Amazon เลิกขายปุ่มกดสั่งของ Dash มาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งผ่าน Echo แทน ส่วนกลุ่มลูกค้าเดิมที่ใช้ Dash อยู่แล้วยังใช้กดสั่งของได้ต่อไป
ล่าสุด Amazon ส่งอีเมลถึงผู้ใช้ปุ่ม Dash ว่าทางบริษัทจะหยุดให้บริการสั่งสินค้าผ่านปุ่ม Dash โดยให้บริการวันสุดท้ายคือ 31 สิงหาคมนี้เท่านั้น และหลังจากนั้นปุ่ม Dash จะใช้สั่งของไม่ได้อีก โดย Amazon ให้เหตุผลว่าเพราะมีคนใช้น้อยมาก
Amazon ประกาศเลิกขายปุ่มสั่งของทันใจ Amazon Dash ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2015 โดยให้เหตุผลว่าสภาพตลาดเปลี่ยนไป ลูกค้าสามารถสั่งของทันใจได้ผ่านอุปกรณ์ชนิดใหม่ๆ อย่างลำโพง Echo หรือปุ่ม Dash เสมือนบนแอพของ Amazon แทน
ปุ่ม Dash Button ที่ซื้อไปแล้วยังใช้งานได้ดังเดิม และโครงการเติมสินค้า Dash Replenishment ก็ยังคงอยู่ สิ่งที่เปลี่ยนมีแค่ปุ่ม Dash จะไม่มีวางขายอีกแล้ว
Amazon ถูกทางการประเทศเยอรมนีสั่งห้ามบริษัทรับออร์เดอร์จากปุ่มสั่งของ Amazon Dash โดยศาลระบุว่า Amazon ทำผิดกฎหมายเนื่องจากไม่สามารถให้ข้อมูลราคาล่าสุดก่อนผู้ใช้ตัดสินใจซื้อสินค้า
Amazon Dash เป็นปุ่มสำหรับกดสั่งซื้อสินค้าที่กดเพียงครั้งเดียวก็สั่งซื้อสินค้าได้ทันที ซึ่ง Amazon เปิดตัวในปี 2015 โดยเน้นไปที่การสั่งสินค้าในชีวิตประจำวัน เช่น ผงซักฟอก, กระดาษชำระ และอื่น ๆ ซึ่งจากสถิติในปี 2017 ระบุว่าปุ่ม Dash มีแบรนด์สินค้าเข้าร่วมกว่า 600 แบรนด์ และทุก ๆ นาทีจะมีลูกค้ากดปุ่มสั่งสินค้าราว 4 ครั้ง
Amazon มีปุ่ม Amazon Dash สำหรับกดสั่งซื้อสินค้าที่ใช้บ่อยได้ในปุ่มเดียวมานานหลายปี และปีที่แล้วก็เปิดตัว Virtual Dash Button ปุ่มเสมือนที่แสดงบนหน้าจอ แต่ยังจำกัดเฉพาะบนเว็บและแอพของ Amazon เท่านั้น
ล่าสุดบริษัทเปิดตัว Virtual Dash Button Service (VDBS) เปิดให้บริษัทอื่นๆ นำปุ่ม Dash เสมือนไปใช้งานได้ด้วย ตอนนี้พันธมิตรที่เข้าร่วมแล้วมี Whirlpool, Samsung, LG
Amazon ยังประกาศพันธมิตรร่วมใช้ปุ่ม Dash เพิ่มเติม เช่น HP (หมึกพิมพ์), Epson (หมึกพิมพ์), 3M (ไส้กรองอากาศ), illy (เม็ดกาแฟ) เป็นต้น
ปุ่มกดสั่งสินค้า Amazon Dash Button นั้นเปิดตัวมาตั้งแต่ 2015 และ Amazon ก็ได้เผยสถิติเกี่ยวกับปุ่มดังกล่าวล่าสุดว่า ปัจจุบันมีคนกดปุ่ม Dash เฉลี่ย 4 ครั้งต่อนาที
Dean Siefert หัวหน้าฝ่ายบริการ Dash และ Dash Replenishment Services กล่าวว่า Amazon สามารถขายผงซักฟอกไปได้กว่า 900 ตันผ่านการกดปุ่ม Dash หรือคิดเป็นน้ำหนักเท่ากับปลาวาฬสีน้ำเงิน 8 ตัว และยิ่งในช่วง Prime Day นั้นมียอดสั่งซื้อ Dash สูงขึ้นกว่า 70% จากปีที่แล้ว มีออร์เดอร์กว่าหนึ่งแสนครั้ง ปุ่มที่เป็นที่นิยม เช่น Tide, Bounty, Cascade, Charmin ซึ่งเป็นสินค้าที่ผู้ใช้ต้องซื้อบ่อย ๆ
Walmart ร้านค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐฯ ได้จดสิทธิบัตรอุปกรณ์คู่แข่งปุ่มกดสั่งของ Amazon Dash โดยสิทธิบัตรของ Walmart นั้นจดไว้ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นสิทธิบัตรแรกของ Walmart ที่เป็นสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ IoT จากสิทธิบัตรกว่า 800 ฉบับของบริษัท
CB Insights ซึ่งเป็นผู้รายงานข้อมูลสิทธิบัตรกล่าวว่า ถ้า Amazon Dash จะให้ลูกค้ากดปุ่มเพื่อสั่งของ แต่อุปกรณ์ชิ้นใหม่ของ Walmart จะเป็นการรวมเข้ากับตัวผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ และสามารถสั่งได้อัตโนมัติโดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องกดเลย
ที่มา - Reuters, CB Insights
อีกไม่กี่อาทิตย์ก็วาเลนไทน์แล้ว เพราะเหตุนี้รึเปล่า Amazon จึงออกปุ่ม Dash ให้สมาชิกไพรม์กดสั่งซื้อขนมหวานและช็อกโกแลตโดยเฉพาะออกมา โดยสินค้าจะบรรจุในกล่องสวยงาม หน้ากล่องเขียนว่า Prime Surprise Sweets ผู้สั่งจะไม่รู้ก่อนว่าขนมที่ตนจะได้เป็นแบบไหน จากร้านอะไร แต่ทุกกล่องล้วนมาจากร้านขนมชั้นหนึ่งทั่วสหรัฐฯ
ในเว็บไซต์มีระบุตัวอย่างร้านขนมที่เข้าร่วมด้วย ลูกค้านอกจากจะได้ขนมแล้ว ยังได้การ์ดแนะนำจากร้านระบุเรื่องราว และขนมที่ทางร้านถนัดด้วย
Amazon ได้เปิดให้ผู้ใช้ได้ใช้งานปุ่ม Dash แบบเสมือน โดยตอนนี้ผู้ใช้เริ่มเห็นปุ่มลักษณะดังกล่าวปรากฏบน Amazon.com และหน้าโฮมของแอพ Amazon แล้ว ซึ่ง Amazon จะสร้างปุ่ม Dash แบบเสมือนโดยดูว่าผู้ใช้สั่งซื้ออะไรบ่อย ๆ ผู้ใช้สามารถกดคลิกครั้งเดียวก็สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ทันที
โฆษกของ Amazon ได้กล่าวว่า ผู้ใช้ที่เป็นสมาชิก Prime สามารถเพิ่มปุ่ม Dash เสมือนได้ทันที รองรับสินค้านับสิบล้านอย่างที่สามารถใช้งานกับ Amazon Prime Delivery ได้ เพียงกดปุ่ม Add to your Dash buttons โดยไอเดียปุ่ม Dash เสมือนนี้ได้มาจากความสำเร็จของปุ่ม Dash ของจริงนั่นเอง
ที่มา - Recode
Amazon ได้เปิดตัวปุ่ม Dash สำหรับการใช้งานกับ AWS หรือ AWS IoT Button รุ่นที่สอง โดยตัวปุ่มนี้จะสามารถโปรแกรมได้มากกว่า Dash ที่เอาไว้สำหรับการสั่งสินค้าบน Amazon หลังจากที่รุ่นแรกเปิดตัวมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม
สำหรับความสามารถที่ Amazon ได้กล่าวไว้ คือปุ่ม AWS IoT จะสามารถทำได้โดยกำหนดในคลาวด์ว่าการกดปุ่มจะทำอะไร เช่น กดเพื่อนับจำนวนสินค้า, โทรหาหรือแจ้งเตือนใครสักคน, สั่งล็อกหรือเปิดประตูบ้าน, เป็นรีโมทควบคุมอุปกรณ์ภายในบ้าน, กดเพื่อสั่งพิซซ่า โดยตัวปุ่มสามารถรวม API จาก Twitter, Facebook, Twilio, Slack หรือบริการอะไรก็ได้ที่รองรับ
Amazon ลดราคาปุ่มมหัศจรรย์ Amazon Dash จากราคาเต็มปุ่มละ 4.99 ดอลลาร์ ลงมาเหลือเพียง 0.99 ดอลลาร์ ตามเทศกาลลดราคา Cyber Monday ประจำปี แถม Amazon ยังจะใช้เครดิตสำหรับสั่งของเพิ่มอีก 4.99 ดอลลาร์ หลังเรากดซื้อสินค้าเป็นครั้งแรกด้วย (เท่ากับว่าลูกค้าได้กำไร 4 ดอลลาร์ต่อปุ่ม)
ปุ่ม Amazon Dash เป็นปุ่มที่เชื่อมต่อ Wi-Fi เพื่อกดซื้อสินค้าที่ใช้บ่อย เช่น ผงซักฟอง สบู่ ยาสีฟัน จาก Amazon ถึงแม้ในการใช้งานจริงอาจยังมีปัญหาและข้อจำกัดบ้าง แต่ก็เป็นภาพอนาคตที่ดีของการสั่งซื้อสินค้าที่ใช้บ่อยทางอินเทอร์เน็ต
Amazon Dash เปิดตัวในปี 2014 ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติการซื้อสินค้าปลีกของใช้ในบ้านผ่านการกดปุ่ม Amazon Dash หลังจากนั้นก็รอรับสินค้าที่บ้านได้เลยในวันรุ่งขึ้น แต่จนถึงตอนนี้เรายังไม่ค่อยเห็นการรีวิวการใช้อุปกรณ์นี้สักเท่าไร ล่าสุดมีคนรีวิวการใช้อย่างละเอียด ตั้งแต่การติดตั้ง การสั่งซื้อ รวมถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
Samuel Gibbs เขียนบทความรีวิวการซื้อสินค้าผ่าน Amazon Dash ลงในเว็บไซต์ The Guardian เขาสั่งซื้อตัว Amazon Dash มา 8 ชิ้น กรอกรหัสไวไฟที่ใช้ กรอกครั้งเดียวอุปกรณ์ทั้ง 8 ชิ้นก็เชื่อมต่อกับระบบ ไม่ต้องกรอกทีละชิ้น และในการกดซื้อ ก็สามารถยกเลิกการซื้อได้ภายในวันที่กด
Daniel Strabley วิศวกรทำซอฟต์แวร์ดักจับกัมมันตรังสี ป้องกันการเกิดความเสียหายวงกว้างจากการใช้อาวุธให้กับกองทัพสหรัฐฯ อีกด้านหนึ่งเขาประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคล้ายๆ งานที่เขาทำอยู่ มาช่วยอำนวยความสะดวกให้คุณตาของภรรยา ที่ป่วยด้วยโรคสมองเสื่อมและช่วยเหลือตัวเองได้ไม่เต็มที่เนื่องจากสูงอายุมากแล้ว
Strabley เขียนโปรแกรมซอฟต์แวร์ขึ้นมาและประยุกต์ใช้เข้ากับอุปกรณ์ Amazon Dash ช่วยให้คุณตาสามารถสื่อสารกับคนในครอบครัวได้เมื่อต้องการอะไร ผ่านการกดปุ่มแต่ละปุ่ม
Strabley เขียนโปรแกรมต่างๆ สำหรับแสดงผลคุณตาให้ใช้งานบนแท็บเล็ต เช่น สร้างนาฬิกาอย่างง่าย ระบบเตือนความจำต่างๆ เช่น เวลากินยา เวลาอาหาร เวลารายการทีวี ทำการสื่อสารโต้ตอบกับคุณตาได้ และสามารถแสดงใบหน้าและชื่อของผู้มาเยี่ยมเยียน
หลังจากเปิดตัวปุ่มกดซื้อสินค้า Amazon Dash Button แบบแยกรายชิ้นไปตั้งแต่ปีที่แล้ว มาตอนนี้ Amazon ได้วางจำหน่ายแบบจำกัดจำนวน (limited release) ปุ่มดังกล่าวนี้ให้กับนักพัฒนา โดยเรียกว่า AWS IoT Button
AWS Iot Button ตัวนี้หน้าตาเหมือนกับ Dash Button ทุกประการ ความต่างก็คือนักพัฒนาสามารถเขียนโค้ดและกำหนดค่าได้ว่าการกดนั้นจะให้ทำอะไรบ้าง ตัวอย่างเช่น กดปุ่มแล้วจะสั่งอาหารได้ เรียกแท็กซี่ ควบคุมไฟ หรือแม้กระทั่งสั่งให้โทรศัพท์ก็ได้ โดย AWS IoT Button จะใช้การตั้งค่าและประมวลผลจากแพลตฟอร์ม AWS ให้ทำงานตามที่นักพัฒนากำหนด
Amazon Dash เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2014 แต่มีสินค้าเพียงไม่กี่อย่างที่สั่งผ่านปุ่มกดสั่งทันใจนี้ได้ ตอนนี้ทางอเมซอนก็เปิดตัวสินค้าที่รองรับการสั่งผ่านปุ่ม Dash เพิ่มเติมรวมแล้วกว่า 100 รายการ
สินค้าที่เพิ่มมามีตั้งแต่กาแฟ Starbucks, Red Bull (น่าเอาไปวางติดโต๊ะทำงาน) ไปจนถึงสินค้าส่วนตัวอย่างเช่น ถุงยางอนามัยและผ้าอนามัย สินค้าอื่นๆ เช่น เครื่องสำอางค์ก็ยังมีให้สั่งผ่านปุ่ม Dash นี้
ราคา 4.99 ดอลลาร์ทุกชิ้น แต่เมื่อกดสั่งครั้งแรกผ่านปุ่มเหล่านี้จะได้รับเครดิตคืน 4.99 ดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ Amazon เคยประกาศให้บริการ Amazon Dash Replenishment Service (ข่าวเก่า) หรือพูดง่ายๆ คือให้เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านสามารถสั่งของจาก Amazon เองได้ เช่นเครื่องจ่ายสบู่เหลวจะสั่งสบู่มาเพิ่มเองเมื่อตรวจพบว่าสบู่ใกล้หมด ขณะนี้อุปกรณ์ใหม่อีกหนึ่งชิ้นในโครงการนี้เริ่มวางจำหน่ายบนร้านค้าของ Amazon แล้ว
อุปกรณ์ที่ว่าคือ "เหยือกน้ำอัจฉริยะ" ยี่ห้อ Brita รุ่น Infinity Pitcher สามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ มันจะตรวจจับว่ามีน้ำผ่านไส้กรองไปแล้วกี่แกลลอน โดยเมื่อไส้กรองชุดหนึ่งกรองน้ำไปแล้ว 40 แกลลอน (ราว 151 ลิตร) เหยือกจะสั่งไส้กรองชุดใหม่มาเองเพื่อให้ผู้ใช้เปลี่ยน มันใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ภายในตัวที่มีอายุการใช้งานเกือบ 5 ปี
Amazon ประกาศเปิดตัว Dash Replenishment Service (DRS) ช่วงปลายปีที่แล้ว โดยเป็นบริการพิเศษที่ Amazon จับมือกับผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายยี่ห้อ เพื่อให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านั้นสั่งของที่มันต้องการได้เอง เช่นเครื่องพิมพ์สั่งหมึกเอง, เครื่องซักผ้าสั่งผงซักฟอกเอง ฯลฯ
ในช่วงแรกที่เปิดตัวยังมีอุปกรณ์ที่รองรับบริการนี้น้อยมาก แต่ล่าสุดมีเพิ่มมาอีกหลายเจ้า Amazon จึงถือโอกาสประกาศอีกครั้ง พร้อมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่รองรับบริการนี้ก็กำลังออกวางตลาดและพร้อมให้บริการแล้ว อาทิ
ถ้ายังจำกันได้ Amazon มีปุ่ม Dash Button ปุ่มกดสำหรับสั่งซื้อสินค้าที่ใช้ประจำ เช่น สบู่ ผงซักฟอก น้ำตาล กาแฟ ฯลฯ ที่เชื่อมต่อกับ บริการ Dash Replenishment Service ให้อุปกรณ์ในบ้านสั่งของได้เอง จากปุ่มกดนี้
ไอเดียอาจฟังดูตลกๆ แต่ล่าสุด Whirlpool ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดัง เปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ปี 2016 หลายอย่าง ทั้งเครื่องซักผ้าและอุปกรณ์ในครัวที่เชื่อมต่อกับ Dash Replenishment Service แล้ว ถ้าผงซักฟอกหมดก็สามารถกดสั่งได้ทันที
เมื่อต้นปี Amazon เปิดตัว Dash Button ที่เป็นปุ่มเอาไว้ติดในที่ต่างๆ ของบ้าน เพื่อเอาไว้กดสั่งของใช้ในบ้านเมื่อใกล้จะหมด ตอนนี้มันได้ก้าวไปอีกขั้นแล้ว นั่นคือการให้อุปกรณ์ต่างๆ ในบ้านสั่งของได้ด้วยตนเอง
หลายคนคงประสบปัญหาของใช้สิ้นเปลือง เช่น สบู่ ยาสีฟัน กาแฟ น้ำตาล ฯลฯ หมดกระทันหัน ครั้นจะออกไปซื้อใหม่ก็ลำบากและเสียเวลา
เจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซ Amazon ที่มีบริการ Amazon Fresh ส่งของสดถึงบ้าน และฮาร์ดแวร์ Amazon Dash ใช้สแกนบาร์โค้ดของสินค้าที่ต้องการสั่ง จึงพัฒนาไปอีกขั้นด้วยการออก Amazon Dash Button ที่ใช้ง่ายกว่า Amazon Dash เข้าไปอีก เพราะมันเป็นปุ่มจริงๆ ที่กดเพียงครั้งเดียวสั่งของได้เลย
เราทราบกันดีว่าระยะหลัง Amazon ขยายตัวไปไกลเกินกว่าธุรกิจการขายหนังสือ (ตัวอย่างเช่น การขายไวน์ออนไลน์) และในสหรัฐอเมริกาเองก็มีบริการ Amazon Fresh ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตแบบเสมือนที่สั่งของสดจากทางออนไลน์ ซึ่งจะมาส่งในวันรุ่งขึ้นให้บริการอยู่แล้ว โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Amazon ได้เปิดตัวอุปกรณ์ชิ้นล่าสุดสำหรับบริการ Amazon Fresh ที่เรียกว่า Dash