BitMEX แพลตฟอร์มเทรดเงินคริปโตจากฮ่องกงได้ขาย Bitcoin Cash (BCH) ทั้งหมด และให้เครดิตกับผู้ใช้แพลตฟอร์มทั้งหมดเป็นบิตคอยน์ (BTC) แทน โดยไม่ได้เปิดเผยมูลค่าที่ขายออกไป
BCH นั้นเกิดจากการแยกสายของบิตคอยน์ เนื่องจากปัญหาของบิตคอยน์ที่เครือข่ายแน่นและค่าธรรมเนียมการโอนสูง จึงทำให้ใช้งานลำบาก ในขณะที่ BCH มีความแตกต่างด้านเทคนิคบางอย่างซึ่งจะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ ซึ่งการแยกสายของ BCH ออกจากบิตคอยน์เดิมนั้นไม่ใช่การแยกสายเฉพาะโครงสร้าง แต่ประวัติการชำระเงินของบิตคอยน์ทั้งหมดก็จะถูกแยกมาพร้อมกันด้วย ซึ่งหมายความว่าผู้ที่มีบิตคอยน์ ณ เวลานั้นก็จะมี BCH ในจำนวนเท่า ๆ กันด้วย
ต่อจากข่าว Coinbase เปิดซื้อขาย Bitcoin Cash วันแรก ราคาพุ่งไปถึง 8,500 ดอลลาร์จนต้องปิดซื้อขาย ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาว่า พนักงานของ Coinbase มีส่วนรู้เห็นกับการซื้อขายก่อนคนทั่วไป (insider trading) ทำให้ Coinbase ตัดสินใจหยุดการซื้อขายชั่วคราว
Brian Armstrong ซีอีโอของ Coinbase เขียนอธิบายในบล็อกของบริษัทว่ามีนโยบายเข้มงวดเรื่อง insider trading โดยพนักงานทั้งประจำและสัญญาจ้าง จะถูกห้ามซื้อขาย Bitcoin Cash อย่างสิ้นเชิง รวมถึงห้ามเปิดเผยข้อมูลเรื่องแผนการขายล่วงหน้านานเป็นเดือน เขาบอกว่าสื่อสารและย้ำเรื่องนี้ไปยังพนักงานหลายต่อหลายครั้งในทุกช่องทาง
Coinbase บริษัทดำเนินการตลาดซื้อขาย cryptocurrency ประกาศรองรับ Bitcoin Cash (BCH) เต็มรูปแบบทำให้สามารถสั่งซื้อขาย และโอนไปมาได้เช่นเดียวกับเงินสกุลอื่นที่ตลาด GDAX ของ Coinbase รองรับ
อย่างไรก็ดีหลังจากเริ่มเปิดการซื้อขาย ราคากลับพุ่งขึ้นไปไม่หยุดจนทะลุ 8,500 ดอลลาร์ต่อ BCH ทำให้ต้องหยุดการซื้อขาย และเข้าโหมดยกเลิกคำสั่งซื้อขายได้เท่านั้น
ประกาศล่าสุดของ GDAX ระบุว่าจะเปิดตลาดใหม่ในวันพรุ่งนี้ โดยตอนนี้ราคาซื้อขายที่ทะลุ 8,500 ดอลลาร์ไปนั้นยังไม่มีประกาศออกมาว่าจะยึดตามนั้นหรือไม่
Emil Oldenburg ผู้ร่วมก่อตั้ง Bitcoin.com ให้สัมภาษณ์กับเว็บ BreakIt.se ระบุถึงปัญหาของบิตคอยน์แบบดั้งเดิมว่าการลงทุนในตอนนี้มีความเสี่ยงสูงมาก และเครือข่ายแน่นจนใช้งานได้ลำบาก
เขาระบุว่าเพิ่งขายบิตคอยน์ทั้งหมดออกไปแล้ว และเปลี่ยนไปลงทุนใน Bitcoin Cash (BCH) ทั้งหมด โดยระบุเหตุผลว่าตอนนี้ BCH ยังใช้งานได้จริง กระบวนการโอนใช้เวลาไม่นานนัก ขณะที่ค่าธรรมเนียมการบันทึกรายการอยู่ที่ประมาณ 6 บาทเท่านั้น
ภาวะจำนวนรายการเต็มบล็อคของ BTC ทำให้ค่าธรรมเนียมพุ่งสูง ค่าธรรมเนียมต่อรายการบางช่วงเวลาอาจสูงถึง 26 ดอลลาร์ หรือ 850 บาท
การแยกสายบิตคอยน์สองครั้งใหญ่ในปีที่ผ่านมาคือ Bitcoin Cash (BCH) และ Bitcoin Gold (BTG) ปรากฎว่าการแยกสายนี้กลับสร้างเงินใหม่ที่มีมวลค่ารวมสูงได้สำเร็จ ตลาดซื้อขายต่างๆ เริ่มประกาศตัวรองรับในบางระดับ (อย่างน้อยที่สุดคือถอนเงินออกได้) ทำให้ตอนนี้มีเงินสกุลใหม่ๆ พากันแยกสายออกจากบิตคอยน์จำนวนมาก
กลุ่มล่าสุดที่แยกสายออกไปคือ Bitcoin Diamond (BCD) ที่แยกสายโดยให้เหตุผลว่าต้องการขยายปริมาณบิตคอยน์จากที่ Satoshi ออกแบบไว้ให้มีจำกัดเพียง 21 ล้าน BTC กลายเป็น 210 ล้าน BCD และยังมีความสามารถในการเข้ารหัสจำนวนเงินในบัญชี (เริ่มเข้ารหัสกลางปี 2018)
Roger Ver นักลงทุนในสตาร์ตอัพบิตคอยน์ให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์ฝรั่งเศสพร้อมกับแจกเงิน Bitcoin Cash (BCH) มูลค่า 1,000 ดอลลาร์ โดยแจกเป็น QR ของกุญแจลับสำหรับกระเป๋าเงิน BCH แต่ทางรายการกลับเบลอตัว QR ทำให้คนที่อยากได้เงินไม่สามารถโอนเงินได้ Michel Sassano อดีตโปรแกรมเมอร์ของ Orange ก็ทดลองกู้กุญแจจาก QR ที่ถูกเซ็นเซอร์ได้สำเร็จ
หลังจาก Bitcoin Cash แยกสายโซ่ออกจาก Bitcoin หลักไปเมื่อต้นเดือน และระดับราคาอยู่นิ่งๆ ที่ประมาณ 300 ดอลลาร์ต่อ BCH (ตัวย่อของ Bitcoin Cash) มาหลายวัน
ล่าสุดเมื่อคืนนี้ ราคาของ Bitcoin Cash ก็พุ่งสูงขึ้นทะลุหลัก 700 ดอลลาร์ ขึ้นไปสูงสุดที่ประมาณ 728 ดอลลาร์ (ราคาปัจจุบันขณะที่เขียนคือ 672 ดอลลาร์) ถือเป็นสถิติใหม่ของ Bitcoin Cash ส่งผลให้ตอนนี้ BCH กลายเป็นสกุลเงินดิจิทัลอันดับ 3 รองจาก Bitcoin และ Ethereum และการลงทุนใน BCH ได้กำไรเยอะกว่า BTC ไปแล้ว
ประเด็นการเพิ่มความสามารถในการรองรับการโอนบน Bitcoin ทำให้มีหลายกลุ่มพยายามเสนอวิธีการต่างๆ เช่นกลุ่ม SegWit2x แต่ล่าสุดกลุ่ม Bitcoin Cash ก็เลือกเส้นทางที่ตรงไปตรงมา คือการขยายขนาดบล็อคเป็น 8MB ทันที และบล็อคแรกตามมาตรฐานนี้คือ บล็อคหมายเลข 478559 ก็มีขนาด 1.9MB แต่ส่งผลให้ Bitcoin (BTC) แยกเป็นสองสาย คือ BTC เดิมและ Bitcoin Cash (BCH)
แนวทางของ Bitcoin Cash คือตั้งใจแยกสายออกจากบิตคอยน์เดิมอย่างเต็มที่ โดยรองรับการอยู่ร่วมกัน และการสั่งโอนใน BTC จะไม่มีผลต่อ BCH ทำให้คนที่มี BTC เดิมจะได้ BCH เพิ่มมาอีกทาง