หลังเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา วันนี้โซนีประเทศไทยประกาศเปิดตัว Xperia XZ1 และ XZ1 Compact แล้วในไทย ซึ่งฟีเจอร์เด่นของทั้งสองรุ่นคือ 3D Creator รองรับการสแกนวัตถุและคนแบบ 3 มิติ พร้อมลูกเล่นนำไปใช้งานร่วมกับ AR หรือพิมพ์ออกมาเป็นโมเดล 3 มิติก็ได้
ขณะที่ฟีเจอร์กล้องใหม่ ก็มีการรองรับการถ่ายภาพสโลวโมชันสูงสุด 960 เฟรมต่อวินาทีและ Predictive Capture ที่สมาร์ทโฟนจะเก็บภาพให้ตั้งแต่ก่อนกดชัตเตอร์ สำหรับการเก็บภาพโมเม้นสำคัญที่เกิดเสี้ยววินาที ส่วนสเปคเต็มๆ ของทั้งสองรุ่น ดูได้จากข่าวเปิดตัวครับ
โมเดลที่พิมพ์ 3 มิติจาก 3D Creator
สำหรับราคา Xperia XZ1 อยู่ที่ 22,900 บาท เริ่มวางจำหน่ายในงาน Thailand Mobile Expo วันที่ 28 กันยายนนี้ พร้อมโปรโมชันฟรี Sony Bluetooth Head Set SBH56 มูลค่า 2,990 บาท มีสีให้เลือกทั้ง 4 สีคือ Moonlight Blue, Warm Silver, Black และ Venus Pink ส่วน Xperia XZ1 Compact มี 2 สี Black และ Horizon Blue ยังไม่ระบุราคา วางจำหน่ายเดือนตุลาคมนี้
ปิดท้ายที่ Xperia XA1 Plus รุ่นเล็กสุดขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว FHD ชิปเซ็ต MediaTek Helio P20 แรม 3GB/4GB กล้องหลัง 23 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล แบตเตอรี่ื 3,430 mAh ความจุ 32GB รองรับ microSD สูงสุด 256GB พอร์ท USB-C มี 4 สีคือทอง, น้ำเงิน, ชมพูและดำ วางจำหน่ายตุลาคมนี้ ยังไม่ประกาศราคา
Comments
ยังคงขอบหนาได้อย่างคงเส้นคงวา 555
ราคาโคตรจับต้องได้ เอาใจไปเลยครับ รอดูว่าโซนี่จะตกขบวนมั้ย
3D Creator นี่แหละ killer app
เราก็ซื้อมือถือมานะ แล้วก็ scan หัวเป้าหมาย แล้วเอาไป print 3 มิติมา เป็นตุ๊กตา เพื่อมาจ่อหน้าจอ ปลด lock Face ID ของ iPhone X อีกทีนึง
เห็นมะ SONY ล้ำหน้าไปไกล มองข้าม shot ไปโน้นเลยทีเดียว ยี่ห้ออื่นอย่าประมาท ๆๆๆๆๆๆ
iPhone X Killer
พอเพดานมือถือของ mass consumer ขยับไปเป็นสี่หมื่น 22,900 เลยกลายเป็นตลาดระดับกลางไปเลย
XZ1 compact คงอยู่ที่ 19000-20000 อยากได้จอเล็กแต่ราคานี้คงไม่ไหว ไปตามเก็บ X Compact ที่กำลังโดนโละทิ้งดีกว่า แต่สีดำหายากจัง....
ผมยังหาซื้อไม่ได้เลยครับ อยสกได้ Compact เหมือนกัน
oxygen2.me, panithi's blog
Device: HP Zbook, iPad Pro, iPhone 15PM, iPhone 16+, Nothing Phone 1
ผมว่า Sony เปิดตัวขาดไปอย่างนึงนะ เครื่อง 3D Print ที่เอาไว้คู่กะ 3D Creator ไงครับ
+1
my blog
เจ้าตลาดมีอยู่แล้วครับ ถ้าต้องเปิดแผนกใหม่มาทำอุปกรณ์ที่ตนเองไม่ถนัด แถมยังต้องแบ่งกับเจ้าตลาดที่ค่อนข้างแข็งอยู่แล้วทั้งคุณภาพและราคา
เพียงเพื่อจะให้มัน "ดูครบ" คงไม่คุ้มที่จะลงทุนเท่าไร
ตามความเห็นผมคือ ถ้าจะพรีเซนต์เรื่องนี้ซะขนาดนี้แล้ว ก็ต้องเสนอมาให้ครบ solution ครับให้ลูกค้ารู้ว่ามันทำอะไรได้บ้าง ทำได้ยังไง ทำต่อที่ไหน ใครจะเป็นเจ้าตลาดอะไรยังไงตรงนี้ไม่ใช่หน้าที่ของลูกค้าที่ต้องไปสนใจ จะไปดีลกับพาร์ทเนอร์หรือทำเองก็แล้วแต่การวางแผนของตัวแบรนด์เอง
ผมก็ไม่เห็นเค้าจะมาเดโมพิมพ์ออกเครื่องพิมพ์ 2D ไม่เห็นจะมาต่อโชว์คอมพิวเตอร์ ไม่เห็นจะมาเดโมชาร์จไร้สาย ฯลฯ นะครับ
คือมันเป็นฟีเจอร์ที่คนสนใจอยู่แล้วสามารถเข้าใจได้เลยทันทีน่ะครับ ต้องขายของเป็นโซลูชั่นอย่างกะคอนซัลแทนท์เพียงเพราะฟีเจอร์ใหม่อันเดียว
ผมฟังดูก็โอเคครับ แต่ไม่คุ้มค่าในการลงทุน การพูดแบบ "ลูกค้าไม่จำเป็นจะต้องรู้" นี่ผมมองว่าค่อนข้างเป็นความเห็นแนวไม่แยแสไปนิดนึงครับ มองทั้งในมุมผู้ซื้อ มองทั้งในมุมผู้ขาย มองแบบนี้ถึงจะสนุกครับ
ทางโซนี่คงไม่ได้จะชูจุดนี้เป็นจุดขายอยู่แล้ว ไม่เหมือนเรื่องกล้อง slow motion ครับ
ที่ผมมองคือมองในมุมของลูกค้า consumer ครับซึ่งกลุ่มนี้เป็นลูกค้าหลักของโปรดักส์นี้ การใช้งานในมุมมองของกลุ่มนี้ก็ไม่ค่อยแยแสจริงๆ แหละครับ และการใช้งาน 3D ที่ค่อยข้างออกจะเป็นการใช้งานที่ซับซ้อนมากกว่านั้น จะว่าไปมันก็ยังเป็นการใช้งานเฉพาะกลุ่ม (Power user) มันไม่เหมือนกับ 2D ซึ่งมีความคุ้นเคยเป็น consumer product มากเพียงพอหลายปีแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าถ้าจะขายจริงๆ ก็ต้องทำให้เห็นว่าลูกค้าจะได้ประโยชน์อะไรแบบไหน ไม่งั้นมันก็จะแป๊กเหมือนกับมือถือบางยี่ห้อที่เคยพยายามชูจุดขายในเรื่อง hologram มาก่อนหน้านี้
ถ้าโซนี่ทำ 3D printer เพื่อมาเสริม XZ1 แล้ว คิดว่า consumer จะซื้อ 3D printer กันเยอะขนาดไหนครับ?
คิดว่าโซนี่จะขาดทุนขนาดไหน? หรือกำไรขนาดไหน?
ผมว่าคุณมองคนละด้านกับผมแล้วล่ะ point ของผมคือทำให้ลูกค้าเห็นถึงความง่ายความสะดวกรวมถึงไอเดียหรือไกด์ไลน์ในการนำไปใช้งาน อย่างเช่นพวก Oculus ถ้าเปิดตัวออกมาแบบโชว์แค่ฮาร์ดแวร์อย่างเดียว โชว์ว่าฮาร์ดแวร์เจ๋งมากแสดงรายละเอียดสเป็คยิบๆ เป็นข้อมูลทางเทคนิคอย่างเดียว ไม่มีเดโมเกมส์หรือซอฟท์แวร์เลยมันก็คงจะไม่มีวันเกิด ส่วนเรื่องที่ว่าจะขาดทุนหรือกำไรก็เป็นเรื่องของทางการตลาดของเจ้าของแบรนด์อย่างที่บอกไว้ มันไม่จำเป็นต้องทำเองอย่างเดียว เพราะสามารถจับมือกับแบรนด์อื่นมาเป็นพาร์ทเนอร์ได้
ตอบในมุมผู้บริโภคคนนึงนะครับ
รู้ว่ามันทำได้ รู้ว่าเจ๋ง แต่รู้สึกจับต้องไม่ได้เลยครับเพราะไม่รู้จะเอาไปใช้ต่อยังไง แต่ถ้าเค้าเปิดตัวมาเป็นเซ็ตคือมันรู้สึกจับต้องได้มากกว่า
จะเอาพวกปริ้นเตอร์ 2D หรือชาร์จไร้สาย อะไรพวกนี้ผมว่ามันคนละเรื่องกันเพราะมันเป็นสิ่งที่คนจับต้องได้อยู่แล้ว อย่าง iPhone เปิดตัวชาร์จไร้สายมาทั้งๆที่ยังไม่มีแท่นชาร์จขายด้วยซ้ำ คนรู้สึกอินแล้วเพราะมันมีมาแล้ว มันจับต้องได้ทันทีโดยไม่ต้องเห็นภาพทั้งหมด
ต้องเข้าใจก่อนว่าระดับผู้บริโภคหรือคนทั่วๆไปเค้าไม่ได้ใกล้ชิดกับปริ้นเตอร์ 3D เลยนะครับ ผมเป็นคนนึงที่ยังไม่เคยเห็นตัวเป็นๆเลยสักครั้ง รอบๆตัวทั้งที่ทำงานหรือที่บ้านก็ไม่มีใครหรืออะไรที่ใช้งานปริ้นเตอร์ 3D เลย ถามว่าถ้ามันเปิดตัวมันเป็นชุดแล้วจะซื้อทั้งชุดเลยไหม? มันก็ไม่ใช่แบบนั้น แต่ความรู้สึกกับฟังก์ชั่นนี้มันจะรู้สึกสมบูรณ์กว่า ความอยากซื้อมือถือมันเพิ่มขึ้นเพราะรู้แล้วว่าถ้าจะใช้ฟังก์ชั่นนี้ต้องแบบนี้ๆๆๆ
ถ้าเป็น Apple ล่ะก็ อีกสองวันเปิดตัว 3D ปริ้นท์เตอร์ไร้สาย ปริ้นท์ได้ผ่าน WiFi ในราคา 30,000 บาท
แบตเตอรี่ื => แบตเตอรี่
3D น่าเล่นแฮะ
ดีไซน์ลำโพงคู่หน้าคือที่สุดสำหรับการเล่น rhythm games
รอ XA1 plus
เหมือนจะมีสแกนลายนิ้วมือแล้วเลย
รุ่นนี้ขนาดเมืองนอกยังไม่ค่อยจะอยาก review กล้อง นี่คือสัญญาณอันตรายแล้วนะ
That is the way things are.