จูดัสสินะ XD (ขำๆนะ)

จงศรัทธา!!!!

ทิม คุกออกไป ๆ จากผู้ถือหุ้นคนหนึ่ง

apple งานเข้าแล้ว...!!!

เขาออกจากแอปเปิ๊ลตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ ?

อยู่ถึงปี 1997 หลังจากออกไปบริษัทผลไม้ก็โตวันโตคืน

เป็นธรรมดา ไปอยู่กับเขาแล้วบอกว่าเขาไม่ดีได้โดนถีบออกมาไม่รู้ตัว

การตลาดอันแรก
โฆษณาว่าเคยทำงานกับแอ๊ปเปิ้ล ตอนไปทำงานกับบริษัทคอมอื่น

หรือว่าโมโตจะให้หมอนี่สร้างสาวกมาสู้กับแอปเปิล

ช่วงเวลา 1994-1997 เป็นช่วงเวลาที่ตกต่ำของ Apple นะครับ วิกฤติหลักตอนนั้นคือ ระบบปฏิบัติการ ที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีเท่ากับ Win95 , Win NT , Win 98 ในสมัยนั้น ซึ่ง ณ ขณะนั้น Apple พัฒนา อยู่ที่ System 7.X และ ตามมาด้วย MacOS 8 แต่ก็มีประสิทธิภาพโดยรวมย่ำแย่กว่า Windows มากในเวลานั้น เพราะบริษัทมีโปรเจ็คปล่อย OS ที่สามารถทำงานได้ดีไม่แพ้ Windows แต่โปรเจ็คก็เลื่อนออกมาไม่สำเร็จสักที(โปรเจ็คล่มนั่นเอง) ซึ่งถ้าการบริหารจัดการและมีทัศนคติที่ดีเพียงพอเรื่องมันจะไม่ออกมาในรูปแบบนี้ ทำให้ System 7 และ MacOS8 ที่ออกมาแม้จะไม่ได้เป็นเพียงแค่ SP1และ SP2 ของ System 6 เท่านั้น(อันนี้เป็นมุมมองส่วนตัวของกระผม) แต่ก็ยังถือว่าห่างไกลเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพโดยรวมของ Windows ณ เวลานั้น

อีกประเด็นที่ Apple ย่ำแย่ในช่วงเวลานั้นก็คือ ความสเถียรภาพของระบบที่ย่ำแย่เนื่องมาจากการเขียนซอฟแวร์ที่ไร้ประสิทธิภาพ ซึ่ง ณ ตอนนั้น Apple เปลี่ยนสถาปัตยกรรม CPU จากของ โมโตโรลา มาใช้ PPC ถ้าพิจารณาแล้ว ยุคมืดทางด้านซอฟแวร์ของ Apple ก็คือยุคนี้นี่เองและ System7 คือ ผลิตผลของยุคที่หาอนาคตไม่เจอที่ชัดเจนที่สุด

เมื่อสตีพมา ก็มาพร้อมกับ OSX และปล่อยอัพเดตสุดท้ายของ OS รากฐานแบบเดิม คือ Mac OS9 และ OSX ก็เป็นรากฐานที่ทำให้ Apple มีวันนี้ซึ่งรวมถึงมี iPhone iPad ด้วยนั่นเอง และในช่วงเวลาที่ Apple เปลี่ยนจาก PPC มาเป็น X86 ในปี 2004-2006 สามารถดำเนินไปอย่างไร้รอยต่อเพราะมีโปรเจ็คลับที่ทำ OSX for X86 มาตั่งแต่ 2001 ที่ OSX ตัวแรกๆเพิ่งเปิดตัว

ถ้าได้ร่วมงานในช่วงเวลาที่ Apple มีสถานการณ์ที่ดีขึ้น คือ ตั่งแต่ ปี 1998 เป็นต้นมา ก็จะมีความน่าชื่อถือพอสมควร
เท่าที่เข้าใจ Guy Kawasaki ไม่ได้อยู่ในยุคที่ Apple มีสถานภาพที่ดีแต่อย่างใด แต่ที่น่าสนใจก็คือในยุคนั้นแม้ ผลงานของ Apple จะห่วยแตกมากแค่ไหนก็ตาม แต่สาวกก็ยังเข้าใจว่า System7 เป็น OS ที่น่าใช้งานมากกว่า Windows95 ถ้าจะวัดกันแบบจริงๆจังๆแล้วเข้าใจผิดไปจากความเป็นจริงค่อนข้างมาก

การตลาดแบบ evangelist ไม่สามารถใช้ได้ผล ถ้าหากความเป็นจริงมันต่างจากความเชื่อมั่น ศรัทธา อย่างเห็นได้ชัด สุดท้ายแล้ว คนที่มีสติไม่หลงไปกับการประกาศข่าวดีทางศาสนาเทคโนโลยี จะหูตาสว่าง และไม่ตกเป็นเครื่องมือของศาสนจักรที่ไร้มันสมองในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆออกมา

เค้าไม่ได้ทำมอเตอร์ไซค์หรือครับ //ฮา