การเจรจาครั้งสุดท้ายตามคำสั่งศาลของคดีแอปเปิล-ซัมซุงล่มไปแล้ว ทั้งคู่ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาผ่านลูกขุน งานของผู้พิพากษาในตอนนี้ก็คือการออกแบบฟอร์มคำพิพากษาให้คณะลูกขุนไปกรอก แบบเดียวกับคดีกูเกิลและออราเคิลก่อนหน้านี้
โค้งสุดท้ายยังมีการโต้เถียงกันในเรื่องสำคัญ คือ ผู้พิพากษาจะเตือนลูกขุนว่าทั้งสองบริษัทลบอีเมลภายในแม้จะอยู่ในช่วงการเก็บหลักฐานไว้ก็ตาม โดยก่อนหน้านี้แอปเปิลได้ร้องให้ผู้พิพากษาเตือนคณะลูกขุนในเรื่องนี้ ซึ่งผู้พิพากษาก็ทำตาม แต่หลังจากนั้นก็เป็นคำเตือนในฝั่งแอปเปิลที่ถูกแจ้งพฤติกรรมแบบเดียวกันให้กับคณะลูกขุน
แบบฟอร์มพิพากษายาว 22 หน้ากระดาษ สรุปรวมประเด็นออกเป็นสามอย่าง ได้แก่ สิทธิบัตรการออกแบบสี่ฉบับ, สิทธิบัตรประดิษฐกรรม, และการละเมิด "หีบห่อ" (trade dress) ทั้งหมดฟ้องกับโทรศัพท์มือถือ 21 รุ่น และแท็บเล็ตอีกสองรุ่น รวมถึงพิพากษาว่าซัมซุงผูกขาดการค้าในการใช้สิทธิบัตร UMTS หรือไม่ รวมทั้งหมดมูลค่าความเสียหาย 2,750 ล้านดอลลาร์
ส่วนทางฝั่งซัมซุงเรียกร้องค่าเสียหายจากสิทธิบัตร UMTS และเทคโนโลยีอื่นรวม 5 ฉบับ มูลค่าความเสียหายที่อ้างคือ 400 ล้านดอลลาร์
ผู้พิพากษา Koh แสดงความกังวลอย่างเปิดเผยว่าลูกขุนอาจจะสับสนต่อแบบฟอร์มที่ยาวและใช้คำที่สับสน ขณะที่ทั้งสองฝ่ายพยายามยื่นคำคัดค้านเพื่อปรับเปลี่ยนแบบฟอร์มให้เข้ามาอยู่ฝั่งตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ จนกระทั่งผู้พิพากษา Koh ดูจะหมดความอดทนและบอกทั้งสองบริษัทให้หยุด
ที่มา - ArsTechnica
Comments
ผู้พิพากาา > ผู้พิพากษา
onedd.net
คิดว่า Samsung คงจะโดนบ้าง แต่ไม่โดนทุกรุ่นครับ ในขณะที่แอปเปิลน่าจะรอดจาก UMTS เพราะมันเปน standard การส่งผ่านข้อมูลไปแล้ว
ควาเห็นส่วนตัวครับ
UMTS แม้เป็น standard ไม่ได้แปลว่าใช้ฟรีครับ
Apple คิดว่า Samsung ไม่อนุญาตให้ Apple ใช้งานสิทธิบัตรนี้เพื่อที่จะฟ้องร้อง ในขณะที่ FRAND บังคับว่าต้องไลเซนส์แล้วเก็บค่าธรรมเนียมเอา ผมจึงคิดว่า Apple น่าจะรอดครับ
Samsung มีเรตค่าไช้งานมาให้เรียบร้อยนะครับ apple คิดว่ามันสูงไปต่างหาก
ผมว่ายังไงสุดท้ายแล้ว apple ก็ต้องจ่ายค่าใช้งานสิทธิบัตรนะครับ จ่ายเท่าไร่เป็นอีกเรื่อง
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
อยากรู้ผลมากกว่าว่าจะจบยังไงเนี้ย
ผมว่า ซัมซุง ยังไงก้อโดน คาดว่าคงโดนมิใช่น้อย
ส่วน Apple ผมว่ารอด หรือไม่ก้อโดนแบบขนหน้าแข้งไม่ร่วง
ปอลิง เชื่อได้เลยว่าเอียงข้าง Apple เต็มที่
Destination host unreachable!!!
เท่าที่ติดตามคดีมาตลอด 3 สัปดาห์ บอกได้แค่ว่า 50/50 ครับ
หลักฐานฝั่งแอปเปิลค่อนข้างดี มันดูออกว่าซัมซุงพยายามลอก เพียงแต่พอเอามาโยงกับสิทธิบัตรที่แอปเปิลจดแล้วมันไม่น่าเป็นผลเท่าไหร่ โดยเฉพาะสิทธิบัตรของแอปเปิลเองก็จดแบบครอบจักรวาลเกินไป
เรื่องค่าเสียหายก็โดนโจมตีเยอะว่าสูงเกินจริงไป(มากๆ) ในศาลซัมซุงเรียกคนของ PWC และหลายบริษัทมาทำตัวเลขใหม่แล้วพบว่าค่าเสียหายจริงต่ำกว่านั้นมาก
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
มันอยู่ที่ใครผิดมากกว้า ถ้าดูจริงๆให้คดีนี้เป็น100% ซัมซุงโดนไป90% แอปเปิ้ลน่าจะโดนแค่10%
บรรทัดท้ายๆ รู้สึกสงสารผู้พิพากษาแปลกๆ (-_-') "พอได้แล้วว้อยยยยยยยย" (วิบัติให้ได้อารมณ์นิดนึง -w-')
ss ซู่ๆ
ถ้าศาลสหรัฐตัดสินให้ Apple ชนะ คงทำให้บริษัททำ โทรศัพท์ฉลาด ทุกค่ายตกที่นั้งลำบาก Apple สามารถขู่ว่าจะฟ้องรูปทรงสี่เหลี่ยมมุมมนได้ทุกค่ายเลย ทุกเจ้าต้องออกแบบเป็น แบบพับ แบบวงกลม แบบหกเหลี่ยมกันหมด แล้ว Apple ก็สามารถขึ้นราคามือถือสี่เหลี่ยมเท่าไหร่ก็ได้ Fanboy ก็ยิ่งดีใจที่เงินตัวเองจะไปรวมที่ Apple มากขึ้นทำให้เป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากทำลายสถิติไปอีกขั้น Fanboy ค่ายอื่นก็ถือมือถือรูปร่างประหลาดกันไป อันนี้พูดถึงที่สหรัฐน่ะครับย้ำอีกที
จริง ๆ อยากเห็นการตัดสินแบบนี้น่ะ จะได้เห็นมือถือรูปร่างแปลก ๆ แต่สงสาร Apple Fanboy สหรัฐ (ย้ำอีกที) :)
ผมว่าอันนี้ก็เว่อร์ไปนะ จนแล้วจนรอดมันก็ต้องมีทางออกแหละ ไม่ว่าฝ่ายไหนจะชนะก็ตาม และผมก็คิดว่ามือถือก็จะยังคงดีไซน์แบบแท่งๆ แบบเดิมนี่แหละ จนกว่าจะมีวิธีการอื่นที่จะออกแบบให้มันมีประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับต่อการใช้งานมากกว่านี้
ถ้าชนะแล้วค่าเสียหายต่ำๆ ก็แทบไม่มีผลอะไรครับ อาจจะได้ประมาณไมโครซอฟท์ที่เก็บค่า license เอาพอประมาณ ไม่ต้องเหนื่อยกันทุกฝ่ายง่ายกว่า
lewcpe.com, @wasonliw
ผมก็คิดยังงี้เหมือนกัน วันนี้ฟ้องssเพราะเป็นคู่แข่งหลัก หากชนะแล้วก็สามารถอ้างอิงคดีนี้ได้ไม๊ เอาไปฟ้องคนอื่นต่อ ตัวเงินคงไม่ใช่ประเด็น แต่ขัดขาได้ยาว
ถ้าผลออกมาอีกด้านแบบสุดโต่ง ก็จะเหมือนสนับสนุนให้เกิดบริษัทแนวๆ Copy & Development มากขึ้น ไม่ต้องรับความเสี่ยงเรื่องตลาด รอตามอย่างเดียว เพราะ R&D ใช้ทรัพยากรมากกว่าทั้งเงิน คน เวลา รวมทั้งต้องรับความเสี่ยงด้วย ผมว่าผลน่าจะออกมากลางๆ แต่ค่อนไปด้านไหนไม่รู้
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
+1
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
... ขณะที่ "fanboy" ทั้งสองฝ่ายพยายาม "spin" เพื่อปรับเปลี่ยน "กระทู้" ให้เข้ามาอยู่ฝั่งตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ...
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
x - - อารายหว่า
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
+1
+1 มองระยะยาว มันคือยุคมืดของอุปกรณ์พกพา
ซัมซุงลอกได้ เจ้าอื่นก็ลอกซำซุงได้เหมือนกัน กงเกวียนกำเกวียน เมื่อมือถือเริ่มเหมือนๆกันหมด การบริโภค จะเข้ายุคอิ่มตัว
เหมือนสมัยมือถือมีปุ่มยังครองตลาด อะไรก็โทรได้เหมือนกัน
ภายนอกเหมือนกัน ภายใน android เหมือนกัน ซัมซุงกินไม่นาน ตลาดก็หดลง เริ่มกลับไปยุคแข่งกันอัด spec ผู้ผลิตแข่งกันแบกภาระ มือถือตกรุ่นเร็ว ขยะเทคโนโลยีก็เกิดเร็วตาม ผู้บริโภคก็จะได้เห็นมือถือแบบเดิมๆไปอีกหลายปี
+1 ครับการปล่อยให้เกิดการละเมิดสิทธิบัตรทำให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภคแน่นอนครับ เราตัองเรียกร้องไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้น แถมรัฐส่วนใหญ่ก็ไม่ปลื้มอยู่แล้ว เค้ามีกฎหมายคุ้มครองสิทธิบัตรมาสักพักแล้วด้วยน่ะครับ เพื่อสนับสนุนให้ผู้ผลิตกล้าลงทุน และได้ผลตอบแทนคุ้มค่าความเสี่ยงที่ลงไป มันเลยเกิดการพัฒนาด้านนวัตกรรมมาจนถึงทุกวันนี้
การคุ้มครองสิทธิบัตรถูกบังคับใช้ในยุคนั้น เริ่มแรกก็ดูเหมือนจะดีแต่ตอนหลังก็เริ่มสร้างปัญหาใหม่โดยบริษัทที่ไม่ทำผลิตภัณฑ์จริง ๆ หาซื้อสิทธิบัตรมาครอบครองแล้วฟ้องเอาเงินมาเป็นรายได้หลักของบริษัท ซึ่งบริษัทเหล่านี้ก็ยังทำธุรกิจแบบนั้นมาจนถึงปัจจุบัน
จบรายการ Rerun แล้ว เรามาดูปัญหาปัจจุบันกันดีกว่าน่ะครับ ต่อมาบริษัทที่สร้างผลิตภัณฑ์จริง ๆ ก็เริ่มรู้ว่าเค้าสามารถใช้การปกป้องนี้เป็นการรุกรานผู้อื่นได้โดยการฟ้องห้ามขาย ย้ำอีกครั้งครับ โดยการฟ้องห้ามขาย (ทนาย Apple บอกมาให้ย้ำบ่อยๆ) เพราะบริษัทเหล่านี้มีเงินเยอะทำลายสถิติอยู่แล้ว แต่ประโยชน์เรื่องการห้ามขายได้มันมากมายกว่านัก ซึ่งการกระทำเหล่านี้ดูเหมือนเป็นการปกป้องตัวเองตามกฎหมาย ซึ่งก็ไม่น่าจะผิดอะไร (ในความเห็นของเด็กพัดลม) แต่มันกับเกิดผลกระทบกับผู้บริโภคขึ้นมา กลายเป็นว่าผู้บริโภคจะซื้อก็ซื้อไม่ได้ ต้องไปซื้อของเจ้าอื่นซึ่งก็ไม่ได้สนองความต้องการทุกอย่างของผู้บริโภค รวมถึงเป็นการขัดขวางการแข่งขันทางการค้าโดยเสรี
คือถ้าฟ้องแค่ปรับเงินกันนี้ทำไปเลยครับ ไม่มีผู้บริโภคได้รับผลกระทบ สิทธิบัตรต่าง ๆ ก็ได้รับความคุ้มครองเหมือนเดิมเมื่อโดนละเมิด แต่ถ้าฟ้องห้ามขายแบบเจตนากีดกันอย่างนั้นไม่ควรให้ทำได้ครับ หวังว่าจะเข้าใจในประเด็นนี้น่ะครับ จะได้ไม่ต้องฉาย Rerun เรื่องการปกป้องสิทธิบัตรดียังไงจาก นักคุ้มครองสิทธิบัตรของบริษัทที่ตนไม่ได้ถือหุ้นเลย อีกหลาย ๆ รอบ ทนาย Apple เขาจะได้ไปพักสักที เหนื่อยที่ต้องมาย้ำ
ผมคิดว่าเรื่องห้ามขายอาจไม่รุนแรงอย่างที่คิดถึงขั้นซื้อไม่ได้ ในต่างประเทศวัฒนธรรมการใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้า หรือสั่งสินค้าทางเมล์เป็นเรื่องปรกติมาก ปัจจุบันสินค้าสามารถสั่งทางอินเตอร์เนตได้
โมเดลการขายไม่เหมือนกันครับ ที่นู่นมือถือส่วนใหญ่ขายถูกแต่ค่ารายเดือนแพง ค่ายมือถือ subsidize ให้
ถ้าต้องซื้อแพงแล้วจ่ายค่ารายเดือนแพงอีก น่าจะขายยาก
ผม(เข้าใจ)ว่าลอกเรื่อง look&feel กันอย่างเดียวนะครับ สำนวนฟ้องก็ไม่เห็นมีแง่ของเทคโนโลยี หรือผมอ่านตกไป
ในแง่เทคโนโลยีก็เห็นซัมซุงใช้ของตัวเองอยู่แถมขายให้แอเปิลด้วย ดังนั้นจะเรียกว่าไม่มี R&D ก็คงจะแปลกๆอยู่ เรียกว่าไม่มีทีมดีไซน์จะเหมาะกว่ามั้ย (หรือนับดีไซน์เข้าไปใน R&D ด้วย?)
ผมถึงเรียก copy and development ไงครับ ไม่ใช่ copy เฉยๆ แบบพวกโทรศัพท์จีน ค่า R&D มันก็ยังมี แต่ถ้าไปเทียบ Sony กับ HTC ไรงี้มันก็ต่างกัน
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ผมว่าค่ายอื่นไม่ลำบากเท่าหรอกครับ ซัมซุงนี่คล้ายไปหมดทั้งเครื่อง ทั้งอุปกรณ์เสริม ทั้งกล่อง มันเลยดูจงใจมากไปหน่อย
รอดูว่าใครจะชนะ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ส่วนตัวคิดว่า ซัมซุงคงโดนบ้าง เช่นเรื่อง icon กับหีบห่อ แต่จะไม่หนัก (เพราะพิสูจน์ยากว่าทำให้ Apple เสียหาย คนที่จะซื้อซัมซุงโดยไม่เลือก Apple จะมีซักที่คนที่มองสองจุดนี้เป็นหลัก) เพื่อสั่งสอนเล็กๆ น้อยๆ
Apple ก็ต้องโดน แต่จะได้ rate FRAND ที่เทียบเคียงได้กับเจ้าอื่น
คาดว่าซัมซุงคงจะโดนให้จ่ายมากกว่านิดหน่อย (ซัก 100-200 ล้านเหรียญ) ผลก็จะกลางๆ ให้ fanboi & fandroid ได้ถกเถียงกันต่อไปสนุกสนาน
ไม่รู้ว่าปรกติ Look&Feel มันจ่ายค่าใช้งานกันได้ด้วยเหรอ แต่เท่าที่รู้ตะวันตกเขาเน้นการออกแบบเป็นเอกลักษณ์ การมาขอใช้งานเอกลักษณ์คงเป็นเรื่องที่ไม่มีใครเขาทำกัน(ก๊อปปี้นั่นเอง)
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีกันมากกว่า
ดูอย่างกับไมโครซอฟท์สิครับ ก็ทำเป็นว่าแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีกันไป จะได้จบๆ แล้วมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ แอปเปิ้ล คุณมีแอปที่ดีกว่า รวมถึงตัวเครื่องที่เสถียรกว่า ไม่ต้องกลัวครับ ของดีกว่ายังไงคนก็อยากใช้มากกว่า ยอมรับครับว่า IOS มีแอปดีๆเยอะกว่าจริงๆ คงอีกนานกว่าแอนดรอยจะตามทัน
MS กับ Apple สิทธิบัตรที่อีกฝั่งสามารถใช้ได้ในปัจจุบันและในอนาคตมันเยอะทั้งคู่ไงครับ เลยตกลงง่ายกว่าและแลกกันเลยได้ กรณี Apple กับ Samsung อาจจะไม่เป็นแบบนั้น อย่างถ้าผมมีสิทธิบัตร 1 ใบที่อีกบริษัทน่าจะใช้ได้ ไปแลกการใช้งานฟรีๆ กับ 10 ใบ เป็นใครก็คงไม่ยอมแลกฟรีๆ ใช่มั้ยละ Samsung ก็คงมีสิทธิบัตรเยอะ แต่ Apple เองก็คงไม่ได้กะจะทำแอร์ ตู้เย็น เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ขาย ส่วนที่เป็นเรื่องของ mobile กะ it คงสู้ด้านฝั่ง Apple ไม่ได้ ซึ่ง Samsung เองน่าจะมีโอกาสได้เอาไปใช้มากกว่า
เรื่องดีกว่าหรือไม่มันอีกเรื่องครับ แต่มันต้องลงแรง ลงทรัพยากรเยอะกว่า
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
คดีนี้ดูแล้ว apple มีโอกาศชนะสูง ดูยังไง SS ก็ลอกอยู่ดีในเรื่องรูปทรง
แต่พอลองจับเครื่องจริงค่าย SS ความรู้สึกบ่งบอกได้ทันทีเลยว่า ไม่ได้ feel แบบ apple เลยสักนิด
ถ้า SS ใช้ material แบบ Apple เลย นั่นอะ SSโดนเต็มๆ
แปลว่าลอกแค่ look แต่ไม่ได้ลอก feel สินะครับ
ผู้พิพากษา : พอหยุดซักทีพวกเอ็ง ตูปวดหัว