จากการเปิดโปงเรื่องการสอดแนมข้อมูลโดย NSA ของสหรัฐอเมริกาที่ทำให้นานาประเทศตื่นตัวทั่วโลก ทำให้เยอรมนีซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะที่เป็นผู้ถูกกระทำ (มีรายงานว่า NSA ดักฟังข้อมูลจากโทรศัพท์ของ Angela Merkel ผู้นำประเทศของเยอรมนีด้วย) ก็พยายามเฟ้นหามาตรการมาป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการผันกลับมาใช้ระบบเอกสารแบบแอนะล็อกด้วยการใช้เครื่องพิมพ์ดีด แทนการใช้คอมพิวเตอร์จัดการข้อมูลในรูปแบบไฟล์ดิจิทัล
Patrick Sensburg ประธานคณะกรรมการแห่งรัฐสภากล่าววานนี้ว่า ในขณะนี้ได้มีการนำเครื่องพิมพ์ดีดกลับมาใช้งานบ้างแล้วในสำนักงานบางแห่ง และอาจเพิ่มจำนวนการใช้งานให้มากยิ่งขึ้น โดยมาตรการนี้ถูกนำมาใช้ทันทีหลังจากเหตุการณ์ล่าสุดที่สามารถจับกุมพนักงานในหน่วยสืบราชการลับของเยอรมนีรายหนึ่งด้วยฐานความผิดเผยแพร่เอกสารสำคัญให้แก่สหรัฐอเมริกา
มาตรการปัดฝุ่นเครื่องพิมพ์ดีดนี้มิใช่มีเพียงในเยอรมนีเท่านั้น เมื่อปีก่อนรัสเซียได้จัดสรรงบประมาณราว 15,000 ดอลลาร์ เพื่อจัดซื้อเครื่องพิมพ์ดีดใหม่มาสำหรับการนี้เช่นกัน
ที่มา - Ubergizmo
Comments
นอกเหนือจากนั้นก็จะเป็นรหัสมอส กับ Dancing men และ ภาษา Navajo สินะ…
อืม…
อย่าลืม enigma ด้วยครับ :)
Enigma โดนถอดรหัสได้ตั้งนานแล้ว ไม่งั้นเยอรมนีไม่แพ้สงครามหรอก
ครับ ทราบอยู่แล้วครับ อันอื่นก็มีเปิดเผยมาแล้วเช่นกันครับ มันเป็นมุขครับ อย่าซีเรียส :)
ถ้าจะใช้เครื่องพิมพ์ดีดก็แค่กลับไปใช้คอมพิวเตอร์แต่ให้ใช้ระบบออฟไลน์แทนไม่ดีกว่าเหรอพร้อมทั้งบล็อคการใช้ CD-ROM DVD หรือ USB drive ก็พอแค่นี้ก็ไม่แตกต่างกับพิมพ์ดีดแล้ว
ถ้าต่อปริ๊นเตอร์ได้ มันพอจะดูดออกมาสักทางได้ไหมครับ
ถึงจะพิมพ์ดีดเจอแบบนี้ก็จบ xD
nsa มีอุปกรณ์ดักพวก ps/2 vga อยู่ ในสถานการณ์อย่างเยอรมันที่คนภายในเป็นหนอน ก็มีความเป็นไปได้ครับ
ต่อให้ดักได้ถ้าออฟไลน์ก็เท่านั้นที่เหลือก็บล็อคหนทางเอาข้อมูลออกจากเครื่อง มีปัญหากับ ps/2 ก็ไป disable ใน BIOS lock password ของ BIOS ด้วย เครื่องล็อคกุญแจกันถอดถ่าน BIOS
ใช้ Rack HDD คือถอด HDD เก็บใส่ตู้เมื่อไม่ใช้หรือเก็บที่อื่น
ต่อให้ใช้พิมพ์ดีดถ้าคนข้างในมันเป็นหนอนยังไงก็กันไม่อยู่หรอกก็ต้องไล่ตามกันไป
ที่สำคัญคือห้ามต่อ internet เด็ดขาดปิดการเข้าถึงการแก้ไขเครื่องซึ่งเราต้องรัดกุม
เรื่องแบบนี้เคยใช้ในไทยมาแล้วครับ คนเยอรมันที่ว่าเป็นหนอนนี่สู้คนไทยเราเองไม่ได้หรอกครับลูกเล่นเยอะกว่าอีก
ผมเคยต้องตรวจสอบคอมที่มันมีสำนวนคดีลับต้องกันทุกทางไม่ให้มันหลุดก็ทำประมาณนี้แหละครับดีสุดล่ะ
คืออุปกรณ์ nsa ที่หลุดออกมาส่งข้อมูลทางคลื่นวิทยุซะเยอะครับ https://www.blognone.com/node/52029
ตามที่ใด้ยินมา การดักฟังเกิดที่
ps/2 = keyboard
vga = display output
ซึ่งถ้าดักฟังผ่าน bios อาจตรวจสอบยาก นอกจากนั่น เป็นไปใด้ว่าอาจมีการดักฟังผ่าน os และ hardware อื่นเช่น router ด้วย
โดยหลังจากดักข้อมูลแล้วก็ส่งออกไปแบบไร้สายครับ
จากตรงนั้นถ้าขอมูลเป็นความลับ การเก็บเป็นเอกสารน่าจะปลอดภัยกว่า แอบเอาไปใด้ทีละน้อยและยาก ... ซึ่ง nsa เองก็ทำแบบนั้น
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ตัดสัญญาณหรือกวนคลื่นสัญญาณก็ได้ครับ
ไอเดียผมคือทำให้มันเป็นออฟไลน์จริงๆ
ที่เห็นๆแสดงความคิดเห็นกันมาเนี่ย ไม่ใช่ออฟไลน์เลย ที่บอกว่าดักฟังแล้วส่งออกไปไร้สายเนี่ย ถ้าสัญญาณมันโดนรบกวนจนส่งไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์ ต้องแก้แบบว่าไม่ให้ส่งออกไปได้เลยมันก็ไม่ต่างกับพิมพ์ดีดแล้ว
แล้วถ้าใช้พิมพ์ดีดแน่ใจนะครับว่าจะไม่เจอเกลือเป็นหนอนแบบเจอกระดาษคาร์บอนสำเนาเนี่ย
กันมันก็ยากครับถ้ามันมีเกลือเป็นหนอนเนี่ยจริงๆให้ใช้พิมพ์ดีดมันก็หาทางเอาออกไปได้อยู่ดี
ชุดเครื่องที่จะเอามาใช้งานเฉพาะนี่ก็ใส่กล่องเชื่อมปิดทุกรอยต่อ โผล่มาแค่จอกับ keyboard ก็ป้องกันอุปกรณ์แปลกๆ ได้แล้วมั้งครับ
ถ้ากลัวกรณีแบบ ATM skimmer ก็ทำกล่องให้เรียบๆ ถ้ามีอะไรเกินมาก็รู้ทันที
+1 เครื่อง offline ต่อ printer แบบไม่พ่วง เสร็จแล้วจะส่งเอกสารไปเครื่องอื่นก็เอาไป scan + OCR เอา
ส่วนตัวผมไม่คิดว่านี่จะเป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาว จนกว่าจะมีทำระบบป้องกันที่ได้ผลจริง ก็คงต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบนี้ไปก่อน
ใช้แบบ CyberTEK ใน Marvel Agent Series หรอครับ เก็บเอกสารในตู้เท่านั้น ไม่มีข้อมูลใน SERVER แต่ระบบรักษาความปลอดภัยสุดยอด
ถถถ+
ข้าขอทรยศต่อคนทั้งโลก ดีกว่าให้ใครมาทรยศข้า
ข่าวต่อมา NSA เก็บข้อมูลเสียงแล้วเอาไปคำนวนระยะกดกับกระทบเพื่อหาความเป็นไปได้ของตัวอักษร
บางแล้ว => บ้างแล้ว
คุ้มมะเนี่ย?
ชัดเลย เลียนแบบไทย
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ต้องบอกว่าบ้านเรามองการณ์ไกลครับ
T_T น้ำตาจะไหล ขอเก้าอี้หน่อยครับ #ทรุด
โอ้โห คิดไม่ถึงเลย
ต่อไป NSA ก็ไปพัฒนาซอฟท์แวร์ที่อ่านตัวอักษรแถบผ้าหมึกใช้แล้ว มาวิเคราะห์เนื้อความ
"ทางการ Germany ออกกฎ สร้างเตาเผาขนาดเล็กข้างเครื่องพิมพ์ดีด แถบหมึกหมดเมื่อไหร่ต้องทิ้งเข้าเครื่องเผาเท่านั้น"
โห เรื่องใหญ่เลยแฮะ
..: เรื่อยไป
พิมพ์ดีดยังหาวิธี hack ได้
งั้นเปลี่ยนมาใช้ ลายมือเขียน
เข้ารหัสอีกชั้นด้วยเทคนิคที่เรีัยกว่า "อ่านไม่ออก" ถ้าไม่ใช่คนเขียนเอง บางทีก็อ่านไม่ได้ 555
ต่อไปก็เอาพยาบาลมาเป็นสายลับ
เข้าก็เน้นว่า เฉพาะเอกสารลับจริง ๆ (ลับที่สุด) (ด่วนลับที่สุด) บทความที่จะพิมพ์ ก็คงจะมีไม่มาก ดังนั้นการใช้พิมพ์ดีด จึงเป็นสิ่งที่ดีกว่า
อีกอย่างหนึ่งการดักฟังเสียงพิมพ์ดีดนั้น ค่อนข้างยาก เพราะมีปัจจัยหลายอย่าง อาทิ
1.แรงกดของผู้พิมพ์ต่างกัน
2.ความถนัดในการพิมพ์ (พิมพ์สัมผัสต่างกัน)
3.เสียงที่กระทบสูงต่ำไม่เท่ากัน (ไม่ได้หมายความว่าเกิดจาก นิ้วใดนิ้วหนึ่งเป็นการเฉพาะ จึงยากแก่การแปลความหมาย)
4.และทุกครั้งที่มีการพิมพ์บทความเดิม สัญญาณเสียงหรือการกระทบแป้นพิมพ์ย่อมแตกต่างกันออกไปยากที่จะเหมือนเดิมหรือใกล้เคียง
5.และอื่น ๆ etc.
ดังนั้นการที่ประเทศเหล่านี้เลือกที่จะใช้พิมพ์ดีด ย่อมถือว่าดีที่สุดแล้ว (เพราะสามารถตัดปัญหาทั้ง 5 ข้อข้างต้นได้ดีที่สุด)
ส่วนการทำสำเนาก็ใช้เครื่องโลเนียว มือ(ใช้มือหมุนเอา ถ้าใครในนี้เกิดทัน หรือเคยเห็นก็คงจะเข้าใจ)ไม่ม่ไฟฟ้าไม่มีระบบดิจิตอลใด ๆ ทั้งสิ้น แฮนเมดร้วน ๆ
เพียงเท่านี้ก็อุนใจได้ครับว่า ปรอดภัยแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ ในยุคที่เทคโนโลยีโลกยังอยู่ในช่วงพัฒนา หรือยุค นาโนเมตรเตอร์ นั่นเอง
โรงเรียนผมยังโรเนียวอยู่เลยครับ
งั้นรอขโมยเอกสารระหว่างส่ง เอาไปถ่ายสำเนาแล้วเอามาคืนแบบเนียนๆ (กลับไป hack กันแบบดั้งเดิม)
ต่อไปคงใช้สลักบนหินแทน :D ไม่น่าเชื่อว่าประเทศไฮเทคอย่างเยอรมันจะคิดวิธีนี้ //ขอบคุณสำหรับข่าวนะครับ
ไม่มีใครคิดแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุเลยหรือครับ? ---> กำจัด NSA ทิ้งซะ หุๆๆ
แล้วก็มี NSA mk.II มาแทน
นี่คือจุดเริ่มต้นของหน่วย CTU รึเปล่าครับ?
สูงสุด คืนสู่สามัญ
คำนี้ยังใช้ได้แหะ
ย้อนยุค กลับสู่ความคลาสสิค
ถึงมันจะง่ายๆโง่ๆ แต่ถ้ามันใช้ได้ผล ก็ทำๆไปเหอะ .. มันก็เป็นหลักการแบบหนึ่งน่ะนะ KISS
ผมไม่คิดว่านี่จะเป็นวิธีแก้ระยะยาว ใครจะอยากย้อนไปใช้ของโบราณดึกดำบรรพ เสียงเวลา เสียงแรง(จิ้มแป้น)เพิ่ม แต่ในเมื่อเป็นวิธีที่แก้ปัญหาได้ชะงัด มีประสิทธิภาพสุด คงต้องใช้กันไปก่อน จนกว่าจะหาหนทางป้องกันที่ดีกว่านี้ได้
ผมว่าป้องกันหน่วยลับไอ้กันยาก ใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่งแบบพี่จีนเลยดีกว่า คือแฮคกลับให้พลุน เอาซี้ดักได้ดักไป ตูดักคืนมั่ง พอรู้เค้ารู้เราไก่เห็นนมงูงูเห็น..ไก่ก็เลยตกลงกันว่าให้เหยียบไว้ด้วยกันทั้งคู่นะจ๊ะ