พรรคเพื่อไทย ประกาศนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ให้ประชาชนทุกคนที่มีอายุเกิน 16 ปีขึ้นไป เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตามนโยบายที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้
วันนี้ (7 เมษายน) พรรคเพื่อไทยได้แถลงรายละเอียดเพิ่มเติมของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต โดยมี นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานนโยบายและประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ, นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค, นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรค เป็นผู้ร่วมแถลง
VIDEO สรุปรายละเอียดที่ถอดความโดยเว็บไซต์มติชน
ตั้งใจให้เป็นเงินดิจิทัล ไม่ให้เงินสด เพราะต้องการนำเทคโนโลยีมาจำกัดวิธีการใช้เงินบางประเภทที่ไม่เหมาะสมได้ เช่น การพนัน ยาเสพติด หนี้นอกระบบ
สามารถนำเงินดิจิทัลไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันได้ แต่ไม่อนุญาตให้ใช้ซื้อบุหรี่และใช้หนี้นอกระบบ
กำหนดระยะเวลาให้ใช้ภายใน 6 เดือน และจำกัดรัศมีการใช้งานตามบัตรประชาชน 4 กิโลเมตร หากพื้นที่ไหนไม่มีร้านค้าสามารถขยายได้ (นายเศรษฐาบอกว่าด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนจะขยายได้เป็น 7.5 กิโลเมตรหรือไกลกว่านั้น) แต่จะไม่อนุญาตให้ใช้นอกพื้นที่ได้เพราะต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน หากอาศัยอยู่คนละที่กับที่อยู่ในทะเบียนบ้าน จำเป็นต้องกลับไปเยี่ยมบ้านเท่านั้น
นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาทเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ในช่วง 6 เดือนจะมีมาตรการทางเศรษฐกิจอื่นๆ รองรับด้วย
จากนี้ไป คนไทยจะมี 2 บัญชี คือ บัญชีออมทรัพย์ทั่วไป และ บัญชีดิจิทัลวอลเล็ต โดยใช้บล็อกเชนเขียนเงื่อนไขลงไปบนเงิน ว่าต้องใช้ภายใน 6 เดือน และรัศมี 4 กิโลเมตร ซึ่งแตกต่างจากแอพเป๋าตังเป็นเงินในโลกยุคเก่า
หลังครบ 6 เดือนแล้ว สิ่งที่ได้กลับมาในระยะยาวคือโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินยุคใหม่ ที่อิงอยู่บน central bank digital currency (CBDC)
จะให้ประชาชนเลือกระหว่างบัตรคนจน กับกระเป๋าเงินดิจิทัล อย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วนที่มาของเงินจะมาจากงบประมาณบัตรคนจน 5 หมื่นล้านบาท, การรีดงบประมาณส่วนเงินในรายจ่ายงบประมาณปี 67 "หลายแสนล้าน", การเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้นจากการกระตุ้นเศรษฐกิจอีก 2 แสนล้าน
คาดว่าจะเริ่มโครงการได้วันที่ 1 มกราคม 2567
ที่มา - มติชน , Voice TV , ไทยรัฐ
Comments
แจกเงินทิพย์กงเต็กดิจิตอล ที่แลกกลับเป็นเงินจริงไม่ได้ แต่พยายามหลอกประชาชนว่ามีมูลค่าใช้ได้ เก็บภาษีได้ (ประชาชนจ่ายภาษีด้วยเงินทิพย์ สรรพากรจะยอมไหม? )
นั่นแหละครับ หน้าที่ของ "เงิน" ที่แท้จริงครับ คือใช้เพื่อให้คนลุกขึ้นมาทำงานและแลกเปลี่ยนผลผลิตกัน
ถ้าคุณคิดว่า "เงิน" คือ "สมบัติ" คุณก็ติดลูปความคิดแบบนี้แหละครับ และจะไม่มีวันรู้จัก "ใช้เงิน" ทำงานได้เลยครับ
งั้นช่วยตอบหน่อยว่า "ชุมชนรายย่อย/ท้องถิ่น" ที่ไหน อยากได้ "บล็อกเชน" มาใช้ ไหนจะที่มาเงินดิจิตอลอีก
กล้าไปดูกับตาไหมล่ะครับ?
อย่าเอาแต่เม้นท์โดยไม่เคยออกไปดูโลกภายนอกจริงๆ ครับ
ผม support เกษตรกรอยู่หลายจังหวัด ถ้ากล้ามาเจอผม ผมจะพาไปพิสูจน์ครับ
แต่ต้องกล้าให้ผมถ่ายคลิปคุณนะครับ คุณจะต้องกล้าเปิดหน้ายอมรับว่า มีชุมชนที่เขาต้องการอยู่จริงๆ (เงินหมุนเวียนที่เป็นอิสระจากเงินจริง)
และขอใช้คุณเป็น presenter ออกหน้าใน social เลยนะครับ
ถ้าคุณกล้าที่จะเจอทัวร์ลงจาก "คนแบบคุณเอง" ผมก็กล้าเสียเวลาและเงินทองพาคุณไปพิสูจน์
เพราะนี่จะเป็นการช่วยชาวบ้านในชุมชนที่ผม support อยู่ในตัว
สิ่งที่ผมพูดถึงคือ "เงินดิจิตอล" แต่ไม่ได้หมายถึง "Block chain" ครับ!
อย่าแสดงสติปัญญาแค่นี้ที่นี่
ตอนนี้ ชาวบ้านแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรกันเองได้ยากลำบาก เพราะติดตรงที่ต้องใช้ "เงิน" ในระบบเดียวกับที่เศรษฐีทั้งหลายกอบโกยไปได้เกือบหมด ทำให้เงินระบบนั้นเหลือหมุนเวียนน้อย ผลผลิตขายไม่ออกก็ต้องเอาไปเททิ้งถมที่
ถ้ามี "เงิน" อีกระบบที่สามารถแลกเปลี่ยนกันเองในชุมชนได้ ชาวบ้านจะ "มีชีวิตรอด" ได้ครับ
หรือคุณจะให้หอบกล้วยไปแลกข้าวเหมือนยุคก่อนมี "เงิน"
ถ้าคุณมัวแต่ขลุกอยู่กับชุมชนที่เห็นเงินเป็น "สมบัติ" คุณก็จะมีวิสัยทัศน์แค่หางอึ่งแค่นี้แหละครับ
แต่ถ้าคุณรู้จักออกมาขลุกกับชุมชนที่เขาเห็นเงินเป็น "กระดาษที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฏหมาย" คุณจะรู้จักวิธีคิดที่ตอนนี้คุณคิดไม่ออกเลยครับ
ชาวบ้านยังเพาะปลูก ยังเลี้ยงสัตว์อยู่ครับ ชีวิตของชาวบ้านมันดันติดแค่ "วิธีการ" ที่รัฐรับรองในการซื้อขายแลกเปลี่ยนดันมีวิธีเดียว และเป็นวิธีที่เศรษฐี monopoly ได้เปรียบทั้งขึ้นทั้งล่องอยู่ครับ
ขอ edit เพิ่ม...
ผมเพิ่งดูภาพที่คุณแปะมา ก็ไม่พบข้อความ "Block chain" หรือ "บล็อคเชน" ตรงไหนสักนิดเลยนะครับ!
เขาก็อธิบายถึง "นโยบาย" ในการกระตุ้นด้วยเงินอีก Circulate System ล้วนๆ นะครับ
ส่วนเรื่องทาง technic จะใช้อะไร ผมว่ามันคนละเรื่องครับ ชาวบ้านไม่จำเป็นต้องรู้และเข้าใจเลย แต่คนแบบคุณนี่แหละ เอาศัพท์เทคนิคพวกนี้ไปป่วนสังคม
ตกลงเราจะแลกเปลี่ยนความเห็นหรือจะหาเรื่องทะเลาะลากพาคนไปรุมกระทืบครับรูปประโยคชวนหาเรื่องมาก ?
มันป่วนตั้งแต่พรรคการเมืองเอา buzz word มาใช้หาเสียงนี้แหละ
อย่าง NFT มาช่วยเกษตรกรยังไงครับ ตอนนี้ผมก็มอง NFT เป็น scam ไปล่ะ
https://www.blognone.com/node/131742
ผมต่างหากครับ ที่กำลังแลกเปลี่ยนความคิดเห็น!!
แต่คุณต่างหากที่เป็นฝ่ายลาก "การเมือง" เข้ามาแล้วใส่สีตีไข่เติมคำว่า "บล็อกเชน" เข้าไปแล้วนำมาโต้แย้งไปในทางการเมืองเพียวๆ โดยไม่มี "ความคิดเห็น" ใดๆ ลงไปเลย
ไม่มีแม้กระทั่งความคิดเห็นเชิงเทคนิค! (ผมจึงใช้คำว่า "ที่นี่" อันหมายถึง blognone ซึ่งเต็มไปด้วย technical!)
คุณซึ่งไม่มีแม้แต่ความเข้าใจว่าอะไรคือ "Backend" ซึ่งมันไม่ใช่นโยบายและไม่ได้เป็นหัวใจสำคัญของนโยบายเลย ตลอดจนความคิดเห็นแรกของคุณและของผมที่แลกเปลี่ยนไป ก็ไม่ได้มีคำว่า "บล็อกเชน" หรืออื่นใดที่หมายถึง "Backend" แต่ประการใด แต่เป็นความคิดเห็นแท้ๆ ที่พูดถึงนโยบายในการทำให้เศรษฐกิจในประเทศระดับชาวบ้านเขาสามารถขับเคลื่อนไปได้เอง
แต่พอความเห็นถัดมาของคุณ กลับกลายเป็นลากการเมืองและ buzz word เข้ามาละเลงซะนั่น
ยิ่งมาอันนี้ ก็ลาก NFT เข้ามาละเลงเพิ่มเข้าไปอีก ยิ่งแสดงระดับสติปัญญาเลยว่าแยกแยะไม่ออก ว่าอะไรเรียกว่า "นโยบาย" และอะไรเรียกว่า "เครื่องมือในการปฎิบัติ"
ผมสิครับ ต้องถามคุณว่าตกลงจะแลกเปลี่ยนความเห็นด้วยสติปัญญา หรือจะหาเรื่องทะเลาะลากการเมืองบ้าบอเข้ามาครับ?
ถ้าคุณกล้าทำแบบนั้น ก็ต้องกล้ารับผลที่จะตามมาสิครับ? กลัวแพ้หรือครับ? กลัวคนรุมกระทืบหรือครับ? ปอดแหกหรือครับ!
ผมไม่กลัวครับ! คนจริง มีสติปัญญาจริง ใครเขาต้องกลัวกันครับ?
รูปประโยคของผมไม่ได้ "ชวน" หาเรื่องครับ!! แต่ตั้งใจหาเรื่องแบบตรงไปตรงมาเลยนะครับ!! ไม่ได้เลี่ยงบาลีแบบคุณ!
ผมไม่ได้ท้าคุณมายิงกันนะครับ! แต่ท้าคุณออกไปเจอของจริง แล้วต้องยอมให้ถ่ายวิดิโอที่คุณจำนนต่อหลักฐานไว้ด้วย เพื่อเอาไว้แฉกลับใส่พวก "คนแบบคุณ" เองด้วยตัวคุณเอง (คำตอบที่คุณถามว่า "ชุมชนรายย่อย/ท้องถิ่น" ที่ไหนอยากได้? แต่คุณดันหัวหมอพ่วง buzz word คำว่า บล็อกเชน เข้ามาด้วย เพื่อบิดจากความเห็นผมที่พูดถึงตัวนโยบายแท้ๆ ให้ออกทะเลไปกลายเป็นเรื่อง Backend ที่จะใช้ในการดำเนินการตามนโยบาย)
แค่นี้กลัวหรือครับ? นี่คือการหาเรื่องในวิถีปัญญาชนเชียวนะครับ! (สงสัยจะชอบรถถังและปืนสินะ)
ไม่ว่าเขาจะเอา Backend technology อะไรเข้าไป implement ให้นโยบายเขาเป็นจริงขึ้นมาได้ ผมมั่นใจเหลือเกินว่ามันใช้ได้ดีกว่าการนำ "รถถัง" และ "ปืน" มาเป็น backend เข้าไปบังคับให้ "ปล่อยกู้เงินจริงๆ" มาอัดฉีดอย่างไม่มีปัญญาหาเงินมาใช้หนี้ได้แน่นอนครับ
ชาวบ้านแค่กำลังต้องการอะไรบางอย่างมาเป็นตัวเลขรับประกันการซื้อขายแทน "เงินระบบเก่า" ซึ่งมันขาดตลาด (ไปอยู่ในมือเศรษฐี) หามาใช้ซื้อขายยาก หามาได้ก็มีแต่ดอกเบี้ย (ผมก็เศรษฐี แต่เลิกเก็บดอกเบี้ยและค่าใช้ที่ดินทำกินจากชาวบ้านมา 22 ปีแล้วครับ ให้ใช้ฟรี!)
เพราะผลผลิตมันเน่าเสียได้ มันไม่สามารถรอได้ แต่เงินระบบเก่ามันกลับไม่เน่าเสีย เศรษฐีเก็บไว้กลับยิ่งมีดอกงอกเงยได้โดยไม่ต้องใส่ปุ๋ย รดน้ำ แค่เอาออกมาวนให้ชาวบ้านยืมไปประกันการซื้อขาย ก็ยังได้กลับคืนแบบเงินงอกได้เอง
แค่นี้ครับ เข้าใจได้ง่ายๆ ว่าทำไมชาวบ้านอยากได้ "เงินอีกระบบ" ที่มีแค่ตัวเลขก็ได้ ไม่ต้องจับต้องได้จริง
หรือจะแปลงนโยบายเป็นว่า "ซื้อ/ขายเงินเชื่อกันเองได้ โดยรัฐเป็นผู้จดบันทึกตัวเลขให้ มีเครดิตเริ่มต้นให้ 10,000 credit" แบบนี้ก็ได้ครับ ชัดเจนดีว่า เป็นเงินอีกระบบขึ้นมาเท่านั้น
แค่โดนลากมาตบกลางสี่แยก blognone นี่ ก็ไปไม่เป็นแล้วสินะครับ? ต่อไปจะเที่ยวไปขุด buzz word ทางการเมืองที่ไหนมาโต้แย้งอีกล่ะครับ? สติปัญญาของตัวเองที่ไม่ต้องลอก buzz word ใครมาออกความเห็นน่ะ มีไหมครับ?
พิมพ์มายาวๆ มันก็ไม่พ้นเอาเงินภาษีไปแจกชาวบ้านแล้ว วกเอาไปใช้จนหมดตูด แล้วรอรัฐเอาเงินมาอุ้มใหม่ เหมือนทุกทีที่ผ่านมา เปลี่ยนแค่เงินดิจิตอลมันแปลงเป็นเงินสดไม่ได้ ยิ่งฟังดูไร้ค่าเข้าไปอีกเพราะคนที่จะรับก็มีแต่ตัวใหญ่ๆ
ตรงไหนครับ ที่เอาเงินภาษีไปแจกช้าวบ้าน?
ผมยังไม่เห็นต้องเอาภาษีใครไปแจกเลย แถมยังมีเงินเสียภาษีให้ชาติอีกปีละตั้งเยอะ!
คิดไม่ออกล่ะสิ เลยคิดว่าคนอื่นเขาคิดและทำได้เท่าคุณ!
คนรวยก็คือคนรวยครับ คนรวยเกือบทุกคนเขาคิดได้และมองเห็นหนทางกันทั้งนั้นแหละครับ แต่สิ่งที่ต่างกันคือแต่ละคนมีความละโมบแค่ไหน จะกั๊ก solution ไว้เสริมความแข็งแกร่งทางความรวยเฉพาะพวกพ้องของคนเองแค่ไหนเท่านั้นครับ
"รอเงินรัฐเอาเงินมาอุ้ม" ประโยคนี้ประโยคเดียวผมก็เห็นแล้วว่า คุณติดอยู่กรอบความคิดว่า "เงินคือสมบัติ" ครับ
ถ้าหลุดกรอบนี้ไม่ได้ คุณจะไม่มีทางมองเห็นและคิดออกครับ ว่า "เงิน" น่ะ มักเสกง่ายนิดเดียว
"เสก"เงิน โอเค งั้นพวกคุณก็ติดหล่มต่อไปครับ
ครับ! หล่มความรวยเอาไว้เป็นนายพวกคุณ!
สุดท้าย คุณก็ไร้ความคิดเห็นของตัวเองอย่างแท้จริง ทำเป็นแค่กระแนะกระแหนสินะครับ! พวกได้แต่ติ แต่ไม่มีปัญญาก่อ
มั่นใจว่าตัวหนังสือของตัวเองเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติแล้ว?
ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนจะขยายได้เป็น 7.5 กิโลเมตรหรือไกลกว่านั้น??
จริงไม่ต้องถึงใช้ BC ก็ได้นะ แต่ถ้าจะเอา buzzword ก็นะ
โอ้โห นโยบายคราวก่อนที่เกี่ยวกับบล็อคเชนว่าล้าหลังแล้ว เพราะเอา buzzword มาใช้เรื่อยเปื่อย แถมไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผลใดๆ มารอบนี้จะแจกเงินอีก โหววววววววววว แล้วคนในพรรคนี้ก็ด่าว่าประยุทธ์เอาแต่แจกเงินอ่ะนะ โหวววววววววว
ทำไมทำแต่เรื่องแจกเงินวะ
เวลาผมถือถุงทูเม็ด แมวผมก็ร้องเมี๊ยวๆๆๆๆ แต่พอมันกินอิ่มแล้วมันก็ไม่สนใจผมเลย
บางคนก็ไม่ต่างจากแมวผมเท่าไหร่ แต่มันคือกลุ่มใหญ่มากๆด้วยสิ
ประชานิยม
เด็กแถวบ้านบอกจะเลือกเพื่อไทย จะเอาเงินไปซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่
เอาจริงๆ มันก็ไม่ต้องใช้บล็อกเชนก็ทำได้ทั้งหมดในนี้แล้วนะ ระยะทางก็เอาพิกัดบ้านในทะเบียนราษฎรมากางวงกลม 4 กิโลเมตร แล้วก็เช็กพิกัดด้วย GPS ระหว่างคนจ่ายกับคนรับ ก็จบ ครบ 6 เดือนเงินหาย พวกคนละครึ่ง เราชนะ หมดเวลาเงินก็หายหมดแล้ว
ยังสงสัยว่า CBDC ใช้ Blockchain ด้วยเหรอ
เพื่อไทย ช่วยทดลองใช้ให้ดูหน่อย ในพรรคกันเองก็ได้
ใช้ "ได้" ครับ (เช่นเดียวกับฐานข้อมูลอื่นๆ ที่จะฝืนใช้มันก็ใช้ได้)
แต่จะใช้ทำไม ใช้แล้วมีประโยชน์ไหม หรือใช้แล้วดีกว่า SQL บ้านๆ ไหม อันนี้อีกเรื่อง
lewcpe.com, @wasonliw
นั้นสิ SQL ธรรมดาก็น่าจะได้แล้ว ผูกข้อมูลทะเบียนบ้านไว้อิง 4 กิโลเมตรอีก
ตัวเงินดิจิตอลกลัวว่าจะไม่มีคนรับแทน เพราะมีอายุ 6 เดือน แถมถ้ามีทัศนคติว่า จะโดนเก็บภาษี ร้านค้าก็ไม่อยากจะรับอีกไหมเนี่ย
หลักๆคือ ได้ยินว่าจะต้องแก้กฎหมายก่อนด้วย แล้ว 1/3 สวจะเอาด้วยไหม
หากอาศัยอยู่คนละที่กับที่อยู่ในทะเบียนบ้าน จำเป็นต้องกลับไปเยี่ยมบ้านเท่านั้น
ต่อไปคงต้องผลักดันเรื่องบ้านเช่าใช้เป็นทะเบียนบ้านได้แบบหอพักในมหาวิทยาลัยด้วยล่ะมั้ง (แต่หน่วยงานตามชนบทคงไม่ถูกใจเท่าไหร่)
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
ผมว่านั่นเป็นวัตถุประสงค์แฝงเลยครับ (ฮา)
ประเทศล่มจมไป หลายๆประเทศ เพราะประชานิยม ไม่ดูไม่เข็ด
แต่คงโทษนักการเมืองทั้งหมดไม่ได้ ประชาชน กินเหยือแบบไหน นักการเมืองก็คงใช้เหยื่อแบบนั้นมาตก ประชาชน
แล้วจะมีคนกล้าเก็บกล้าใช้เงินนี้ไหมละนั้น เงินที่มันกำกับดูแลได้ขนาดนั้น ได้มาคงรีบใช้ให้มันหมดหรือหาทางแปลงเป็นเงินอื่นแทน
ด่าประยุทธ์แจกเงิน เหิ่มมม เหมือนถุ้ยน้ำลายขึ้นฟ้า ไม่วายก็ตกใส่หน้าตัวเอง
เห็นนโยบายนี้แล้ว กา ก้าวไกล ดีกว่า
หนีเสือปะจระเข้
กล้า
นั่นก็พอกัน แกอย่ามั่น 🤣
ต้องอุทานว่า ชห แล้วครับ 5555 งั้นต้องมาลุ้นว่าใครมันจะนำเสนอดีกว่ากัน แต่คิดตลอดว่า พอเหอะ ไอ้เรื่องแจกเงินเนี่ย นโยบายนี่มันเหมือนซื้อเสียงไปในตัว
ด้านมืดของประเทศมีเยอะจริงๆ เกาหลีใต้เขาทิ้งไปไกลสุดกู่แล้ว
มีพรรคชูนโยบายประชานิยมแบบนี้เยอะๆ ก็ดี
ตัวเลือกจะได้เหลือน้อยลง เลือกกาง่ายขึ้น🤭
การใช้ block chain มันจะประมวลผล transaction ทันไหมเนี่ย เป็นห่วงเรื่องนี้เรื่องเดียว ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็รอดูก่อน
เลิกเหอะ นโยบายประชานิยมเนี่ย ไม่ว่าจะพรรคไหนก็ตาม ถ้าไม่มีวิธีหาเงินเข้ารัฐที่ดีกว่าตอนนี้ แล้วก็นโยบายแต่ละอันที่พูดไปให้ดูเท่ๆ แต่ทำจริงไม่ได้สักอัน ก็อย่ามาออกมาประกาศให้คนด่าหลังเลือกตั้งดีกว่า
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เชื่อสิหลังเลือกตั้งเสร็จมีคนร้องแน่ๆ เข้าประเด็นสัญญาว่าจะให้ นี่ยังไม่รวมตีความว่าซื้อเสียงไปอีกนะ โดนยุบพรรค แถมโดนอาญาอีก แต่ก็มีช่องทางหลบ เพราะกรอบกฎหมายไทยมันไม่ครอบคลุมไปถึงเงินดิจิทัล ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับศาลแล้วล่ะว่าจะยังไง งานนี้เทหมดกระเป๋ากันเลยทีเดียว เพราะถึงได้เป็นรัฐบาลแต่โดนข้อหานี้เข้าไปน่าจะเป๋เลยล่ะ แปลกนะก็มีคนฉลาดๆ อยู่ตั้งแยะ แต่ดันจะตายน้ำตื้นซะงั้น ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าอีกฝ่ายเขาสามารถทำอะไรได้บ้างก็ยังจะหัวแหย่เข้าไปอีก
*** update ***
เลขาฯ กกต. ให้สัมภาษณ์แล้วว่าไม่ผิดถ้าเป็นนโยบายที่ใช้งบประมาณแผ่นดินมาใช้เมื่อได้เป็นรัฐบาลเพราะถือเป็นนโยบาย จะผิดในกรณีที่ใช้เงินส่วนตัวมาแจก เผื่อใครยังไม่รู้ เพราะผมเองก็พึ่งรู้รายละเอียดข้อนี้เหมือนกัน
มันคือการเอาเงินอนาคตมาใช้อีกหรือเปล่านี่ แบบขึ้นค่าแรง คิดง่ายๆ ขึ้นคาแรงอุตสาหกรรมอาหาร อาหารก็ขึ้นราคาตาม คนในประเทศหรืออยู่ในอุตสาหกรรมอาหาร ก็ไม่ได้ซื้ออาหารได้มากขึ้นหรอก อาจจะเท่าเดิมหรือน้อยกว่าเดิมด้วยซ้ำ อาหารที่ผลิตในประเทศต้องส่งออกไปประเทศที่รวยกว่าเราเพราะเขาซื้อกินได้ ส่วนเราต้องนำเข้าอาหารจากประเทศที่ยากจนกว่าเราเพื่อเอามากิน แล้วถ้าส่งออกไม่ได้เมื่อไหร่ ก็จะสะเทือนไปทั้งระบบอีกพนักงานโดนลดเงินไม่ก็ไม่ปรับขึ้นเลวรายสุดคือโดนให้ออก ส่วนอาหารก็จะแพงเหมือนเดิมและคนในประเทศยิ่งไม่มีปัญญาซื้อกินยิ่งกว่าเดิม ปล่อยให้เน่าไป
เห็นข่าวนี้ในเฟส แล้วเห็นคอมเม้น มีแต่เลิฟๆ ก็ได้แต่สงสัยว่า ถ้าเป็นอีกพรรค ออกนโยบายเหมือนแบบนี้เป๊ะ จะเป็นยังไงกัน
คือไรเนี่ย ทำไมต้อง blockchain เกี่ยวไร 55 DB ธรรมดาๆ บ้านๆ ใช้ไม่ได้เหรอ
รู้สึกดีใจที่ความเห็นส่วนใหญ่อยู่บนความจริง
ดูที่เนื้อหากันจริงๆ ไม่ใช่ดูว่าใครเป็นคนพูด
MongoDB ได้ไหมจ๊ะ
Idea ok ตรงกำหนดพื้นที่ใช้งานได้ รายได้จะได้กระจายหน่อย
แจกเงินก็พอ ok อยู่บ้าง เพื่อเป็นตัวเร่งการใช้งาน
แต่ๆๆ
Implement เพิ่มจากเป๋าตังกก็ไม่เสียหายนะ
ส่วน blockchain จนตอนนี้ยังไม่เห็นว่ามันจะจำเป็นเลย
ถ้ามันจำเป็นในอนาคตก็แถลงวิสัยทัศน์แบบจับต้องได้หน่อยก็ยินดีรับฟังนะ
เมากาวดี
Point สำคัญสุดมันคืออันที่ 3 จากสุดท้าย
โครงการนี้มันคือการเอา cbdc มาใช้จริง แบบบังคับให้ทุกคนใช้เต็มรูปแบบเลย
มาพร้อมฟีเจอร์ fiat แบบครบครัน
ทั้งการกำหนดวันหมดอายุ
ทั้งการกำหนดว่าซื้ออะไรได้ไม่ได้
แถมแอดวานซ์ขึ้นอีกด้วยการกำหนดอานาเขตการใช้งาน
นี่คือสิ่งที่ต่างชาติหลายคนกำลังต่อต้าน cbdc ของรัฐบาลประเทศตัวเองกันอย่างดุเดือด
แต่คนไทยเรากำลังถูกมัดมือชกให้เป็นหนูทดลองใช้เลย
ได้เงินฟรีหมื่นนึงแลกกับ privacy สิทธิเสรีภาพในการใช้เงินที่ถูกริบไปโดยไม่รู้ตัว แม่งโคตรเหี้ยมเลยรัฐไทย
อะไรแบบนี้มันผลักดันง่ายกว่าในเอเชีย เพราะเราแคร์เรื่องความเป็นส่วนตัวน้อยกว่าตะวันตก
ผมยังไงก็ได้ ขอแค่อย่าแบนเงินทางเลือก
ผมคิดง่ายๆ ไม่ว่าใช้บล็อกเชนหรือไม่ ข้อมูลทางการเงินก็ไม่ได้เป็นความลับอยู่แล้ว การใช้บล็อกเชนแค่เปลี่ยนจากธนาคารเป็นรัฐเท่านั้นเอง
สำหรับคนธรรมดาๆอย่างผม ให้รัฐจัดการไปเลยก็ดี พวกทุจริต รับใต้โต๊ะ เงินทอน ฟอกเงิน จะได้หมดไป
เราเสียงบไปกับเรื่องพวกนี้ปีๆหนึ่งไม่รู้กี่แสนล้าน
เอามาแจกจ่ายให้ประชาชนโดยตรงเลยดีกว่า
แปลกดีนะครับ รัฐแจกเงินเจ้าสัว บอกเป็นการส่งเสริมการลงทุน
แต่พอรัฐเอาเงินมาแจกประชาชน บอกเป็นประชานิยม อ้างวินัยการคลังทันที
นโยบายแบบนี้ ไม่ว่าพรรคไหน ประชาชนควรดีใจ เพราะประโยชน์ตกอยู่กับคนไทยทุกคน ไม่ใช่คนรวยไม่กี่คน
ส่วนตัวผมไม่ชอบการหาเสียงด้วยวิธีแข่งกันแจกเงินนะ อีกหน่อยประชาชนเสพติดการแจกพรรคไหนแจกมากกว่าได้เสียงมากกว่า
อย่าดูถูกสติปัญญาประชาเลยครับ ตอนนี้เค้ามองข้ามสเต็ปไปแล้วว่าจะขายดีอะไรดีในชุมชนของตัวเอง ในขณะที่คนเมืองยังเถียงกันเรื่องประชานิยม การเมืองบริสุทธิ์อยู่
การตั้งข้อสังเกตเรื่องประชานิยมมันก็เป็นสิ่งที่ควรเอามาคิดกันบ้างนะครับไม่ใช่จะเอาแต่เงิน ประเทศที่เศรษฐกิจล่มสลายส่วนมากก็มาจากประชานิยมเนี่ยแหละ
ข้อความคุณเป็นเท็จนะครับ เป็นข้อความที่คนนิยมเผด็จการทหารทุกคนชอบนำมาอ้างลอยๆ
ประเทศที่เศรษฐกิจล่มสลายส่วนมากเกิดจากทหารทำสงครามครับ
เปิดประวัติศาสตร์โลกนับประเทศดูได้เลยครับ!!
ผมต่อให้นับตลอดประวัติศาสตร์มนุษยชาติที่มีการบันทึกกันมาเลยด้วยครับ!
“เป็นข้อความที่คนนิยมเผด็จการทหารทุกคนชอบนำมาอ้างลอยๆ” แค่ประโยคนี้ของคุณก็เท็จแล้ว คำตอบของคุณเลยดูไม่มีราคาไปเลยครับ
ผมท้าให้ "นับ" สิครับ! เริ่มกันตั้งแต่ยุคเมโสโปเตเมียมาเลยก็ได้ครับ จะได้รู้ว่าใครพูดเท็จกันแน่
เผด็จการทหาร คือผู้ที่ทำลายอาณาจักรของมนุษย์มามากที่สุดแล้วครับ อย่าทำเป็นแค่กระแนะกระแหนครับ คุณไม่มีราคาอยู่แล้ว เพราะไม่มีข้อเท็จจริงเลยตั้งแต่ความเห็นแรก
ตั้งแต่ที่มนุษย์สามารถบันทึกประวัติศาสตร์เป็นตัวหนังสือได้ ก็มีแต่ฝ่ายที่อยู่ข้างเผด็จการทหารเท่านั้น ที่สร้างวลีโยนขี้ว่าผู้อื่นทำลายเศรษฐกิจ ทำลายชาติ แม้แต่สงครามศาสนาก็ปลุกปั่นโดยทหารครับ!
ถ้าประโยคของผมเป็นเท็จ ช่วยหาหลักฐานมาหักล้างหน่อยครับ!
ถ้าคนไม่ตาย เศรษฐกิจไม่เคยล่มสลายจริงครับ มันก็แค่เทกระดาน ล้มละลาย แล้วเริ่มใหม่
แต่เผด็จการทหารทำให้คน "อดตาย" จริงๆ กันมานักต่อนัก! (นี่ยังไม่รวมตายด้วยอาวุธนะ) แค่เศรษฐกิจล่มสลายน่ะ เป็นแค่ความพังเสี้ยวเดียวของฝีมือทหารเท่านั้นครับ
ดูสงครามรัสเซียปัจจุบันนี้ก็ได้ครับ ฝีมือพรรคพลเรือนไหนของรัสเซียหรือยูเครนทำพังหรือครับ?
ความล่มสลายที่แท้จริงของมนุษย์ ล้วนเกิดจากเพศชายบ้าพลังแต่ขาดสติปัญญาเข้าห้ำหั่นกัน ใช้วลีที่คุณนำมา quote เพื่อปลุกปั่นและใช้กำลังบังคับเพศชายชาติเดียวกันที่ไม่ได้บ้าพลังด้วยให้ออกไปตายก่อน จนกองกำลังหมดประเทศแล้วยอมแพ้ หรือเจอถล่มอย่างฮิโรชิม่าและนางาซากิจึงยอมเลิก
มันไม่เคยมีการล่มสลายที่แท้จริงอันไม่ได้เกิดจากสงครามมาก่อนเลยตลอดประวัติศาสตร์มนุษย์
ถ้าคุณว่าข้อความผมเป็นเท็จ ยกตัวอย่างมาสักประเทศ ที่เคยล่มสลาย "จริงๆ" โดยไม่ใช่ฝีมือทหารมาครับ (อย่าเอาภัยธรรมชาติอย่างเช่นที่ Pompeii โดนมาอ้างรวมนะครับ)
เศรษฐกิจ มันก็แค่กฏกติกาที่มนุษย์ตกลงกันเพื่อทำการค้าเท่านั้นครับ มันไม่ได้เป็นกติกาที่หมายเอากันถึงชีวิต ต่อให้เป็นระดับชาติก็ล้มละลาย รีเซ็ท แล้วเริ่มใหม่ได้เสมอ
แต่ไอ้คนกำหนดกติกาเนี่ย มันคือทหารถืออาวุธเสมอมาครับ!! พอไปถึงที่สุดแล้วมันหมายเอาถึงชีวิตเสมอ!!
เศรษฐกิจ มันประกอบไปด้วยข้อตกลงที่อาศัยการรักษาสัญญาทั้งสิ้น แต่อาวุธมันจับต้องได้จริงและไม่ต้องรักษาสัญญาครับ!
ถึงวันนี้ เคยมีประเทศไหนหายไปจากแผนที่โลกด้วยเศรษฐกิจล่มสลายครับ? แต่มีนับไม่ถ้วนที่หายไปเพราะนายทหาร!!
เศรษฐกิจ ล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ได้ครับ แต่ทหารทำได้!!
ผมไม่เคยกลัวเศรษฐกิจล่มสลาย เพราะมันล้มแล้วลุกขึ้นใหม่ได้ แต่ผมกลัวความผิดพลาดของทหารที่ทนงตัวครับ เพราะมันถึงกับทำให้ประเทศหายไปจากแผนที่โลกได้เลยทีเดียว
“มันก็แค่เทกระดาน ล้มละลาย แล้วเริ่มใหม่” แค่กระบวนการนี้กินเวลาไปเป็นหลักสิบปีแล้วยังไม่เรียกเศรษฐกิจล้มอีกหรอ55
ผมกำลังพูดเรื่องนโยบายทางเศรษฐกิจนะไม่ใช่ทหาร แน่นอนว่าเผด็จการทหารเป็นส่วนนึงของปัญหาเศรษฐกิจอยู่แล้วไม่ต้องบอกก็รู้แต่ผมไม่ได้พูดถึงประเด็นนั้น
ก่อนจะให้คนอื่นไปหาข้อมูลออกทะเลไปไกล คุณต้องอยู่ในประเด็นก่อนไหม
ถ้าคุณคิดว่ามีแค่ทหารอย่างเดียวที่เป็นปัจจัยเศรษฐกิจพังผมว่าคุณกำลังดูถูกเศรษฐศาสตร์เกินไปหรือไม่ก็ไม่เข้าใจมันมากกว่า เพราะจริงๆแล้วหลายประเทศก่อนจะเริ่มเกิดสงครามก็เริ่มต้นมาจากปัญหาทางเศรษฐกิจนะ
ผมคงจะไม่เข้าใจเศรษฐศาสตร์ได้เท่าคุณหรอกครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมผมเป็นเจ้าของบริษัทของตนเองได้ 2 บริษัท ปัจจุบันมีสาขาอยู่ใน US, GB, SG, HK ด้วยมา 25 ปีแล้ว
เอาเป็นว่า ผมคงไม่เข้าใจเลยล่ะมั๊งครับ ชีวิตผมที่แข็งแกร่งผ่านทุกวิกฤติเศรษฐกิจมาได้ตลอดตั้งแต่พฤษภาทมิฬเป็นต้นมาจนปัจจุบันเนี่ย ผมคงฟลุ๊คแหละครับ
สงครามไม่ได้เริ่มมาจากปัญหาเศรษฐกิจครับ แต่ทหารใช้เศรษฐกิจ (และอื่นๆ) เพื่อการอ้างเป็นความชอบธรรมในการทำสงครามต่างหากครับ
กระบวนที่คุณว่าเป็นหลักสิบปี ก็ยังเร็วกว่ากระบวนการฟื้นชาติจากการทำลายล้างของทหารด้วยวาทะกรรม "รักชาติ" มากครับ ไม่เชื่อถามคนญี่ปุ่น เยอรมัน หรือแม้แต่รัสเซียดูได้
หลักสิบปียังทันตาเห็นครับ!
ปัญหาคือ คนแบบคุณและทหาร ดันเชื่อมั่นว่าตัวเองรอบรู้กว่าคนที่เขาทำธุรกิจประสบความสำเร็จแล้วจริงๆ นั่นแหละครับ
หลักฐานความรอบรู้ในแต่ละแขนง มันต้องวัดกันที่ความสำเร็จในแขนงนั้นๆ ครับ เช่นเดียวกันกับการใช้กำลัง กดขี่ ข่มเหง เข่นฆ่าและบีบบังคับ ผมจะไม่เถียงเลยว่า ทหารเก่งที่สุดครับ!
ทหารคืออาชีพที่ถูกฝึกมาเป็นนักฆ่าครับ ทำเป็นแค่ "สั่งการ" และ "กำชับ" แต่ไม่เคยมีสมองในการคิดได้ว่า "สั่งให้ทำอะไร"
ผมไม่ได้ดูถูกเศรษฐศาสตร์ครับ แต่ผมเข้าใจว่าเศรษฐศาสตร์คือศาสตร์ที่เกิดจากเศรษฐกิจ แต่มันไม่ได้เป็นผู้กำหนดและกำเนิดเศรษฐกิจครับ เศรษฐกิจกำเนิดจากการกำหนดข้อตกลงในการซื้อขายแลกเปลี่ยนของมนุษย์ก่อนครับ
นี่ไม่ใช่เรื่องไก่กับไข่ คนเก่งเศรษฐศาสตร์แบบคุณน่าจะเข้าใจอยู่แล้ว
แค่ cbdc ที่แบงก์ชาติจะทำก็พอมั้งไม่ต้องใช้บล๊อกเชนหรอก หรือถ้าจะใช้จริงก็เอาข้อมูลการใช้เงินไปวิเคราะห์ให้เกิดประโยชน์ด้วย แต่ตอนเก็บข้อมูลเอาให้มันดีๆอย่าเป็นเหมือน 55mรายการแบบที่เกิดไปแล้ว แต่ก็เข้าใจนะกับคนที่ไม่ไว้ใจรัฐเรื่องข้อมูลผมก็ไม่ได้เชื่อนักหรอก แต่ถ้าทำดีมันก็เป็นประโยชน์จริงได้ ถ้าทำให้มันโปร่งใส ไม่ใช่พวกตรงข้ามเล่นงานแต่พวกตัวเองทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นนะ
เอาจริงนี่มันก็คือ qe แบบนึงสินะ ก็รอดูว่าได้ผลแค่ไหน ประชานิยมมันก็เรื่องปกติอยู่ละ มันเอามาโจมตีกันไม่ได้แล้วว่าประชานิยมไม่ดี เพราะแม่งก็ทำกันหมด ไอ้พวกที่โจมตีประชานิยมอะ ปากว่าตาขยิบ แล้วก็มาเคลมผลงานว่าทำเพื่อประชาชน แต่ตอนอีกฝ่ายทำด่า มาดูที่ผลพลอยได้จากประชานิยมดีกว่าว่าใครจะเก็บเกี่ยวผลพลอยได้ที่จับต้องได้กันบ้าง
ไปๆมาๆ พรรคใกล้กาวกลับกาวน้อยกว่าเพื่อไทยอีก อย่างเปลี่ยนใบเสร็จเป๋าตังค์เป็นหวยแบบไต้หวัน -_-
เห็นนโยบายพรรคการเมืองยุคนี้แล้วเหนื่อยใจจริงๆ แจกอย่างเดียว แต่ที่มาของรายได้ จะเอามาจากไหน อยากรู้จริงๆ
..: เรื่อยไป
"มันเป็นเทคนิคการหาเสียง" นักการเมืองท่านหนึ่งได้กล่าวไว้
เอาจริงๆ พรรคลุงตู่ถ้าไม่ติดว่ามาจากทหารกับบ้าจ้าวก็ถือว่านโยบายจับต้องได้มากสุดในรอบนี้ พรรคอื่นไม่น่าเชื่อว่านโยบายแป้กเยอะขนาดนี้
เงินดิจิทัลที่เห็นกันอยู่ก็ใช้ฟอกเงินซื้อขายยาเสพติดก็ได้นิ จะเงินแบบไหนก็ใช้ทำผิดกฎหมายได้หมดแหละ
ให้เลือกบัตรคนจน หรือกระเป๋าเงินดิจิทัล เหมือนเคยเห็นด่าเรื่องบัตรคนจนอยู่นิ แล้วจะให้เลือกทำไม
ทำไมต้อง block chain DB อื่น ๆ ทำไม่ได้เหรอ แต่อยากใช้ก็ไม่ขัดนะ ส่วน NFT นี่ For wat!!!! แถมต้องใช้ในหกเดือน Wat!!! แจกเงินแล้วมีเงื่อนไขอีก ต่างไรจากตระกูล"เรา" เนี่ย ถถถถถ
จริงๆ เรื่องต้องใช้ในหกเดือนผมว่าเป็นส่วนที่ดีนะครับ ยังคิดข้อเสียไม่ออกเลยของส่วนนั้น
พวกนโยบายคนละครึ่งก็จำกัดเวลาเหมือนกัน?
คนละครึ่งผมก็ไม่เห็นด้วยกับการจำกัดเวลาครับ แถมจริง ๆ คือผมไม่เห็นด้วยที่คนละครึ่งมีเงื่อนไข เงินช่วยเหลือตอนนั้นที่โควิดระบาดผมอยากให้แจกไปเลยเป็นเงินเข้าบัญชี หรือไม่ก็เป็นเงินสดครับ เพราะประชาชนมีควมจำเป็นในเงินช่วยเหลือไม่เท่ากัน ถ้าใครจะเอาไปกินเที่ยวเล่นจนลำบากตัวเองมันก็เป็นเรื่องคน ๆ นั้นครับ
เรื่องความเป็นส่วนตัวผมว่าไม่มีปัญหาครับ ผมมีปัญหาเรื่องจำกัดเวลาการใช้มากกว่า ถ้าให้เงินก็ให้ไปเลยดีกว่าครับ เข้าใจง่ายกว่าอย่างของผมที่อยู่ที่ญี่ปุ่นเขามีเงินช่วยเหลือให้ 50000 เยน เขาไม่มีกำหนดเงื่อนไขครับขอเป็นประชากรในประเทศซึ่งผมก็ถูกนับอยู่เพราะมาเรียนระยะยาว เขาก็ไม่มีเงื่อนไขการใช้เงินเลยครับ โยนมาให้เลย 50000 เยนขอแค่ส่งเอกสารให้ถูกต้องก็พอ
การที่เค้าจำกัดเวลาเพราะเงินที่ใส่เข้ามาในระบบเค้าต้องการให้ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ ณ ตอนนั้น เพื่อเติมสภาพคล่องให้ระบบครับไม่ใช้ว่า อ่ะ มีเงิน เงินเหลือ แจกจ่ายกันไปก่อน
ถ้าเค้าไม่จำกัดเวลาคนจำนวนมากจะเอาเงินนั้นไปเก็บไว้ใช้เผื่อยามที่อาจจะจำเป็นมากกว่าตอนที่ได้อยู่ขึ้นไปอีก การที่เค้าไม่ได้ให้เป็นเงินสดทันทีก็ด้วยเหตุผลคล้ายๆ กันครับ
ส่วนเรื่องจำกัดเงื่อนไขนู่นนี่ยุ่บยั่บอันนี้ผมไม่เห็นด้วยเยอะเหมือนกัน ผมอยากให้อยู่ตรงกลางระหว่าง 2 ทางคือคนที่มีสิทธิได้นี่ทำประมาณญี่ปุ่นเลย แต่ไม่ได้ให้ไปเฉยๆ ต้องกึ่งบังคับให้ใช้เพื่อช่วยให้เงินไหลเวียนในระบบไปด้วย
แต่ทั้ง 2 แบบเงินที่ไหลในระบบมันมักจะไปเทอยู่กับผู้ค้ารายใหญ่อีกทีซึ่งก็เป็นปัญหาอยู่ เหมือนเงินที่รัฐแจกมาไปทำกำไรให้กลุ่มนั้นได้ค่อนข้างเยอะ อาจจะพอแก้ได้บ้างจากการที่เค้าบังคับให้ใช้ภายในทุก 6 เดือน (ผมไม่รู้ของจริงคือยังไงนะครับ อิงจากที่เค้าบอก 7 รอบ) มันเป็นการบังคับให้เงินนั้นวนกลับมาเข้ารัฐให้เร็วที่สุด แบบตามที่เค้าคาดการณ์ก็ไม่กี่เดือนกลับเข้ารัฐผ่าน VAT มาครึ่งนึงแล้วอะไรแบบนั้น
ส่วนตัวผมผมยังไม่เห็นด้วยกับนโยบายตามข่าวนี้นะครับ ส่วนเรื่องคนละครึ่งก็ ถ้าปิดท้ายได้ว่าทำให้ร้านที่เข้าระบบมาแล้วอยู่ในระบบตลอดไปไม่ใช่หนีออกจากระบบภาษีไปเหมือนเดิมแบบที่เห็นนี่ก็คงดีกว่านี้
คนละครึ่งเขาต้องการให้คนใช้จ่ายเงินออกมา เพราะสถานการณ์แบบนั้นคนจะประหยัดไม่ใช้เงิน ส่วนเงื่อนไขต่างๆมีไว้เพื่อให้เงินมันใช้ตรงจุดจริงเพื่อช่วยคนค้าขายรายเล็กรายย่อยเท่านั้น แล้วการไปเปรียบเทียบกับประเทศรวยอย่างญี่ปุ่นมันคนละช่วงกัน ประเทศญี่ปุ่นภาษีเงินได้สูงกว่าไทยแถมภาษีอื่นอีกบาน เวลาเกิดเหตุก็ต้องเอาเงินมาจ่ายทดแทนจากการสั่งหยุดกิจการ
ถ้าหา "รายได้" ซึ่งเป็นที่มาของคำถามว่าจะเอาเงินที่ไหนมาแจก ไม่ได้ตามเป้า
ก็คือจะไม่แจก หรือยอดที่แจกลดลงไปตาม "รายได้" ที่หาได้นะ?
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.