ในช่วงเช้าวันนี้ (3 เมษายน 2024) เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.4 ศูนย์กลางใกล้กับเมืองฮัวเหลียน ที่ไต้หวัน เกิดความเสียหายกับอาคารหลายแห่ง
TSMC บริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลก ซึ่งมีโรงงานผลิตในไต้หวัน รายงานว่าบริษัทได้อพยพคนงานในไซต์ก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่เมืองซินจู๋ ที่อยู่ทางตอนเหนือ ทั้งหมดปลอดภัย ซึ่ง TSMC ได้สั่งระงับการก่อสร้างตลอดทั้งวันเพื่อตรวจสอบความเสียหาย และผลกระทบ
ส่วนโรงงานผลิตชิปทั้งหมดมีการอพยพพนักงานออกมาเช่นกันตามแผนความปลอดภัย ทำให้ต้องระงับสายการผลิตชั่วคราว แต่อาคารเครื่องจักของโรงงานไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุที่เกิดขึ้น จึงสามารถดำเนินงานต่อได้ตามปกติ
ที่มา: CNBC
Comments
นึกถึงแรมแพงช่วงปี 2000 ต้นๆ แต่รอบนี้ดูไม่กระทบโรงงานโดยตรงมากแบบคราวนั้น
มาเมืองไทยซิ แผ่นดินไหวเกิดน้อยมาก แล้วก็ความรุนแรงไม่มาก เอาไปตั้งแถวจังหวัดทางภาคอีสาน ก็น่าจะได้เพราะแถวนั้นไม่มีแนวรอยเลื่อนที่มีการเคลื่อนไหว รวมถึงมีแนวเส้นคมนาคมจากท่าเรือแหลมฉบังทั้งรถยนต์ รถไฟ หรือถ้าจะเอาไว้ส่งออกก็เอาไปไว้นิคมแถวภาคใต้แถว land bridge จะได้ไว้รับวัสดุมาประกอบ แล้วก็ส่งออกได้เลยไม่ต้องขนไกล แถมมีท่าเรือสองฝั่งด้วย (ถ้ามันเกิดอ่ะนะ)
ถ้าการเมืองนิ่ง มั่นใจได้ว่าไม่มีใครล้อมโรงงานแบบล้อม Datacenter CAT ในวันนั้นคงจะน่ามาลงทุนกว่านี้ครับ
มันติดที่การเมืองในบ้านเราที่ไม่นิ่งเนี่ยหละครับ ที่ทำให้ยังไม่กล้ามาตั้งฐานการผลิตในไทย แล้วก็เรื่องความพร้อมของบุคลากรสำหรับงานสายนี้ กับเรื่องค่าแรงขั้นต่ำอีก
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
นอกจากเรื่องการเมืองแล้ว ประเทศเราถูกหลายๆประเทศมองว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับจีน
ไต้หวันไม่ยอมแน่
การเมืองไม่นิ่ง สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเรื่อง เช่นน้ำท่วมกรุง น้ำท่วมนิคม
ถ้าจะไป เวียดนามดูดีกว่ามาก แบบมากโข ส่วนเรื่องแรงงานมันอพยพได้ เอาจากประเทศใกล้ๆไปยังได้ แบบคนไทยไปทำงาน google สิงค์โปรงี้
เวียดนามก็ไม่ได้ดีไปกว่าไทยหรอก ไหนจะไฟไม่พอ การเมืองก็ 3ปี เปลี่ยนประธานาธิบดีไป 2 คน
ไหนจะติดทะเล พายุเข้าตลอด พร้อมท่วมไม่ต่างจากไทยหรอก
TSMC นี่ผมว่าเค้าต้องการทำโรงงานที่มาตรฐานและแรงงานสูงนะ เพราะต้องผลิตให้ได้yieldตามเป้าด้วย เพราะงั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องมาเปิดบ้านเราเลย ไม่ได้มีแรงงานที่มีฝีมือและประสบการณ์ทางด้านนี้เยอะพอจะป้อนโรงงานเค้า ผมว่าหลักๆเค้าดูตรงนี้มากกว่า มองง่ายไปว่าแค่ไม่มีภัยธรรมชาติแล้วเค้าจะอยากมาตั้งถ้าข้อดีมีแค่นี้มีจุดให้เค้าตั้งเยอะแยะทำไมเค้าถึงจะต้องเลือกเราด้วย
ผมพึ่งรู้นะโรงงานผลิตชิปเขาใช้คนเยอะขนาดนั้น เขาไม่ได้ใช้หุ่นยนต์ หรือเครื่องจักรผลิตหรือครับ ? วงจรเล็กขนาดนั้น ส่วนใหญ่งานแบบนี้เขานำเข้าวิศวกรจากประเทศแม่มาอยู่แล้ว แล้วมาสอนคนที่ทำงานร่วมด้วยอีกที หรือส่งคนไปเรียนที่ประเทศต้นทาง เพื่อให้ช่วยดูแลควบคุมเครื่องจักร ซึ่งเราก็จะได้ Knowledge จากตรงนั้น ไม่มีประเทศไหนเขามี know how ได้ขนาดไต้หวันหรอกครับ ต้องใช้ know who ทั้งนั้น การลงทุนเขาดูที่สิทธิประโยชน์ที่ได้รับเป็นหลักมากกว่า ถ้าข้อเสนอดี ไม่ข้อขัดแย้งกับประเทศเจ้าของเทคโนโลยี ที่เหลือเขาก็สามารถจัดการด้วยเงินได้อยู่แล้ว
แล้วนักธุรกิจเขาไม่ได้มานั่งฝันเหมือนคุณ หรือคิดลบเหมือนคุณนะ ถ้าคุณคิดว่ายังไงก็ไม่มีทางได้ โดยไม่พยายาม หรือทดลอง มันก็แค่ฝันกลางวัน แต่ถ้าได้พยายามไปเสนอ ถึงเขาจะไม่ได้สนใจ มันก็คือประสบการณ์ในการต่อรอง ที่คุณจะนำไปใช้ในงานอื่นได้ ซึ่งผมคิดว่านายกคนนี้เขาเป็นประเภทขอให้ได้ลองก่อนนะ ซึ่งเป็นนิสัยปรกติของเซลล์แมนเก่า หรือคนเคยทำธุรกิจมาก่อน ที่ไม่ค่อยมีคำว่าเป็นไปไม่ได้ในหัว แล้วก็ไม่ได้แบบที่มานั่งฝันใน office ดังนั้นสิ่งทีจำเป็นตอนนี้คือ know who แล้วให้เขาแนะนำไปนำเสนองานให้ได้ก่อน ซึ่งผมว่าเขามีเรียบร้อยแล้วแหล่ะ แต่เขาไปคุยที่อเมริกานู่น แล้วค่อยสั่งมาที่ไต้หวันอีกที
เบิ้ล
นั่งฝันนี่คืออะไรผมว่าคุณนั่นแหละที่ฝันข้อดีที่ยกคุณยกมาถามว่าสู้ใครเค้าได้ คิดลบคืออะไรทำธุรกิจเค้าก็ต้องคิดให้ครอบคลุมถึงโอกาสที่จะเกิดทุกด้านจะให้มาลงทุนระดับแสนล้านแล้วมานั่งฝันหรือมานั่งทดลองเผื่อฟลุคมันใช่เรื่องมั้ย?ความเสี่ยงแม้แต่นิดเดียวเค้าก็ต้องลดให้ได้ ยิ่งฟังความคิดแล้วยิ่งตลก แล้วถ้าโรงงานผลิตเค้าใช้แต่หุ่นยนต์ไม่ใช้คนแถมเอาแต่คนจากบริษัทแม่มาทำถามว่าประเทศไหนเค้าอยากได้โรงงานแบบนี้? ไม่เกิดการจ้างงานไม่ทำกำไรให้ประชาชนแถมยังต้องเสียเงินสนับสนุนให้เค้ามาตั้งอีกเนี้ยนะ แล้วเอาจริงๆจากข่าวก่อนหน้านี้เค้าก็ประเมินมาแล้วว่าจะสร้างงานให้ถึง1,700ตำแหน่งถ้าคนขนาดนี้ยังบอกไม่เยอะต้องโรงงานระดับไหนถึงเรียกเยอะ?
เอาล่ะผมไม่คุยกับคุณแล้วล่ะ เสียเวลา ดูท่าคุณจะได้ติดตามข่าวสารอะไรเลย จนไม่รู้ว่าเขาไปคุยเรื่องโรงงานชิปกันเรียบร้อย ที่ผมไม่คุยต่อไม่ได้เพราะอคติอะไรกับคุณนะ แต่เรามีคำจำกัดความหลายอย่างไม่ตรงกัน มันทำให้ยิ่งคุยยิ่งบานปลาย เช่น
คุณยังแยกคำว่าผู้นำ นักธุรกิจ ผู้บริหาร พนักงานประจำ ว่าแต่ละคนมีหน้าที่และบทบาทอย่างไรออกจากันไม่ได้ โดยดูจากเหตุผลที่คุณให้ประกอบมาในความเห็นถัดมา
คุณยังให้คำจัดความของเศรษฐกิจภาพรวมไม่ได้ และยังให้เหตุผลไม่ได้ว่าทำไมประเทศหลายประเทศอยากให้โรงงานชิปมาเปิดในประเทศตัวเอง โรงงานชิปในปัจจุบันมันอยู่ในกลุ่มของอุตสาหกรรมต้นน้ำของสินค้าไฮเทคแล้ว การที่โรงงานชิปมีพนักงานน้อย ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจภาพรวม เพราะเมื่อเป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำ มันก็จะมีโรงงานอุตสาหกรรมกลางน้ำ ปลายน้ำ ตามเข้ามา ซึ่งโรงงานเหล่านี้ไม่ได้จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีสูงอะไรเพราะมันเป็นการนำชิปมาประกอบเป็นสินค้า และต้องใช้แรงงานมนุษย์ในการทำงาน ซึ่งตรงนี้จะเป็นจุดในการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมได้
เศรษฐกิจภาพรวม 1+1 ไม่ได้เท่ากับ 2 เสมอไป คุณจ่ายไป -1 , -3 , -5 output ที่ออกมาอาจเป็น 100 ก็ได้ถ้าคุณจ่ายหรือลงทุนถูกจุด