ช่วงปีที่ผ่านมานี้ ไม่แน่ใจว่าเพราะวิกฤตขาดแคลนชิป หรือปัญหาในด้านการผลิตที่มีสาเหตุจากการระบาดของ COVID-19 ทำให้เทคโนโลยีมือถือดูจะไม่ค่อยมีนวัตกรรมอะไรใหม่ๆ ออกมาให้ว้าวกันมากนัก นอกจากมือถือจอพับที่ราคาเริ่มถูกลงจนคนทั่วไปเริ่มซื้อหาได้ หรือ Mi 11 Ultra ที่มีหน้าจอเล็กด้านหลัง แต่ก็ทำให้โมดูลกล้องยื่นออกมาเยอะ และมีน้ำหนักมาก
Xiaomi 11T Pro ก็ดูจะเป็นมือถือเรือธงอีกรุ่นที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก เพราะแม้ตามชื่อรุ่นแล้ว จะเป็นรุ่นต่อจาก Xiaomi Mi 10T Pro แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าช่วงต้นปีมี Mi 11 และ Mi 11 Pro ที่ใช้ชิป Snapdragon 888 ไปแล้ว
ส่วนรุ่น 11T Pro ก็จะต่างจากรุ่นต้นปีแค่กล้องหลังที่อัพเกรดขึ้นมา ขนาดหน้าจอที่จะเล็กกว่า (จาก 6.81 นิ้ว เหลือ 6.67 นิ้ว) ซึ่งก็จะตอบโจทย์ในระดับราคาต่างกัน กับจุดเปลี่ยนอีกอย่างคือคราวนี้ Xiaomi เลิกใส่คำว่า Mi ในชื่อรุ่นแล้ว ใช้แค่ Xiaomi 11T Pro เท่านั้น
สเปคฮาร์ดแวร์
สัมผัสแรก
ตัวเครื่องที่ผู้เขียนรีวิว เป็นสี Meteorite Gray ยังมีความหนาและน้ำหนักใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้า โมดูลกล้องมีความนูนน้อยกว่า Mi 10T Pro มาพร้อมที่ชาร์จแบบ 120W ผ่านพอร์ต USB-C ซึ่งเร็วมากๆ ใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงก็สามารถชาร์จจาก 0 ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ได้
เซ็นเซอร์ลายนิ้วมืออยู่ที่ปุ่มเปิดปิดด้านข้าง ทำงานได้เร็วมาก ผู้เขียนที่เปลี่ยนมาใช้หลังจากใช้ iPhone 12 Pro รู้สึกว่าสะดวกขึ้นมาก เวลาใส่หน้ากากอนามัย ส่วนแบตเตอรี่ 5,000 mAh ก็ทำให้ใช้งานได้แบบเต็มวันแบบหายห่วง หรืออาจได้ถึงวันครึ่งถ้าไม่ได้ใช้งานหนักมากนัก
การใช้งาน
แม้จะแตกต่างจากรุ่นเมื่อต้นปีไม่มากนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าในช่วงหลัง หน้าจอของ Xiaomi คุณภาพดีขึ้นมาก หลังจากที่หันมาใช้จอ AMOLED แทน ซึ่งในรุ่นนี้ก็มาพร้อมกับการรองรับ HDR แบบ Dolby Vision รีเฟรชเรต 120Hz แบบ Adaptive และความละเอียด FullHD+ ซึ่งก็ใช้งานได้ไม่มีที่ติ และสว่างสู้แดดได้แม้อยู่กลางแจ้ง รวมถึงลื่นไหลเพลินตามากๆ (ผู้เขียนใช้ iPhone12 Pro ซึ่งยังเป็น 60Hz อยู่)
การดูวิดีโอ เล่นโซเชียล เล่น TikTok เพลินตา คมชัดตามมาตรฐานจอ เสียงเป็นลำโพงคู่บนล่าง ดังมากเมื่อเปิดจนสุด แต่รายละเอียดเสียงอาจเสียไปเล็กน้อย แนะนำว่าลดลงมานิดหน่อย กำลังอยู่ในระดับพอดี ส่วนการรองรับหูฟังเป็นแบบ Bluetooth 5.2 โคเด็ค A2DP, LE, aptX HD และ aptX Adaptive ไม่มีรูหูฟัง
ชิป Snapdragon 888 แม้จะเป็นของเดิมจากต้นปี แต่ก็ยังเป็นชิปประสิทธิภาพเรือธง ใช้งานทั่วไปไม่สะดุด เล่นเกมก็สบายๆ ติดแค่เรื่องความร้อน ที่หากเล่นเกมติดต่อกันเกินราวหนึ่งชั่วโมงขึ้นไป ก็จะเริ่มอุ่นจนรู้สึกได้ และเกมก็เริ่มมีกระตุกมากขึ้น ซึ่งน่าจะมาจากการ throttle ของชิป
จุดที่น่าเสียดายคือ Xiaomi 11T Pro แม้จะเพิ่ม IP rating กันน้ำกันฝุ่นมา จากที่ Mi 10T Pro ไม่มี แต่ก็อยู่ที่ IP53 เท่านั้น คือกันฝุ่นได้เล็กน้อย และกันน้ำกระเซ็นใส่ได้ แต่ไม่สามารถกันน้ำแรงดันสูง เช่นสายฉีดน้ำและสระว่ายน้ำ หรือกันฝุ่นละอองปริมาณมากได้ ผู้ใช้ที่เปลี่ยนจากมือถือ IP68 มาอาจต้องระมัดระวังมากกว่าเดิม
คุณภาพกล้อง
Xiaomi 11T Pro มาพร้อมกล้องหลังหลัก 108MP f/1.8 กล้องอัลตร้าไวด์ f/2.2 กล้องเทเลมาโคร 5MP f/2.4 และกล้องหน้าแบบเจาะรูกลางจอ 16MP f/2.5 คุณภาพกล้องพอใช้ รายละเอียดครบ แต่อาจมีสีสันสดเกินจริงเล็กน้อย ชมตัวอย่างภาพได้ด้านล่าง
ภาพจากกล้องหลังหลัก
ภาพจากกล้องอัลตร้าไวด์
ภาพจากกล้องเทเลมาโคร ซูม 2x
ภาพจากกล้องหลังหลัก
ภาพจากกล้องหลังหลัก
ภาพจากกล้องหลังหลัก
ภาพจากกล้องหลังหลัก
ภาพถ่ายกลางคืน และกล้องหน้า
กล้องสามารถตรวจจับการถ่ายภาพตอนกลางคืนได้แบบอัตโนมัติ และแสดงตัวอักษรว่า “Night” โดยจะช่วยทำให้ภาพสว่างขึ้นได้พอประมาณ แต่ถ้าต้องการใช้งานในที่มืดมากๆ ก็สามารถเปิด Night Mode ด้วยตัวเองได้ ซึ่งก็จะทำให้ภาพสว่างมากขึ้น แค่ต้องถือมือถือนิ่งๆ นานขึ้นหน่อย ส่วนกล้องเซลฟี่ คุณภาพดีตามมาตรฐานปกติของ Xiaomi
ภาพจากโหมดถ่ายภาพกลางคืนอัตโนมัติ
ภาพจากการเปิด Night Mode ในการตั้งค่า
ภาพจากกล้องหน้า
สรุป
นอกจากชื่อใหม่ กับที่ชาร์จ 120W ที่ชาร์จได้เร็วมากๆ แล้ว ส่วนอื่นของ Xiaomi 11T Pro ยังไม่มีอะไรที่ก้าวกระโดดจากรุ่นก่อนๆ มากนัก การกันน้ำกันฝุ่น IP53 ที่เพิ่มมาก็เป็นเรื่องดี แต่น่าจะยังไม่ดีพอ ถ้าคำนึงถึง Samsung Galaxy A52s 5G ราคา 13,999 บาท ที่กันน้ำกันฝุ่น IP67 กับ Xiaomi 11T Pro ที่ราคาเริ่มต้น 16,990 บาท
ทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่า Xiaomi 11T Pro เป็นมือถือที่ไม่ดี เพราะก็ยังเป็นมือถือเรือธงประสิทธิภาพสูง จอสว่าง สีสวย ลื่นไหล ใช้งานได้ครบครันเหมือนเดิม แค่ฟีเจอร์ใหม่ยังไม่มีอะไรให้ว้าวมากนัก และยังเป็นเพียงการอัพเกรดฮาร์ดแวร์ประจำปี