ในตอนแรก ศิลปินหลายรายมีท่าทีที่ไม่แน่ใจกับบริการสตรีมมิ่งเพลงอย่าง Spotify ซึ่งสร้างรายได้ให้ศิลปินเพียงน้อยนิดต่อการฟังเพลงหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ยังมีความไม่มั่นใจว่าบริการดังกล่าวจะทำให้เสี่ยงต่อการนำไปละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่ ศิลปินบางรายก็ได้ตัดสินใจถอดอัลบั้มตัวเองออกจาก Spotify ด้วยเหตุผลดังกล่าว
แต่ล่าสุด Cobalt Music Publishing บริษัทที่เป็นตัวแทนให้แก่ศิลปินอย่าง Paul McCartney บอกว่าศิลปินจากค่ายตัวเองได้รับรายได้ค่าส่วยจาก Spotify ในยุโรปมากกว่าจาก iTunes ถึง 13 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตามในสหรัฐฯ สถานการณ์ยังต่างกันสิ้นเชิง หากมาดูกรณีของ Taylor Swift ที่ได้ตัดสินใจถอดอัลบั้มใหม่ของตัวเองออกจาก Spotify หลังจากที่เพิ่งทำลายสถิติยอดขายอัลบั้มได้สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2002 (สถิติก่อนหน้าตั้งไว้โดย Eminem)
ที่มา - Engadget
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Urgent Jobs
Cloudnone
- NVIDIA จะไปหยุดที่ตรงไหน ทำไมครองโลกดาต้าเซ็นเตอร์ | Cloudnone EP.22
- ถึงคลาวด์เคราะห์: ทำอย่างไรเมื่อบริการคลาวด์ที่ใช้ถูกยกเลิก | Cloudnone EP. 21
- รู้จักอาชีพ Site Reliability Engineer สำคัญยังไง? | Cloudnone EP. 20
- อธิบาย CrowdStrike ทางเทคนิค ทำไมถึงทำพีซีจอฟ้าเป็นล้านๆ เครื่อง | Cloudnone EP.19
- Kubernetes [Part 2] ยี่ห้อไหนดี งานไหนต้องใช้ แล้วเลือกยังไง? | Cloudnone EP.18
Comments
Deezer ก็โดยถอดไปแล้วครับ ผมฟังไม่ได้แล้ว
ผมว่ากับศิลปินรายใหญ่ๆเรื่องสตรีมมิ่งนี้ไม่น่ามีปัญหานะครับ ส่วนมากจะเกิดกับศิลปินอินดี้เป็นหลัก ที่ทำเงินจากระบบสตรีมมิ่งได้น้อยและยังต้องพึ่งจากการขายซีดี, แผ่นเสียงและระบบซื้ออัลบั้มออนไลน์เป็นส่วนใหญ่
ส่วนตัวผมสนับสนุนทั้ง 2 ทางครับ ใช้ Spotify ในชีวิตประจำวันบวกกับอุดหนุนแผ่นเสียงไว้มาฟังแบบจริงจังครับ
อ่อ... Taylor Swift เป็นศิลปินอินดี้นะครับ o_0
ไม่นะครับ Taylor พี่แกเค้าดังระดับโลกนะครับ ผลงานเพลงได้ Grammy มา 7 รางวัลแล้ว ประสบความสำเร็จด้านยอดขายมาทุกอัลบั้ม แล้วยิ่งงานหลังๆเริ่มออกไปทาง Mainstream Pop มากกว่าที่จะเป็น Country ตอนสมัยช่วงแรกๆอีกด้วย
เค้าคงหมายถึงว่า
คุณ 3dpro บอกว่าปัญหาจะเกิดกับศิลปินอินดี้เป็นหลักน่ะครับ
แล้วหนู Swift ก็ดันมีเรื่องเอาเพลงออกพอดี ก็เท่ากับว่า Swift เป็นศิลปินอินดี้ล่ะสิ?
ล่ะมั้งครับ
กรรม ผมตีความผิดอีกล่ะ Orz
ถ้าในแง่นี้ผมว่า Taylor แกเองอยากได้ยอดขายอัลบั้มมากกว่าโปรโมตเพลงนะครับ เลยไม่แคร์ที่จะต้องมีเพลงอยู่ในระบบสตรีมมิ่ง เพราะว่ายังไงก็ขายออกแน่ๆ
แต่ถ้าเป็นกรณีศิลปินอิ้นดี้ยังไงก็ต้องมีผ่านระบบสตรีมมิ่ง เพราะช่วยในการโปรโมตตัวผลงานเพลงและตัวศิลปินได้เป็นอย่างดีเลยครับ
ได้ค่าส่วย...
ยังแอบเสียดายนิดๆ ที่สัปดาห์ก่อน (หรือสองสัปดาห์ก่อน) ที่อัลบัม 1989 ลดราคาเหลือ $0.99 บน Xbox Music แต่ไม่ได้ซื้อ (เพราะปกติไม่ฟังเพลงน้องเค้า) จริงๆ เพลงก็ติดหูดีอยู่ แต่ถ้าให้ซื้อตอนนี้ก็คงไม่ละ
นึกว่าผมเป็นอยู่คนเดียว (แต่ผมแค่อยากซื้อเก็บเฉยๆ) 2 อาทิตย์ที่แล้วมี Maroon 5, Rihanna $1.99
สอย Loud มาได้ (ซื้อเพราะเพลง Love the way you lie ^_^)
Xbox ถ้าไม่ลดนี่แอบแพง iTunes ถูกกว่า
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
ผมว่าไงๆผมก็ชอบซื้อขาดมากกว่างะเพราะเพลงอัลบั้มๆนึงไม่เคยเกิน 4 เพลงเลยที่ฟัง
เช่นกันครับ
เอาจริงๆ ถ้าคนตั้งใจจะละเมิด บริการแบบไหนก็ไม่น่ารอด... (ใส่ DRM มาก็โดนด่าอีก)
ผมก็ชอบซ์้อขาดมากกว่าเหมือนกัน ไม่ชอบฟังหลายเพลง ซ์้อเฉพาะที่ชอบ แล้วก็ฟังอยู่แค่นั้น เบื่อก็ shop ใหม่
เอาจริง ๆ แล้วทั้งเทเลอร์และพี่เอ็มก็ยังแพ้สถิติของบริทนีย์นะครับ
http://edition.cnn.com/2014/11/05/showbiz/music/taylor-swift-1989-sales/
ฟังใน youtube เอาก็ได้