Tags:
Node Thumbnail

ที่ผ่านมาเราอาจจะเคยได้ยินอยู่บ่อยครั้งถึงเรื่องการใช้อุปกรณ์ไอทีแบบสวมใส่ (wearable devices) ว่ามีข้อจำกัดมากมายในการตรวจที่ให้ผลอย่างแม่นยำ ล่าสุดวารสารทางการแพทย์อย่าง JAMA Internal Medicine ของสมาคมแพทยศาสตร์อเมริกัน ออกมาเผยแพร่งานวิจัยขนาดสั้นชิ้นหนึ่งจากคณะแพทย์ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยระบุว่าแม้แต่คุณสมบัติพื้นฐานอย่างการวัดกิจกรรมร่างกาย หรือการเผาผลาญของร่างกาย ก็ยังมีความไม่แม่นยำ

งานวิจัยดังกล่าวได้เปรียบเทียบอุปกรณ์ไอทีแบบสวมใส่ที่เอาไว้วัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวของร่างกาย (มีอุปกรณ์ยอดนิยมอย่าง Fitbit และ Jawbone ด้วย) จำนวน 12 รุ่น เทียบกับวิธีทางแพทย์สองวิธีคือ metabolic chamber ที่ตรวจหาการเผาผลาญและการใช้พลังงานของร่างกายใน 24 ชั่วโมง และ doubly-labeled water (DLW) ที่ตรวจหากิจกรรมการเผาผลาญของร่างกายใน 15 วัน โดยมีกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ใหญ่ 19 คน ที่ต้องสวมใส่อุปกรณ์ทั้ง 12 ชิ้น (ใส่ยังไงอันนี้ไม่ได้บอกนะครับ) เทียบกับวิธีการตรวจหาที่เป็นมาตรฐานทั้งสองวิธีข้างต้น พบว่าอุปกรณ์ไอทีแบบสวมใส่เหล่านี้ ให้ค่าผิดไปจากวิธีปกติทางการแพทย์ไปมาก

ผลจากอุปกรณ์เมื่อเทียบกับวิธีแรก (metabolic chamber) ให้ค่าที่แกว่งมากตั้งแต่ต่ำกว่าวิธีปกติ 278 kcal ไปจนถึงเกินไปกว่า 204 kcal (ค่าที่วัดได้จากวิธีแรกอยู่ที่ 2,093 kcal) และเมื่อเทียบกับวิธีที่สอง (DLW) ซึ่งค่ากลางอยู่ที่ 2,314 kcal อุปกรณ์เหล่านี้ก็ให้ค่าเพี้ยนโดยให้ค่าต่ำกว่าจริง ตั้งแต่ 69 kcal ไปจนถึง 590 kcal ซึ่งถึงแม้ทีมวิจัยจะระบุว่า อาจมีในบางช่วงที่กลุ่มตัวอย่างไม่ได้ใช้อุปกรณ์เหล่านี้เพราะต้องชาร์จแบตเตอรี แต่ก็เพียงพอที่จะสรุปได้ว่ามีความไม่แม่นยำเพียงพอ

ที่มา - MedPageToday, งานวิจัยต้นฉบับ (ต้องเป็นสมาชิกหรือเข้าผ่านหน่วยงานที่เป็นสมาชิก)

alt="Wearable technology for the wrist"

ภาพโดย Intel Free Press (สัญญาอนุญาต CC BY-SA 2.0)

Get latest news from Blognone

Comments

By: kiva
iPhone
on 27 March 2016 - 11:24 #898014

เอาแบบร้อยเปอร์เซ็นต์มันยุ่งยาก เอาแบบคร่าวๆก็ได้พอได้มั่ง

By: Vaivisarn on 27 March 2016 - 11:56 #898016

ผมใส่แค่เพราะต้องการ wristbandสวยๆ กับนาฬิกาปลุกแบบสั่นที่ข้อมือเงียบๆ แค่นั้นแหละ555

By: Be1con
ContributorWindows PhoneWindowsIn Love
on 27 March 2016 - 12:02 #898017
Be1con's picture

เห็นด้วยสุด ๆ ครับ

ทุกวันนี้ใช้ Fitbit ใส่เข้านอนด้วย แต่มันก็เห็นว่าผมเดินระหว่างนอน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้

เอาจริง ๆ ของแบบนี้มันไม่มีอะไร accurate หรอกครับ


Coder | Designer | Thinker | Blogger

By: nrml
ContributorIn Love
on 27 March 2016 - 12:33 #898023 Reply to:898017
nrml's picture

คุณอาจจะมีอาการ Sleepwalking ก็เป็นไปได้นะครับ 555

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 27 March 2016 - 12:41 #898025 Reply to:898017
hisoft's picture

Microsoft Band ไม่ว่าจะหลับแบบกดว่านอนหรือไม่กดก็ไม่เคยเจอเคสนั้นครับ เว้นแต่ตื่นมาทำอะไรจริงๆ

By: wisidsak
AndroidIn Love
on 27 March 2016 - 13:29 #898038 Reply to:898017
wisidsak's picture

อ่าวแล้วทำไม ผมรู้สึกกลัว 5555

By: naphob
ContributoriPhone
on 27 March 2016 - 21:50 #898105 Reply to:898017

ต้องตั้งกล้องเซ็คแล้วมั้งเนี่ย อาจจะละเมอมาเดินก็เป็นได้

By: ballsleepless
iPhoneWindows
on 28 March 2016 - 08:37 #898155 Reply to:898017
ballsleepless's picture

นึกถึงหนังเรื่อง panorama activity เลยครับ ลุกมาเดินตอนกลางคืน

By: max_k
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 27 March 2016 - 12:32 #898022
max_k's picture

ราคาเครื่องมือแพทย์ที่ใช้กับราคาของ fitbit ต่างกันกี่เท่าล่ะครับ

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 27 March 2016 - 12:39 #898024
hisoft's picture

ในฐานะที่เป็นคนทดสอบแบบพอสมควร ตั้งแต่ทดสอบมามันก็ไม่เคยเท่ากันสักตัวแหละครับ แต่พวกรุ่นเดียวกันค่าจะใกล้เคียงกัน ผมบอกเสมอว่าด้วยหลักการปัจจุบันมันไม่มีทางบอกค่าที่ถูกได้เวลามีคนถามว่าตัวไหนแม่นกว่ากัน

ทั้งนี้ทั้งนั้นมันทำได้ดีในการเปรียบเทียบค่ากับตัวมันเองในแต่ละวันครับว่าวันนี้มากน้อยกว่าเมื่อวานขนาดไหนอะไรพวกนี้

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 27 March 2016 - 12:44 #898026 Reply to:898024
hisoft's picture

ทั้งนี้ทั้งนอนหลังจากในรูปแล้วยังมีอีกหลายตัวครับ ถ้าเรื่องสวมใส่แล้วโอเคแบบไม่สนอย่างอื่นผมให้ Garmin vivo smart HR กับ Mi Band 1s แล้วกัน ตัวอื่นใส่แล้วทรมานชีวิตกว่ากันเยอะ แต่แอพ Garmin มันกีคมากครับ เยอะดี ผมชอบ แต่ใช้แล้วอาจงงได้ง่ายๆ

By: TAXZe
iPhoneAndroidUbuntuWindows
on 28 March 2016 - 20:21 #898337 Reply to:898026

จดๆๆ ของดีราคาไม่แพง ต้องลองเล่นหน่อยแล้ว ขอบคุณครับ

By: 255BB
Android
on 27 March 2016 - 12:49 #898028

ผมว่าวิธีเดิมๆ ดีแล้ว ออกกำลังบ้าง คุมอาหาร ลดแป้ง น้ำตาล ทานผักผลไม้เยอะๆ ผมก็ลดจาก 80 เหลือ 72
ต่อให้ใส่อุปกรณ์พวกนี้ทั้งแขนซ้ายแขนขวา หรือใส่บนศีรษะ แต่ถ้ายังกินพิซซ่า แม็คโดนัลด์ กาแฟเย็นใส่วิปครีม 2 แก้ว มันก็ไม่ดีขึ้นหรอก

By: nrml
ContributorIn Love
on 27 March 2016 - 13:13 #898030 Reply to:898028
nrml's picture

บางทีมันก็เป็นทริคสำหรับสร้างแรงบันดาลใจได้ครับ อย่างผมนี่เวลาซื้อรองเท้าวิ่งใหม่ก็จะสะกดจิตตัวเองว่าซื้อมาแพงต้องวิ่งให้คุ้ม ส่วนเรื่องจะได้ผลหรือไม่ก็คงเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล

By: Zatang
ContributoriPhoneAndroid
on 28 March 2016 - 09:17 #898166 Reply to:898030

ผมเป็นแบบนี้เหมือนกันครับ


อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว

By: tk719
iPhoneBlackberrySymbianIn Love
on 27 March 2016 - 13:41 #898039 Reply to:898028

บางครั้งมันทำให้กำหนดเป้าหมายง่ายขึ้นครับ หรือบางตัวอย่าง fitbit มีแข่งกับเพื่อน ก็เป็น Motivation อย่างหนึ่งครับ แต่ละคนอาจจะมีวินัยไม่เท่ากันครับ

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 27 March 2016 - 16:46 #898063 Reply to:898028
hisoft's picture

มันทำให้รู้ได้พอสมควรว่าทานเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม รวมถึงคนที่ไม่ได้ต้องการลดน้ำหนักด้วยครับ

แบบปกติผมเดินทางไปทำงานไปกลับ 67 กม. แต่มีวันนึงต้องไปทำอีกทางนึงระยะ 90 กม. จะให้ผมทานเท่าเดิมมันก็ไม่ควรเพราะร่างกายจะซ่อมแซมไม่ทันหรือซ่อมแซมมาไม่ดีเอา หรือทานตามความรู้สึกหิวก็อาจจะมากเกินไปอีก

แต่โดยส่วนตัวผมก็ทานตามใจอยากนะครับ ที่ใส่อยู่นี่ดูตัวเลขไปเฉยๆ เท่านั้นเอง เรียกว่าเป็นของเล่นก็ได้ เพราะตัวผมเองจะเป็นเดือนที่เดินทางปกติทานอดๆ อยากๆ หรือเดือนที่ทานเต็มที่ไปกับเพื่อนบ่อยแถมอาศัยรถยนต์เป็นหลัก น้ำหนักผมก็วนอยู่แค่ 63-64 กก. นี่แหละครับ

By: srps
iPhoneWindows
on 27 March 2016 - 13:18 #898034

ตอนนี้ข้อมูลจากอุปกรณ์ทั่วไปสามารถในการประเมินความเสี่ยงได้
แต่ยังไม่ค่อยเหมาะสมกับการวินิจฉัยโรค/วิจัยทางการแพทย์ซักเท่าไร
เหมือนกับเอาอุปกรณ์ทางการแพทย์มาย่อขนาดลง สะดวกมากขึ้น แต่ความแม่นยำย่อมต่ำลงไป
แต่คิดว่าในอนาคตอุปกรณ์พวกนี้ย่อมพัฒนาให้มีประสิทธิภาพขึ้นมาได้อย่างแน่นอน

By: errin on 27 March 2016 - 14:26 #898044

ผมว่ามันเหมือน Placebo มากกว่า คือพอเราใส่เห็นตัวเลขก็จะรู้สึกอยากทำให้มันเพิ่มขึ้นหรือทำให้ถึงเป้า แต่ถ้าไม่ใส่จะไม่มีอะไรเป็นตัววัด (แม้ว่าผลวัดจะไม่ตรงก็ตาม)

By: Eddz on 27 March 2016 - 15:07 #898050
Eddz's picture

ชื่นชมผู้ที่ทำงานวิจัยชิ้นนี้
แต่ความคลาดเคลื่อนอุปกรณ์สวมใส่กับอุปกรณ์ทางการแพทย์ย่อมมีความคลาดเคลื่อนสูงเป็นปกติของการพัฒนาที่พึ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน ในทางการแพทย์มีการพัฒนามายาวนานกว่าเครื่องมือจึงแม่นยำกว่าก็เป็นเรื่องธรรมดา มันจะยิ่งดูแย่ยิ่งกว่าหากเครื่องมือทางการแพทย์ราคาต่างกันหลายเท่า ประสิทธิภาพได้แค่อุปกรณ์สวมใส่

ดังนั้นงานวิจัยนี้ถือว่าเป็นเรื่องดีที่มีการสะท้อนความเป็นจริงของการวัดผลต่างๆ และบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์สวมใส่จะได้เร่งพัฒนาให้เกิดเทคโนโลยีที่สามารถวัดผลได้ค่าความคลาดเคลื่อนต่ำที่สุด

เช่น สเตป(หูฟังแพทย์)ก็ไม่ได้วัดอัตราการเต้นหัวใจ ละเอียดเท่ากับเครื่องที่หนีบนิ้ว* แต่ก็มีประโยชน์ของมัน เช่นเดียวกับอุปกรณ์สวมใส่ต่างๆ ก็ต่างมีประโยชน์ในกลุ่มผู้ใช้ของมัน

*จริงเอาไว้วัด O2 ในเลือดมากกว่า

By: jeepcity
Windows PhoneAndroidWindows
on 27 March 2016 - 17:24 #898068
jeepcity's picture

โดยเฉพาะกับฟังก์ชั่นนับก้าว แค่ขยับแขนก็เท่ากับเดินแล้ว

By: WoodyWutthichai
iPhoneAndroidRed HatSUSE
on 28 March 2016 - 10:04 #898179 Reply to:898068

ผมเปลี่ยนไปใส่ที่ข้อเท้าแทนล่ะ
เพราะกลับมาใส่นาฬิกาแบบ Mechanic ด้วย

By: nottoscale
Windows Phone
on 27 March 2016 - 17:25 #898069

ก้าวต่อไปผู้ผลิตอุปกรณ์เหล่านี้ต้องปรับตัวแล้วเมื่ออุปกรณ์สวมใส่ได้เริ่มรุกคืบเข้ามาดิสรัพ

By: tstcnr1u
iPhoneWindows PhoneAndroidUbuntu
on 27 March 2016 - 19:58 #898083

สงสัยว่าพออุปกรณ์มันรายงานการนอนแล้วทำไงต่อ มีปัญหาจริงๆไม่มีอุปกรณ์ก็สังเกตได้แล้ว จะแก้ซื้อออกซิเจนมาใส่ก็ต้องไปปรึกษาแพทย์ก่อนอยู่ดี

By: Aoun
AndroidWindows
on 28 March 2016 - 00:00 #898123

ให้เอา เครื่องวัดชีพจร มาใส่วิ่งมันคงดูตลกไม่ใช่น้อย
Mi band 1S หลักๆไว้ใช้ดู ช่วงชีพจร เวลาวิ่งทำให้ ไม่หักโหมเกินไป สภาพร่างกายหลังการวิ่งดีขึ้นเยอะ

By: Meow-Meow
ContributoriPhoneWindows PhoneAndroid
on 28 March 2016 - 09:38 #898172
Meow-Meow's picture

ค่าตั้งต้นที่ใส่มาในอุปกรณ์มันเปนค่าที่ได้มาแบบโดยเฉลียซึ่งมันไม่ตรงอยู่แล้วในแต่ละคน เอาแค่การเดิน แต่ละคนก้าวไม่เท่ากันอยู่แล้ว มันถึงต้อง Calibrate ได้ไงครับ


Destination host unreachable!!!