NFC Forum หน่วยงานที่ดูแลมาตรฐาน NFC ประกาศแผนโรดแมพเทคโนโลยี เพื่อการวิจัยพัฒนาจนถึงปี 2028 โดยจะโฟกัสที่ 5 หัวข้อ ซึ่งจะทำให้เทคโนโลยี NFC มีประโยชน์มากยิ่งขึ้น
5 หัวข้อที่สนใจได้แก่
- เพิ่มกำลังการชาร์จไร้สาย NFC จากปัจจุบัน 1 วัตต์ เพิ่มเป็น 3 วัตต์
- เพิ่มระยะใช้งาน จากปัจจุบันที่ใน 5 มิลลิเมตร เป้าหมายระยะมากขึ้น 4-6 เท่า เพื่อให้การจ่ายเงินแบบไร้การสัมผัส ไม่ต้องสัมผัสจริง ๆ
- เพิ่มการแตะปุ่มเดียวให้ทำงานตามฟังก์ชัน เช่น กดรับใบเสร็จ ระบบสมาชิก ฯลฯ
- รองรับการรับเงินจากสมาร์ทโฟน ให้มือถือที่มี NFC เป็น POS ได้ด้วย
- ทำให้ NFC สามารถแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับความยั่งยืน เช่น วิธีการรีไซเคิลของสินค้า ซึ่งเป็นหัวข้อที่สมาชิกร้องขอมา
ที่มา: NFC Forum
Comments
ไร้สัมผัสมากขึ้น... QR code นี่ไงงงง
ปัญหาคือ QR Code มันช้านี้แหละครับ😅
สแกนนิ้วค้าง>เลื่อนนิ้วไปไอค่อน>รอกล้องเปิด>สแกน>กดยืนยัน
เทียบกับ NFC อยู่หน้า Lock screen ก็แตะจ่ายได้
เรียกว่าลดขั้นตอนไปเยอะมาก😄
ประสบการณ์ผมกล้องหลังเคยเสียด้วยครับ ต้องใช้กล้องหน้าถ่ายเก็บในเครื่องก่อน แล้วค่อยไปเลือกรูปในแอปอีกที
แล้วถ้า nfc เสีย?
module กล้อง กับ NFC อะไรน่าจะเสียง่ายกว่ากัน ?
แต่กล้องมัน common กว่า nfc อ่ะครับ
แต่มันมี moving parts อะครับ NFC มันไม่มี % พังมันต่างกันเยอะมากเลยนะครับ
แต่มือถือที่ไม่มี nfc มันไม่มีอะไรให้พังไงครับ
คือผมว่าเริ่้มหลงประเด็นแล้วนะ
ท่านบอกว่า NFC มันก็เสียได้ ผมเลยมาตอบว่ากล้องมันก็เสีย และโอกาศเสียง่ายกว่าด้วย ไหงมันกลายเป็นไม่มี NFC มันไม่มีอะไรให้พัง ?
นี่แหละครับที่ผมจะชี้ ผมถามว่าถ้า nfc เสียแล้วจะทำอย่างไร ไม่ได้ถามเลยว่าสถิติอะไรเสียมากกว่ากัน เห็นตอบแบบคนละประเด็นมา ผมก็เลยตอบด้วยประเด็นที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ บ้าง
คำถามแรกของผม ผมถามวิธีแก้ปัญหาอ่ะครับ เพราะถ้าบอกว่ากล้องเสียกะว่าจะไปใช้ nfc แทน ก็เลยอยากรู้ว่าถ้าเสียทั้ง 2 อย่างแล้วทำไงต่อ
คือถ้าอ้างแบบนี้่ก็ไม่ควรใช้อะไรเลยครับ
ผมมาบอกว่าโอกาศที่ตัวไหนจะเสียมันมากกว่าน้อยกว่า แทนที่จะคิดตาม ดันกวนซะงั้น
เสียก็คือจบ ไม่บอกว่าคนเราเกิดมาทำไมบ้างเหรอครับ ถ้าตายละทำไง ?
เพื่อ ?
เจ้าของเม้นเค้ามาตอบแล้วครับ แก้ปัญหาง่ายนิดเดียว ไม่ต้องตีโพยตีพายไปถึงตายหรือไปถึงดวงอาทิตย์ดับหรอกครับ ผมถามแค่ถ้า nfc เสียเอง จะอีโก้สูงอะไรนักหนา
อีโก้อะไรของคุ๊ณณณณ โยงไปเรื่อย ถ้าไม่อยากฟังความเห็นใครก็เขียนไว้ใต้หมอนไว้อ่านเองนะ
อย่ามาเล่น Social เลย ลำบากคนอื่น
แล้วไอ้นิสัยแบบถามวัวตอบควายเนี่ย เลิกได้เลิกเหอะ ด้วยความหวังดี
จ่ายเงินสดครับ
เงิบเลยผม
ผมว่ามันเสียเวลาในการเปิดแอพและ Scan มากกว่าแนบบัตรกรือมือถือที่มี NFC/RFID หลายวินาทีเลยนะ
แล้วพวกบัตรที่มี NFC/RFID/EMV ก็ไม่ต้องพึ่งแอพในการชำระเงิน ใช้งานได้โดยไม้ต้องต่อเน็ตอีกต่างหาก
ส่วนตัวคือใช้ QR แล้วไม่สะดวกเท่าทาบบัตร แล้วก็ยังแปลกใจที่ทำไมไปทาง QR แทนที่จะเป็น NFC/RFID/EMV มากกว่า
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
Qr เข้าถึงง่ายกว่าเยอะ
การให้ร้าน ร้านนึงต้องมีอุปกรณ์พวกนี้ ไม่ได้เกิดง่ายๆ
แต่ qr แค่มีบัญชีธนาคารก็แทบจะใช้ได้เลย แปะป้ายห้อย ฝั่งคนรับ ไม่จำเป็นต้องใช้ internet ก็ได้ด้วยซ้ำ
ลองนึกภาพว่าประตูรถไฟฟ้าจ่ายเงินแบบ QR Code ดู...
ส่วนตัวผมคิดว่าการจ่ายเงินแบบ NFC หรือ RFID มันยังมีข้อได้เปรียบที่ QR Code ให้ไม่ได้อยู่ครับ โดยเฉพาะเรื่องความเร็ว เพราะงั้นผมคิดว่ามันควรจะพัฒนาควบคู่กันไปแทนที่จะเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งมากกว่าครับ
ใจจริงผมอยากให้ NFC/RFID เป็นช่องทางจ่ายเงินหลัก และ QR Code เป็นทางเลือกด้วยซ้ำ เพราะส่วนตัวเคยอยู่ที่ประเทศที่รองรับแตะบัตรแทบทุกอย่าง มันสะดวกกว่า QR Code ที่ใช้ในไทยจริงๆครับ
ในต่างประเทศ ใช้งาน NFC ได้สะดวกมาก ความผิดพลาดต่ำ ใช้เวลาต่อครั้งต่ำมาก ใช้ได้ในทุกสภาพแสง สะดวกอย่างยิ่งโดยเฉพาะจ่ายค่าเดินทางระบบขนส่งสาธารณะ แต่ละคนไม่ถึงครึ่งวินาที ทางเข้าเดียวรองรับคนเดินทางในชั่วโมงเร่งด่วนได้เยอะกว่ามาก - อย่างพวก Suica, PASMO, VISA payWave, Google Pay นี่คือบน NFC ทั้งสิ้น
QR Code นี่คือ ต้องปลดล็อค เปิดแอพ แอพต้องเร่งแสงจอให้จ้าจนจะบาดตา แล้วต้องหันไปทาบ แล้วฟังเสียง แล้วเดินผ่าน
NFC นี่คือ อาจจะไม่ต้องปลดจอด้วยซ้ำ ทาบ ฟังเสียง แล้วเดิน throughput ต่างกันเยอะมาก
หรือไปมากกว่านั้นคือทำแบบเยอรมัน จ่ายซื้อตั๋วไปก่อนล่วงหน้าแล้วไม่ต้องมีประตูกั้น เดินขึ้นได้เลยทุกอย่าง แล้วก็สุ่มตรวจเอา
ทีม NFC ครับ
QR นี่แพ้แสงสะท้อน มืดไปก็ไม่ได้เล็งแล้วเล็งอีก กล้องขึ้นฝ้า คราบมัน เลนส์เป็นรอยล้วนทำให้สแกนยากขึ้น
ทีม NFC
ใจเย็นนะครับทุกคน ส่วนตัวผมก็ทีม NFC ครับ ทุกวันนี้ก็สวดมนต์ให้ Apple Pay มาไทยซักที แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีหลายสถานการณ์ที่ QR code ดูจะเหมาะสมมากกว่ามากนะครับ ตัวอย่างที่ใกล้ตัวสุดก็คือ แม่ค้าขายข้าวแกง ครับ
แม่ค้าขายข้าวแกง
ตั้ง QR code อันเดียว ลูกค้าหลายคนสแกนพร้อม ๆ กันได้ (แถมยืนห่างๆ ก็จ่ายได้ แฮร่) ต่างคนต่างจ่าย จบ แม่ค้าไม่ต้องมาดูมาก อย่างมากก็เงยหน้ามามองหน่อยว่าคนไหนจ่ายแล้ว
แต่ถ้าเป็น NFC แม่ค้าต้องหยุดตักอาหารมาคีย์เครื่องว่าของใครเท่าไหร่ ติ๊ดได้ทีละคน แต่ละคนยอดไม่เท่ากัน
ไวคนจ่าย แต่ไม่ไวคนขาย แบบนี้ก็ดันให้เกิดในกลุ่มพ่อค้าแม่ค้ายากอยู่นะครับ
ที่เหมาะกับ NFC ก็คงต้องอย่าง 7-11 หรือตามห้างงี้ แต่เอามาใช้ในตลาดสดคงลำบากจริงๆ
ผมว่า QR ได้เปรียบตรงไม่ต้องมี hardware นี่แหละ
เครื่องนึงไม่ใช่ถูกๆ
ขณะที่การ gen QR + print ออกมาแปะ ต้นทุนแทบเป็น 0
เอาเข้าจริงที่ QR ดูเหมือนช้าเพราะต้องกดใส่จำนวนเอง+confirm มากกว่า
cpu ที่ใช้ในการสแกน ถ้าไม่เก่ามากๆ
แค่ส่อง qr เฉียดๆกรอบ อย่างใน app kbank ก็ติดแล้ว
ขณะที่ NFC คนกดจำนวนเป็นฝั่งคนขาย
รวมๆแล้ว ช้ากว่ากันไม่มากเลย
ใน Hawker center ที่สิงค์โปร์เกือบทุกแผงใต้ตึกแฟลตของรัฐ (HDB) เกือบทุกทุกร้านรับ NFC นะฮะ ก็ไม่ได้ใช้เวลาเยอะเลย
นึกถึงคลิปเอาเครื่องคิดเงินมาใกล้กระเป๋าตังค์ที่เหน็บที่กระเป๋ากางเกงหลัง แล้วคิดเงินติดได้ 😅
มันทำได้ครับ แต่ในโลกความเป็นจริงเราก็ไม่ได้ยินข่าวว่ามีคนทำจริงๆ นี่นา
คือเครื่องที่สแกนบัตรแล้วมันหักเงินได้เนี่ยมันต้องลงทะเบียนเยอะแยะกับธนาคารแล้วเงินก็ไม่ได้เข้าบัญชีทางนั้นทันทีขนาดนั้น ทำไปยังไงก็โดนจับได้แน่ๆ อีกไม่ใช่เหรอครับ
สำหรับเมืองไทยคงไม่เกิด ต้องใช้บัตรกระต๋าย บัตร Hop card กันต่อไป
ไม่เห็นจะยัดลงมือถือได้แบบ Suica บ้างเลย
สเกลของเราเล็กกว่านั้นมากครับ แต่ไม่มีใครควบคุมหรือทำอะไรได้ งงจริงๆ