SCB TechX เป็นหนึ่งในบริษัทลูกน้องใหม่ไฟแรงในกลุ่ม SCBX ที่เน้นด้านการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้าน Banking และ Non-Banking โดยเป็นบริษัทที่ Spin off มาจากแผนก IT ของแบงก์ ตามนโยบายยานแม่ของ SCBX สมาชิกส่วนหนึ่งของทีมไม่ใช่ใครที่ไหน แต่มาจากทีมที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาแอปการเงินที่ผู้อ่านหลายๆ ท่านน่าจะมีติดเครื่องหรือเคยใช้งานอย่าง SCB EASY, SCB Connect รวมถึงแม่มณี หรือแอปสั่งอาหาร โรบินฮู้ด อีกด้วย
SCB TechX มุ่งเป้าเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยหลังจากที่ SCBX ประสานความร่วมมือโดยการร่วมทุนกับบริษัท Publicis Sapient ผู้เชี่ยวชาญที่ให้บริการที่ปรึกษาด้านการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ยุคดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น SCB TechX ก็เล็งใช้โอกาสจากพลังความรู้ของทั้งสองบริษัท เพื่อพัฒนาไปเป็นหนึ่งในผู้นำบริษัทเทคโนโลยี ทั้งในไทย และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
วันนี้ Blognone ได้รับเกียรติจากคุณตรัยรัตน์ สุวรรณประทีป ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เทคเอกซ์ จำกัด (SCB TechX) มาให้ข้อมูลด้านเกี่ยวกับ SCB TechX ทั้งการเริ่มต้นของบริษัท วิสัยทัศน์ การร่วมทุนกับ Publicis Sapient รวมถึงข้อมูลเป้าหมายของ SCB TechX ในอนาคต
สู่ดิจิทัล สู้ดิสรัปชั่น
คุณตรัยรัตน์ ย้อนเล่าต้นกำเนิดของ SCB TechX ตั้งแต่สมัยก่อนจะแยกตัวออกมา ว่าเกิดจากการเล็งเห็นว่าเทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงความต้องการของประชาชนเจนเนอเรชั่นใหม่ ที่ต้องการใช้บริการที่ทันที ทันใจ และการเข้าถึงกันได้ของทั้งโลก ทำให้บริษัทเทคโนโลยีนานาชาติ เข้ามาดิสรัปธุรกิจต่างๆ รวมไปถึงธุรกิจการเงินอีกด้วย
ความท้าทายต่างๆ ทั้งกับหลากหลายอุตสาหกรรม รวมถึงธุรกิจการเงินและธนาคาร ทำให้ค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการบริการเพิ่มขึ้น และทำให้รายได้จากการให้บริการหลายๆ ชนิด เช่นค่าธรรมเนียม ลดลง แถมยังมีคู่แข่งที่มีข้อได้เปรียบด้านความรวดเร็ว ไม่มีการลงทุนระยะยาวและภาระหนี้ สามารถเข้ามาแข่งในเวทีธุรกิจการเงินได้ ธนาคารจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลง และสร้างนวัตกรรมใหม่เพื่อตามให้ทันยุคดิจิทัล เกิดเป็นทีมดิจิทัลที่เริ่มสร้างนวัตกรรมภายใน และกลายมาเป็น SCB TechX ในปัจจุบัน
เริ่มต้นที่ความได้เปรียบ เน้นภูมิภาคที่มีความถนัด
เป้าหมายหนึ่งของกลุ่ม SCBX คือการมีผู้ใช้งาน 200 ล้านคน ซึ่งแค่ในประเทศไทยคงยังไม่พอ SCB TechX เอง จึงมองข้อได้เปรียบที่บริษัทมีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือประเทศในกลุ่มอาเซียน ที่มีพฤติกรรมและความต้องการคล้ายคลึงกัน เพื่อนำมาพัฒนาและเสริมสร้างความแข็งแกร่งที่บริษัทมี
ปัจจุบัน SCB TechX จึงมุ่งเป้าเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุด และดีที่สุดในภูมิภาค ที่เป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พร้อมพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งระบบคลาวด์ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และอื่นๆ ให้กับทั้งบริษัทในกลุ่ม SCBX และพาร์ทเนอร์อีกมายมายทั้งปัจจุบันและอนาคต
ประสานพลังกับ Publicis Sapient ผู้นำด้านการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น
คุณตรัยรัตน์พูดถึงอีกหนึ่งปัจจัยเสริมความแข็งแกร่ง คือการจับมือร่วมทุนกันของกลุ่ม SCBX กับ Publicis Sapient ผู้เชี่ยวชาญที่ให้บริการที่ปรึกษาด้านการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ยุคดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ที่มีประสบการณ์กว่า 30 ปี มีพนักงานกว่า 2 หมื่นคน และมีออฟฟิศอยู่กว่า 50 แห่งทั่วโลก รวมถึงในไทย
บริการของ Publicis Sapient เองค่อนข้างไปในทางเดียวกับ SCB TechX คือมีทั้งด้าน Consulting, Delivery และ Platform และทำให้ทั้งความสามารถทางเทคโนโลยี และความรู้หลากหลายอุตสาหกรรมที่ Publicis Sapient มี เมื่อประสานกับความรู้และความถนัดด้านเทคโนโลยีของ SCB TechX เพื่อปรับปรุงทั้ง Tech Stack และโฟลวการทำงานต่างๆ ย่อมเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาของบริษัทในอนาคต
ความท้าทาย และมุมที่ SCB TechX เร่งพัฒนา
ส่วนการพัฒนาองค์กรภายใน คุณตรัยรัตน์มองเน้นไปในด้านการปรับมุมมองคัลเจอร์ของบริษัท ให้มีความรวดเร็ว (agile) มากขึ้น และสร้างคัลเจอร์ที่มีความกระหายใคร่รู้ กล้าที่จะลองสิ่งใหม่ๆ กล้าที่จะผิดพลาด และแตกต่างจากการทำงานรูปแบบเดิมๆ ในอดีต
รวมถึงในตอนนี้ ความต้องการด้านการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลทั้งจากบริษัทในเครือ และบริษัทพาร์ทเนอร์ มีเข้ามาเป็นจำนวนมาก การจัดลำดับความสำคัญของงานพัฒนาแพลตฟอร์ม เพื่อสร้างผลประโยชน์ให้กับบริษัททั้งในระยะสั้นและระยะยาว ให้เหมาะสมกับกำลังคนราว 700 คนในปัจจุบัน พร้อมไปกับการขยับขยายและมองหาบุคลากรมาร่วมงาน ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องจัดการ
ด้านบุคลากร คุณตรัยรัตน์ระบุว่าคนที่ SCB TechX อยากได้มาร่วมงาน ต้องมีคุณสมบัติหลักๆ 3 ด้าน อย่างแรกคือกระหายที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ สองคือต้องเป็นคนที่พร้อมออกนอกคอมฟอร์ตโซน กล้าลองอะไรใหม่ๆ และอย่างที่สามคือต้องมีความรับผิดชอบ มีส่วนร่วมเป็นเจ้าของในโปรดักต์ที่พัฒนา และมีความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับบริษัท
โอกาสในอนาคต
นอกจากนี้คุณตรัยรัตน์มองว่าในอนาคต บริษัทอาจจะมีออฟฟิศหรือโคเวิร์กกิ้งสเปซในต่างจังหวัด เพื่อเพิ่มโอกาสเติบโตของนักพัฒนาซอฟต์แวร์นอกกรุงเทพ เช่นในเชียงใหม่ หรือขอนแก่น โดยอาจปรับโปรเซสการทำงานไปสู่รูปแบบการทำงานไฮบริด ที่ผสมผสานการทำงานแบบเสมือนที่อาจเหมาะสมกับบางรูปแบบการทำงาน ให้เข้ากับการทำงานแบบเข้าออฟฟิศได้อย่างเหมาะสม
คุณตรัยรัตน์ ยังได้แง้มอนาคตของ SCB TechX ให้ฟังเพิ่มเติมว่าอีกไม่นานผู้ใช้น่าจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จาก SCB TechX ทั้งผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AISCB และการพัฒนาไปอีกขั้นของแอปอย่าง โรบินฮู้ด ที่กำลังเตรียมขยับขยายไปสู่การเพิ่มฟังก์ชั่น เช่นการจองโรงแรม รวมถึงอาจมีแอปอื่นๆ ตามมาในอนาคต ที่คงต้องจับตามองกันให้ดี
Comments
แหล่งรวบรวม buzz words ที่ไม่มีเนื้อหาใด ๆ