คำเตือน! ไม่เหมาะสำหรับคนที่ชอบความตื่นเต้น เนื่องจากข่าวนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาและรายละเอียด
หลังจากที่มีข่าวลือมาสักพักใหญ่ๆแล้วว่า Nikon จะเปิดตัวกล้อง Full frame DSLR ระดับมืออาชีพรุ่นใหม่ที่เน้นรายละเอียดต่อจาก D810
ในที่สุดก็มีกำหนดเปิดตัวแล้วในวันที่ 16 สิงหาคมที่จะถึงนี้ แต่กลับมีสไลด์รายละเอียดหลุดออกมาก่อน ซึ่งค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นข้อมูลที่ใช้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแน่นอน
สำหรับกล้อง Full frame DSLR รุ่นใหม่ของ Nikon มีสเปคออกมาดังนี้
เรียกได้ว่าจัดเต็มชนิดที่ไม่มีกั๊กกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังขนฟีเจอร์ใหม่ๆมีเพียบ ชนิดที่ว่าใครที่ใช้รุ่นเดิมมานาน จะได้เปลี่ยนก็รุ่นนี้แน่ๆ
อันดับแรก ในส่วนของหน้าจอ มีการปรับปรุงใหม่จากรุ่นก่อนมาก โดยเป็นหน้าจอขนาด 3.2 นิ้ว สามารถปรับองศาก้ม - เงยได้ เหมือนกับใน D500 และรองรับระบบสัมผัสเต็มระบบ ต่างจากรุ่น D5 และ D500 ที่สามารถใช้งานได้เพียงแค่ดูภาพ และลั่นชัตเตอร์เท่านั้น ที่เหลือต้องใข้ปุ่มกดเพียงอย่างเดียว โดยใน D850 สามารถใช้เลื่อนดูเมนู หรือตั้งค่ากล้องได้ เมื่อเปิดโหมด Live view สามารถเลือกเมนูที่อยู่บนหน้าจอ, โฟกัสจุดที่สัมผัส หรือลั่นชัตเตอร์ได้ นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกพื้นที่ในการ Crop ภาพได้อีกด้วย
เซ็นเซอร์ต่างๆ มีการพัฒนามากขึ้นจากรุ่นก่อนๆ โดยเซ็นเซอร์รับภาพมีความละเอียด 45.75MP ไม่มี Low pass filter ทำให้ได้ภาพที่มีรายละเอียดอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะไม่ถูก Low pass filter บังอีกต่อไป ในด้านของ ISO ช่วงปกติจะอยู่ที่ 64 - 25,600 และสามารถขยายได้ถึง 32 - 108,400
สามารถถ่ายวีดิโอที่ความละเอียดสูงสุดที่ 4K โดยใช้พื้นที่ของเซ็นเซอร์ทั้งหมด และ 8K เมื่อถ่ายแบบ Time lapse
จุดโฟกัส 153 จุด แบบเดียวกับใน D5 (มี Cross type จำนวน 99 จุด และสามารถเลือกได้ 55จุด)
เซ็นเซอร์วัดแสง RGB 180,000 Pixel
ช่องมองภาพออกแบบใหม่ มีกำลังขยายสูงสุดถึง 0.75X มากที่สุดเมื่อเทียบกับกล้อง Fullframe ทุกตัวบนโลก (แต่ก็แลกกับการที่ต้องตัดแฟลชป็อปอัพออกไป)
ในส่วนของการถ่ายภาพมาโคร กล้องรุ่นนี้ ได้เพิ่มระบบ Focus stacking ซึ่งเป็นการถ่ายภาพต่อเนื่องในระยะการโฟกัสที่ต่างกัน เพื่อให้ได้ภาพที่มีความชัดลึก โดยไม่ต้องปรับรูรับแสงให้แคบลง ทำให้ได้ภาพที่มีรายละเอียดสูงสุด (ในการรวมภาพยังคงต้องใช้คอมพิวเตอร์ ไม่สามารถทำในกล้องได้)
โดยสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องรวมกันได้สูงสุด 300 ภาพ และสามารถตั้งระยะห่างในการโฟกัสแต่ละภาพ และเวลาเว้นช่วงในการถ่ายแต่ละภาพได้ เหมาะกับการถ่ายภาพสินค้าตัวอย่าง, จิลเวอร์รี่ หรือภาพ Landscape
เมื่อใช้ Live view สามารถใช้ชัตเตอร์ไฟฟ้าเพื่อถ่ายภาพได้โดยไม่เกิดเสียงใดๆ (ต่างกับการใช้ชัตเตร์ Quiet ในกล้องรุ่นก่อนๆที่ทำให้เสียงลั่นชัตเตอร์เบาลงเท่านั้น) เหมาะกับการถ่าบภาพในสถานที่ที่ต้องใช้ความเงียบมากๆ เช่น โรงละคร, พิพิธภัณฑ์, ห้องสมุด หรือการเล่นกอล์ฟ สามารถถ่ายต่อเนื่องที่ความละเอียดสูงสุดได้ 6 ภาพต่อวินาที และที่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลในโหมด DX Crop สามารถถ่ายต่อเนื่องได้ถึง 30 ภาพต่อวินาที
ในการถ่ายภาพต่อเนื่อง สามารถถ่ายภาพได้ 7 ภาพต่อวินาที และ 9 ภาพต่อวินาทีเมื่อใช้ร่วมกับ Battery grip พร้อมกับบัฟเฟอร์ที่สามารถเก็บภาพไฟล์ RAW 14 bit แบบไม่บีบอัด ได้ถึง 51 ภาพ
ระบบ White balance ใหม่ที่สามารถรับรู้แสงธรรมชาติได้ดีขึ้น ทำให้ได้ภาพที่สีแม่นยำ เที่ยงตรง ไม่ว่าจะแดดออก หรือครึ้มไปด้วยเมฆ โดยสามารถเลือกได้ว่าจะให้ใช้ White balance ตามสภาพแสง ณ. ขณะนั้น หรือจะให้เน้นที่สีของใบไม้เป็นหลัก
เพิ่มจุดโฟกัสแบบ Spot area AF โดยจะมีขนาดเล็กเป็นครึ่งหนึ่งของจุดโฟกัสแบบปกติ เพื่อความแม่นยำในการโฟกัสพื้นที่ที่เป็นจุดเล็ก ๆ
สิ่งสำคัญในตัวกล้องที่เพิ่มขึ้นมาจากรุ่นก่อนหน้า
สามารถสั่งการแฟลซแบบไร้สายได้ผ่านอุปกรณ์ WT-7 (ต้องเป็นแฟลซ รุ่น SB-5000 เท่านั้น)
ทั้งนี้เป็นข้อมูลสไลด์ที่หลุดออกมาก่อนวันเปิดตัว ถึงแม้ว่าข้อมูลค่อนข้างที่จะเชื่อถือได้ แต่ถึงกระนั้น ก็(หวังว่า)อาจจะมีเซอร์ไพรส์อื่น ๆอีกในวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อเปิดตัวไปแล้ว แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งเพื่อความถูกต้อง
ที่มา - Nikon Rumors
Comments
วีดิโอ => วิดีโอ
ใข้ => ใช้
วีดิโอ => วิดีโอ
ถ่าบ => ถ่าย
ณ. => ณ
แฟลซ => แฟลช
ราคาคงโหดน่าดู
สเป็กน่าโดนมาก
บวก กริป บวก แฟลช บวก เลนส์พื้นฐานสัก 2 ตัว บวก เมม สามแสนอยู่มั้ยเอ่ยย