เมื่อซักสิบปีที่แล้วตอนวินโดวส์ NT4 จุดขายหนึ่งของมันคือรวมเอาส่วนแสดงผลเข้าไปไว้ในเคอร์เนล เพื่อประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ในขณะเดียวกันผลเสียของมันก็คือ ถ้าส่วนกราฟิกนั้นมีปัญหา ระบบปฏิบัติการก็มีอันเป็นไปทั้งหมด ต้องรีบูตอย่างเดียว
สิบปีถัดมา ไมโครซอฟท์ได้ตัดสินใจว่าใน Vista จะนำส่วนของ Windows Presentation Foundation หรือที่เราคุ้นกันในชื่อ Avalon ออกมาจากเคอร์เนล โดยให้อยู่ในส่วนของ user mode (ถ้าใครเรียนวิชา OS มา อาจจะคุ้นกับชื่อ user space หรือ user land) นั่นหมายถึงไดรเวอร์ต่างๆ จะไม่มีสิทธิ์เรียกใช้ใน kernel mode อีกต่อไป เพื่อความเสถียรโดยรวมของระบบนั่นเอง แน่นอนว่าวิธีนี้ทำให้ประสิทธิภาพลดลง แต่ด้วยฮาร์ดแวร์ในปัจจุบันนี้คงชดเชยไปได้
การแยกส่วนกราฟิกออกมาจากเคอร์เนล ทำให้สถาปัตยกรรมของ Vista ออกไปทางเดียวกับ Unix (รวม Linux และแมค) มากยิ่งขึ้น
จาก Techworld.com
Comments
แต่เรื่องความเสถียรก็ยังไม่เท่า unix อยู่ดี
onedd.net
จะว่าเรียนแบบก็ไม่ได้ เพราะอีกฝ่าย open-source เอง:P แต่ก็ทำให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันมากขึ้น :)
(original) unix กับ mac ไม่ open source นะครับ
Linux ไง :P
linux ไม่ใช่ unix นะครับ แม้จะชื่อคล้ายและดูข้างนอกเหมือน แต่ข้างในเขียนใหม่จากศูนย์หมด อีกชื่อหนึ่งของ linux คือ Unix-Like
โอเอสที่ถูกพัฒนาต่อจาก unix จริงๆ ส่วนมากแล้วจะเป็น Propietary เช่น HP-UX ส่วนทางโอเพนซอร์สกก็ต้องตระกูล *BSD
lewcpe.com, @wasonliw
คำถามหลักๆ เลยคือ ด้วยสถาปัตยกรรมของ Windows หาก GUI มันล่มลงไปจริงๆ แต่ระบบรวมยังไม่ตาย มันจะทำงานต่อได้หรือไม่
ตรงนี้ *NIX ทั้งหลายไม่ค่อยห่วง เพราะมี Terminal ให้ใช้กันได้ ในกรณีวินโดว์ ถ้า Avalon มันเจ๊งไปหมายถึงมันจะโผล่ Commannd Prompt มาให้เรา? หรือต้องไปใช้พอร์ตซีเรียลแบบใน Win2003? หรือต้องจัดการทุกอย่้างผ่าน MMC?
ไม่ว่าทางเลือกไหน แอดมินวินโดว์คงต้องเตรียมอ่านหนังสือกันอีกหลายเล่ม -_-''
lewcpe.com, @wasonliw
เลียนแบบหลายๆอย่างจาก linux อีกหละ - -"
#inux ไม่ใช่ unix นะครับ
อันนี้ผมก็เข้าในครับ ผมมองในแง่ windows แยก gui ออกจาก kernal เหมือน unix หรือ linux หรือ mac หรือ opensource os อื่นๆมากกว่า โดยจะบอกเลียนแบบพวกนี้ก็ไม่ได้ เพราะว่า linux เค้า opensource และแยกเหมือนกันอยู่แล้ว
สมมติว่านักเรียนชั้นหนึ่งมี ๑๐ คน
นักเรียนคนที่ ๑ ถึง ๗ ไม่ยอมให้เพื่อนลอกการบ้าน เด็ดขาด
นักเรียนคนที่ ๘ ไม่ทำการบ้านมา
นักเรียนคนที่ ๙ ไม่ยอมให้ใครลอกการบ้าน แต่ยอมบอกแนวทางนิดหน่อย
นักเรียนคนที่ ๑๐ เปิดสมุดให้เพื่อนลอกหมดเลย ใครอยากดูก็ดูไป อยากไปทำต่อ ดัดแปลงยังไงก็เชิญ
แล้วนักเรียนคนที่ ๘ ก็มาดูของคนที่ ๑๐ แล้วทำส่งครู (อาจจะเอาแนวๆ ของคนที่ ๙ มาผสมด้วย)
กรณีเช่นนี้ จะเท่ากับว่านักเรียนคนที่ ๘ ไม่ได้ลอกการบ้านเพื่อนหรือไม่ จะอ้างว่าก็มันเสือกเปิดให้ดูเอง จะเป็นการกล่าวอ้างที่ถูกต้องไหม ?
ผมว่ามันไม่เหมือน X-Window นะ
อย่าง X-Window หรือ Windows 3.1 ก็ตามเนี่ย ส่วน GUI เป็นเหมือนแอพลิเคชันอีกตัวนึง ลำดับชั้นเท่ากับแอพพลิเคชันที่เป็นเท็กซ์โหมด อย่าง vi
แต่ของข่าวนี้เนี่ย มันเหมือนกับว่าส่วน GUI ยังเป็นส่วนของระบบปฏิบัติการอยู่ เพียงแต่ไม่ได้รวมใน Kernel อีกแล้ว (อาจจะพอไปมั่วว่าคล้ายๆ Microkernel ที่ไดรเวอร์อยู่ข้างนอกก็พอได้)
จนกว่าจะได้เห็นเอกสารแสดงสถาปัตยกรรมจริงๆ คงบอกอะไรไม่ได้มากนักล่ะครับ
ที่น่าเกลียจกว่าคือ หลัง ๘ มาดูของคนที่ ๑๐ แล้วทำส่ง คนที่ ๑๐ ไม่ยอมให้คนที่ 8 ดูในวิชาอื่นๆ
ผมว่า มันอาจจะดึง GUI ออกมาเพื่อให้ kernel เสถียรมากขึ้น ก็ไม่ได้แปลว่า มันจะต้องเด้งมาที่ terminal นี่ครับ ตัวมันอาจจะพยายามเข้า windows ใหม่ด้วยตัวเองก็ได้
onedd.net
ตอนนี้เรียน OS อยู่ อ่านข่าวนี้แล้วก็ถึงบางอ้อเลย
ถ้าทำแล้ว kernel มันเสถียรมากขึ้น ก็น่าจะทำ จริงๆ อย่างพวก linux ที่มันเสถียร น่าจะมาจากการแยก kernel ออกจากระบบ GUI อย่างสิ้นเชิง เพราะระบบ linux มันทำงานได้ดีอยู่แล้วจาก command line ก็เลยเอา GUI มาครอบไว้เฉยๆ และแยกพวก application/service อื่นๆ ออกมาอย่างชัดเจน ทำให้ถ้ามี application/service error หรือ GUI มีปัญหา ก็แค่ restart service หรือพวก GUI ผ่าน command line หรือทำการ edit พวก ชุดคำสั่งด้านการ config ใหม่ ระบบก็ทำงานได้โดยไม่ต้อง restart ตัวเอง
ซึ่งการที่ Microsoft เอา GUI ไปยัดใส่ kernel ก็คงเพราะอยากให้ NT 4 มันเร็วมากขึ้น เพราะว่าในช่วงปีที่ NT 4 เปิดตัว และจำหน่ายนั้น ระบบที่ NT 4 จะทำงาน มันทำงานได้ช้า ถ้าไม่เอา GUI ใส่ kernel ลงไป แต่ในตอนนี้ h/w มันมีคุณภาพสูงมากขึ้นเยอะ เลยแยกน่าจะทำให้ระบบเสถียรกว่า เพราะถ้าระบบ GUI ของ OS มีปัญหา ในกรณีที่ GUI มันอยู่ใน kernel แล้ว มันก็ทำงานไม่ได้ แม้แต่ command line ก็มีปัญหาไปด้วย แยกออกมาก็คง concept เดียวกับ ฝั่ง *nix นั้นแหละ แต่ว่าของอย่างนี้ก็แบ่งๆ กันไป คือถ้าทำออกมาแล้ว work ก็ไม่น่าจะมีปัญหานิ จริงแมะ
ผมว่าเรื่องลอกไม่ลอกไม่น่าใช่ประเด็นนะครับ ตามแนวคิดของ open source การลอกไม่ใช่เรื่องน่าอาย สิ่งที่น่าอายคือการ reinvent the wheel ตะหาก
คุยกันเยอะๆ งี้มันดี ผมได้ความรู้เยอะเลยครับ
อย่างน้อยก็รู้ว่ามีวิชา OS ด้วยเหรอเนี่ย เรียนคณะอะไรถึงมีคอร์สนี้ครับ
@iannnnn
วิศวคอม หรือไม่ก็ วิทยาการคอม มั้งครับ
onedd.net
ทาง Open Source ไม่ประณามคนลอกอยู่แล้วครับ แต่ลอกแล้วปากแข็งนี่นิสัยไม่ดีนะ :D (สำหรับผม M$ ก็เป็นแค่ copy cat ที่เก่งการตลาดเท่านั้นเอง)
อยากให้ windows ลอก GUI ของ Mac OS บ้าง Vista มี effect glass ก็เท่านั้น แต่ layout ยังเป็นสไตล์โปรแกรม office เห่ยๆอยู่ Mac OS 8 ยังสวยกว่าด้วยซ้ำ
วิชา OS กับ หนังสือไดโนเสาร์
คนที่คิดว่าวิชา OS เป็นวิชาโบราณ ไอ้ที่ว่าเก่าๆ เนี้ย จะมีสักกี่คนที่เชี่ยวชาญบ้าง ขนาดมันมีมาตั้งแต่ก่อนคุณๆ (รวมทั้งผม) จะเกิดมาซะอีก เอาแค่เรื่อง monolithic กับ micro kernel เหล่าเซียนๆ ก็เถึยงกันไฟแลบแล้ว ไม่เชื่อลองตั้งกระทู้ดูดิ :P
หนังสือมันปกไดโนเสาร์จริงๆ ครับ
หนังสือหน้าปกไดโนเสาร์นี่ใครอ่านจบแล้วรู้เรื่องก็สุดยอดเลย ขนาดอาจารย์เอามาสอนบางส่วนยังมีงงจนบัดนี้...
ไมโครซอฟต์เป็นองค์กรธุกิจจับกลุ่ม end user ก็ต้องเลือกใช้เทคโนโลยีให้เหมาะกับตลาดขณะนั้น เมื่อ kernel ของ *nix เสถียรก็เอามาแปลงยัดใส่ NT/XP แต่ยังแยก GUI ไม่ได้เพราะเครื่องช้าก็ต้องเก็บไว้ก่อน บัดนี้ H/W พัฒนาำไปมากแล้วก็ถึงเวลาแยก GUI ออกมาอีกหน่อยเพื่อให้ระบบเสถียรมากขึ้นแต่ยังใช้ง่ายเหมือนเดิม
*nix เหมือนยึดอุดมการณ์บางอย่าง แยก GUI ออกมาเลยแล้วรอให้ H/W มันพัฒนาตามเองจึงดึงตลาด end user ไม่ค่อยได้ ต่อไปแก่นคงจะไม่ต่างกันเท่าไหร่แล้วมั้งหันมาแข่ง GUI จ๊าบๆกันบ้าง
หนังสือ OS ต้องปกไดโนเสาร์เท่านั้น!
ผมอ่านไดโนเสาร์แล้วก็ยังพอไหวนะ (ไม่นับส่วนยากๆ) ตอนเรียนอ่านของ Gary Nutt (ปก Conductor) ผมว่าเขียนได้มึนกว่าเยอะ
lewcpe.com, @wasonliw
แล้วยังงี้มีโอกาสไหม ที่คนจะทำส่วน กราฟิก สำหรับ windows ออกมาขายกัน?
ผมว่ายากมาก ที่จะทำออกมาแข่งได้ เพราะ undocument API มันเยอะแยะนะ กว่าจะทำได้คงต้อง reverse eng. กันเยอะน่าดู
เรียน OS แต่ไมไ่ด้เล่มไดโนเสาร์แฮะ :P
ผมก็ไดโนเสาร์
น้องผมก็ไดโนเสาร์อ่ะ