ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือที่มาแรงที่สุดในปี 2015 ที่ผ่านมาไม่ใช่ซัมซุงหรือแอปเปิล แต่เป็น Huawei ที่ขึ้นมาเป็นอันดับสามของโลก ด้วยยอดขายเกิน 100 ล้านเครื่องต่อปี, ยอดขายในจีนแซงหน้า Xiaomi, ผลประกอบการเพิ่มขึ้น 35% และยังจับมือกับกูเกิลทำ Nexus 6P เป็นครั้งแรก
หลายคนคงมีคำถามว่า Huawei มีอะไรดีถึงก้าวขึ้นมาได้ขนาดนี้? ผมจึงพยายามหาคำตอบนี้โดยขอยืม "เรือธง" รุ่นล่าสุดของบริษัท Huawei Mate 8 ที่เพิ่งเปิดตัวในไทย มาลองใช้งาน
สเปกคร่าวๆ ของ Mate 8 คือซีพียู Kirin 950 รุ่นล่าสุดที่บริษัทผลิตเอง เป็นซีพียู 4+4 คอร์ พร้อม i5 co-processor ใช้กระบวนการผลิต 16 นาโนเมตรของ TSMC
Mate 8 เป็นมือถือจอใหญ่ 6" ความละเอียด 1920x1080 อัตราคอนทราสต์ 1500:1 แต่ขอบจอด้านข้างบาง (ตัวกระจกหน้าติดขอบข้างเลย แต่แผงจอจริงๆ มีขอบดำคั่นเล็กน้อย) กล้องหลัง 16MP พร้อม OIS, กล้องหน้า 8MP, แบตเตอรี่ 4000 mAh, ระบบปฏิบัติการ Android 6.0 พร้อม EMUI 4.0 (สเปกละเอียดบนเว็บ Huawei)
จุดเด่นอีกอย่างของมือถือ Huawei ช่วงหลังคือที่สแกนลายนิ้วมือด้านหลังของเครื่อง (มีตั้งแต่ Mate 7 ในปี 2014) โดยอัพเกรดเป็นเวอร์ชันล่าสุดที่บริษัทคุยว่าแม่นยำขึ้นกว่าเดิม
Huawei Mate 8 แยกเป็นสองรุ่นย่อยคือ NXT-L29 รุ่นสองซิม และ NXT-L09 รุ่นซิมเดียว ตัวที่ได้มาทดสอบเป็น NXT-L29 รุ่นแรม 4GB ความจุ 64GB สีน้ำตาล Mocha Brown ซึ่งเป็นสีพิเศษของ Huawei Mate 8 ครับ
Huawei Mate 8 ยังคงแนวทางการออกแบบของมือถือซีรีส์ Mate (ทั้ง Mate 7 และ Mate S) นั่นคือเป็นมือถือจอใหญ่แต่บาง ใช้บอดี้โลหะดูพรีเมียม
Huawei ระบุว่า Mate 8 มีความหนาเพียง 7.9 มิลลิเมตร บางลงจาก Mate 7 อีก 0.4 มิลลิเมตร ผมลองใช้งานจริงพบว่าบางแต่ยังกระชับมือ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเครื่องใหญ่พอสมควร กับวัสดุด้านหลังออกแบบมาให้สากๆ เล็กน้อย (sandblasting คือขัด/พ่นด้วยทราย) จับแล้วรู้สึกดี แถมไม่ค่อยมีรอยนิ้วมืออย่างในมือถือที่ผิวโลหะมันวาว
พื้นที่ด้านหน้าของเครื่องเกือบทั้งหมดเป็นจอภาพ (Huawei ระบุว่าพื้นที่ 85% เป็นจอ) ปุ่มกดเป็นปุ่มบนหน้าจอ มีโลโก้ Huawei ด้านล่าง ครอบด้วยกระจกจอ 2.5D ทับลงไปทั้งหมด (ด้านหน้าทั้งหมดมีกระจก 2.5D ครอบทับเต็มพื้นที่)
จากภาพจะเห็นตรงโลโก้ใส่ลูกเล่นเป็น texture นิดหน่อยให้ดูพรีเมียมขึ้นครับ
ขอบด้านล่างเป็นพอร์ต Micro USB (ไม่ใช่ USB Type C) และลำโพง ขอบด้านบนมีช่องหูฟังและไมโครโฟน ปุ่มต่างๆ อยู่ที่ขอบด้านขวาของเครื่อง
ถาดเสียบซิมอยู่ด้านซ้าย (เป็นระบบเข็มจิ้มตามสมัยนิยม) รองรับสองซิม (4G/2G) โดยซิมสำรองต้องใช้ร่วมกับ microSD แต่การทดสอบนี้ลองใช้แค่ซิมเดียวนะครับ
ขนาดของ Mate 8 จะใหญ่กว่ามือถือจอใหญ่รุ่นๆ เดียวกันอย่าง Galaxy Note 5 อยู่เล็กน้อย แต่จอภาพของ Mate 8 ใหญ่กว่านิดหน่อย (ความกว้างพอกัน แต่ความสูงเยอะกว่า)
ระบบปฏิบัติการของ Mate 8 เป็น Android 6.0 พร้อม UI ของ Huawei เองที่เรียกว่า EMUI ซึ่งตอนนี้เดินทางมาถึงเวอร์ชัน 4.0 แล้ว
อย่างแรกที่เห็นได้ชัดเลยคือ Huawei พยายามปรับธีมของ EMUI ให้เป็นสีออกทองๆ ดูแปลกตา ตรงนี้ผมว่าถ้ามีแต่แอพของ Huawei เองก็ดูเรียบหรูดี แต่พอมีไอคอนของแอพตัวอื่นๆ แทรกมาด้วย (เช่น Chrome ที่เป็นเบราว์เซอร์หลัก) มันก็ดูหลุดธีมไปสักหน่อย
EMUI เดินตามรอยรอมจีนตัวอื่นๆ ทั้ง Xiaomi MIUI หรือ Meizu Flyme คือไม่มีหน้า app drawer แยกต่างหาก ไอคอนทุกตัวกองอยู่บนหน้าโฮมเหมือนกับ iOS (คนที่ไม่ชอบก็ต้องปรับตัวกันหน่อย)
แอพพื้นฐานที่ให้มาก็ครบถ้วนดี เช่น ไฟฉาย กระจกเงา เข็มทิศ ที่อัดเสียง ฯลฯ แอพอื่นนอกค่ายที่แถมมาด้วยมีตัวเดียวคือ WPS Office ตรงนี้ถือว่าทำได้ดี แทบไม่มี bloatware ไร้สาระติดมาเลย
รอม EMUI ปรับแต่งไปจากรอมปกติของ AOSP อยู่พอสมควร เช่น ถาดข้อความแจ้งเตือน (notification) ทำเป็น timeline แสดงลำดับเวลาที่ข้อความเตือนแจ้งมายังเราด้วย
ตัวระบบปฏิบัติการหลักเป็น Android 6.0 ตั้งแต่แรก ผมเช็คข้อมูลแพตช์ความปลอดภัย (ณ วันที่เขียนรีวิว) ยังเป็นรอบเดือนธันวาคม 2015 อยู่ นี่เดือนกุมภาพันธ์ 2016 แล้วนะ!
อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจของรอม EMUI คือแจ้งเตือนแอพที่สิ้นเปลืองพลังงาน (Huawei เรียกว่า Heart Beat) บอกหน่วยการใช้พลังงานเป็น mAh อย่างละเอียด ถือว่าแปลกดีไม่เคยเจอในรอมอื่นมากนัก นอกจากนี้ EMUI ยังมีแอพชื่อ Phone Manager ช่วยเคลียร์แรม-พื้นที่เก็บข้อมูลให้อัตโนมัติด้วย (ดูเป็นฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมจากบรรดาผู้ผลิตมือถือเกือบทุกรายในช่วงหลังๆ)
หน้า Settings ปรับแต่งได้เยอะพอสมควร ตั้งแต่การปรับอุณหภูมิหน้าจอ การปรับจำนวนปุ่มด้านล่างของจอ สามารถสลับตำแหน่ง Back/Recent Apps ได้ และสามารถเพิ่มปุ่มที่สี่คือปุ่มเปิด Notification เข้ามาได้
ผมสังเกตว่า Huawei ให้ฟีเจอร์จำพวก "อัจฉริยะ" มาค่อนข้างเยอะ ได้แก่ฟีเจอร์พวก gesture และสั่งงานด้วยเสียงหลายอย่าง อันนี้ไม่แน่ใจว่าในระยะยาวจะซ้ำรอยซัมซุงในช่วง Galaxy S4 ที่ให้ฟีเจอร์ไม่ค่อยได้ใช้งานมา "เยอะ" จนกลายเป็นปัญหาหรือไม่
ส่วนตัวเก็บลายนิ้วมือก็สามารถตั้งค่าจากหน้า Settings เช่นกัน วิธีการเพิ่มลายนิ้วมือคล้ายกับมือถือคู่แข่งอื่นๆ สามารถเก็บได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ
ฟีเจอร์อีกอย่างที่มีในรุ่นนี้คือ Knuckle Gesture หรือการใช้ข้อนิ้ววาด gesture บนหน้าจอ (แทนการใช้ปลายนิ้ว ซึ่งหน้าจอแยกแยะความแตกต่างได้) ถือเป็นอีกฟีเจอร์แปลกๆ ที่ไม่เคยเจอที่ไหน ดูแล้วก็น่าจะมีประโยชน์ดี (สามารถอัดวิดีโอหน้าจอได้ด้วย) แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ค่อยได้ใช้งานมากนัก วิธีการใช้งานลองดูในวิดีโอรีวิวของ Phandroid ด้านล่างครับ
จากการลองใช้งานจริงมาประมาณหนึ่งสัปดาห์ ต้องบอกว่า Huawei ทำตัวสแกนลายนิ้วมือได้ดีมากครับ ตำแหน่งของเซ็นเซอร์อยู่ด้านหลังพอดี เป็นตำแหน่งที่เป็นธรรมชาติมากสำหรับนิ้วชี้ ตอนที่เราหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
ตรงนี้ต้องอาศัยการปรับตัวเล็กน้อย โดยเฉพาะคนที่คุ้นกับการสแกนนิ้วด้วยปุ่มโฮม แต่พอคุ้นเคยแล้วกระบวนการใช้มือถือจะพลิ้วมาก เพราะระหว่างที่เราหยิบมือถือขึ้นมา นิ้วแตะตัวสแกนด้านหลัง พอยกขึ้นมาในระดับสายตา หน้าจอก็ถูกปลดล็อคเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม การที่ตัวสแกนลายนิ้วมืออยู่ด้านหลัง ก็มีจุดอ่อนว่าถ้ามือถือวางอยู่บนโต๊ะ แล้วอยากใช้งานโดยไม่ต้องการหยิบเครื่องขึ้นมาถือไว้ (ซึ่งสถานการณ์ลักษณะนี้ไม่น่าจะมีเยอะนัก) จะไม่สามารถปลดล็อคหน้าจอด้วยลายนิ้วมือได้เลย ทางแก้ปัญหาคือใช้การปลดล็อคหน้าจอแบบอื่น เช่น PIN หรือ Pattern แทน
ปัญหาอีกข้อที่พบคือ Huawei ให้เคสของ Mate 8 มาในกล่องด้วย ตัวเคสออกแบบมาอย่างดี เว้นตำแหน่งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือให้พร้อม แต่ปัญหาคือมันเป็น Flip Case แบบมีฝาพับ ถ้าเราพับฝาไปด้านหลังเพื่อให้ถือด้วยมือเดียวได้สะดวก แล้วหน้าจอดับไป การปลดล็อคด้วยนิ้วจะไม่สะดวกขึ้นมาทันที เพราะฝาพับไปบังตัวเซ็นเซอร์อยู่
ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ แต่ในภาพรวมแล้วก็ต้องบอกอีกรอบว่ากระบวนการปลดล็อคหน้าจอด้วยเซ็นเซอร์ด้านหลังเครื่องเป็นสิ่งที่น่าประทับใจมากครับ (จนผมเริ่มเชื่อว่าเป็นแนวทางที่ดีกว่าเซ็นเซอร์ที่ปุ่มโฮมแล้ว)
ปี 2015 เป็นปีที่เรือธงแทบทุกค่ายแข่งกันเรื่องกล้องอย่างดุเดือด ผลที่ตามมาคือคุณภาพของกล้องโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างมาก
กล้องของ Mate 8 ก็ถือว่าคุณภาพสูง กล้องหลังความละเอียด 16MP ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX298 มีฟีเจอร์ครบครันทั้ง OIS และแฟลชคู่ดูอัลโทน บริษัทยังบอกว่าใช้หน่วยประมวลผลภาพ Image Sensor Processor (ISP) ของตัวเองที่ให้คุณภาพของภาพดีขึ้นด้วย
แอพกล้องของ Mate 8 หน้าตาคล้ายของ iOS โดยแบ่งเป็น 5 โหมดหลักคือ Photo, Video, Time-lapse, Beauty, Light painting (โหมด Beauty สามารถใช้กับกล้องหลังได้ด้วยนะครับ ไม่ใช่แค่กล้องหน้า)
ความสามารถของแอพกล้องก็มีเยอะมาก (ตัวเลือกเริ่มเยอะ) ถ่ายพานอรามาได้ มีโหมดโปร ถ่ายวิดีโอสโลว์โมชัน ใส่ลายน้ำ ฯลฯ
ผลงานที่ได้จากกล้องก็ถือว่าดีเลยครับ ผมลองถ่ายชามก๋วยเตี๋ยวในร้านข้างถนนตอนกลางคืน ที่สภาพแสงไม่ค่อยดีนัก ออกมาได้ตามภาพด้านล่าง
ถ่ายช็อตเดียวกันเทียบด้วยกล้องคอมแพค Canon G7x
ภาพตัวอย่างอื่นๆ จากกล้องของ Mate 8 (คลิกเพื่อดูภาพขนาดเต็ม ทุกภาพถ่ายด้วยโหมด Auto)
จุดขายสำคัญของ Huawei Mate 8 คือหน่วยประมวลผล Kirin 950 ที่โฆษณาว่าแรงที่สุดในท้องตลาดขณะนี้ ภาพรวมการใช้งานทั่วไปถือว่าประทับใจ ลื่นไหล ไม่มีอาการกระตุกให้เห็น
ผมลองรันเบนช์มาร์คด้วย Antutu ได้คะแนนออกมาที่ประมาณ 88,000-89,000 คะแนน ถือว่าดีมาก แต่ก็ยังน้อยกว่าเบนช์มาร์ค Mate 8 ในฐานข้อมูลของ Antutu เอง (ไม่แน่ใจว่าเขารันกันยังไงเหมือนกันนะครับ)
แบตเตอรี่ถือว่าอึดมาก (ผมลองไม่ติดตั้งแอพ Facebook for Android แล้วหันมาใช้แอพ Metal แทนด้วย ไม่รู้เกี่ยวหรือเปล่า) ตัวเครื่องไม่ร้อนเลย แต่ก็แทบไม่ได้ใช้งานอะไรหนักๆ มากนัก สำหรับการใช้งานปกติของผม แบตจะเหลือประมาณ 60-70% ตอนสิ้นวันครับ
สาเหตุของความอึดน่าจะมีจากหลายส่วนประกอบกัน เช่น ตัวแบตเองให้มาเยอะ 4,000 mAh, ฟีเจอร์ Doze ของ Android 6.0, Huawei มีฟีเจอร์ชื่อ Heart Beat คอยตรวจสอบการบริโภคพลังงานของแอพ, ตัวหน่วยประมวลผลร่วม i5 coprocessor ช่วยลดภาระงานบางอย่างจากซีพียู
Mate 8 มีฟีเจอร์ชาร์จเร็วด้วย (ชาร์จเต็มจาก 0% ถึง 100% ภายใน 2.5 ชั่วโมง) แต่ทาง Huawei ไม่ได้ให้อุปกรณ์มาด้วย เลยไม่ได้ทดสอบฟีเจอร์นี้
ชิปเครือข่ายของ Mate 8 รองรับ LTE Cat 6 ด้วย (อ่านในสเปกรองรับ Carrier Aggregation ด้วย) ผมลองทดสอบกับ 4G ของ AIS ด้วย Ookla ได้ผลลัพธ์ตามภาพครับ (แต่เรื่องการทดสอบเครือข่ายมีปัจจัยผันแปรเยอะ คงยึดถือจริงจังมากไม่ได้)
Huawei Mate 8 ถือเป็นมือถือเรือธงรอบปลายปี 2015/ต้นปี 2016 ที่น่าประทับใจมากตัวหนึ่ง มีความสมบูรณ์มาก หาข้อติได้ยาก
ข้อดี
ข้อเสีย
ในภาพรวมถือว่าตัวสินค้ามีความพร้อมพอสมควรแล้ว สิ่งที่เหลือคงเป็นเรื่องแบรนด์ของ Huawei ที่ต้องขยายการรับรู้ในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย และช่องทางการจัดจำหน่ายที่ยังต้องขยายให้ครอบคลุมเพิ่มเติมครับ
ส่วนในตลาดโลกก็น่าจับตาว่าหลังจาก Huawei ออกผลิตภัณฑ์ระดับ Mate 8 ได้ในปี 2015 ขั้นถัดไปเราจะเห็นอะไรตามมาในปี 2016 ที่ช่วยให้บริษัทขึ้นไปเทียบชั้นเบอร์ 1 และเบอร์ 2 ในตลาดได้
Comments
ผมใช้ P8 ยอมรับว่าดีจริงๆ ครับ ตัวนี้ก็ยอมรับว่าอยากได้มากๆ
อยากได้ก็ซื้อเลยสิครับ ราคาระดับนี้นักคอมทั่วไปซื้อได้อยู่แล้ว และถึงจะเรียนอยู่ก็เหอะ ลงทุนการศึกษาด้านคอมก็จ่ายมากกว่านี้เป็นไหนๆ
การซื้อของหลายๆ ครั้งมันมีตัวแปรมากกว่า "อยากได้" นะครับ
ประชดใช่มั๊ยครับ คือหลักการกับเหตุผลที่เสนอมาผมว่าไม่น่าจะใช่นะ
ราคาระดับนี้นี่คือเท่าไรหรอครับ
ไม่ได้ประชดนะครับ ราคาประมาณสองหมื่นนี่ซื้อกันได้ทุกคนอยู่แล้ว ไม่เหมือน Vertu นั่นสามแสนหกคงซื้อกันทุกคนไม่ได้
ไม่แน่ใจว่าคุณเอาบรรทัดฐานอะไรมาตั้งนะครับ แต่ว่ามือถือ 2 หมื่นกับสถานภาพของคนที่จบใหม่เพิ่งเริ่มทำงานหรือว่าเป็นนักศึกษาอยู่มันก็ดูเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมากพอสมควรและมันมากเกินกว่ารายได้เฉลี่ยของเด็กจบใหม่ด้วยครับ
มีด้วยเหรอครับนักคอมที่มีค่าตัวน้อยกว่าสองหมื่นต่อเดือน บริษัทไหนครับจะได้ไว้บอกลูกๆหลานๆ
มีเยอะครับ http://bit.ly/1Qtfioa ลองเปิดใจให้กว้างๆ แล้วออกไปสำรวจดูตลาดก่อน และถึงแม้จะได้เงินเดือนระดับ 2 หมื่นจริง ก็ไม่ได้มีเงินเหลือพอมาซื้อมือถือทั้ง 2 หมื่นบาทหรอกนะครับ ในกรณีที่ไม่ได้มีบ้านอยู่ในกรุงเทพฯ ก็จะมี ค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่ากิน ค่าอื่นๆ จิปาฐะ และถึงแม้จะสามารถผ่อนได้ก็ต้องผ่านงานไปได้สักระยะหนึ่งก่อนถึงจะมีเครดิตพอไปผ่อนได้
ผมก็สงสัยเหมือนกัน บริษัทเหล่านี้ จะจ้างโปรแกรมเมอร์ หรือจะจ้างคนไปพิมพ์ดีด เด็กสมัยนี้นอนอยู่บ้าน ช่วยงานพ่อแม่นิดหน่อยก็ได้สองหมื่นแล้ว นี่ต้องเดินทางไปทำงานทุกวัน ไหนจะค่ากิน ค่าผ่อนรถอีก ผมคิดว่าไม่คุ้ม
ถ้าได้น้อยกว่าสองหมื่นผมว่าออกมาขายของออนไลน์ดีกว่ามั้งครับ
ขายอะไรหรอครับ แนะนำผมหน่อย
พอดีอยากรู้สึกว่าเงิน 20000 บาทต่อเดือนได้มาง่ายๆ บ้าง
อยากรู้เหมือนกันว่า บางคนเรียนมหาลัยมหาหลอกหรือเปล่า จบออกมาเลยไม่มีงานทำ
ทำไมผมอ่านคอเมนต์ชุดนี้แล้วรู้สึกจน รู้สึกเหมือนโดนมหาลัยหลอก โดนบริษัทหลอกจัง
/me หันไปมอง ZenFone5 ราคาทู้กถูกในมือแล้วได้แต่ทอดถอนใจ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ขายของออนไลน์เลี่ยงภาษีน่ะเหรอครับ หึหึ
ต่อให้เงินเดือนสามสี่หมื่นจะซื้อมือถือราคาเกินครึ่งของเงินเดือนนี่ผมก็คิดหนักครับ ไม่ใช่อยากได้ก็ซื้อ
คือสองหมื่นสำหรีบบางคนก็มากนะครับ
บางที่เครื่อง android จ่ายประมาณหมื่นกว่าก็ได้เสปคระดับแรงแล้วครับ
ส่วนเครื่อง Vertu ก็เหมือนกัน บางคนก็ว่าไม่แพง บางคนก็ว่าแพง
หลายๆคนไม่ใช่คนไร้ภาระครับ บางคนเก็บตังซื้อบ้านซื้อรถ ไม่ก็ผ่อนบ้านผ่อนรถอยู่
บางคนกู้ยืมเรียน ก็มีภาระต้องเอาไปจ่ายหนี้กู้ยืม
บางคนมีแฟน หรือมีครอบครัวก็ต้องมีภาระด้านนั้น
อีกอย่างต้นทุนการศึกษาของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันครับ บางคนเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยหาเงินมาเรียน เรียนจบก็ต้องมาจ่ายหนี้ต่อ
ดังนั้นคนที่ซื้อสินค้าโดยไม่คิดเลย ก็ต้องเป็นคนที่ไม่มีภาระเลย หรือไม่รู้ว่าตนเองมีภาระ(เช่นวัยรุ่นขอเงินพ่อแม่)นั่นแหละ
คุณ?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
+1 คุณMcKayครับ
ผมคิดว่าถ้าไม่ใช่เด็กน้อย ก็ตั้งใจเกรียนล่ะ คงไม่มีผู้ใหญ่คนไหนแสดงความคิดเห็นแบบนี้หรอก
เอ้า คิดว่าดีกว่าss แล้วนะครับนี้
รวมๆ ใช้งานแล้วพอๆ กันนะครับ ที่ผมไม่ค่อยชอบคือรอมมันไม่มี drawer แต่ก็อยู่ในระดับที่รับได้ จุดที่คิดว่า Huawei ยังขาดคือไม่มีฟีเจอร์เอกลักษณ์ทางฮาร์ดแวร์ ลักษณะเดียวกับขอบ Edge หรือปากกา Note น่ะครับ (ในแง่การใช้งานไม่เป็นปัญหา แต่ในแง่ marketing ยังขาดจุดขายที่สร้างความแตกต่าง)
พบฝา => พับฝา
ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆครับ
..: เรื่อยไป
น่าสนใจ
อยากรู้บริการหลังการขายดีแค่ไหนนี่สิ
ผมใช้บ่อยนะ เครื่องอยู่บนโต๊ะแล้วใช้งานโดยไม่ยกมือถือขึ้นมาเนี่ย ใช้เช็คโน่นนี่คร่าวๆ
หรือโดยเฉพาะเวลามี notification ขึ้นมาแล้วแค่เข้าไปอ่านเพิ่มเติมอีกหน่อย
workaround ที่ผมนึกออกก็คงเป็นการยอมกรอก PIN/Pattern แทนทุกรอบ หรือไม่ก็ใช้ฟีเจอร์ Smart Unlock ของ Android ไม่ให้มันล็อคเครื่องใน trusted environment น่ะครับ
อยากให้มีรอม AOSP มาก
Canon G7x ถ่ายมาได้น่ากินมากครับ อิอิ
ไปดูแล้วเครื่องใหญ่ แต่ก็ถือถนัดมืออยู่นะเพราะเครื่องบางด้วยแหละ
ตอนแรกว่าจะรอสัก 19,xxxบ. แล้วมาดูอีกที
แต่นึกขึ้นได้ว่าใส่เป๋าเกง คงต้องขอผ่านอะตัวนี้ ^^"
นึกถึงสมัยเอา galaxy tab ตัวแรกใส่กระเป๋ากางเกงสิครับ แหม่ สมัยนั้นทำไปได้
ลังเล มากมาย
ช่วงหลังๆนี้มีแต่ hybrid sim ผมนี่เซ็งมาก
อยากใช้ทั้ง 2 ซิม ทั้ง ใส่ card เน้อ
น่าซื้อ ไม่มีข้อเสียอะไรเลย
น่าใช้ดีมาก
หลายคนอาจจะลืมนึกถึงเรื่องบริการหลังการขายของหัวเว่ยในไทย ขนาดซัมซุงที่ว่าแย่แต่ก็ยังมีศูนย์สีลมที่พอจะกู้ชื่อเสียงได้บ้าง แต่ระบบจัดการอะไหล่และการซ่อมของหัวเว่ยในไทย ผมขอลา
ฟังชั่นเคาะนิ้วเพื่อแคปจอเนี่ยใช้แล้วก็ติด เผลอไปเคาะเครื่องชาวบ้าน
ปล.ยังอยากได้ที่เซนเซอร์อยู่ข้างหน้าอยู่นะ เพราะเป็นพวกชอบวางมือถือไว้แล้วเล่น
เครื่องสวยมากน่าใช้ครับ
อวยกันแล้ว ผมขอแจ้งข้อที่อาจจะเป็นข้อเสียละกันครับ ข้อแรก บัคเล็กๆ ที่มีประปรายนั้น ยากที่จะได้อัพแก้ไข ต้องรอตอนอัพเวอร์ชั่นแอนดรอยเลย อันนี้อิงจาก Mate7 นะครับ
อีกข้อ เรื่องศูนย์ เขาใช้บริการ SVOA ครับ ... ก็ทราบๆกันอยู่ แต่เห็นว่าเป็น VIP product ซ่อมเกิน3วันเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้เลย มันดีครับ แต่... ระยะ VIP นี่นานไหมครับ กลัว VIP แค่ระยะแรก หลังๆ ยกเลิกนี่เรือหายเลยนะ
มัน root มาจากโรงงานเลยรึเปล่าครับ ส่วนใหญ่เครื่องจีนจะ rooted rom เพราะหากเป็นเช่นนั้นจะ sync เมลผ่าน mobileiron ไม่ได้ คือสนใจน่ะครับราคาจับต้องได้
เห็นฝรั่งเขาบ่นกันส่วนใหญ่เรื่องรอมห่วยนะครับ อันนี้ไม่แน่ใจว่ามันปรับปรุงมาแล้วหรือยัง
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ผมคิดมานานแล้วและเห็นด้วยในเรื่องที่ว่าเอาตัวแสกนนิ้ว ตราบใดที่ยังไม่สามารถแสกนนิ้วบนจอลงไปตรงๆ ได้ การนำไปไว้ด้านหลังหรือด้านข้าง(ถ้ามีพื้นที่มากพอ) มันดู make sense กว่าวางไว้บนปุ่มโฮมด้านหน้ามากๆ เนื่องมาจากโมเมนตัมของเครื่อง เวลาใช้งานมือเดียวมันจะหล่นมิหล่นแหล่ ส่วนการใช้งานเวลาวางไว้บนโต๊ะก็ใช้พวกสั่งงานด้วยเสียงอะไรก็ว่ากันไป อีกเรื่องที่อยากจะพูดถึงคือ เมื่อไหร่จะรีแบรนด์เสียที
ใช้ P7 เซ็งมาก กระตุกสุด ๆ
ดีแต่บางเท่านั้นเอง
พวกฟีเจอร์ลายนิ้วมือบน android รุ่นใหม่ๆนี่ แอพที่รองรับการใช้งาน nexus imprint นี่ใช้ได้กับเครื่องพวกนี้หมดเลยหรือเปล่าครับ