Bitdefender เป็นซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสชื่อดังที่โดดเด่นด้านคะแนนการตรวจจับไวรัสมาโดยตลอด ถ้าใครติดตามเรื่องผลการทดสอบแอนตี้ไวรัสจากเว็บไซต์ AV-Test มาบ้าง ก็คงพอทราบว่า Bitdefender ได้คะแนนอันดับต้นๆ (ผลัดกันแพ้ชนะกับ Kaspersky อยู่เรื่อยๆ)
แต่นอกจากคะแนนแอนตี้ไวรัสแล้ว Bitdefender ยังมีแง่มุมที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง (เช่น ต้นกำเนิดของบริษัทที่มาจากประเทศโรมาเนีย) ผมมีโอกาสได้สัมภาษณ์คุณ Michal Dominik ผู้จัดการ Bitdefender ประจำประเทศไทย มีประเด็นมาเล่าดังนี้ครับ
คุณ Michal Dominik ผู้จัดการ Bitdefender Thailand
Bitdefender เป็นบริษัทจากประเทศโรมาเนีย ต้นกำเนิดของบริษัทมาจากผู้ก่อตั้ง Florin Talpeș ทำธุรกิจออกแบบระบบคอมพิวเตอร์มาก่อนในยุค 1990s แต่ก็เจอปัญหาคู่แข่งเขียนไวรัสมากลั่นแกล้ง ดังนั้นเขาจึงพัฒนาระบบความปลอดภัยขึ้นมาใช้กับระบบคอมพิวเตอร์ของตัวเอง จนพัฒนากลายมาเป็นธุรกิจ Bitdefender ในภายหลัง
ตัวซอฟต์แวร์ Bitdefender เริ่มออกสู่ตลาดโลกในปี 2001 และสร้างนวัตกรรมหลายอย่างในวงการแอนตี้ไวรัส เช่น มีระบบ intelligence update เป็นรายแรก ซึ่งภายหลังคู่แข่งก็ทำตามกันหมด
วิดีโอแนะนำ Bitdefender โดย Florin Talpeș ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัท
คุณ Michal แยกธุรกิจของ Bitdefender ออกเป็น 4 ส่วนด้วยกัน
ซอฟต์แวร์ความปลอดภัยของ Bitdefender ยังเน้นไปที่การคุ้มครองตัวเครื่องปลายทาง (endpoint) ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทเชี่ยวชาญ ต่างจากคู่แข่งหลายๆ รายที่ขยายไปทำเรื่องความปลอดภัยของระบบเครือข่าย (network security) ผ่านการซื้อกิจการ
Bitdefender มีซอฟต์แวร์ครอบคลุมหลายแพลตฟอร์ม ทั้ง Windows, Mac และ Android ธุรกิจส่วนนี้ยังสร้างรายได้ให้กับบริษัทมากที่สุด ตัวซอฟต์แวร์แบ่งออกเป็น 3 ระดับคือ Antivirus Plus (แอนตี้ไวรัสพื้นฐาน), Internet Security (เพิ่มไฟร์วอลล์) และ Total Security (เพิ่มระบบแบ็คอัพและการเข้ารหัส)
คุณ Mikhal บอกว่าถึงแม้โลกเราจะมีแอนตี้ไวรัสฟรีมากมาย แต่แอนตี้ไวรัสแบบเสียเงินก็ยังมีความจำเป็น (และขายได้) เพราะความซับซ้อนของการโจมตีมากขึ้นเรื่อยๆ แถมยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง ทาง Bitdefender เองก็คาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า ตลาดซอฟต์แวร์ความปลอดภัยจะเติบโตขึ้นอีกมาก
Bitdefender ทำตลาดเมืองไทย โดยจับมือกับพาร์ทเนอร์ค้าปลีกหลายราย ช่วยจัดจำหน่ายตัวซอฟต์แวร์แบบกล่องให้ซื้อง่าย ใช้สะดวก แถม Bitdefender ยังทำราคาขายในประเทศไทยให้ถูกกว่าในตลาดโลก (ตัวล่างสุดราคา 599 บาทต่อปี ราคาเมืองนอกเริ่มที่ 39.95 ดอลลาร์) และมีบริการซัพพอร์ตหลังขายทางโทรศัพท์ ที่เปิดบริการ 7 วันต่อสัปดาห์อีกด้วย
ผมถามว่าในปัจจุบัน เราย้ายไปซื้อซอฟต์แวร์ออนไลน์กันเยอะแล้ว ซอฟต์แวร์แบบกล่องยังขายได้อยู่ไหม คำตอบคือในบางประเทศ Bitdefender เลิกขายซอฟต์แวร์กล่องแล้ว แต่ในประเทศไทยก็คิดว่ายังจำเป็นอยู่ อย่างไรก็ตาม ในรอบ 1-2 ปีมานี้ ก็พบว่าลูกค้าในไทยหันมาซื้อผ่านออนไลน์มากขึ้น มียอดขายผ่านออนไลน์ประมาณ 100 ไลเซนส์ต่อเดือนแล้ว จากเดิมที่มีเพียงไม่กี่ไลเซนส์เท่านั้น
สำหรับซอฟต์แวร์ฝั่งองค์กรของ Bitdefender ใช้แบรนด์ GravityZone ทำตลาด โดยมีหลายรุ่นย่อยคือ Business (องค์กรขนาดเล็ก), Advanced Business (องค์กรขนาดกลาง) และ Enterprise (องค์กรขนาดใหญ่)
จุดเด่นของ Bitdefender ฝั่งองค์กรคือมีทั้งซอฟต์แวร์แบบติดตั้งในเครื่อง (on premise) และใช้งานผ่านคลาวด์ (cloud) ให้เลือก ทั้งสองเวอร์ชันเหมือนกันทุกประการ (เวอร์ชันคลาวด์รันบน AWS) ในมุมมองของ Bitdefender มองว่าซอฟต์แวร์ความปลอดภัยในอนาคตจะเป็นคลาวด์ทั้งหมด จึงมุ่งไปที่คลาวด์เป็นหลัก แต่ก็ยังมีแบบ on premise ให้ถ้าลูกค้าต้องการ
ปัจจุบัน Bitdefender บอกว่าตัวเองเป็นระบบความปลอดภัยผ่านคลาวด์ (cloud security) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีลูกค้ากว่า 500 ล้านราย ตลาดนี้คู่แข่งสำคัญคือ Kaspersky ซึ่งในแง่ฟีเจอร์คงไม่ต่างกันนัก แต่ Bitdefender เหนือกว่าด้านคลาวด์
ส่วนซอฟต์แวร์ระดับ Enterprise ก็มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย ทั้งด้านการคุ้มครอง Endpoint (พีซี/เซิร์ฟเวอร์) และอุปกรณ์พกพา, การคุ้มครอง VM โดยมีพาร์ทเนอร์ทั้ง VMware, Microsoft, Citrix คู่แข่งสำคัญคือ Trend Micro แต่ Bitdefender มั่นใจว่าราคาถูกกว่า ใช้ทรัพยากรเครื่องน้อยกว่า คอนฟิกง่ายกว่า และมีระบบไลเซนส์ที่เรียบง่ายกว่า ลูกค้าในไทยก็มีหลายรายทั้งภาคการศึกษา มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล โทรคมนาคม เป็นต้น
คุณ Mikhal บอกว่าเหตุผลที่ภัยคุกคามออนไลน์ขยายตัวเร็วมาก เป็นเพราะในอดีต คนเขียนไวรัสหรือมัลแวร์เอาสนุก แต่ปัจจุบันมันกลายเป็นธุรกิจที่ทำเงินได้มาก โดยเฉพาะเรื่องการขโมยข้อมูลสำคัญขององค์กร อย่างปัญหา ransomware ก็เป็นเรื่องใหญ่ทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะที่เมืองไทยเท่านั้น ความยากของการจัดการ ransomware คือเปลี่ยนตัว signature ตลอดเวลา การตรวจจับทำได้ยากมาก
Bitdefender พยากรณ์ว่าในอนาคต เราจะเห็น ransomware พัฒนาไปอีกขั้น ตอนนี้คือขู่จะลบข้อมูลถ้าหากเราไม่จ่าย แต่ต่อจากนี้ไป เราจะเริ่มเห็น ransomware ที่ขู่จะเปิดเผยข้อมูลของเราถ้าไม่ยอมจ่ายด้วย นอกจากนี้บริษัทยังมองว่าเดี๋ยวเราจะเห็น ransomware แพร่ระบาดไปบนแมค ลินุกซ์ และมือถือตามมา (บทความพยากรณ์ปี 2016 โดยผู้บริหารของ Bitdefender)
คุณ Mikhal แนะนำเทคนิคเบื้องต้น 3 ข้อที่ช่วยจำกัดความเสียหายของ Ransomware ได้
Bitdefender รุ่นปี 2016 ก็มีฟีเจอร์ช่วยป้องกัน ransomware เช่นกัน ถึงแม้จะตรวจจับได้ไม่หมด แต่ผู้ใช้สามารถระบุ "โฟลเดอร์ข้อมูลสำคัญ" แล้ว Bitdefender จะนำระบบความปลอดภัยมาครอบโฟลเดอร์นั้นๆ ไม่ให้เขียนไฟล์อื่นเพิ่มเติมในโฟลเดอร์นั้นได้
Comments
พยายามจะใช้อยู่หลายรอบ... แต่มักจะเจอประสบการณ์เลวร้าย
ล่าสุด ลงปุ๊บ มันไปลบสคริปต์ AutoHotkey ที่ผมเขียนแล้ว compile เป็น .exe ไว้ทิ้งหมดเลย
#โกรธ #ไม่ถงไม่ถามซักคำ
suksit.com
ชูป้ายไฟรัว ๆ ครับ ใช้ตัวนี้แล้วรักมาก ยิ่ง ฟังก์ชั่นป้องกัน ransomware นี่เด็ดมากใช้แล้วถึงกลับบอกลาตัวอื่น ๆ เลย
ตอนนี้ใช้ KIS2016 License อยู่ เหลืออีกไม่ถึงเดือนก็จะหมดอายุแล้ว
อยากลอง Bitdefender บ้าง มีท่านใดแนะนำมั้ยครับ
และการคอนฟิกค่าต่างๆ หรือคุณสมบัติ จะคล้ายๆ กับ KIS มากไหมนะ อิอิ
ลองโหลดตัวทดลองใช้มาลองดูครับ ว่าถูกใจหรือเปล่า
โดยรวม ดีเลย
แถมเจ้านี้เวลาจัดโปรลดราคาในเว็บ
โหดมากครับ
ถ้าจำไม่ผิดมี Trial 30 วันนะครับ ลุยเลย
แนะนำคนรอบตัวใช้ไปหลายคนแล้ว ประทับใจกันดีครับ
หลังจาก office โดนไวรัสถล่มในขณะที่ใช้เจ้าดังอยู่จนต้องลง window ใหม่
ตอนนี้ เค้าย้ายมาซื้อ bitdefender แทนเจ้าดังแล้ว
เดี่ยวนี้ Anti-Virus กิน resource เครื่องเยอะเปล่าหว่า
วินโดส์ 10 เอง Win defender นี่ชอบแอบทำงานกิน CPU ไป 20-30 %
เมื่อก่อน Bitdefender นีตัวท๊อปๆเรื่องกิน Resource เลยครับ แต่เดี๋ยวนี้ส่วนตัวผมว่ากินน้อยกว่า Windows Defender นะครับ
เวลาเล่นเกมส์ก็มี Game Mode มันจะไม่ทำอะไรหนักๆตอนเล่นเกมส์ อารมณ์ไม่เสียดีครับ
หลัก ๆ กินแรมครับ
แรมไม่ค่อยกลัวเท่าไรครับมี 8 GB พอไหวอยู่ กลัว CPU อย่างเดียว
ใช้ของติดวินโดส์ ขนาดโหลดไฟล์เป็น ZIP เล็กๆ HDD เป็น SSD ยังทำเครื่องหน่วงๆ ไปหลายวิเลยครับ CPU พุ่งเลย
ผมลอง นั่งดู ๆ ประมาณ 1 นาที อยู่ที่ 0.1% - 1.5% ครับ i7 6700k
ถ้า Ram ไม่ใช่ปัญหาลองจัดตระกูล Baidu ดูครับ XD
WD ของ Win10 นี่โหดจริง เปิด File Explorer ทีนี่ถึงกับฟรีซไปเป็นนาที ตอนแรกก็นึกบั๊กของ Win10 แต่พอลง Avira เท่านั้นล่ะรู้เลยว่าไม่ใช่
ถ้ากิน resource น้อยๆนี่แนะนำสาย Symantec ครับ แต่ detection rate ก็น้อยลงตามไปด้วย สู้พวก Kaspersky/Avira/Bitdefender ไม่ค่อยได้
ส่วนตัวในกลุ่ม detection rate สูงๆ(99.5%+) ตัวที่ภาษีด้าน performance สูงสุดน่าจะเป็น Avira นะครับ(จากการทดสอบหลายๆที่ แต่ตัวที่ทดสอบเป็น Avira 2015 นะ)
แนะนำว่าลองหาตัว trial ของยี่ห้อต่างๆมาดูก่อนครับ คือบางตัวเร็วจริงหรือ rate สูงจริง แต่เราอาจจะไม่ชอบ UI มันก็ได้ หรือบางตัวมี value-added นี่นั่นที่บางครั้งตรงความต้องการของเราครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ขอบคุณครับ
กินแรมน้อยมาก จนน่าตกใจ
หาซื้อในบอร์ด ocz ได้ราคาถูก
ของผมได้ฟรีมา 180 วันใกล้หมดอายุแล้ว เดี๋ยวก็จะหาซื้อ key มาใส่ต่อ
เจอราคานอก ไป งงเลย
2016 --> ลดราคา เหลือๆ เกือบ สองพัน
http://www.bitdefender.com/solutions/internet-security.html#
2015 ราคา Store ของไทย พันเดียว
http://www.bitdefender.co.th/th/home-users/bitdefender-internet-security.html
เจอตามเว็บบอร์ด ยิ่งถูกกว่าไปอีก งงเลย
1 PC $59.95
3 PC
$79.95$51.97เฮ้ย เดี๋ยวนะ เผลอกดเครื่องเดียวไปนี่จะมีถามอีกครั้งมั้ย
ส่วนราคาไทยน่ะเหรอครับ ก็ต่างกันตามค่าครองชีพแหละครับ
ใน thaiware total security 1ปี ราคา 500 กว่าบาท
รอฟรีใน sharewareOnSale
ใครใจเย็นก็รอมันปล่อยฟรีครับ มีมาเรื่อยๆ
ผมได้ฟรีมา1ปี ใช้ได้2สัปดาห์ลบออก เพราะเครื่องผมมันไม่ค่อยแรง ลบปั๊ปอืดปุ๊ปเพราะฟีเจอร์มันเยอะมาก หลายๆอันปิดไม่ได้ด้วย
สุดท้ายก็ลงแค่Antivirus แล้วขยันสแกนเอา
User ตามบ้านก็รอใน SharewareOnSale ได้นะครับ
ฟรีปีนึงก็มี กำลังจะหมดอายุแล้วก็แจกใหม่ให้อีกปีต่อปีก็มี