Strategy หรือชื่อเดิม MicroStrategy บริษัทซอฟต์แวร์ของ Michael Saylor ที่มีชื่อเสียงว่าเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ของบิตคอยน์ ประกาศแผนการออกหุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) ชุดใหม่มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ โดยเป็นหุ้นจำนวน 5 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 100 ดอลลาร์
ประธานาธิบดี Donald Trump ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร (Executive Order) จัดตั้งกองทุนสำรองบิตคอยน์โดยเฉพาะ โดยบิตคอยน์ที่อยู่ในกองทุนนี้เป็นส่วนที่ยึดทรัพย์มากจากคดีต่าง ๆ ไม่ได้นำงบประมาณมาซื้อ
คาดว่าบิตคอยน์ส่วนที่ควบคุมโดยรัฐบาลสหรัฐนี้มีประมาณ 200,000 BTC ซึ่งคำสั่งนี้กำหนดให้รัฐบาลมีอำนาจควบคุมบิตคอยน์นี้ ห้ามขายออกมา ให้ถือเป็นการสะสมความมั่งคั่งของประเทศ กำกับดูแลโดยกระทรวงการคลัง คาดว่าจะมีผลกับเงินคริปโตสกุลอื่นที่ยึดทรัพย์ทางคดีด้วย ตามแผนที่ Trump เคยบอกก่อนหน้านี้
ประเด็นที่ต้องหารือกันจากนี้คือการเพิ่มเงินคริปโตสกุลอื่นให้เข้าแผนกองทุนสำรอง เบื้องต้นคือ ETH, XRP, SOL, ADA และจะมีเงินสกุลอื่นอีกหรือไม่ในอนาคต
ประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศเดินหน้าแผนการตั้งกองทุนสำรองของสหรัฐที่เป็นเงินคริปโต โดยลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารให้กำหนดแผนการสำรองเงินคริปโตในสกุลต่าง ๆ มีเป้าหมายให้อเมริกาเป็นเมืองหลวงของเงินคริปโต
เงินคริปโตที่ระบุว่าอยู่ในแผนทุนสำรองของสหรัฐได้แก่ Bitcoin, ETH, XRP, SOL และ ADA
ประกาศนี้ทำให้ราคาเงินคริปโตในสกุลที่กล่าวมาปรับเพิ่มขึ้นสูงทันที Bitcoin ปรับเพิ่ม 10% อยู่ที่ระดับ 94,000 ดอลลาร์, XRP +33%, ETH +14%, SOL +25% และ ADA +65%
ฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีกำหนดเวลาศึกษาแผนการตั้งกองทุนสำรองคริปโตใน 6 เดือน ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
Michael Saylor ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท Strategy หรือ MicroStrategy เดิม โพสต์ข้อความใน X ว่า "ถ้าต้องขายไตก็ทำได้ แต่ให้ถือบิตคอยน์ไว้" (Sell a kidney if you must, but keep the Bitcoin.) ซึ่งเป็นการย้ำมุมมองของเขาว่าบิตคอยน์มีมูลค่าที่สูงมาก
โพสต์ของ Saylor มีคนรีโพสต์มากกว่า 10,000 ครั้ง ซึ่งมีความเห็นที่หลากหลายเพราะไม่รู้ว่า Saylor จริงจังกับประโยคนี้แค่ไหน อย่างไรก็ตาม Strategy ก็ยังซื้อบิตคอยน์สะสมไว้ต่อเนื่องทุกสัปดาห์ ล่าสุดมีจำนวนประมาณ 499,096 BTC ด้วยต้นทุนเฉลี่ย 66,357 ดอลลาร์ต่อ BTC
ราคาบิตคอยน์มีความผันผวนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 84,000 ดอลลาร์
Strategy หรือ MicroStrategy ชื่อเดิมที่เพิ่งเปลี่ยนชื่อบริษัท รายงานการซื้อบิตคอยน์เพิ่มในช่วงวันที่ 18-23 กุมภาพันธ์ 2025 โดยซื้อเพิ่ม 20,356 BTC ด้วยเงินประมาณ 1.99 พันล้านดอลลาร์ ต้นทุนเฉลี่ย 97,514 ดอลลาร์ต่อ BTC รวมค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องแล้ว
จำนวนบิตคอยน์ที่ Strategy มีเพิ่มเป็น 499,096 BTC ใช้เงินซื้อไป 33.1 พันล้านดอลลาร์ ต้นทุนเฉลี่ยเป็น 66,357 ดอลลาร์ต่อ BTC ซึ่งเงินที่ Strategy นำมาซื้อบิตคอยน์เพิ่มนั้น ก็มาจากการขายหุ้นกู้แปลงสภาพในช่วงเดียวกันเป็นเงิน 1.99 พันล้านดอลลาร์
บริษัท MicroStrategy ที่ช่วงหลังเป็นที่รู้จักจากการไล่ซื้อ Bitcoin อย่างต่อเนื่อง เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ รีแบรนด์เป็น "Strategy" เฉยๆ ไม่มี "Micro" (แต่ตัวย่อสัญลักษณ์หุ้นยังใช้ MSTR อันเดิม)
โลโก้ใหม่ของบริษัท Strategy ใช้สีส้มดำ และมีตัว ฿ ห้อยอยู่ด้านหลัง แน่นอนว่าไม่ได้หมายถึงค่าเงินบาท แต่หมายถึง Bitcoin
บริษัท Strategy บอกว่ารีแบรนด์ชื่อบริษัทใหม่เพื่อบอกว่าตัวเองเป็น Bitcoin Treasury Company (บริษัทสะสม Bitcoin) รายแรกและรายใหญ่ที่สุดของโลก
โดเมนใหม่ของบริษัทคือ strategy.com ส่วนธุรกิจซอฟต์แวร์ดั้งเดิมใช้โดเมน strategysoftware.com
ที่มา - Strategy
MicroStrategy รายงานว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัทไม่ได้ซื้อบิตคอยน์เพิ่มเติม เพราะเป็นผลจากไม่มีการขายหุ้นเพิ่มทุนออกมาเลย ทำให้หยุดสถิติการซื้อบิตคอยน์ต่อเนื่องทุกสัปดาห์เป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์
จำนวนบิตคอยน์ที่ MicroStrategy ถือกันยาว (HODL) มี 471,107 BTC ต้นทุนเฉลี่ย 30.4 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นราคาเฉลี่ยที่ 64,511 ดอลลาร์ต่อ 1 BTC
ที่มา: Michael Saylor ผ่าน Bloomberg
Tether บริษัทที่ออกเหรียญ Stablecoin USDT ประกาศนำเหรียญ USDT เข้าสู่ระบบนิเวศของบิตคอยน์ โดยรองรับเลเยอร์พื้นฐานของบิตคอยน์ และเครือข่าย Lightning Network บนโปรโตคอล Taproot Assets ที่พัฒนาโดย Lightning Labs
Tether บอกว่าเมื่อการเชื่อมต่อทั้งหมดเสร็จสิ้น จะทำให้ USDT สามารถใช้งานได้บนเครือข่ายที่มีความเร็ว ต้นทุนต่ำ รวมกับความปลอดภัยและความสามารถการสเกลจากเครือข่ายบิตคอยน์
ปัจจุบัน USDT เป็น Stablecoin ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกประมาณ 1.4 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีสินทรัพย์เป็นเงินดอลลาร์ค้ำไว้ประมาณ 2.1 แสนล้านดอลลาร์
MicroStrategy รายงานการซื้อบิตคอยน์เพิ่มอีกแล้ว โดยในช่วงสัปดาห์ของวันที่ 13-20 มกราคม 2025 ได้ซื้อเพิ่มอีก 11,000 BTC ใช้เงินประมาณ 1.1 พันล้านดอลลาร์ ต้นทุนเฉลี่ย 101,191 ดอลลาร์ต่อ BTC รวมค่าธรรมเนียมดำเนินการแล้ว
จำนวนบิตคอยน์ที่ MicroStrategy ถือครองเพิ่มขึ้นเป็น 461,000 BTC ใช้เงินซื้อรวมประมาณ 29.3 พันล้านดอลลาร์ ต้นทุนเฉลี่ย 63,610 ดอลลาร์ต่อ BTC ซึ่งเงินที่บริษัทนำมาซื้อบิตคอยน์เพิ่มนี้ ยังคงมาจากการขายหุ้นเพิ่มทุนช่วง 13-20 มกราคมเช่นกัน ได้เงินมา 1.1 พันล้านดอลลาร์ และเหลือหุ้นที่รอเสนอขายอีก 5.42 พันล้านดอลลาร์
ช่วงบ่ายเมื่อวานนี้ตามเวลาในไทย (20 มกราคม) ราคาบิตคอยน์ทำสถิติใหม่สูงสุดอีกครั้งที่ระดับ 109,000 ดอลลาร์ โดยตัวเลขจาก Coinmarketcap อยู่ที่ 109,114.88 ดอลลาร์ต่อ 1 BTC ส่วนราคาล่าสุดปรับลงมาที่ระดับ 102,000 ดอลลาร์
ราคาบิตคอยน์ทะลุ 1 แสนดอลลาร์ เป็นครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม โดยมีปัจจัยหนุนในตอนนั้นคือการชนะเลือกตั้งของประธานาธิบดี Donald Trump ที่มีนโยบายสนับสนุนเงินคริปโต หลังจากนั้นราคาบิตคอยน์ก็ปรับตัวขึ้นลงตามภาวะตลาด และมาทำสถิติใหม่สูงสุดเมื่อวานนี้ จึงคาดว่าเพราะประธานาธิบดี Trump จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง
MicroStrategy รายงานการซื้อบิตคอยน์เพิ่มในระหว่างวันที่ 6-12 มกราคม 2025 เพิ่มอีก 2,530 BTC ด้วยเงินประมาณ 243 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นต้นทุนเฉลี่ย 95,972 ดอลลาร์ต่อ BTC รวมค่าธรรมเนียมดำเนินการแล้ว
จำนวนบิตคอยน์ที่ MicroStrategy ถือครองรวมตอนนี้เป็นเลขกลม ๆ คือ 450,000 BTC ต้นทุนเฉลี่ย 62,691 ดอลลาร์
เงินที่นำมาซื้อบิตคอยน์ในรอบนี้ยังคงมาจากการขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท โดยในช่วง 6-12 มกราคม 2025 เช่นกัน บริษัทขายหุ้นเพิ่มทุนได้เงินประมาณ 243 ล้านดอลลาร์ โดยยังเหลือหุ้นเพิ่มทุนเสนอขายอีก 6.53 พันล้านดอลลาร์
MicroStrategy รายงานผลตอบแทนจากการลงทุนบิตคอยน์ที่เรียกว่า BTC Yield นับตั้งแต่ 1 มกราคม 2025 จนถึง 12 มกราคม อยู่ที่ 0.32%
MicroStrategy ยังคงช้อปปิ้งบิตคอยน์กันแบบรายสัปดาห์ โดยส่งท้ายปีด้วยการรายงานว่าบริษัทซื้อบิตคอยน์ช่วง 23-29 ธันวาคม เพิ่มอีก 2,138 BTC ต้นทุนเฉลี่ย 97,837 ดอลลาร์ต่อ BTC มูลค่ารวมประมาณ 209 ล้านดอลลาร์
มีข้อสังเกตว่าจำนวนบิตคอยน์ที่ MicroStrategy ซื้อในรอบนี้อยู่ที่ระดับหลักพัน จากช่วงที่ผ่านมาการซื้อเป็นระดับหลักหมื่น สาเหตุเพราะ MicroStrategy ขายหุ้นเพิ่มทุนในช่วงเวลาดังกล่าวได้เงินสดเพิ่มมาอีก 209 ล้านดอลลาร์ โดยยังเหลือหุ้นเพิ่มทุนเสนอขายอีก 6.88 พันล้านดอลลาร์
ประเทศเอลซัลวาดอร์เริ่มผลักดัน Bitcoin มาตั้งแต่ปี 2021 โดยยอมรับเป็นเงินตามกฎหมาย และซื้อ Bitcoin เป็นทุนสำรองของประเทศ นอกจากนี้ยังมีแอพชำระเงินแห่งชาติ Chivo ที่รับจ่ายเงินด้วย Bitcoin (แต่สุดท้ายคนในประเทศจ่ายเป็นดอลลาร์อยู่ดี)
แต่สุดท้ายเงินจริงก็สำคัญกว่าอยู่ดี เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หน่วยงานภาครัฐของเอลซัลวาดอร์ บรรลุข้อตกลงกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ขอกู้เงิน (สด) มูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อนำไปใช้จ่ายภาครัฐ และสนับสนุนโครงการปฏิรูประบบราชการ
MicroStrategy รายงานการซื้อบิตคอยน์ในช่วงวันที่ 9-15 ธันวาคม 2024 เพิ่มอีก 15,350 BTC ด้วยเงินประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์ ต้นทุนเฉลี่ย 100,386 ดอลลาร์ต่อ 1 BTC รวมค่าธรรมเนียมแล้ว ซึ่งการซื้อบิตคอยน์นี้ใช้เงินที่ได้จากการขายหุ้นเพิ่มทุนตามแผน
ในช่วงเวลาเดียวกัน MicroStrategy ขายหุ้นเพิ่มทุนได้เงินมาอีก 1.54 พันล้านดอลลาร์ โดยยังเหลือหุ้นเสนอขายอีกประมาณ 7.65 พันล้านดอลลาร์
จำนวนบิตคอยน์ที่ถือครองโดย MicroStrategy มีประมาณ 439,000 BTC
MicroStrategy เพิ่งถูกเพิ่มรายชื่อในดัชนีหุ้น Nasdaq-100 ซึ่งเป็นผลจากมูลค่ากิจการที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ตามราคาบิตคอยน์ที่เป็นสินทรัพย์หลักของบริษัทปรับเพิ่มสูง
ไมโครซอฟท์จัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นบริษัทประจำปีไปเมื่อวานนี้ และวาระหนึ่งที่ให้ผู้ถือหุ้นลงมติ คือข้อเสนอจากกลุ่มผู้ถือหุ้นให้บริษัทนำเงินบางส่วนไปซื้อบิตคอยน์ หรือสินทรัพย์เงินคริปโตอื่นเพื่อกระจายความเสี่ยง ด้วยเหตุผลได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งบอร์ดไมโครซอฟท์ก็ให้ความเห็นคัดค้านแนวทางนี้ บอกว่าบริษัทมีการบริหารสินทรัพย์ให้ผลตอบแทนดีกว่าเงินเฟ้ออยู่แล้ว
ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติไม่รับรองข้อเสนอนี้ ทำให้บริษัทไม่ต้องกระจายสินทรัพย์ไปลงทุนในบิตคอยน์
หลังจากบิตคอยน์ราคาทะลุแสนดอลลาร์ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว MicroStrategy ก็รายงานว่าบริษัทได้ซื้อบิตคอยน์เพิ่มอีก 21,550 BTC ด้วยเงินสดประมาณ 2.1 พันล้านดอลลาร์ ต้นทุนเฉลี่ย 98,783 ดอลลาร์ต่อ 1 BTC ในช่วง 2-8 ธันวาคม 2024 ที่ผ่านมา
จำนวนบิตคอยน์ที่ MicroStrategy ถือครองรวมตอนนี้เพิ่มเป็น 423,650 BTC ต้นทุนเฉลี่ย 60,324 ดอลลาร์ต่อ 1 BTC อัตราผลตอบแทน BTC Yield นับตั้งแต่ต้นปี 68.7%
วันนี้ราคาบิตคอยน์ทะลุแสนดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรก หลังจากเปิดตัววันแรกเมื่อ 3 มกราคม 2009 คิดเป็นเวลาเกือบ 16 ปีที่สินทรัพย์ดิจิทัลนี้สร้างขึ้นจากโค้ดเปล่าๆ เท่านั้น
ราคาบิตคอยน์เมื่อเดือนที่แล้วยังอยู่ที่ประมาณ 70,000 ดอลลาร์ใกล้เคียงกับจุดสูงสุดในช่วงปี 2021 แต่ในช่วงเวลาหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ ก็ทำให้ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
ราคาล่าสุด ณ ตอนเขียนข่าวนี้ บิตคอยน์ยังขึ้นไปเรือยๆ ทะลุ 102,000 ดอลลาร์
MicroStrategy รายงานการซื้อบิตคอยน์เพิ่มอีก 55,500 BTC ในระหว่างวันที่ 18-24 พฤศจิกายน 2024 ด้วยเงินประมาณ 5.4 พันล้านดอลลาร์ ต้นทุนเฉลี่ย 97,862 ดอลลาร์ต่อ BTC รวมค่าธรรมเนียมแล้ว
การซื้อบิตคอยน์เพิ่มเติมอีกรอบนี้ ทำให้ MicroStrategy มีบิตคอยน์รวมประมาณ 386,700 BTC ด้วยทุนทั้งหมด 21.9 พันล้านดอลลาร์ เฉลี่ยอยู่ที่ 56,761 ดอลลาร์ต่อ BTC
มีประเด็นน่าสนใจจากการถือบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ของ MicroStrategy จึงทำให้มูลค่ากิจการตามราคาหุ้นของ MicroStrategy หรือ Market Cap. ขึ้นไปแตะ 1 แสนล้านดอลลาร์แล้ว เมื่อจัดอันดับบริษัทมูลค่ากิจการใหญ่ที่สุดในสหรัฐจึงอยู่ในระดับ Top 100 แล้ว
MicroStrategy รายงานการซื้อบิตคอยน์เพิ่มเติมอีกในระหว่างวันที่ 11-17 พฤศจิกายน 2024 จำนวน 51,780 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4.6 พันล้านดอลลาร์ เฉลี่ยที่ 88,627 ดอลลาร์ต่อ BTC รวมค่าธรรมเนียมแล้ว
MicroStrategy เพิ่งรายงานการซื้อบิตคอยน์ที่เฉลี่ย 74,463 ดอลลาร์ เมื่อช่วง 31 ตุลาคมถึง 10 พฤศจิกายน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รายงานในรอบนี้เป็นการซื้อด้วยจำนวนที่มากขึ้น และต้นทุนเฉลี่ยก็แพงขึ้นด้วย
จำนวนบิตคอยน์ที่ MicroStrategy ถือครอง ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2024 มีประมาณ 331,200 BTC ต้นทุนรวม 16.5 พันล้านดอลลาร์ เฉลี่ย 49,874 ดอลลาร์ต่อ BTC
ราคาบิตคอยน์ล่าสุดทะลุ 90,000 ดอลลาร์ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ข้อมูลล่าสุดจาก Coinmarketcap ตอนนี้อยู่ที่ 90,300 ดอลลาร์
ราคาบิตคอยน์รวมทั้งเงินคริปโตอื่นปรับเพิ่มขึ้นสูงในช่วงที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสำคัญหลังผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่ Donald Trump ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งนโยบายหนึ่งของ Trump คือการสนับสนุนเงินคริปโต
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บุกค้นบ้าน 9 แห่งในพื้นที่อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังจากพบว่าบ้านเหล่านี้น่าสงสัยเนื่องจากไม่มีคนอยู่ในบ้านแต่กลับมีการติดกล้องวงจรปิดจำนวนมากจนมีการแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่
บ้านดังกล่าวมีนายณัฐพงษ์ฯ อายุ 30 ปีเป็นผู้เช่า เมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายณัฐพงษ์ก็พบว่ามีเงินหมุนเวียนกว่า 40 ล้านบาททำให้เชื่อว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย แต่เมื่อประสานงานกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) พบว่าพื้นที่บ้านที่สงสัยมีอัตราการใช้ไฟฟ้าสูงไม่สอดคล้องกับมิเตอร์ค่าไฟ จึงกลายเป็นคดีขโมยไฟฟ้า
MicroStrategy รายงานการซื้อบิตคอยน์เพิ่มเติมช่วง 31 ตุลาคมถึง 10 พฤศจิกายน 2024 เพิ่มอีกประมาณ 27,200 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.03 พันล้านดอลลาร์ เฉลี่ย 74,463 ดอลลาร์ต่อ BTC รวมค่าธรรมเนียมแล้ว
การซื้อบิตคอยน์เพิ่มรอบล่าสุดนี้ทำให้ MicroStrategy มีบิตคอยน์ที่ถือครองรวมประมาณ 279,420 BTC มูลค่าต้นทุนรวมประมาณ 11.9 พันล้านดอลลาร์ เฉลี่ย 42,692 ดอลลาร์ต่อ BTC
MicroStrategy บอกว่าการลงทุนในบิตคอยน์ในช่วงที่ผ่านมานี้ ทำให้บริษัทได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน (Bitcoin Yield) ในไตรมาสที่ผ่านมา 7.4% และ 26% หากนับตั้งแต่เมื่อต้นปี
ข่าวสั้นรับวันหยุด ราคาบิตคอยน์ที่ซื้อขายกันล่าสุดทะลุด่านสำคัญ 80,000 ดอลลาร์ต่อ 1 BTC เป็นที่เรียบร้อย หลังจากราคาบิตคอยน์ทำสถิติสูงสุดใหม่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ราคาบิตคอยน์ล่าสุดใน Coinmarketcap อยู่ที่ 80,047 ดอลลาร์ ส่วนราคาในไทยอยู่ที่ประมาณ 2.717 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาบิตคอยน์ยังคงเป็นผลจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่ Donald Trump ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งช่วงหาเสียงที่ผ่านมา Trump มีนโยบายสนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งอาจลดเงื่อนไขการกำกับดูแลด้วย
ราคาบิตคอยน์ทำสถิติสูงสุดใหม่ในช่วงเช้าวันนี้ โดยราคาขึ้นไปสูงสุดที่ประมาณ 75,005.08 ดอลลาร์ต่อ 1 BTC สูงกว่าสถิติเดิม 73,797.98 ดอลลาร์ เมื่อเดือนมีนาคม
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาบิตคอยน์คือการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าหาก Donald Trump จากพรรค Republican ชนะ จะมีนโยบายหลายอย่างทำให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ทางเลือก ซึ่งส่งผลดีต่อความต้องการสินทรัพย์ดิจิทัลนั่นเอง
ก่อนหน้านี้ Trump เองก็ประกาศแนวทางสนับสนุนบิตคอยน์ตลอดจนเงินคริปโตต่าง ๆ
ไมโครซอฟท์เตรียมจัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ ซึ่งผู้ถือหุ้นสามารถยื่นข้อเสนอเพื่อขอมติจากที่ประชุมได้ โดยมีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือเรื่องบิตคอยน์
กลุ่มนักลงทุนได้ยื่นข้อเสนอ ให้ไมโครซอฟท์นำเงินของบริษัทบางส่วน กระจายความเสี่ยงไปลงทุนในบิตคอยน์ หรือเงินคริปโตอื่น โดยให้เหตุผลว่าที่ผ่านมาไมโครซอฟท์มักนำเงินสดไปลงทุนในตราสารหนี้หรือหุ้นกู้เอกชน ซึ่งให้ผลตอบแทนน้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อ ถึงแม้การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนี้จะมีความเสี่ยงสูง และมีความผันผวนในระยะสั้น แต่จะช่วยให้สินทรัพย์ของไมโครซอฟท์เอาชนะเงินเฟ้อได้ ข้อเสนอคือให้ลงทุนไม่เกิน 1% ของเงินสดบริษัท