่สบายหรอกครับ ตอนไปอยู่เมกากลางฆ่าคนไปกี่ศพไม่รู้เหมือนกัน
RIP
RIP เคยใช้มายุคหนึ่ง
ตอนนี้ Crowdstrike
ที่น่าแปลกคือ โพสตอนปี 2019 ที่แกมาโพสว่า ถ้าจู่ๆ ผมฆ่าตัวตายขึ้นมา ให้รู้ว่าไม่ใช่ฝีมือผม ผมถูกฆาตกรรม
ว่าจะมาถามข้อนี้เหมือนกัน
ไหนบอกจะกิน ปิกะจู๋ ตามที่คุยไว้ไง -.-“
อาจเป็นฆาตรกรรมได้ เงินดิจิตอลพวกนี้ ตามตัวยาก ว่าโอนไปให้ใคร
พอได้เงิน ก็ปิดปากซะเลย ในไทยก็มีประมาณนี้เหมือนกัน
อย่างกระทู้ประกอบคอมที่แพงที่สุด เป็นฝรั่ง แต่พูดไทยได้ สุดท้ายตายในคุกเหมือนกัน
เพราะธุรกิจ Dark web ข่าวว่าฆ่าตัวตาย แต่ก็มีอะไรแปลกๆ
แกอัพโหลดตัวเองไปก่อนแล้ว ?
my blog
แทนที่จะเป็นตำนานแห่งวงการ antivirus ทำไมถึงมีจุดจบแบบนี้ได้กันนะ RIP ครับ
ขอบคุณที่เป็นส่วนหนึ่งของวงการไอทีนะครับ
..: เรื่อยไป
RIP ครับ คนไทยยุค 2000 น่าจะเคยใช้กันทุกคน
ดูจากรูป profile ใน twitter เหมือนจะเป็นแฟน Jojo ด้วย