จากรายงานก่อนหน้านี้ ที่กูเกิลได้ฟ้องแอปเปิลผ่านโมโตโรล่า และขอให้ ITC พิจารณาแบนสินค้าของแอปเปิลหลายชนิดด้วยกัน ล่าสุด TechCrunch ทราบแล้วว่ากูเกิลได้ฟ้องแอปเปิลฐานละเมิดสิทธิบัตรหลายใบของโมโตโรล่า ซึ่งเป็นบริษัทลูกของกูเกิลแล้ว
สิทธิบัตรต่าง ๆ ที่กูเกิลกล่าวหาว่าแอปเปิลละเมิด ได้แก่ การแจ้งเตือนตามตำแหน่งสถานที่ (location reminder), การแจ้งเตือนอีเมล (e-mail notification), การเล่นคลิปวีดีโอและ Siri โดยสินค้าของแอปเปิลเกือบทุกชนิดรวมถึงคอมพิวเตอร์ ละเมิดสิทธิบัตรที่กล่าวมานี้ ยกเว้น iPod classic และ iPod nano
เมื่อตอนที่กูเกิลเข้าซื้อโมโตโรล่า กูเกิลยังได้ของแถมเป็นสิทธิบัตรกว่า 17,000 ใบติดกับโมโตโรล่ามาด้วย และหลายคนเชื่อว่านี่เป็นสาเหตุหลักที่กูเกิลได้เข้าซื้อโมโตโรล่า กูเกิลเองในฐานะที่เป็นบริษัทน้องใหม่ไม่ได้มีสิทธิบัตรไว้ในครอบครองมากเท่ากับผู้เล่นรายอื่น ๆ ในตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผลิต Android OS ออกมา แต่ตอนนี้กูเกิลมีเครื่องมือใหม่มาให้เล่นในสนามที่มีการแข่งขันสูงนี้แล้ว
ที่มา - TechCrunch
Comments
ช่วงนี้ google ฟ้องบ่อยขึ้นนะ>__>
Google : สงครามนี้ผมไม่ได้เริ่ม แต่ผมจะจบมันเอง :p
พระเอก
สงครามนี้ผมไม่ได้เริ่ม แต่ผมจะใส่ไฟมันเอง :p
Google : สงครามนี้ผมไม่ได้เริ่ม แต่ผมจะเพิ่มไฟไปเรื่อยๆ!!!
เอาให้หนัก จนอีกฝ่ายเลิกฟ้องน้องดอย ค่อยมาแข่งกันที่คุณภาพสินค้ากัน
ตอนแอปเปิ้ลฟ้องกับซัมซุง กูเกิ้ลไม่อยากเข้ามายุ่งด้วย
แต่แอปเปิ้ลดันมาสั่งแบน nexus กูเกิ้ลก็เลยสวนกลับทันที
pearl harbor โดนถล่ม เอานิวเคลียร์ระเบิดกลางประเทศเลย !!
Revenge of the Google
Return of the Google
Refinance of the google.
Reboot of the Google :P
~ HudchewMan's Station & @HudchewMan~
The google rises
The Evil Rises
Re-Arm of the Google
Google reloaded
.
คนจุดประกายแรกๆก็ Nokia ฟ้องใส่ Apple แต่หลังๆนี่คนฟ้อง/ถูกฟ้องเยอะสุดนี่ก็ Apple นะ
นี่มันสงครามชัดๆ
ขอให้ Google จัดหนัก!
ปล. ผมสาวก Google :P
+65536 ผมไม่ใช่สาวก Google แต่เอาให้หนักๆเลยลูกพี่ 5555555555+
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
จัดไปให้หนัก =A=
เย้ๆ จัดหนักเลยลูกเพ่
มันส์ละ อิอิ
รู้แระ ว่า Apple เก็บเงินสดเยอะๆ ไว้ทำไม
+1
เพราะ Tim Cook บอกว่า "เรามีเงินเยอะเกินไป" (จากข่าว goo.gl/kUesa)
Google เลยเอาเงินนั้นมาหมุนให้
นึกว่ามี notification ด้วย :P
notification ยื้นจดแล้ว แต่ยังไม่ใด้สิทธบัตรครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
งั้นอันนี้อาจจะเป็นชุด 2 ถ้ายังตกลงกับ apple ไม่ได้นะ
แค้นฝังหุ่นแอนดรอย กูเกิ้ลคงทนไม่ไหวแล้ว ญาติๆ แอนดรอยหลายๆ รุ่น หลายๆ ยี่ห้อโดนแอปเปิ้ลกระหน่ำเยอะจัด ตัวพ่อใหญ่สุด พูดง่ายๆ คือเจ้าของแอนดรอยเลยต้องออกมาป้องลูกบ้านบ้าง นี้คงเปนสาเหตุหลักๆ ที่กูเกิ้ลต้องซื้อโมโตโรล่า เพราะรายนี้เค้าก็ขาบิ๊กระดับโลกมาก่อนเพื่อนเหมือนกัน แหล่มๆๆๆๆ มากๆ เลย กูเกิ้ล สู้ๆๆๆๆๆ เพื่อแอนดรอยเพื่อทุกคนนะครับ
กูเกิ้ลน่าจะจัดหนักไปเลยนะ แบนคำว่า iphone,ipad,ipod ออกจากระบบเสิร์ชเอนจิ้นให้หมดเลย เอาแบบขุดรากถอนโคนกันเลยทีเดียว
ทำแบบนั้นไม่ผิดกฎหม่ยหรอครับ
เข้าข่ายกีดกันทางการ search ครับ >.<
Google : คุณละเมิดสิทธิบัตรของ Motorola
Siri : เรื่องของคุณสิ เพราะตอนนี้เราไม่ได้ใช้คุณแล้ว Google
Google : ...
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ฮา
ขอให้จบโดยเร็วจะได้เลิกฟ้องกันซะที
Google ก็คงหวัง cross-licensing แหละนะ
เพราะ Google ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการทำลาย ios
เพราะ ios เองก็เป็นช่องทางนึงในการหาเงินของ google :P
ที่นี่ก็ขึ้นอยู่กับแอปปเปิ้ลล่ะว่าอยากจะให้จบยังไง.....
ได้ประโยชน์จากการทำลาย iOS ซิครับ เพราะได้เงินจาก Android เพิ่มขี้น และมากกว่าที่ได้ผ่าน iOS อีก ;D
จริงๆ เท่าที่ติดตามดู google มาเนี่ย โมเดลการทำธุรกิจของเขาคงไม่ได้หวังการได้เงินโดยตรงจาก android นะครับ
จริงๆ ตัวทำรายได้หลักซึ่งสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้ google ก็เป็นโฆษณา adwords นี่เอง ซึ่งพบได้ตามบริการต่างๆ ของ google และเว็บทั่วโลกที่ลงโฆษณาด้วย ทีนี้การจะสร้างตลาดโฆษณาให้โตและรายได้มากกว่าเดิมอีก ก็ต้องเพิ่มฐานผู้ใช้อินเทอร์เน็ต (ที่มีโอกาสจะใช้บรอการ google และเข้าเว็บที่มีโฆษณา adwords) ซึ่งมันก็ยังโตได้อีกมาก และมือถือก็คือตัวแปรสำคัญที่จะเพิ่มฐานผู้ใช้อินเทอร์เน็ตให้สูงขึ้นอีกมาก
Google เองก็สนับสนุน iOS มาตั้งแต่แรก เพราะประเด็นสำคัญของ google อยู่ที่ยิ่งมีคนใช้ smartphone มากขึ้นยิ่งดีกับ google มากเท่านั้น แต่อย่างที่รู้กันว่า iOS/iPhone เป็นระบบปิด และการมีรุ่นเดียวราคาเดียว (ในเมกาสมัยนั้นก็ได้เครือข่ายเดียว) ทำให้คนทั่วไปเข้าถึงได้ยาก ..ซึ่งอย่างที่รู้กันว่า google ก็มีโปรเจกท์ android มาแต่แรกอยู่แล้ว และตั้งใจแจกฟรี-เปิดซอร์สเพื่อ "ทำให้ตลาด smartphone โตเร็วที่สุดและมากที่สุด" และการที่มี OS มือถือมาดูแลเองในมือก็ทำให้ google สามารถคุมทิศทางและสร้างประสบการณ์ใช้อินเทอร์เน็ต, บริการ google บนมือถือได้ตามต้องการ ที่จะเอื้อให้คนใช้เน็ตบนมือถือมากที่สุด (เหมือนที่ทำกับ chrome นั่นแหละ ไม่ได้หวังเงินจากมัน แต่ต้องการให้คนเข้าถึงเว็บให้มากที่สุด)
โมเดลของ google ก็เป็นแบบนี้แหละครับ และนั่นแปลว่า google ก็ยังคงสนับสนุน iOS ต่อไปตราบใดที่ iOS ยังสร้่างฐานผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือให้เข้าถึงบริการและโฆษณาของ google ได้ และก็ทำ android ให้เข้าถึงตลาดมากที่สุดด้วย โดยไม่ได้คาดหวังรายได้จากมันโดยตรง และค่าธรรมเนียมบริการ google service ที่เก็บจากผู้ผลิต ก็เล็กน้อยมากด้วยครับ
จะเห็นว่า google ไปได้ทั่วเลย ไม่ว่าใครจะทำมือถืออะไร ระบบอะไร google ก็ได้ประโยชนทั้งนั้น แต่ apple ไม่ได้เป็นแบบนั้นนะสิ เพราะพี่แกได้กำไรจากการขายเครื่องเป็นหลัก ..Google บน iOS มันก็ win-win อยู่หรอก แต่การทำ android มาแข่งกับตัวเองนี่มันชักจะตันแขนตัดขาทาง apple ชัดๆ มหากาพย์จึงเกิดขึ้น
ถ้าคิดว่า Google ได้ประโยชน์จากการทำลาย ios/osx เช่นไม่ต้องหห่วงเรื่อง apple จะย้ายไป search กับเจ้าอื่นทำ i ad ขึ้นมาแข่ง หรือ จะทำ map ของตัวเองหละ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
เงินสด Apple มีมาก มากขนาดเยอะกว่ารัฐบาลกลางประเทศตัวเอง สิ่้งที่น่ากลัวที่สุดคือ Apple ซื้อ Google ซึ่งจะพ่วงโมโตมาด้วย
ซื้อเสร็จทำการ Merge Android + IOS
อีกค่ายที่กำลังฟ้องๆ มีหนาวแน่นอน
ปัญหาคือ Google จะยอมขายหรอครับ? แล้วถ้าขายแล้วใครจะแข่งกันล่ะเนี่ย?
ปัญหาคือซื้อไม่ใด้ต่างหาก ... ติดกตหมายป้องกันการผูกขาด
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ยืนเสียงตามนี้ครับ ซื้อกันไม่ได้เพราะโดนป้องกันการผูกขาด
กลัวว่า Apple จะซื้อ เจ้าอื่นที่ไม่ใช่ Google น่ะสิครับ เช่น RIM
ผมว่าตอนนี้ Apple คงงี๊ดน่าดูและต้องรีบหาซื้อสิทธิบัตรมาต่อกรให้ได้ไวและมากที่สุด
ถ้าซื้อกูเกิลแอปเปิลคงหมดตัวเลยหล่ะมั้ง
เงินเยอะกว่ารัฐบาลตัวเองแปลกตรงไหน มีตั้งหลายบริษัท :p
ผมแน่ใจว่า ซื้อไม่ได้ + ไม่มีเงินซื้อ 555
เงินสดรัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีทั้งหมด 2.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯครับ มากกว่าเงินสดแอปเปิลหลายสิบเท่า (FED)
lewcpe.com, @wasonliw
ถึงมีไม่ถึงที่คุณลิ่วว่าก็ปั้มเองได้ครับ #ห๊ะ
{$user} was not an Imposter
555+
+1 ประเทศนี้อยากปั้มเงินก็ปั้มได้เลยครับ โกงสุดละ
ไหนว่า Google จะไม่ทำแบบ Apple ไง พอซื้อโมโตเสร็จ ก็ใช้เป็นเครื่องมือซะแล้ว
แบบนี้ คำว่า "Don't be evil" Goolge คงพูดไปงั้นๆละมั้งตอนนั้น
ท่านคงผิดหวังมากสิน่ะครับ บริษัทอันเป็นที่รัก เปลี่ยนไปแล้ว
ใช่เลย อุตส่าห์รักษาภาพดีๆไว้ซะนาน ไม่น่าเลย Google เป็นกับเค้าไปซะแล้ว
เวลามีคุณต่อยหน้าคุณ คุณคงไม่บอกเขาไปว่า ได้โปรดฆ่าผมเลยดีกว่าครับ หรอกนะ
บางครั้งการตอบโต้แบบที่เราได้รับ ก็ไม่ใช่วิธีที่ถูกเสมอไปนะครับ มีอีกหลายวิธีที่เราสามารถทำได้โดยที่ไม่ทำให้เราเป็นแบบเค้า ^^
เอาเป็นว่าเผื่อคุณไม่รู้ ผมจะบอกกลยุทธ์ของ google ให้คุณรู้ก่อน
google ใช้วิธีที่เห็นกันทั่วไปในการรับมือก็คือ ฟ้องด้วยข้อหาที่หวังผลรุนแรงมาก และหวังว่า apple จะยอมเจรจาสงบศึก และจบสงครามสิทธิบัตรแบบโง่ๆนี่ซะที
แล้วถ้าคุณเป็น google คุณจะทำอย่างไรครับ ถ้าไม่ใช้วิธีแบบที่ว่ามานี่ ลองเสนอซิ
+1
ย้อนเวลาไป kill eric ซะ แล้วให้ android ไปแข่งกับ BB ก่อน 555+
โดนไปหลายดอกขนาดนี้ เป็นพ่อพระไม่ไหวหรอกครับ
I need healing.
แล้วคุณจะให้ทำไงละครับ
นั่งรอเฉย ๆ ให้ apple ฟ้้องใครต่อใครเรื่อย ๆ เหรอครับ
วิธีนี้ของ google ไม่ได้ต้องการให้ apple หยุดขาย ios เพราะมันก็เท่ากับทำให้รายได้ของ google กระทบไปด้วย
แต่การที่ google ทำตอนนี้ เพื่อทำให้มีอำนาจต่อรองกับ apple ในการทำ cross license เพื่อให้ apple หยุดฟ้้องจนกระทบกันไปทั่ว
คุณลองดู ว่่าวิธี่ที่ microsoft ทำ ด้้วยการเก็บค่าสิทธิ์การใช้งานจากผู้ผลิต android ทำไมถึงไม่ถูกโจมตี มากเท่าที่ apple ทำละครับ
เพราะการทำของ ms ไม่ได้ต้องการให้คู่แข่งต้องเสียหาย ล้มหายตายจากไป แต่สิ่งที่ ms เรียก คือการเรียกร้องสิทธิ์ที่พึงได้
คุณคงเห็น ว่าหลาย ๆ เจ้า ที่โดน ms เรียกเก็บ ก็ยินยอมจ่ายกัน
บางครั้ง เวลามองการกระทำ อาจจะต้องมองลึกกว่าชั้นเดียวครับ
อีกอย่่าง การที่ไม่ evil ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องนั่งงอมืองอเท้า รอให้ถูกกระทำข้างเดียวนะครับ
ก็ไม่ทำ ครับ แต่เป็นการป้องกันตัวเอง ให้เรื่องแบบนี้มันจบไปซะ มันเป็นอะไรที่น่าเบื่อจะตายเที่ยวไล่ฟ้องคนอื่นไปทั่ว ^^
ก็เพราะคู่แข่งเขาเยอะไงครับ เขาเลยฟ้องไปทั่ว ถ้าเขามีคู่แข่งแค่หนึ่งเดียว เขาก็ไม่ฟ้องไปทั่วหรอกครับ เรียกว่าป้องกันตัวจากทุกทิศทางดีกว่ามั้ย xD
เหอๆๆๆๆ อ่านะ สาวก ก็แบบแหละ มีความคิด หนึ่งแบบ ผมเข้าใจ
อืม ถ้าเค้าตบแก้มขวา เราก็ควรหันแก้มซ้ายให้เค้าด้วย ซินะ ;)
เห็นด้วยกับคุณ Soginal จะเห็นได้ว่า กรณีกับ Microsoft ทางGoogle ขอเจรจาสงบศึก แลก patents ด้วยซ้ำ แต่ก็เห็นมีที่หลายคนเชียร์ MS หาว่า google กลัว โดยลืมนึกถึง motorola ที่กูเกิ้ลซื้อมาเพื่อการนี้ ผมมองว่า เค้าอยากจะยุติสงครามบ้าๆนี่ตะหาก
อาวุทในมือ GG กับ MS นี้ผมว่าเทียบกันไม่ติดเลยนะครับ
ถือเป็นโชคดีของวงการไอที ที่ขาใหญ่ไม่ได้มีนิสัยอยากกระทืบคนอื่นให้ตายคาตีน
ในแง่ไหนล่ะครับ ถ้าทำ os คงไม่ติด แต่ทำมือถือ ถามว่า มือถือเจ้าแรกของโลกคือยี่ห้ออะไรครับ
จริงๆ ฟ้องกันอยู่แล้วก็สูสีกันน่าดูเลย
แถม Motorola ไม่ได้ฟ้องเรื่องมือถือด้วยนะ เพราะ Microsoft ไม่ได้ผลิตเอง ถ้าคิดจะฟ้อง Windows Phone จริงๆ คงต้องไปฉะกับ Nokia ละมั้งครับ
Achievement Unlocked: Being a Blognone's Writer
ป้จจุบันมือถือคงไม่มี OS มั้ง
Motorola ครับ ผู้ผลิตมือถือเจ้าแรกของโลก ^^
ไม่ใช่ Apple แน่ๆ ครับ
ฟ้องเลยครับ google จัดหนักๆ แหม อะไรนิด อะไรหน่อยก็ฟ้อง โดนซะมั่ง
ปล. ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่รู้สึกว่า หลังจากหมดยุคจ๊อบ apple จะแข่งขันโดยการสั่งห้ามคู่แข่งขายของ โดยอ้างสิทธิบัตรตลอด
ใช้ Notebook --> Windows
โทรศัพท์ --> Android
ตอนนี้กำลังมองๆ แท็บเล็ต iOs
เกิดจากไปแบน nexus ก่อนซินะ
หรือเพราะแอปเปิ้ลไม่ต่อสัญญาapi youtubeกับapi google mapหว่า รายได้เห็นๆเลยนะนั้นเพราะเวลานับค่าlincenseนับเป็นเครื่อง!!
จำได้แว่วๆ ว่ามีบริษัท ก. เคยบอกว่า "เราครองสิทธิบัตรเพื่อป้องกันตัวเอง" เห็นยังพูดแนวๆ ว่าการฟ้องสิทธิบัตรไปมาทำให้นวัตกรรมไม่เติบโตอะไรประมาณนี้
กลืนน้ำลายสินะ
อาจจะได้แนวคิดว่า การบุกคือการป้องกันที่ดีที่สุดก็ได้นะครับ เอื๊อก
ก็ Google โดน apple ฟ้องก่อน และนี่แหละวิธีป้องกันตัวเอง
ไม่ได้กลืนน้ำลาย
Google ทำตามที่พูดไปเป๊ะๆเลย
คุณคิดว่าวิธีการป้องกันตัวเองก็คืออะไร ถือสิทธิบัตรไว้เฉยๆ
ให้ Apple ฟ้องไปเรื่อยๆ แล้วอยู่เฉยๆ เพื่อเป็นคนดี อย่างนั้นหรือ?
อย่างนั้นเขาเรียก "ถือสิทธิบัตรไว้ปลอบใจตัวเอง" ล่ะ ไม่ได้ถือไว้ "ป้องกันตัวเอง" ไม่น่าจะเข้าใจยากนะเนี่ย
ถ้าผมมีมีดไว้ป้องกันตัว ... ผมจำเป็นต้องออกไปไล่ฟันคนนั้นคนนี้เหรอครับ
แบบนี้ไม่เรียกป้องกันตัวครับ แบบนี้เรียกว่าเปิดเกมรุก
ขอเท้าความให้ฟัง ... ในตอนแรกกูเกิลถือสิทธิบัตรไว้เยอะๆ เพื่อเป็นเจ้าของสิทธิบัตรให้มากที่สุด เพราะถ้าสิทธิบัตรเหล่านี้ตกไปอยู่ในมืออีกฝ่ายกูเกิลจะเป็นฝ่ายแย่เพราะไม่มีไพ่ในมือเลยครับ
ผมตั้งคำถามกลับ ... แบบนี้เราเรียกว่าแอปเปิลป้องกันตัวรึเปล่า? ถ้าแอปเปิลมีสิทธิบัตรในมือเอาไว้เฉยๆ เพื่อเป็นคนดี อย่างนั้นหรือ ทำไมถ้าแอปเปิลเล่นสงครามสิทธิบัตรคนถึงรังเกียจ แต่พอกูเกิลทำกลับเรียกวาป้องกันตัวครับ?
ไอ้ที่คุณพิมพ์ๆ มาลองใช้ตรรกะเดียวกันเปลี่ยนจากกูเกิลเป็นแอปเปิลครับ ... ที่นั่งเดียวกันเลย
ปล.ผมพิมพ์ก่อนเลยว่าผมไม่ใช่สาวกแอปเปิล ... กันไว้ว่าบางคนเถียงกับผมเพราะเห็นผมไม่เข้าข้างกูเกิล
ผมว่ามันเป็น counter attack จากเรื่อง galaxy nexus น่ะครับ พึ่งโดนไปหมาดๆเลยไม่ถึงเดือน การถือสิทธิบัตรไว้เฉยๆมันไม่ช่วยให้ชนะคดีน่ะครับ วิธีที่นึงที่ได้ผลคือฟ้องกลับแล้วก็หาโอกาสตกลง cross-license
ผมชอบเหตุผลที่ให้มาครับ การบีบให้แอปเปิลต้องยอมตกลงเรื่องสิทธิบัตรฟังดูแล้วเป็นการป้องกันตัวโดยสมแก่เหตุ (ในมุมมองผม)
จะป้องกันยังไงครับ ในเมื่อ G มีสิทธิบัตรเรื่องนึง แต่ A ดันฟ้องอีกเรื่องนึง ประมาณว่า A ยกปืนพกจ่อหน้าผาก จะให้ G ยกการ์ดรับรึไง จะกันกระสุนได้หรอ ทางที่ดีก็โยกหลบแล้วฮุกกลับน่าจะดีกว่า
การที่ G บอกว่าซื้อมาป้องกันตัว คือป้องกันคนอื่นมาฟ้องไงครับ (อย่าฟ้องมานะ ไม่งั้นเจอฟ้องกลับ) แต่ A ไม่สนจะโจมตีอย่างเดียว การ์ดกับดักที่ G หมอบไว้ก็เลยทำงาน ;D
ทั้วไป
ถามหน่อย
กรณีแบบนี้ถามว่าใครชั้ว ก็ต้องบอกว่าคนที่เริ่มก่อน
เวลาตำรวจสรุป คนเริ่มยังไงก็โดนหนักที่สุดข้อหาทำร้ายร่างกาย คนหลังถ้าทำแล้วบาดแผลร้ายแรงเท่าๆกันหรือมีเหตุให้เชื่อใด้ว่าต้องทำเช่นนั้น (เช่นโขมยเข้ามาในบ้านมีปืน ยิงไม่เก่ง กะยิงขาแต่เข้าหัว) เรียก"ป้องกันตัว" ถ้าทำแล้วคนเริ่มบาดเจ็บหนักกว่ามาก (เช่นเดินใหล่ชนกันแล้วกระทืบจนตาย) เรียกทำเกินกว่าเหตุ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
กรณียืนแลกกันคนละที เป็นผม ... ผมหน้าบางครับ ไม่กล้าเข้าข้างตัวเอง ใช้คำว่าป้องกันตัว
ยืนแลกกันคนละทีเรียกว่าสู้กันครับ
ถ้าสู้กันก็เรียกว่าสู้กัน ปล่อยหมัดสวนอะไรก็ว่าไป
อย่าทำให้ฝ่ายที่ตัวเองเชียร์ดูดีด้วยคำพูดครับ ผมว่ามันดูสาวกเกินไป
ป้องกันตัวในความรู้สึกของผมคือ มีไว้กันคนรังแกครับ คือถ้าบอกว่าป้องกันตัวแบบนี้เพื่อบีบให้แอปเปิลตกลง ผมโอเคนะ
แต่ถ้าบอกว่า มีเอาไว้แลกกันคนละหมัด ... ผมว่ามันไม่ใช่ (มันไม่เห็นหนทางเดินต่อไป)
ปล. พิมพ์บนแท็บเล็ตครับ ถ้าผิดเยอะให้อภัยด้วย (แอคทิเวตการ์ดบอท)
ผมว่า apple เล่นอยู่ฝ่ายเดียวมานานพอที่จะบอกว่า Google ป้องกันตัว (ไม่ไช่ทะเลาะวิวาทที่ผิดเท่ากัน) นะครับ
แต่จะคิดแบบแลกกันคนละหมัดก็ใด้ แต่ก็ไม่ใด้ทำให้ apple ดีเท่า Google อยู่ดี เพราะ apple เริ่มก่อน
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
การถือสิทธิบัตรไม่ใช่เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทอื่นถือสิทธิบัตรได้อีกครับ การที่มีคนประดิษฐ์ไปแล้ว จะไม่สามารถจดสิทธิบัตรได้อีก เพราะติดหลักการ prior arts ที่ไม่สามารถจดสิทธิบัตรได้ อันนี้คุณเข้าใจระบบสิทธิบัตรผิดไปตั้งแต่พื้นฐานเอง
ปัญหาของระบบสิทธิบัตรในสหรัฐฯ มีปัญหาในทางปฎิบัติจำนวนมาก เพราะเอาเข้าจริงการจดสิทธิบัตรสามารถจดสิทธิบัตรในหัวข้อที่แคบมากๆ เราไม่เห็นสิทธิบัตร multi-touch ทั้งที่มีการคิดค้นมานานแล้ว แต่มีสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับ multi-touch มากมาย แต่ละอันอ้างว่าตัวเองประดิษฐ์ในหัวข้อแคบๆ
กระบวนการในการจดแม้จะนาน แต่กระบวนการตรวจสอบและการถอนสิทธิบัตรนั้นนานกว่า หลายบริษัทจึงจดไว้ก่อน หลายคดีที่มีข่าวในเว็บนี้กว่าจะฟ้องถอนสิทธิบัตรกันได้ใช้เวลาหลายปี
เอาเข้าจริงแล้วเราจึงเห็นสิทธิบัตรคล้ายๆ กัน งงๆ เต็มไปหมด
lewcpe.com, @wasonliw
คุณ PaPaSEK จริงๆแล้ว แค่คุณกลับไปอ่านที่ผมเขียนและคิดตามสักนิดก็จะเข้าใจได้ไม่ยาก
ยกตัวอย่างง่ายๆแล้วกัน ที่คุณพูดว่า
"ถ้าผมมีมีดไว้ป้องกันตัว ... ผมจำเป็นต้องออกไปไล่ฟันคนนั้นคนนี้เหรอครับ"
ใช่ครับคุณไม่ควรเอามีดไปฟันคนอื่น เพราะมีดของคุณมีไว้ป้องกันตัวเองเท่านั้น
แต่ในเมื่อ"มีคนเอามีดมาฟันคุณก่อน" คุณก็ต้อง"แทงกลับเพื่อป้องกันตัว"
เพราะทั้งหมดนี้คือ "เหตุผลที่คุณพกมีดไว้ป้องกันตัว" คุณไม่ฟันใครก่อน เพียงแต่เอาไว้ป้องกันตัวเท่านั้น ไม่งงใช่มั้ยเนี่ย
แล้วที่คุณบอกว่าให้ผม "ลองใช้ตรรกะเดียวกันเปลี่ยนจากกูเกิลเป็นแอปเปิลครับ ... ที่นั่งเดียวกันเลย"
มันไม่ใช่ที่นั่งเดียวกันครับ พยายามมองให้ออกด้วยครับ
เคยอ่านข่าวไหม เรื่อง
"น้องเมีย เลือดร้อนเมาเหล้าคว้าปืนลูกซองสั้นยิงพี่เขย ก่อนถูกแทงสวนด้วยมีดปาดตาลดับ" หรือยังเอ่ย
ถ้ายังลองไปอ่านดูครับ http://www.suthichaiyoon.com/detail/33056
เวลาเกิดคดีความขึ้น มีคนแทงกันตาย คนเริ่มก่อนก่อนมีความผิดมากกว่าครับ คนแทงสวน
ตำรวจเขาเรียกป้องกันตัว ต่อให้แทงเขาตายแต่ถ้าพิสูจน์ได้ว่า แทงเพื่อป้องกันตัวก็ไม่มีความผิดนะครับ
ส่วนในกรณี Google นี่ป้องกันตัวแน่นอนครับ เหมือนที่น้องเมียคุณเอาลูกซองมายิงคุณก่อน ใจคอคุณไม่คิดจะป้องกันตัวบ้างหรอครับ?
ตอนแรกเรามีมีดไว้ป้องกันตัวเฉยๆ แต่เมื่อโดนฟันก่อน ก็ต้องหยิบออกมาใช้เพื่อรักษาชีวิตเอาไว้
ตรรกะคุณคิดว่าคนที่ถือมีดไว้ป้องกันตัว "ห้ามชักมีดออกมาฟันใคร แม้ตัวเองโดนฟันเหวอะหวะ" ผมว่ามันแปลกๆนะครับ
อ่านแล้วช่วยคิดตามด้วยนิดนึงนะครับ แล้วก็รับฟังเหตุผลคนอื่นด้วย
มาบอกว่าผมเป็นคนไม่มีเหตุผล ทั้งๆ แต่เราก็คุยกันด้วยเหตุผลทั้งคู่
ไม่ใช่พอใครคิดต่างก็บอกว่าเขาไม่มีเหตุผล แต่คนที่คิดเหมือนตัวเอง แล้วเอ่ยปากบอก "ผมชอบครับ" นี่แหละคนมีเหตุผล
บีบให้จำนน หรือขยี้ให้ตาย ก็เป็นการป้องกันตัวเองอย่างหนึ่งนะครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ตอนนั้นกัดฟันพูดมั๊งครับ
ปล่าวกัดฟันครับ ... แต่ตอนนี้อาวุธพร้อมมือ ...
บางคนถือมีดแล้วก็อยากลองใช้ครับ
ถ้าไปถามตำรวจไทยว่าปืนที่เอวอ่ะเหน็บไว้ทำไร ร้อยทั้งร้อยบอกว่าป้องกันตัวอ่ะครับ
ฮ่า
ขนาดคุณ PaPaSEK ยังโดนสวน
กระแสที่นี่เขาแรงจริงๆ
That is the way things are.
founder ยังโดนเลยครับ
//ข่าวไหนไม่รู้จำไม่ได้ละ :/
^
^
that's just my two cents.
ผมสงสัยจัง จะสวนใครเนี่ย ต้องดูว่าคนนั้นเป็นใครด้วยเหรอครับ
ผมนึกว่าจะสวนใครก็ให้ดูที่คนคนนั้นเขียนอะไรออกมาซะอีก เพราะที่นี่ก็ถกเถียงกันอยู่บ่อยๆ เพราะ comment ไม่โดนใจกันนี่แหละ ;)
คุณพูดถูกแล้วครับการสวนใครไม่จำเป็นต้องดูว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ในข่าวก่อน ๆ เมื่อนานมาแล้วผมก็เคยสวนกับ founder มาเหมือนกันไม่มีอะไรแปลกเพราะเราคุยกันด้วยเหตุผล แต่ที่ผมพูดว่าขนาดคุณ PaPaSEK ยังโดนสวนนี่ผมคงย่อความไปหน่อย ใจความที่ผมต้องการจะบอกคือขนาดความคิดเห็นที่ค่อนข้างเป็นกลางมาจากคนที่เป็นกลางมาตลอดอย่างคุณ PaPaSEK ยังมีคนหาเรื่องมาสวนแบบไม่อิงเหตุผลได้ ผมว่ามันก็คงเป็นกระแสอะไรอย่างหนึ่งแล้วล่ะครับ
หากคนที่มาสวนพยายามอธิบายว่า Google ไม่ได้กลืนน้ำลายตัวเองอย่างไรหรือทำไม Google ต้องทำแบบนี้ไม่กลืนน้ำลายตัวเองไม่ได้ ผมก็คงไม่คิดอะไร แต่บางความเห็น (ในความคิดของผม) ผมว่ามันไม่ใช่แบบนั้น คุณต้องเข้าใจนะครับว่าคนอื่นที่สวนบางทีเขาก็ไม่ได้สวนด้วยเหตุผลแต่ใช้อคติความเกลียดความชอบก็มี ซึ่งในกรณีนี้มักแสดงออกมาด้วยการนำเสนอเหตุผลที่ดูไม่เป็นเหตุเป็นผลนัก เช่น การโจมตีคือการป้องกันที่ดีที่สุด เป็นต้น ซึ่งหากอ้างอิงจากคำพูดนี้แปลว่าในกรณีทีผ่าน ๆ มาที่ Apple โจมตีเรื่องสิทธิบัตรกับคนอื่นก่อนแปลว่า Apple กำลังป้องกันตัวอย่างนั้นหรือ ?
หากเทียบเคียงกับกรณีสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นโจมตี Pearl Harbor แล้วอเมริกาตอบโต้กลับด้วยการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิม่ากับนางาซากิ แบบนี้แปลว่าอเมริกาทำเพียงแค่ป้องกันตัวหรือว่าโจมตีสวนกลับกันแน่ ?
นักมวยเวลาโดนต่อยแล้วต่อยกลับเรียกว่าการป้องกันอย่างนั้นหรือ ? การตั้งการ์ดป้องกันหมัดจากฝ่ายตรงข้ามต่างหากจึงเรียกว่าการป้องกัน ส่วนการต่อยกลับเมื่ออีกฝ่ายต่อยกลับมาคือการโจมตีสวนกลับ (Counter Attack) ต่างหาก ดังนั้นหากเทียบเคียงกันแล้วในกรณ๊นี้ Google กลืนน้ำลายตัวเองอยากที่คุณ PaPaSEK ว่าเอาไว้จริงไม่ใช่หรือ ? แต่ดูเหมือนหลายคนจะไม่อยากยอมรับความจริงเรื่องนี้เท่าไรนัก
ส่วนเรื่องที่ว่าสิ่งที่ Google ทำนั้นเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมต่อสถานการณ์ในปัจจุบันนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง กลืนน้ำลายตัวเองหรือไม่กลืนก็ควรแยกอีกเรื่องหนึ่ง ผสมปนเปกันหมดแบบนี้คุยกันไปก็เถียงกันไม่จบครับ
โดยส่วนตัวแล้วผมก็ไม่คิดว่าสิ่งที่ Google ทำจะผิดหรอกครับ เป็นสิ่งที่สมควรกระทำอยู่แล้วในโลกธุรกิจ เมื่อถูกรุกมาก็ต้องถูกรุกกลับ แต่ถ้าถามว่ากลืนน้ำลายตัวเองจากสิ่งที่พูดเอาไว้ไหม ผมว่ากลืนน้ำลายตัวเองเต็ม ๆ จนสำลักครับ ;)
That is the way things are.
นี่แหละครับ ชอบแบบนี้ครับ
แต่งเลยมั้ยครับ
ใช่ว่าทุกคนจะรู้ว่าคุณ PaPaSEK เป็นกลาง และไม่มีใครรู้ว่าคนที่เป็นกลางจะเกรียนแตกเมื่อไหร่ และไม่มีใครรู้ว่ากลางจริงไหม
และเมื่อมีคนคาใจสิ่งที่ควรทำก็คือ สวนไปตรงๆครับ ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของทั้งสองคนแลกหมัดกันเอง
ซึ่งแน่นอนใช่ว่าความรู้ วิธีการใช้เหตุผลของทุกคนจะเท่าเทียมกัน สิ่งที่คนที่โดนสวนต้องทำคือ ใช้เหตุผลให้มากกว่า ก็แค่นั้นครับ
ผมจึงเห็นว่า การใช้คำว่า
ขนาดคนนั้นที่กลางขนาดนั้น ขนาดคนนี้ ที่ เป็น โคตร แฟนบอย ยังโดนขนาดนี้
เป็นคำพูดที่ประหลาด...
เพราะการที่เรามาอยู่ตรงนี้ คือการมาถกเถียง แลกเปลี่ยนความเห็น อาจจะมีคนที่เข้าใจแตกต่างจากเราไปบ้าง ต่างจากเขาบ้าง จะโดนสวนกันไปมา มันควรจะเป็นเรื่องปกติด้วยซ้ำ
หรือว่านี่เป็นกระบวนการแปรรูปคุณ PaPaSEK ให้กลายเป็นสิ่งที่แตะต้องไม่ได้ ;)
+1 เราไม่รู้หรอกว่าใครเป็นกลางไม่เป็นกลาง บางทีการที่เราเห็นคนนึงเป็นกลาง อาจจะแปลว่าเพราะมันถูกจริตของเราก็เป็นได้
ไม่ใช่หรอกครับ ผมเข้าใจว่าเค้าน่าจะหมายถึงแบบที่เค้าเขียนจริงๆ ก็คือผมค่อนข้างวางตัวเป็นกลางมากๆ แต่ก็ยังโดนสวนด้วยความเห็นประมาณว่าผมเป็นสาวกของฝ่ายตรงข้าม อาจเป็นเพราะความเห็นผมเป็นความเห็นที่ชอบบ่นหรือด่าสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ... มันเลยดูเหมือนว่าผมอยู่ฝ่ายตรงข้ามเสมอ คุณ Zerocool คงไม่ต้องการให้ใครอยู่เหนือใครหรอกครับ ... ผมเหมือนกัน ... ผมชอบความเท่าเทียมครับ (ที่พอเหมาะ)
ฉะนั้น ... ผมขอยืนยันว่าผมยังชอบโดนด่าครับ ไม่งั้นนอนไม่หลับ :D
"และไม่มีใครรู้ว่าคนที่เป็นกลางจะเกรียนแตกเมื่อไหร่" ตรงนี้ผมขอยืนยันว่าเป็นความจริงครับ ... ผมเกรียนแตกบ่อยเป็นปกติ คืออยากโดนด่าน่ะแหละ โดนสวนแล้วมันฟิน
ปล. พอเลยนะ พวกเล่นมุกชอบโดนสวนเนี่ย ... หรืออยากโดนสวน?
ผมเข้าใจในการกระทำของคุณดีครับ ว่าแค่ต้องการแสดงแนวคิดของตัวเองออกมา
และจริงๆแล้วผมก็เข้าใจในสิ่งที่คุณ zerocool จะสื่อเป็นอย่างดี
แต่ที่ต้องทักคือ
การบอกว่าคนนั้นกลางแล้ว เป็นแฟนบอยแล้ว(แต่ยังด่าบริษัทที่รัก) แล้วทักคนที่จะมาสวนให้ดูเหมือนว่ากำลังทำเรื่องที่ดูไม่ดี ดูแย่
มันเป็นขั้นแรกของวงจรอุบาทว์ ที่กำลังยกบุคคลนึงให้อยู่เหนือคนทั่วไป ทั้งๆที่ความจริงแล้ว user ทุกคนต้องมีสิทธิ์โดน "สวน" อย่างเท่าเทียมกัน (เพราะทุกคนต่างมีความเห็นของตัวเอง ถูกผิดไปถกกันเอาเอง)
ผมเชื่อว่าคุณ PaPaSEK ชอบโดน "สวน" อยู่แล้ว และเชื่อในการวางตัวของคุณว่าจะทำตัวให้น่า "สวน" ยิ่งๆขึ้นไปอีกด้วย ;)
+1 ใช่ครับเห็นด้วยกับประโยคที่ว่า "ขนาดคนนั้นที่กลางขนาดนั้น ขนาดคนนี้ ที่ เป็น โคตร แฟนบอย ยังโดนขนาดนี้
เป็นคำพูดที่ประหลาด..." ทุกคนที่ออกความเห็นที่นี่หมายถึงพร้อมที่จะถูกวิจารณ์ถูกแย้งอยู่แล้วครับ พูดถึงเรื่องความกลางไม่กลาง ผมเองยังไม่เชื่อว่าจะมีใครที่จะกลางได้ตรงแหนวตลอดเวลา ทุกคนมีความเอนเอียงไปทางใดทางหนึ่งอยู่แล้วครับ ขึ้นอยู่กับว่าไอ้ที่เอนไปนั้นมันเอนแบบสุดโต่งแบบหน้ามืดตามัว หรือยังยินดีรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างจากตัวได้อยู่หรือเปล่า
ที่ผมเขียนแบบนั้นเป็นเพราะผมรู้สึกตลกกับสิ่งที่ได้เห็นครับ โดยจะเห็นได้ว่าผมขึ้นต้น comment ด้วยคำว่า "ฮ่า" เลย แต่ผมไม่เคยห้ามให้คนอื่นเถียงหรือสวนกันแต่อย่างใดนะครับ ไม่ได้จะยกย่องบูชาคุณ PaPaSEK ด้วยยิ่งไปกว่านั้น reply ที่ตอบก็ยังตอบไปหาคุณ PaPaSEK ไม่ได้ตอบหาคนอื่น มันเหมือนกับผมต้องการคุยกับคุณ PaPaSEK ตลก ๆ มากกว่าในตอนแรกแต่มีคนท้วงติงกันเยอะเลยต้องอธิบายเพิ่มเติม
ถ้าคุณอยู่ที่นี่มานานพอคุณจะรู้ว่าคุณ PaPaSEK ไม่ใช่คนที่โดนสวนไม่ได้ครับ โดนหักประจำ ผมเองก็ยังเคยเถียงมาแล้วด้วยเหมือนกันก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่หากอ่านดูจะรู้ว่าเขาไม่ค่อยจะเข้าข้างฝ่ายใดฝ้ายหนึ่งนัก ซึ่งใน comment ของเขาผมอ่านแล้วก็ว่ามันเฉย ๆ กัดเจ็บแสบ ๆ ดีแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรผิด
คนที่มาสวนก็คงมีหลายประเภทดังที่ได้กล่าวเอาไว้แล้วครับ มีทั้งใช้เหตุผล ใช้อารมณ์ หรือกระทั่งอ่านแล้วตีความไม่เข้าใจไม่ถูกต้องเลยสวนกลับมาในอีกประเด็นหนึ่ง ซึ่งที่ผมขำคือผมไม่ค่อยเห็นคนกลุ่มแรกเท่าไรในกรณีนี้ แต่กลับเห็นกลุ่มที่ 2 กับ 3 มากกว่าซึ่งเป็นกลุ่มที่มักจะสวนเสมอเมื่อเห็นคนที่ตัวเองจัดว่าอยู่ "ฝ่ายตรงข้าม" แสดงความคิดเห็นออกมาแบบไม่ถูกจริต
ความคิดเห็นนี้ก็ทำให้ผมตลกได้อีกเหมือนกันนะโดยเฉพาะประโยคสุดท้าย หากคิดสักนิดจะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเลยสักนิดที่ผมจะได้จากการไปทำแบบที่คุณว่า เป็นการประชดประชันที่ตลกมาก รู้สึกว่าจะดูหนังมากไปหรือเปล่าครับ ;)
สุดท้ายขอยืนยันอีกครั้งครับว่าใครอยากสวน PaPaSEK อะไรก็สวนไปครับไม่ได้มีข้อห้ามแต่อย่างใด
ฮ่า
That is the way things are.
บอกไว้ก่อนครับ ผมไม่เคยคิดว่าอะไรคุณ PaPaSEK นะครับ เพราะผมเห็นเขาก็มาแนวๆนี้ประจำอยู่แล้ว
แต่ที่คุณบอกไว้ว่า "ขนาดคุณ PaPaSEK ยังโดนสวน" คุณกำลังยกคุณ PaPaSEK ไว้ระดับไหนหรือครับ ถึงคิดว่าเขาจะไม่ควรโดนสวน?
ผมอ่านดูยังรู้สึกเลยว่า นี่เรากำลังโต้กับเซเลปอยู่รึเนี่ย (อันนี้ไม่ได้ว่าคุณ PaPaSEK นะ ;) )
อ๋อ ประโยคท้ายนั้นน่ะเป็นตามที่คุณบอกแหละครับ ผมใส่ไปให้ฮาๆแค่นั้นแหละ
คือต้องเข้าใจก่อนครับว่าจุดประสงค์แรกสุดของ comment ผมคือต้องการคุยกับคุณ PaPaSEK ขำ ๆ ครับ ทีนี้ผมไม่รู้จักอะไรกับคุณ PaPaSEK เป็นการส่วนตัวดังนั้นเวลาเรียกแทนตัวเขาในทีนี้ผมจึงต้องพิมพ์ว่า "คุณ PaPaSEK" เหมือนกับที่หลาย ๆ คนพิมพ์เรียกว่าผมว่า "คุณ zerocool" นั่นแหละครับ หากลองเปลี่ยนคำเรียกชื่อเป็นคำสรรพนามแทนใน comment แรกของผมแล้วคุณจะเข้าใจครับ
และหากลองกด link ดูว่าผม reply ใครแต่แรกก็น่าจะทำให้เข้าใจได้มากขึ้นครับ ซึ่งผมว่ามันก็เป็นสิทธิ์ของผมนะที่ผมจะคุยกับใครแบบขำ ๆ ไม่คิดว่าจะมีคนมาอ่านแล้วเข้าใจผิดจนเป็นเรื่องราวบานปลายถึงขนาดนี้
That is the way things are.
ผมเข้าใจในสิทธิ์ของคุณดีครับ ผมเองก็ทำตามสิทธิ์ของผม
เอาเป็นว่าผมไม่ยืดเยื้อนะ ถามง่ายๆครั้งสุดท้าย
ปกติแล้วเวลาใช้คำว่า ขนาดนายคนนั้น... จะเป็นการยกระดับ นายคนนั้นให้พิเศษต่างจากคนอื่น
อย่างเช่น ถ้ามีคนตีกัน นายคนนั้นยืนอยู่เฉยๆแล้วโดนตีไปด้วยคุณก็บอกว่า
ขนาดนายคนนั้น ยังโดนตีเลย
ที่คุณใช้คำนี้เพราะ นายคนนั้น อยู่ในสถานะพิเศษต่างจากกลุ่มคนที่กำลังตีกันใช่ไหมครับ เพราะเขาอยู่เฉยๆ
อีกตัวอย่างนึง หากจู่ๆคนทั้งห้องสอบตกหมด คุณต้องอยากชี้ไปที่ นายคนนั้นแล้วบอกว่า
ขนาดนายคนนั้น ยังสอบตก
ซึ่งคำพูดแบบนี้ย่อมชี้ว่า จริงๆแล้ว นายคนนั้น เรียนเก่งมาก หรือมีอะไรพิเศษกว่าคนอื่นใช่ไหมครับ
เอาล่ะมาเข้าสู่คำถาม
คุณเห็นว่า คุณ PaPaSEK พิเศษยังไงครับ เป็นเซเลปหรือ เป็นกูรูหรือ หรือเป็นผู้ที่อ่านใจผู้บริหาร google ได้(อันนี้ผมเป็นอยู่ ;) )
และคุณบอกว่า ยังโดนสวนเลย
อะไรทำให้คุณคิดว่าเมื่อคุณ PaPaSEK พูดออกมาแล้วไม่ควรจะโดนสวนครับ อย่างเช่น พูดมีเหตุผลโคตรๆ หรือพูดแล้วโดนใจคุณ พอเวลาโดนสวนขึ้นมา คุณก็เลยต้องมาพิมพ์บอกว่า
ขนาดคุณ PaPaSEK ยังโดนสวนเลย
ขอคำตอบแบบตรงๆไม่ยืดเยื้อก็พอครับ แล้วผมก็คงไม่เข้ามาตอบห้อยท้ายแล้วเหมือนกัน :)
ผมค่อนข้างแปลกใจนะครับว่าทำไมเรายังคุยประเด็นนี้กันอยู่อีกทั้ง ๆ ที่ผมอธิบายไปหมดแล้วว่าผม comment แรกของผมนั้นเป็นการคุยกันกับคุณ PaPaSEK ผ่านระบบ comment ของ blognone เฉย ๆ ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำให้คนอื่นเห็นด้วยคล้อยตามแต่อย่างใด แต่เพื่อความเข้าใจของคุณผมจะตอบคำถามตามข้อที่คุณว่าแล้วกันนะครับ
ผมไม่เห็นว่าคุณ PaPaSEK มีฐานะพิเศษกว่าคนอื่นอย่างไรครับ เป็นเพียงแค่สมาชิกของ blognone คนหนึ่งที่ความคิดเห็นของเขาถูกใจหลาย ๆ คนที่นี่ (นับเอาจากประสบการณ์ของผมเองนะครับ ดูจากการที่เขาได้รับการ +1 ค่อนข้างบ่อย แต่ถ้าจะเอาหลักฐานเป็นเอกสารสรุปคงไม่มีครับ) ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักของใครอีกหลายคนที่นี่เนื่องด้วยจำนวน comment ที่มากเอาเรื่องจนมีคนเห็นบ่อยไปตามสัดส่วน (ผมจำไม่ได้ว่ากดดูจากตรงไหนนะแต่เคยเห็นว่าเยอะมากแน่ ๆ)
ในกรณีนี้ที่ผมคิดว่าคุณ PaPaSEK ไม่น่าจะโดนสวนเพราะสิ่งที่คุณ PaPaSEK พิมพ์มาเป็นแค่การเอาเรื่องจริงที่ Google เคยพูดไว้มาวิจารณ์ตามตัวอักษรปกติธรรมดา ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าเป็นการอ้างอิงข่าวเก่าเสีย 90% เอามา quote เทียบกับการกระทำในข่าวนี้เลยไม่คิดว่าจะมีประเด็นอะไรให้สวนได้อีก
ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวอย่างที่คุณยกมามันไม่ตรงครับ อย่างที่ผมบอกที่ผมต้องการคุยกับคุณ PaPaSEK คือต้องการจะบอกว่า "ขนาดนายยังโดนสวนเลย" ซึ่งผมใช้คำเรียกชื่อแทนสรรพนามไปเท่านั้นเอง ผมได้กล่าวไว้แล้วว่าประเด็นทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นการชี้นำให้คนอื่นเห็นว่าคุณ PaPaSEK ไม่ควรโดนสวนแต่อย่างใด แต่เป็นการพูดเล่นกับคุณ PaPaSEK เลยว่าขนาดคนที่เป็นกลางสุด ๆ แบบนายมา comment เอาเรื่องจริงมาขวางคลองก็ยังไม่วายโดนกระแสสวนเท่านั้นมากกว่า
ลองจินตนาการว่าผมเปลี่ยนจากคำเรียก "คุณ PaPaSEK" เป็น "นาย" ใน comment แรกสุด (ที่ผม reply คุณ PaPaSEK) คุณอ่านแล้วจะยังรู้สึกว่าผมยกย่องให้อภิสิทธิ์คุณ PaPaSEK ให้คนอื่นเห็นอยู่เหมือนเดิมหรือไม่ ? หรือจะมองว่าเป็นการคุยกันของคน 2 คนมากกว่า ?
ประเด็นของผมอยู่ที่สิ่งที่คุณ PaPaSEK พูดเป็นหลักครับ การใช้คำว่า "คุณ PaPaSEK" เป็นเพียงคำเรียกและ reference ถึง comment ของเขาเท่านั้นเอง ไม่ได้มีเจตนาบอกว่าคุณ PaPaSEK เป็นอภิสิทธิ์ขนแต่อย่างใด
หวังว่าคงอธิบายให้คุณเข้าใจได้นะครับ
That is the way things are.
โอเคครับสรุปว่าคุณเห็นคุณPaPaSEK เป็น user ธรรมดา ที่มีคนถูกใจความเห็นเขาหลายคน เป็นกลาง และวิจารณ์ตามตัวอักษรธรรมดา คุณจึงเห็นว่าไม่น่าโดนสวน...
...
ขอบคุณสำหรับคำตอบ
คุณ @soginal
เค้าไม่ได้บอกว่า "คนเป็นกลาง ไม่ควรโดนสวน" ครับ
ในความหมายคือ "แปลกใจที่ความเห็นกลางๆ โดนสวน"
อันนี้ผมเล่าให้คุณ @zerocool ฟังเฉยๆ (แต่คิดว่ารู้แล้วล่ะ)
ผมเฉยๆ ครับ ... คนเป็นกลาง (ปากหมานแบบผม) คือผู้ที่ได้รับเสียงด่าจากสองฝั่งมากที่สุด ... เรื่องดีๆ ผมไม่ค่อยแสดงความเห็น ส่วนมากตอนที่แสดงความเห็นก็คือตอนที่ผมเห็นว่ามันไม่ดี
พอติแอปเปิลก็โดนสาวกแอปเปิลด่า ... พอติกูเกิลก็โดนสาวกกูเกิลด่า ... พอติจาวา .... founder คนนึงก็ชอบใจในความรวดส์เร็วส์ (เพื่อนๆ ไว้อาลัยให้ผมด้วยครับ)
คือผมไม่แปลกใจตั้งแต่มันมีคำว่ากลางกลวง, สลิ่ม, สายรุ้ง ฯลฯ แล้วครับ
แต่ผมก็มีจุดยืนในความเป็นกลางของผมนะ แต่มันอธิบายไม่ได้ว่ากลางยังไง กลางเท่าใด กวางเหลียวหลัง
เหลียวหลังก็ไม่กลางสิครับ ต้องหันไปข้างนึง......
มีหลักฐานแล้วว่าคุณ PaPaSEK ไม่เป็นกลาง!!!!
ผมจะเม้นใครสวนใคร ผมก็ไม่เคยมานั่งดูหรอกว่าใครเป็นคนเริ่ม
อย่างงี้คุณเป็นตำรวจไม่ได้นะเนี่ย ฮ่าฮ่า
+1 เรื่องกระแสแรง
edit (ไม่มีใครมาตอบประหยัดโครต้า)
เท่าที่อ่านมารู้สึกว่าการให้เหตุจะมีอยู่สองฝ่าย ฝ่ายวิเคราะห์เอาตลกฮา ๆ เพราะไม่มีหุ้นใน Google หรือ Apple กับฝ่ายผู้ถือหุ้นของสองบริษัทนั้น เอาจริงเอาจังมวาาาากกก ผมอยู่ฝ่ายผู้บริโภครู้สึกว่าถ้าเสนอความเห็นไปจะกลายเป็นอ่านเกมไม่ขาดหรือแฟนบอยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอีก (จริง ๆ เป็นแฟน Android น่ะครับ)
ความเห็นเหมือนเดิมครับไม่ควรมีการแบนเพราะมันกระทบผู้บริโภค ถ้ามีใครบอกว่าตอน Apple ฟ้องแบนทำไมไม่พูด ผมเป็นสมาชิกใหม่ครับ ตอนนั้นยังไม่ได้สมัครเลย อ่านอย่างเดียว ตอนนี้อยากเสนอความเห็นให้ผู้บริโภคที่ไม่ได้ถือหุ้นของบริษัทเหล่านี้ฟัง เลยสมัครเป็นสมาชิกมาครับ ถ้าท่านใดมีความเห็นว่าการแบนมันดีกับผู้บริโภคอย่างไร เสนอความเห็นมาครับอยากคุยด้วยครับ
ปล. ผมเป็นพวกวิเคราะห์ฮาฮาน่ะครับ
ผมชอบเว็บนี้เพราะชอบโดนสวนครับ โรคจิตหนึ่งในหลายๆ แบบของผม
วันนี้นอนหลับละ ฮ่า ฮ่า
o_O ชอบโดนสวน
เราคงคิดเหมือนกัน
+1 detox
o_O สวนอะไร
Dream high, work hard.
อุ๊ย สบู่ตก
ถือสิทธิบัตรไว้เฉยๆ มันไม่ได้บวกค่า DEF นะฮะ
DEF คิดเป็น % รึเปล่า
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
หาไม่เจอเลยทีเดียว
404 Not found
เกือบตามไม่ทัน - -
ปล. ขำกลิ้ง
ดีว่าอ่านตอนกลางคืนครับ ไม่มีกาแฟให้พุ่ง .... จะฮาอะไรกันมากมาย ฮ่า ฮ่า
อ่านมาเสียยืดยาว ไม่นึกเลยว่าเรื่องแค่นี้จะเถียงกันได้
ผมพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมธรรมชาติถึงได้สร้างยีนต์โง่ (http://jusci.net/node/1580) ขึ้นมา
ปล.ถ้ามุษย์ทุกคนฉลาดกันหมด ป่านี้มนุษย์คงศูนย์พันธ์ ไปแล้ว
ขอให้ Google ช่วยเหลือประชากร Android ด้วยนะ ทั้งผลไม้ ทั้งหน้าต่าง กดขี่มามาก ออกมาสู้กันเรื่องคุณภาพดีกว่า
ก็อย่างว่านะ ถ้าเราโดนคนข้างบ้านตบหน้า จะรู้สึกยังไงน่ะ ทางเลือกมีสองทาง
1. ทำดีกับเค้าจะได้เป็นเพื่อนกันต่อ
2. ต้องเอาคืน
ผมว่าทั้งสองข้อรวมกันนี่คือนิสัยคนบ้านเราเลย คือทำดีกับคนที่แม้แตคนที่เราเกลียดเพราะกลัวเค้าจะร้ายใส่ แต่พอลับหลังนี่ด่าเค้ากระจาย ตลกอ่ะ
ส่วนข่าวนี้ ทำไม google เลือกข้อ 2 ทั้งๆที่ไม่เคย ก้อขอให้อ่านคอมเม้นบนๆดูครับ ผมว่าวิเคราะห์ข่าวกันได้เคลียร์อยู่
ถ้าคุณ(แอนดรอยด์)อยากได้เงินคุณไปฟ้องบริษัทอะไรก็ได้ แต่ถ้าคุณ(แอนดรอยด์)อยากได้ชีวิตใหม่ คุณต้องฟ้อง apple
นี่ถ้าบริษัทนี้ยังไม่โดน Apple ซื้อ Google จะฟ้อง Apple เรื่อง Siri มั๊ยนะ?
Dream high, work hard.
ต้องพูดว่า บริษัทนั้นจะโดนฟ้องเรื่อง Siri ไหม
ผมตอบให้เลย "ไม่โดนครับเพราะเค้าไปไม่ได้ไปทำอะไร Google ก่อน"
การฟ้องของ Google ครั้งนี้ผมมองว่า อยากแลกสิทธิบัตรกัน มากกว่า
สงครามบางกลยุทธ ให้ยึดจนถึงเมืองหลวง แล้วค่อยเปิดเจรจาสันติภาพ หรือ ไม่ก็ต้องประกาศยอมแพ้ก่อนจึงหยุดทำสงครามแบบสงครามโลกครั้งที่ 2
ผมว่าบางทีเรื่องนี้อาจไม่จบสวย ๆ อย่างที่เราคิด ๆ กันเหรอครับ โลกไม่ได้สวยงามขนาดนั้น
ซื้อมาฟ้องกลับเพราะมาทีหลังเขานี่นา
รู้สึกช่วงนี้ฝ่ายกฎหมาย จะมาแรงกว่าฝ่ายวิศวกรรมเยอะแหะ
นั้นนะสิ ไม่แปลกใจที่อาชีพนักกฎหมายเป็นอาชีพยอดนิยมของยูเอส
ไม่เฉพาะ US หรอกครับ ตอนนี้ TH นักกฎหมายก็กำลังเป็นอาชีพยอดนิยมเหมือนกัน ขนาดหน่วยงานของรัฐฯด้วยกันยังฟ้องกันเองเลย
ดูต่อไป
จัดไปหนักๆเลยครับ จะได้จบๆสักที
คนไทยที่อยู่ที่นี่ตอนนี้เป็นผู้ตรัสรู้ความรู้สึกนึกคิดของบอร์ดในห้องบริหารกูเกิลไปซะแล้ว
ใช่ครับ ผมรู้ไปถึงว่าผู้บริหาร google กำลังก่นด่าคุณในใจ แต่โชคร้ายจริงๆที่พลังอ่านใจของผมยังเป็นเพียงขั้นแรก ผมจึงไม่สามารถรู้ได้ว่าเพราะเหตุผลใดเขาจึงคิดด่าคุณ
:)
ผมว่าเค้าอาจจะมีหมวกป้องกัน ก็ได้นะ
(- -! )
ผมทำขนมยัดไส้ขาย
มีคนรับไปขายต่อ
มีคนไล่หาเรื่องคนที่รับของผมไปขาย ทั้งขู่ห้ามขาย ทั้งขู่เก็บค่าคุ้มครอง
ผมเอามีดที่มีไปขู่พวกนักเลง ไล่ให้ออกไปจากตลาด
นักเลงบอกว่าไม่ไป ผมก็บอกว่างั้นก็ต่างคนต่างอยู่ ถ้าไม่อยากถูกไล่จากตลาด
ผมผิดที่ไปขู่นักเลง ลูกค้ารายหนึ่งกล่าว
พูดให้ถูกคือเค้าขายสูตรทำขนมยัดไส้ แต่แฟรนไชส์เสือกทำออกมาหน้าตาเหมือนขนมยัดไส้ร้านข้างๆ
ร้านข้างๆเลยส่งนักเลงมาล้มแผง คนขายสูตรเลยออกมาปกป้องขนมยัดไส้ของตัวเองที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนผลิต
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า
edit เ้อ้อ ไม่ใช่นี่หว่า เพราะขนาดของตัวเองผลิตเองยังโดนมันเล่นเลย
ทะเลาะกันไปก็เท่านั้น ต่างคนต่างหากินกันดีกว่านะตะเอง ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า
ผิดที่คนทำขนมยัดไส้ขายบอกว่า การมาข่มขู่ไม่ให้ขายของเป็นการขัดขวางการเติบโตของอุตสาหกรรมขนม แม้เค้าจะโดนทำก่อนแต่เค้าก็เลือกวิธีที่ขัดขวางการเติบโตอุตสาหกรรมขนมในการตอบโต้ คนเค้าแย้งตรงนี้ ถ้าเห็นว่าวิธีการนี้ไม่ดีไม่ถูกต้อง ก็ตอบโต้ด้วยวิธีที่ดีที่ถูกต้องสิ
ปล. ความเห็นส่วนตัวคิดว่าวิธีการนี้ไม่ได้ผิดอะไร เพียงแต่ไม่ควรไปพูดแต่แรกแบบนั้น
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
สุดท้าย ก็คงเข้าสู่ การแลกเปลี่ยน สิทธิการใช้สิทธิบัตรกัน
'ฟ้องไปงั้นแหละ อีกฝ่ายจะได้ทำการ Cross License' - ผู้บริหารกูเกิลไม่ได้กล่าว
'ฟ้องไปงั้นแหละ ขืนชนะขึ้นมาจริงๆ โดนโห่น่าดูเลยล่ะเธอว์' - ทนายของกูเกิลไม่ได้กล่าว
'อ้าว เรื่องฟ้องศาลกลายเป็นถือมีดแทงกันในตลาดไปแล้ว' - คนอ่านคอมเม้นต์บล็อกนันไม่ได้กล่าว
ฮ่า ฮ่า ฮ่า .... เป็นวาทะเด็ดของข่าวนี้เลยครับ
สิทธิบัดซบ
เรื่องมากนัก โดนซะมั้ง หึหึ
ผมขอมองข้ามไปถึงบทสรุป ดูเหมือน apple น่าจะลำบากไม่ใช่น้อย แค่เรื่อง siri ทางเลือกคงมีแค่ 2 ทางคือ ถอด siri ออกจาก ios หรือ โดนคำสั่งห้ามขาย (ผมดูแล้วรุนแรงทั้ง 2 ทาง) แต่ก่อนหน้านั้น คงโดนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ห้ามขายก่อนที่จะทำการถอด siri สำเร็จ
มีใครไม่รู้ในวงการฟุตบอลเคยกล่าวไว้ว่า
1) ถ้าสู้มันไม่ได้ ก็ไปเป็นพวกเดียวกับมันเลย
2) ถ้าสู้มันไม่ได้ ก็ไปซื้อทีมมันเลย
3) ถ้าสู้มันไม่ได้ ก็ไปพรากตัวเจ๋งๆ ตัดกำลังมันเลย
คิดว่าตอนนี้ ข้อ 3 กำลังเป็นที่นิยมมากในหลายๆ วงการ ตัดกำลังและช่องทางทำมาหากินของฝ่ายตรงข้าม เพราะลงทุนน้อย ได้ผลมาก โดยมี AAPL, MANC, MANU ทำให้เห็นเป็นตัวอย่างมาแล้ว
อยากเห็น
ซัม... แพ้คดี
แอป... แพ้คดี
พร้อมๆกัน คงฮาพิลึก
เอาเงินซัมไปจ่ายกู?
เป็นกลางบนจุดยืนของตัวเอง แต่ไม่ได้เป็นกลางของจุดยืนคนในสังคม
เป็นการบอกแอปเปิ้ลว่า อย่าซ่ามากนัก ไม่ได้มีเอิงคนเดียวในโลกนี้หรอกนะโวย!
จะว่าไปแอปเปิ้ลก็สนิทสนมกับไมโครซอฟท์อยู่นะ แล้วไหนจะสิทธิบัตร Nortel ที่ซื้อมาอีก
ถ้าหาก "มีคนเอามีดมาฟันคุณก่อน" คุณก็ต้อง"แทงกลับไปเพื่อป้องกันตัว"
คุณไม่ฟันใครก่อน เพียงแต่พกมีดเอาไว้ป้องกันตัวเท่านั้น
มีใครเคยอ่านข่าวไหม เรื่อง "น้องเมีย เลือดร้อนเมาเหล้าคว้าปืนลูกซองสั้นยิงพี่เขย ก่อนถูกแทงสวนด้วยมีดปาดตาลดับ"
ลองไปอ่านดูนะครับ http://www.suthichaiyoon.com/detail/33056
เวลามีคนแทงกันตาย คนเริ่มก่อนก่อนมีความผิดมากกว่าครับ คนแทงสวน ตำรวจเขาเรียกป้องกันตัว
ต่อให้แทงเขาตายแต่ถ้าพิสูจน์ได้ว่า แทงเพื่อป้องกันตัวก็ไม่มีความผิด
ส่วนในกรณี Google นี่เขาเรียกป้องกันตัวครับ เหมือนในข่าวที่น้องเมียคุณเอาลูกซองมายิงคุณก่อน
ใจคอคุณไม่คิดจะป้องกันตัวบ้างหรอครับ? หรือจะรอโดนลูกซองอีกนัด?
น่าขำดี มีคนเปรียบเทียบการฟ้องสิทธิบัตร กับสงครามโลกด้วย แล้วใช้ตรรกะประหลาดอะไรเปรียบเทียบก็ไม่รู้
อเมริกาต้องการยุติสงครามโลก จึงทุ่มสุดตัวถล่มฮิโรชิม่ากับนางาซากิ ผลลัพธ์คือญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้โดยทันที
ถ้าหากอเมริกาไม่ลงมือสงครามโลกจะยุติมั๊ย? จะให้สะสมอาวุธแล้วนั่งเฉยๆไม่ต้องใช้รอญี่ปุ่นมาถล่มท่าเรือไปเรื่อยๆถึงจะเรียกว่าการป้องกันตัว? แค่มีอาวุธเยอะๆไม่ต้องใช้สงครามก็จะจบ?
แค่เปลี่ยนชื่อเราก็จะได้ว่า
กูเกิลต้องการยุติสงครามสิทธิบัตร จึงทุ่มสุดตัวถล่มไอแพด ไอโฟน ผลลัพธ์กำลังรออยู่....
ถ้าหากกูเกิลไม่ลงมือสงครามสิทธิบัตรจะยุติมั๊ย? จะให้สะสมสิทธิบัตรแล้วนั่งเฉยๆไม่ต้องใช้รอแอปเปิลมาโจมตีพาร์ทเนอร์ไปเรื่อยๆถึงจะเรียกว่าการป้องกันตัว? แค่มีสิทธิบัตรเยอะๆไม่ต้องใช้สงครามสิทธิบัตรก็จะจบ?
เหตุการณ์และเหตุผลมันก็ชัดเจนตรงไปตรงมา จุดประสงค์ก็ง่ายๆ คือหยุดสงครามสิทธิบัตร คงต้องหลุดออกมาจากโลก design ก่อนถึงจะคิดด้วยตรรกะได้
I see fallacy again again and again........
น่าขัน
ก่อนจะวิเคราะห์ตรรกะคนอื่นลองวิเคราะห์ตรรกะตัวเองดูก่อนดีไหมครับ ?
การที่เอาระเบิดนิวเคลียร์ไปถล่มพลเรือนจนบาดเจ็บล้มตายไปมากกว่า 200,000 คนทันที (ยังไม่ได้นับคนที่เสียชีวิตเนื่องจากผลของกัมมันตภาพรังสีในภายหลัง) นี่เรียกว่าการป้องกันตัวหรือครับ ? ผมไม่รู้ว่าคุณตีความศัพท์คำว่าป้องกันตัวอย่างไรนะ แต่สำหรับผมแบบนี้ผมเรียกว่าการโจมตีสวนกลับครับ
ความสามารถในการคิดด้วยตรรกะของคนเราเกี่ยวข้องอย่างมีเหตุผลกับการเข้าหรือออกจากโลก design ด้วยหรือครับ ?? หากอยู่ในโลก design จะคิดด้วยตรรกะไม่ได้แต่หากออกมาจากโลก design แล้วจะคิดด้วยตรรกะได้ ??
นี่หรือครับตรรกะของคุณ ??
คนเราหากสามารถคิดอย่างมีตรรกะเหตุผลได้ไม่ว่าจะอยู่ในวงการไหนก็ถือว่ามีความสามารถด้านการคิดด้วยตรรกะครับ ไม่จำเป็นว่าคนที่อยู่วงการ design แล้วจะต้องใช้ตรรกะไม่เป็น และไม่จำเป็นอีกเช่นกันว่าคนที่ทำงานเป็น programmer จะต้องมีตรรกะที่ดีเสมอไป
ผมไม่แปลกใจเลยครับที่คุณใช้ signature นี้ ยิ่งคุณพิมพ์แสดงความคิดเห็นมากเท่าไรคุณก็คงมีโอกาสได้เห็น fallacy มากขึ้นเท่านั้น ;)
That is the way things are.
การที่เอาระเบิดนิวเคลียร์ไปถล่มพลเรือนจนบาดเจ็บล้มตายไปมากกว่า 200,000 คนทันที (ยังไม่ได้นับคนที่เสียชีวิตเนื่องจากผลของกัมมันตภาพรังสีในภายหลัง) นี่เรียกว่าการป้องกันตัวหรือครับ ? ผมไม่รู้ว่าคุณตีความศัพท์คำว่าป้องกันตัวอย่างไรนะ แต่สำหรับผมแบบนี้ผมเรียกว่าการโจมตีสวนกลับครับ
<< จะเรียกว่าสวนกลับหรือป้องกันตัวก็เรื่องของคุณครับ ถ้าปล่อยเอาไว้ให้ญี่ปุ่นครองไปได้ ให้สงครามดำเนินต่อไปจำนวนผู้เสียชีวิตจะมากกว่า ก็คงจะมากกว่า 200000 อยู่ดีครับ ที่ญี่ปุ่นมายึดทางฟากไทย เกณฑ์คนไปเป็นแรงงานก็มีคนเสียชีวิตไปเยอะไม่ต่างกันทั้งที่ยอมจำนน ประชาชนญี่ปุ่นก็ตายในสงครามไปเรื่อยๆอยู่แล้วครับ ในประเทศก็มีคนอดอยากตายจากการที่รัฐบาลเรียกเก็บภาษีจากชาวนา ฯลฯ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆอยู่แล้ว
ความสามารถในการคิดด้วยตรรกะของคนเราเกี่ยวข้องอย่างมีเหตุผลกับการเข้าหรือออกจากโลก design ด้วยหรือครับ ?? หากอยู่ในโลก design จะคิดด้วยตรรกะไม่ได้แต่หากออกมาจากโลก design แล้วจะคิดด้วยตรรกะได้ ??
นี่หรือครับตรรกะของคุณ ??
<< ตรงนี้ผมอยากจะประชดคุณ พูดถึงคุณตรงๆนั่นแหละครับ ผม challange ให้คุณมาตอบนั่นแหละ ไม่ต้องแกล้งพูดว่าด่าทุกคนที่ทำด้าน design แบบลอย ผมพูดตรงๆเลย ไม่ต้องทำเป็นไม่กล้ารับตรงๆ เหมือนที่คุณชอบทำครับ
คนเราหากคิดอย่างมีตรรกะได้ จะด้านไหนก็มีตรรกะได้ครับ แต่คำตอบที่คุณตอบแต่ละอันมันไม่มีเลยก็เท่านั้น คุณถึงต้องหาทางว่าคนอื่น อย่างโน้นอย่างนี้ ส่วน signature นี้ผมก็บอกตรงๆอีกนั่นแหละครับ ว่าหมายถึงคุณคนเดียวนั่นแหละ เริ่มตั้งก็เพราะเห็นแต่ละคำตอบของคุณนี่แหละครับ
ถ้าเห็นเครื่องบินแล้วสอย ผมว่านั่นเรียกว่าป้องกันตัวครับ กรณีระเบิดนิวเคลียร์เป็นการล้างแค้น แก้หน้า (แล้วแต่จะใช้คำ)
อาจจะเป็นยังงั้นในเรื่องของการใช้คำ สำหรับผมเรียกการป้องกันตัว เพราะในกรณีที่ ตำรวจ หรือ คนทั่วไป ยิงคนร้ายที่เข้ามาทำร้ายหรือยิงมาก่อน เค้าจัดไว้ในหมวดหมู่เรื่อง "การป้องกันตัว" น่ะครับ ซึ่งมันเป็นมาตรฐานสากลที่มีกฎหมายรองรับ จึงค่อนข้างชัดเจนดี ที่จะนำมาใช้อ้างอิง
ผมก็รู้ครับว่าคุณกำลังประชดผมอยู่
คำถามของผมส่วนใหญ่ก็มักจะถามให้ตอบง่าย ๆ แล้วว่าใช่หรือไม่ใช่ แต่ก็ไม่เคยเห็นคุณจะตอบตรง ๆ เสียที ผมถามว่าวลีของคุณมันมีตรรกะตรงไหนอย่างไร คุณกลับตอบว่าคุณกำลังประชดผม !? แล้วก็ตีวนไปเรื่องไม่ต้องแกล้งพูดอ้อม !? คือผมไม่ได้ถามนะครับว่าคุณพิมพ์ไปอย่างนั้นเพราะว่าต้องการจะสื่ออะไรหรือทำไมคุณถึงพิม์อย่างนั้น แต่ผมถามในสิ่งที่คุณพิมพ์ลงไปว่ามันเป็นเหตุเป็นผลกันหรือไม่อย่างไร
ผมไม่รู้นะว่าคุณเป็นพวกเลี่ยงประเด็นโดยไม่รู้ตัวหรือรู้ตัวว่าตอบไม่ได้เลยต้องเลี่ยงประเด็น แต่เอาเถิดครับระหว่างผมกับคุณผมได้อ่านมามากเกินพอแล้ว เพื่อนผมหลายคนที่ได้อ่านต่างก็แนะนำให้ผมเลิกเสียเวลาพิมพ์ตอบโต้กับคุณไปเสียที เพราะมันไม่ได้มีคุณค่าประโยชน์อันใดแม้แต่น้อย
That is the way things are.
ส่วนตัว เห็นด้วยทั้งคุณ Vtop และคุณ BLiNDiNG และก็ไม่เห็นด้วยกับคุณ PaPaSEK ครับ และสิ่งที่จะตัดสินว่า Google ดีอย่างที่พูดมั้ย อยู่ที่ตอน Google ชนะสงครามสิทธิบัตรกับ Apple แล้ว ตัดสินใจทำอย่างไรต่อ ไม่ได้อยู่ที่ตอนนี้ (ดูจากสิ่งที่ Google มีอยู่ ผมว่าน่าจะชนะ Apple ได้ไม่ยาก) ถ้า Google ชนะแล้ว บอก Apple ห้ามขาย iphone ipad โดยไม่เปิดทางให้เจรจา Google เป็น evil ครับ แต่ถ้า Google ชนะแล้วบอกว่า เรามาเจรจาจ่ายค่าเสียหายกันเถอะ มันก็ตรงตามสิ่งที่ Google ได้พูดไว้ (ซึ่งตอนนี้ผมยังไม่ตัดสินครับ รอจังหวะ 2 หลังจาก Google ชนะแล้วถึงจะตัดสินได้)
เจรจาก็ยังไม่จบ ถูกแพงแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แอปเปิลก็คุยเรื่องค่าสิทธิก่อนที่จะมีการฟ้องร้องซัมซุง ตามหลักฐานที่เปิดเผยกันไปในศาล แปลว่าแอปเปิลก็ไม่ได้ต้องการแบนเหมือนกันนิ. แต่มันไม่จบเพราะตกลงราคากันไม่ได้
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ตกลงราคากันไม่ได้ ก็ใช้เวลาเท่าไรก็ได้ตกลงกันให้ได้ โดยไม่ต้องแบนสินค้าครับ (สรุปคือ apple ต้องการแบนสินค้า ประเด็นนี้น้าจะเคลียนะครับ มันแก้ตัวไม่ขึ้นตั้งแต่แรกแล้วครับ)
ขอเสนอตรรกะวิบัติของตัวเองมั่ง แบบนี้ก่อนที่ Google จะซื้อ Moto แสดงว่ารู้ตัวเองว่าทำอะไรและมีของที่ละเมิดอยู่แล้ว แต่แค่รอจังหวะซื้อ Moto สำเร็จเฉยๆ เรื่อง Evil ไม่ Evil ไม่น่าจะมีหรอกครับ มันเป็นแค่มายาคติที่สร้างไว้เพื่อให้ดูเป็นคนดี เพราะเบื้องหลังจริงๆ ก็คงเหลือแค่คำว่า Business
ธุรกิจก็คือธุรกิจไม่มีคำว่าปราณีหรอก หลงภาพลักษณ์ที่พยายามสร้างมา Maximize Profit ทั้งนั้น