SanDisk เปิดตัวการ์ด SanDisk Extreme Pro แบบ SDHC/SDXC ทำงานบนบัส UHS-II ทำความเร็วในการเขียนได้ 30MB/s (สูงสุดได้ 250MB/s) ความเร็วระดับ U3
ความเร็ว 30MB/s หรือเรียกย่อว่า U3 เพียงพอสำหรับการถ่ายวิดีโอ 4K, วิดีโอแบบสามมิติ, และวิดีโอ 1080p ส่วนกล้องวิดีโอที่รองรับบัส UHS-II นั้นยังมีจำกัด อาจจะต้องตรวจสอบกันเสียก่อนครับ
มีตั้งแต่ขนาด 16GB ถึง 64GB ราคา 119.99 ถึง 299.99 ดอลลาร์
อีกตัวที่เปิดมาพร้อมกันคือ SanDisk Extreme PRO SD UHS-II Card Reader/Writer เครื่องอ่านการ์ด SD ที่รองรับบัส UHS-II ทำความเร็วในการอ่านได้ถึง 500MB/s โดยต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่านสาย USB 3.0 ราคา 49.99 ดอลลาร์
งาน CCC เป็นงานสัมมนาความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ที่สำคัญที่สุดงานหนึ่งของโลก ตอนนี้งานก็เริ่มขึ้นแล้วและเริ่มมีช่องโหว่ใหม่ๆ ที่ถูกเปิดเผยออกมาในงาน ช่องโหว่แรกคือการ์ด SD ที่เราใช้กันทุกวันนี้ ภายในไม่ใช่แค่หน่วยความจำเพียงอย่างเดียว แต่มักมีซีพียูขนาดเล็กมาในตัว ในงาน 30C3 การนำเสนอ Andrew Huang และ xobs ตรวจพบว่าเราสามารถติดตั้งเฟิร์มแวร์ใหม่ลงไปยังการ์ด SD ได้โดยง่าย
การ์ด SD, microSD, และ MMC จำเป็นต้องมีซีพียูในตัวเพื่อจัดการกับส่วนของหน่วยความจำที่เริ่มเสียหาย การ์ดเหล่านี้สามารถทำงานต่อไปได้แม้จะมีส่วนที่เสียหายไปแล้วบางส่วน โค้ดที่รันอยู่บนซีพียูจะออกแบบมาเฉพาะสำหรับการ์ดแต่ละรุ่น โดยส่วนมากซีพียูที่ใช้มักเป็น 8051 หรือ ARM
สมาคมผู้ผลิตอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการ์ด SD ออกมาประกาศมาตรฐาน Ultra High Speed Class 3 (U3) มาตรฐานความเร็วของการ์ดสำหรับการบันทึกวิดีโอแบบ 4K โดยต้องมีความเร็วในการเขียนอย่างน้อย 30 MB/s
มาตรฐานความเร็วนี้จะรองรับการ์ดสองประเภท คือ SDHC และ SDXC แต่ต้องเป็นการ์ดและอุปกรณ์ที่รองรับบัส UHS-I ที่รองรับความเร็วสูงสุด 104 MB/s หรือ UHS-2 ที่รองรับความเร็ว 312 MB/s (ความเร็วของบัสที่ใช้ส่งข้อมูล เป็นคนละมาตรฐานกับความเร็วของการ์ด)
การ์ดในมาตรฐานใหม่นี้จะใช้กับอุปกรณ์รุ่นเดิมได้ทั้งหมดเช่นเดิม
สำหรับใครที่คิดจะซื้อมาถ่ายลง YouTube อย่าลืมซื้อเน็ตแรงๆ ไม่งั้นอาจจะทรมานตอนอัพโหลด
การ์ด SD ที่รองรับการส่งข้อมูลแบบไร้สายได้เคยถูกครองตลาดโดย Eye-Fi มาก่อน และโตชิบาเข้ามาด้วยเทคโนโลยี FlashAir ในตอนหลัง แต่ตอนนี้โตชิบาเตรียมเสนอมาตรฐานใหม่ในชื่อ TransferJet
TransferJet เป็นมาตรฐานสำหรับการส่งข้อมูลระยะใกล้ที่ความเร็วถึง 560 เมกกะบิตต่อวินาที แต่สามารถส่งได้ระยะเพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น
ตัวสเปคของ TransferJet จะออกมาเป็นมาตรฐานเปิดที่ดูแลโดย TransferJet Consortium ที่มีสมาชิก 45 บริษัท ส่วนโตชิบาเองที่เป็นหัวหอกของมาตรฐานนี้จะแสดงชิปตัวรับส่งสัญญาณ และการ์ด SD ตัวอย่างในงาน CES ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคมนี้ หลังจากโตชิบาปั้นมาตรฐานนี้มาตั้งแต่ปี 2008
การ์ด SD แบบมี Wi-Fi ในตัวนั้นเจ้าแรกๆ ที่ทำออกมาคงเป็นของบริษัท Eye-Fi ที่หลังจากทำตลาดมาหลายต่อหลายปี สินค้าตัวนี้ก็เริ่มได้รับความนิยมระดับหนึ่ง ผู้ผลิตกล้องจำนวนหนึ่งเริ่มรองรับเมนู Eye-Fi ในกล้องของตัวเอง แต่ช่วงหลังๆ ผู้ผลิตรายอื่นๆ เช่น โตชิบาก็เริ่มเปิดตัวสินค้าในกลุ่มเดียวกัน จนกระทั่ง SD Association (SDA) หน่วยงานมาตรฐานกลางของ SD เตรียมออกมาตรฐานอย่างเป็นทางการ
กล้องถ่ายภาพรุ่นหลังๆ แม้จะมีจำนวนพิกเซลน้อยลงแต่กลับเพิ่มความสามารถด้านวีดีโอเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้พื้นที่เก็บไฟล์ไม่พอกันอีกครั้ง ล่าสุด Lexar ก็เปิดตัวการ์ด SDXC ขนาด 128GB แล้วในราคา 699.99 ดอลลาร์ หรือ 21,000 บาท นับเป็นการ์ด SD รุ่นแรกที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้
ตัวการ์ดทำงานที่ความเร็ว 133x หรือความเร็วสูงสุด 20MB/s หากใครต้องการความเร็วแต่งบไม่พออาจจะเลือกรุ่น 64GB ที่ความเร็วเท่ากันแต่ขนาดเหลือครึ่งเดียวที่ราคา 399.99 ดอลลาร์หรือ 12,000 บาท
แพงกว่าโน้ตบุ๊กทั้งเครื่องของผู้อ่านหลายๆ คน แต่สำหรับคนใช้งานจริงจังคงไม่มีปัญหา
ที่มา - DPReview
SD Card Association กล่าวว่า spec ใหม่ (SD 4.0) ของการ์ดประเภท SDHC และ SDXC จะมีความเร็วเพิ่มขึ้นถึงสามเท่าของความเร็วเดิม
รายละเอียดจะมีการกำหนดภายในไตรมาสแรกของปี 2011 โดยจะมีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลเกิน 300 MB ต่อวินาที เพื่อให้ได้ความเร็วที่เพิ่มขึ้นนี้ จะมีการใส่อีกแถวของแถบโลหะลงบนการ์ด (จากเดิมที่มีแถวเดียว) และข่าวดีคือการ์ดเหล่านี้ที่จะออกมาใหม่จะสามารถใช้กับอุปกรณ์เก่าได้ด้วย (backward compatible)
ที่มา: Engadget
ซัมซุงเปิดตัวหน่วยความจำสำหรับอุปกรณ์พกพา 2 ชนิด
อย่างแรกคือ microSD ที่ทุกท่านคุ้นเคย ตอนนี้ความจุขยับขึ้นมาที่ 32GB แล้ว ข้างในมันใช้หน่วยความจำ NAND flash ขนาด 32 Gigabit (Gb) ต่อกัน 8 ตัว ที่ทำได้เพราะเปลี่ยนขนาดการผลิตจากเดิม 40 nm มาเป็น 30 nm
อย่างที่สองคือหน่วยความจำแบบแฟลชสำหรับเอาไปทำหน่วยความจำภายใน (เช่น iPod) ซึ่งซัมซุงตั้งชื่อแบรนด์ว่า moviNAND ก็ใช้เทคโนโลยีรุ่นเดียวกัน แต่ต่อเป็น 16 ตัว ทำให้มีหน่วยความจำเป็น 64GB ทั้งสองตัวเริ่มผลิตแล้ว
ข่าวหน้า: ลือสะพัด iPhone รุ่นใหม่จุได้ 64GB
หลังจากที่ได้ผลักดันการ์ด Memory Stick ของตัวเองมาถึง 11 ปี บริษัท Sony ก็ได้เปิดตัวสายผลิตภัณฑ์ SD Card ของตัวเองในงาน CES 2010 โดยที่ SD Card ทั้งหมดยกเว้น MicroSD ขนาด 2GB จะเป็น Class 4 (ความเร็วเขียนขั้นต่ำ 4 MByte/s)
ทั้งนี้ทาง Sony กล่าวไว้ในประกาศว่าจะยังผลิตและจำหน่าย Memory Stick ต่อไป แต่เราก็คงต้องดูว่าผลิตภัณฑ์ต่างๆในอนาคตของ Sony โดยเฉพาะกล้องตระกูล CyberShot และ Alpha นั้นจะสนันสนุนการ์ดอะไรบ้าง
SD นั้นชนะเบ็ดเสร็จในแง่ของการครองตลาดการ์ดหน่วยความจำแบบแฟลชไปแล้ว แต่ครบรอบ 1 ปีมาตรฐาน SDXC ที่เพิ่งมีการ์ดออกมา ก็ได้เวลาของการเตรียมความพร้อมให้กับมาตรฐานรุ่นต่อไป ที่มีชื่อไม่เป็นทางการว่า SD 4.0
SD 4.0 ไม่ได้เน้นการเร่งความเร็วในมาตรฐานเดิมขึ้นเรื่อยๆ อีกต่อไป โดยมันจะเป็นครั้งแรกที่การ์ด SD จะไม่ได้ใช้ช่องต่อแบบ 9 เส้น แต่จะมีการเพิ่มสายสัญญาณเข้ามา อีกทั้งการส่งข้อมูลจะเป็นไปในรูปแบบ serial ความเร็วสูง แทนที่จะทำงานแบบ parallel เช่นเดิม ส่วนความเร็วนั้นจะอยู่ที่ 300MB/s ซึ่งเป็นขอบบนของมาตรฐาน SDXC พอดี
สองข่าวที่ไม่ค่อยจะเกี่ยวกันแต่มาใกล้ๆ กัน ผมเลยรวบมารายงานกันทีเดียว
ข่าวแรกคือการเปิดตัวการ์ด SDXC ใบแรกจากค่ายโตชิบา มีขนาดความจุ 64 กิกะไบต์ หลังจากทางพานาโซนิคได้เปิดมาตรฐานไปตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา
ตัวการ์ดมีความเร็วในการเขียนอยู่ที่ 35 MBps และความเร็วในการอ่าน 60 MBps เทียบกับการ์ด CF ที่ 333x นั้นมีความเร็วในการเขียน 40MBps และความเร็วในการอ่าน 50MBps
ราคาไม่แจ้ง แต่มีกล้องรองรับแล้วหรือ?
ที่มา - ZDNet
SDXC (SD eXtended Capacity) ที่จะใช้ exFAT ของ Microsoft สามารถสร้างการ์ดตามทฤษฎีให้มีขนาดได้ถึง 2TB ไม่ใช่ 2GB นะครับ และด้วยความจุนี้สามารถจุ 100 ภาพยนตร์ความละเอียดสูง 100 เรื่อง, ใช้บันทึกภาพยนตร์ความละเอียดสูงจากกล้องเป็นระยะเวลา 60 ชั่วโมง และถ่ายโอนข้อมูลด้วยความเร็ว300MBps แผนการวางขายความว่าน่าจะอยู่ในช่วงเดือนมีนาคม และแน่นอนว่าวันแรกที่วางขายย่อมมีขนาดน้อยกว่า 2TB
ที่มา - Engadget