โครงการวิจัยของ University of California Berkeley สามารถถอดรหัสสัญญาณประสาทเพื่ออ่านข้อความที่มนุษย์นึกไว้ในใจได้
งานวิจัยนี้จะให้อาสาสมัครทำการอ่านออกเสียงข้อความ เพื่อใช้อุปกรณ์ที่ทีมวิจัยพัฒนาขึ้นเก็บบันทึกรูปแบบสัญญาณประสาทเพื่อเป็นฐานข้อมูลใช้สำหรับการถอดรหัส จากนั้นเมื่อให้อาสาสมัครทำการอ่านข้อความแบบไม่ออกเสียง ผู้วิจัยก็สามารถใช้ฐานข้อมูลที่เก็บไว้ร่วมกับอัลกอริธึมการแปลงสัญญาณประสาทจนทำให้ทราบได้ว่าข้อความที่อาสาสมัครกำลังอ่านหรือนึกอยู่ในใจนั้นคืออะไร ทั้งนี้ชุดข้อมูลที่นำมาใช้เพื่อการถอดรหัสสัญญาณประสาทของอาสาสมัครเหล่านั้นจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละราย
ในอนาคตงานวิจัยนี้อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้มีปัญหาด้านการพูดออกเสียง ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาเหล่านั้นสามารถสื่อสารกับผู้คนในสังคมได้สะดวกยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งการใช้ภาษามือหรือการเขียน ทั้งยังอาจมีการปรับใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อช่วยในงานด้านการสืบสวนสอบสวนโดยหน่วยงานรัฐได้ด้วย
ทีมวิจัยยังคงเดินหน้าพัฒนาระบบถอดรหัสสัญญาณประสาทนี้ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และเพิ่มการทดสอบเพื่ออ่านใจของอาสาสมัครว่ากำลังฟังหรือนึกถึงเพลงอะไรอยู่ในใจ
ที่มา - SlashGear
Comments
การวิจัยนี้จะนำไปสู่การเค้นความลับจากผู้ก่อการร้ายเพื่อความมั่นคงแห่งสหรัฐฯ ... #FBIไม่ได้กล่าว
my blog
อ่านตอนแรกนึกว่าวันนี้ วัน April Fool
ไม่ใช่ครับ วันนี้วันฮัลโหลวีน #แป้ก
นึกถึงลุง Stephen Hawking ถ้าเครื่องอ่านแบบนี้ใช้ได้ดีจริงๆ โลกนี้อาจจะได้อะไรดีๆ จากความคิดของเขาได้อีกเยอะ
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.
แต่หาคนคิดตามให้ทันก็ยากอยู่ดี
บริษัทใหญ่จะดึงความคิดที่มีค่ามาทำให้บริษัทรวยขึ้นไปอีก ส่วนบริษัทเล็กๆคิดแทบตาย แต่ก็ไม่รวยสักทีเพราะโดนลอกความคิดที่ทำเงินไปหมด
ภาษาถือเป็นข้อจำกัดในการอ่านความคิดรึเปล่าครับ
แปลว่าแต่ละคนมีอัลกอริทึ่มในการเข้ารหัสของใครของมัน ใช้ร่วมกันไม่ได้สินะ ความท้าทายต่อไปคงจะเป็นการพยายามหาว่าอัลกอนี้เป็นของใครของมันจริงหรือไม่ หรือในบางคนมีซ้ำกัน ถ้าซ้ำกันสองคนนั้นมีความเกี่ยวพันกันยังไงถึงใช้ซ้ำกัน และสุดท้ายก็พยายามเข้าใจวิธีเข้ารหัสนั้น โอวววว น่าสนุกมาก ๆ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ดีไม่ดีจะค้นพบเรื่องของจิตเอานะนั่น
ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นคือต้นแบบของเทคโนโลยีการสื่อสารทางจิต
ประสาทของนั้น ?
ได้วิธีจีบสาวให้ติดไวได้ละครับ อิอิ
น่าจะเขียนเต็มๆ ว่า University of California Berkeley นะครับ UC มีเยอะ แต่ละที่นี่ คนละเรื่องกันเลย
ใช่ครับ UC มีตั้งสิบมหาลัย อ่านตอนแรกก็งงว่ามันเป็นผลงานรวมของสิบมหาลัยเลยเหรอ
ต่อไปคงมีโปรแกรมบนมือถือ ใครคิดไม่ดีกับสาวๆ ตอนไปออกเดท จะมี Alert เตือน ฮ่าๆ
ถ้าในอนาคตพัฒนาขึ้นแล้วเอาไปใช้ในทางที่ผิดหรือไม่ได้รับอนุญาต
จะถือว่าละเมิดสิทธิส่วนบุคคลหรือเปล่า
เพราะปัจจุบันยังมีการแอบดักฟังสัญญาณโทรศัพท์หรือข้อความกันเลย
เอ กฏหมายปัจจุบันครอบคลุมไปถึงความคิดที่ยังอยู่ในหัวหรือเปล่าครับ
ความผิดต้องสำเร็จแล้วถึงจะผิดครับ แค่คิดจะทำไม่ผิดกฎหมาย แต่อาจจะเอามาใช้ประกอบการพิจารณาว่ามีแรงจูงใจได้
ปล. ผมไม่ใช่นักกฎหมายนะครับ แค่เท่าที่เคยฟังมา
ไม่ครับ ผมไม่ได้หมายถึงกรณีที่เราคิดจะกระทำความผิด อันนั้นผมพอเข้าใจ แบบที่คุณ Holy พูดถึง
แต่ผมหมายถึงในกรณีที่เราถูกดักดูสัญญาณความคิด เปรียบเทียบกับกรณีที่เราถูกดักฟังโทรศัพท์น่ะครับ ว่ากฏหมายจะคุ้มครองเราให้เอาผิดกับผู้ที่ดักดูสัญญาณความคิดของเราได้หรือเปล่า
มันก็เหมือนเป็นการบันทึกสัญญาณไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในสมองในแต่ละคำใช่ไหม
เมื่ออ่านได้แล้ว ต่อไปก็คงหาวิธี Inception ซินะ