การประมูลสิทธิบัตรของบริ๋ษัท Nortel จำนวนถึง 6,000 ใบสิ้นสุดลงแล้วเมื่อวานนี้ โดยจบลงด้วยราคา 4,500 ล้านดอลลาร์เป็นเงินสดทั้งหมด ผู้ชนะคือกลุ่มบริษัท ไมโครซอฟท์, แอปเปิล, RIM, EMC, Ericsson, และโซนี่
พูดง่ายๆ คือคู่แข่งกูเกิลหลักๆ เป็นผู้ชนะ โดยอาศัยการร่วมทุนร่วมกัน ทำให้บริษัท 6 บริษัทสามารถจ่ายเงินในหลักร้อยล้านดอลลาร์เพื่อให้ราคารวมสูงถึง 4,500 ล้าน ขณะที่กูเกิลเตรียมเงินไว้ประมาณ 900 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
สิทธิบัตรของ Nortel นั้นกว้างมาก ครอบคลุมตั้งแต่เทคโนโลยี 4G, เทคโนโลยีเสียง,แอพลิเคชั่นต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต, ตลอดจนเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ ผู้ได้ครอบครองสิทธิบัตรเหล่านี้เหมือนมีอาวุธหนักที่พร้อมจะยิงใครก็ได้ที่ทำงานกับโลกเทคโนโลยีไร้สายและอินเทอร์เน็ตทุกวันนี้
เตรียมรอข่าวฟ้องกันกระจุยหลังจากนี้ได้เลย
ที่มา - Market Watch
Comments
อ่านข่าวนี้คำแรกที่หลุดมาคือ 'shi* ซวยแล้ว'
"ประมูลสิทธิบัตรของบริ๋ษัท Nortel" ควรจะเป็น "บริษัท" หรือเปล่าครับ?
ทำไมมีแต่กูเกิลที่โดดเดี่ยว?
หลังๆ มาทำอะไรไปแข่งกับเจ้าตลาดตรงๆ การตลาดแบบเทกระจาดแจกฟรีของ google ทำให้เสียพันธมิตรที่แข็งแกร่งไปครับ นี่แหละ google แป๊กบ่อยนะเนี่ย
เพราะว่า พักหลัง Google ชอบทำอะไรไม่เห็นหัว พันธมิตร จะกินรวบ โดยเฉพาะ technology ทาง Internet หนักสุดน่าจะเรื่อง WebM สะเทือนวงกว้าง (ต่างกับ MS เขาถนอมพันธมิตร แม้แต่ Facebook เอง ยังเอียงมาทาง MS มากกว่า Google)
นึกว่า Facebook กับ M$ จะรวมไปกันแล้วซะอีก หึๆ
SPICYDOG's Blog
แต่ถ้า google ได้ไปมันจะโดนแจกฟรี แล้วเทคโนโลยี้จะโตขึ้นอีกเยอะ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ไม่จำเปนว่ากูเกิลได้ไปแล้วจะแจกฟรีครับ กูเกิลอาจไม่เอาไปหากำไรเอง แต่ก็ใช่ว่าจะเอาไปบอกใคร
และถึงกูเกิลจะไม่เคยไปไล่ฟ้องใครเรื่องสิทธิบัตร แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน
มันไม่แน่เสมอไปมั้งครับ อย่าง Android นี่เรียกว่า GG แจกฟรีโดยไม่ได้ผลประโยชน์เลย ?
Android ได้รายได้ทางอ้อมเยอะครับ
Android ได้รายได้ทางอ้อมเยอะครับ แต่น้อยกว่า ios wm7 ที่เอาทั้งทางตรงและทางอ้อม
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ถูก +1
มอง Google อย่างสวยหรูมากไปนิดนึงมั้งคับ
Facebook เอียงมาทาง Microsoft แน่อยู่แล้วครับ เพราะมีหุ้นอยู่ใน Facebook 1.6%
โซนี่ไปรวมหัวอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับกูเกิ้ลซะงั้น
ต้นทุนของ Android จะเพิ่มขึ้นอีกหรือป่าวนี่
กูเกิ้ลน่วมแน่ คดีสิทธิบัตรด๋อยก็ยังลูกผีลูกคน
อร่อย MS ต่อ (ปีนี้จ่ายเงินซื้อยังกับโดนปล้น..)
ซวยเต็มๆ ก็.. Android
Ericsson, และโซนี่ สองบริษัทนี้เค้ารวมกันไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ
ถ้าเข้าใจไม่ผิดเฉพาะในส่วนของ Mobile หน่ะครับ
แค่ร่วมพัฒนาโทรศัพท์มือถือครับ
ไม่รวมครับ Ericsson กับ Sony แค่เอาธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่มาร่วมกันตั้งเป็น Sony Ericsson ไม่ได้รวม และไม่มีใครซื้อใครครับ
This is Joint Venture
อ้าวไหง ไปรวมหัวกันแบบนั้น
แล้วแบบนี้ ทั้ง 6 บริษัท มีสิทธิร่วมกันในทุกสิทธิบัตรหรอครับ ?
เหมือนสงครามเลย!
สิ้นหวังแล้วววววววว
เอา 900 ล้านดอลล่าไปแยกซื้อสิทธิบัตรทีละตัวอาจจะถูกกว่านั่นแหละ
Google จะซวยไหมเนี่ย เห็นข่าวนี้ใจหายเหมือนกัน
I need healing.
แล้ว 6 บริษัท แบ่งกันยังไง ตั้งบริษัทกลางบริหาร หรือ?
น่าจะตั้งบริษัทกลางมั้งครับ
ใช้สิทธิบัตรร่วมกัน เหมือนกับการแลกเปลี่ยนสิทธิบัตรของไมโครซอฟท์/โนเวลล์ intel/nvidia
คิดว่า คงใช้ร่วมกัน เหมือนมีสิทธิเท่าๆกันทุกคน
(คิดว่าคงต้องลงเงินเท่าๆกัน ไม่ก็ต้องเอาสิทธิบัตรที่ตัวเองมี
มาวัดมูลค่าแล้วลงใน Pool สิทธิบัตรกลางเพื่อประโยชน์ของกลุ่ม)
ต่อไป google จะมาขอแชร์เข้ากลุ่มนี้ ก็เล่นง่ายๆเลยตั้งราคาเท่ากับเงินที่จ่ายไปซะ
ทีนี้ก็เสมอตัว เหมือนไม่จ่ายไรเลยแถมมีสิทธิบัตรในมืออีก O-o
ไหน ms บอกว่าไม่สน
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
อาจจะ "จำต้องเข้าร่วม" เพื่อที่จะไม่โดนฟ้องภายหลังถ้าเกิดดันคิดค้นอะไรที่ไปทับกับสิทธิบัตรกลุ่มนี้ น่ะสิครับ
ms บอกว่าซื้อสิทธิไปแล้ว สามารถใช้งานได้แม้มีการเปลี่ยนมือครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
อีกหน่อยต้องรวมตังกันไปให้ Google จ่ายค่าสิทธิบัตร -_-"
SPICYDOG's Blog
หลายเป็น google ผู้โดดเดี่ยวไปแล้ว
ต่อไปการฟ้องก็คงอุรุงตุงนัง ละใช้กำลังภายในกันมากขึ้น.. เช่น กลุ่ม A (มีบ. M,N,O,P) ไปฟ้องบ. Q ปรากฏว่าบ. Q เลยไปฟ้อง บ. M, บ. M เลยอยากให้ กลุ่ม A ถอนฟ้อง แต่เพื่อนๆ ไม่ยอม M ก็เลยไปฟ้อง N หวังจะได้แนวร่วม แต่ไปๆ มาๆ N ก็ไปฟ้อง R เพื่อบีบให้มาฟ้อง P เพื่อให้ P ไปฟ้อง M ให้ M ถอนฟ้อง N .. เฮ๊ย งง ฮ่าๆๆๆ
iPAtS
งง
คิดนานไหมเนี๊ย
[Blog ZeroEngine] [@ZeroEngines]
แล้วสุดท้าย GG ก้จะชนะ อิอิ
ฮาาา
ตีความได้ประมาณนี้ละมั้ง ฮ่าๆ {M,N,O,P} ฟ้อง {Q} Q ไปไล่ฟ้อง M M จึงฟ้อง N N เลยฟ้อง R << (แล้ว R มันมาจากไหน) R แค้นจึงไปฟ้อง P << (R มันไม่ได้อยู่ในกลุ่ม A นิ) P เลยโต้กลับฟ้อง M << (P เป็นสมาชิกในกลุ่ม A แล้วทำไมไปไล่ฟ้องพวกตัวเองได้ไง)
สรุปผล : กลุ่ม A พ่ายแพ้ เพราะตีกันเอง 555+
ยังงงเหมือนเดิม เหมือนอ่านข่าวกอสซิบดาราแล้วใช้ชื่อย่อเลย อ่านจนจบยังไม่รู้ว่าเป็นใคร
มีนักโปรแกรมคนหนึ่ง ทำโปรแกรมหนึ่งมาขาย พอเวลาผ่านไปเกิดความนิยมมากขึ้น กลุ่มที่ครอบครองสิทธิบัตรจำนวนมากจึงออกมาหาว่าโปรแกรมนี้เข้าข่ายในใบใหน ผลสุดท้ายนักโปรแกรมต้องจ่ายค่าละเมิดสิทธิบัตร และโปรแกรมต้องปิดลง เวลาผ่านไป กลุ่มที่ครอบครองสิทธิบัตร ก็เอามาทำไหม่อีกครั้ง
ทั้งๆ นักโปรแกรมคนนี้ไม่เคยดูสิทธิบัตรต่างๆมาก่อน และไม่ได้ตั้งใจ เพราะ ความครอบคลุมของสิทธิบัตรที่กว้างมาก แล้วการแก้ใขคือ อ่านสิทธิบัตรทั้งหมดที่เกี่ยวกับโปรแกรมทั้งหมดหรือ และไปซื้อ หรือหลีกเลี่ยง หรือไม่
ถ้าอากู๋ใด้ไปก็คงแจกต่ามสโลแกนทำให้เกิดการพัฒนา แต่ถ้าไม่นักพัฒนาจะทำอะไรคงต้องคิดหนักกลัวจะโดนนู้นโดนนี้ถ้าใครจะเกิดก็ฟ้องให้จ่าย
ไปรู้ได้ไงว่าความครอบคลุมของสิทธิบัตรกว้าง เคยนั้งอ่านเหรอ
6000 ใบ แคบเหลอ
ทางแก้อีกทางคือ พัฒนาโปรแกรมนอกประเทศสหรัฐอเมริกาครับ
ไปจีนเลย ใครจะทำไหม ลอกอย่างเดียว 555
อากู๋ได้ไป ก็จะทำออกมาฟรีพร้อมหารายได้ทางอ้อม...สรุป โปรแกรมเมอร์คนนั้นคงตายเหมือนเดิม
อ่านแล้วรู้สึกได้ว่า ทุเรศจริง
ขอโทษที่ใช้คำหยาบ แต่รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ
ถ้า Google ชนะ = ดูสวยงาม ?
ยังไงล่ะ?
May the Force Close be with you. || @nuttyi
MPEG LA gg ยังเข้าร่วมเลย
ไม่แน่อีกหน่อย ก็ไปร่วมวงกับเขา
รู้สึกว่า Google จะไม่ได้เข้าร่วม MPEG LA นะครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/MPEG_LA
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
Google จะโดน MPEG LA ฟ้องเรื่อง WebM อยู่นะนั่น จำสลับรึเปล่าครับ
สิทธิบัตร War
ถ้าไปดูในเนื้อข่าวจากหลายๆที่ Intel ก็ไปยื่นประมูล Google และ Apple ก็ไปเดี่ยวๆ นอกนั้น 2 กลุ่มพันธมิตร กลุ่มแรกมี Microsoft Sony RIM พวกนี้ ส่วนกลุ่มหลังจะมี Huawei เป็นกลุ่มที่อยากได้สิทธิบัตรเทคโนโลยีไปต่อยอด หลังจากวันแรก สู้กันดุเดือด Apple ก็ตัดสินใจว่าสู้เดี่ยวๆก็คงไม่มีทางชนะ เลยเข้าร่วมกับ Microsoft Sony RIM พวกนี้รวมเป็น 6 บริษัท จึงทำให้ไม่ต้องลงเงินมาก ส่วนกูเกิ้ลไม่ร่วมกับใคร ประมูลเดี่ยวๆจนไม่ไหว เลยแพ้ไป
Intel เลิกไปก่อน ส่วนกลุ่ม Huawei ก็สู้แล้วถอยเหมือนกัน
Apple เงิน4500ล้านดอลล่านี่น่าจะขนหน้าแข้งไม่ร่วงนะครับ