จากกรณี กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฟ้องแอปเปิลกับสำนักพิมพ์ทั้ง 7 ข้อหาสมคบกันกำหนดราคา e-book และ กระทรวงยุติธรรมยื่นข้อเสนอเพื่อแก้ไขความเสียหายจากการผูกขาดอีบุ๊กของแอปเปิล
กระทรวงยุติธรรมได้ยื่นข้อเสนอฉบับปรับแก้จากข่าวล่าสุดก่อนหน้านี้ โดยเพิ่มเนื้อหาด้านนโยบาย in-app purchase ที่แอปเปิลเปลี่ยนเมื่อปี 2011 บังคับให้แอพต้องขายเนื้อหาดิจิทัล (ทุกชนิด ไม่ใช่เฉพาะอีบุ๊ก) ผ่าน iTunes Store เท่านั้น
หนึ่งในหลักฐานที่กระทรวงยุติธรรมนำมายืนยันว่าแอปเปิลจงใจกีดกันคู่แข่ง ก็คืออีเมลของสตีฟ จ็อบส์ ที่ส่งถึงผู้บริหารของแอปเปิล Phil Schiller, Eddy Cue, Joswiak Greg
อีเมลฉบับนี้เป็นอีเมลที่จ็อบส์ตอบ Schiller โดยอีเมลต้นเรื่องของ Schiller ระบุว่าเขาดูโฆษณาตัวใหม่ของ Kindle ทางโทรทัศน์ และพบฉากที่ตัวแสดงซื้อหนังสือจากแอพ Kindle บนไอโฟน จากนั้นเปลี่ยนไปใช้เครื่องแอนดรอยด์และอ่านหนังสือทั้งหมดของเธอจากเครื่องนั้น ซึ่ง Schiller บอกว่าโฆษณาตัวนี้ต้องการสื่อสองประเด็น อย่างแรกคือมีแอพ Kindle บนอุปกรณ์หลายชนิด อย่างที่สองคือการเปลี่ยนจากไอโฟนเป็นแอนดรอยด์ไม่ใช่เรื่องยาก ซึ่ง Schiller คิดว่าเป็นปัญหา (not fun to watch)
จ็อบส์ตอบกลับ Schiller ว่าพวกเราควรทำอย่างไร และเสนอว่าขั้นแรกต้องบังคับให้ "พวกเขา" (หมายถึง Amazon) ใช้ระบบจ่ายเงินของเรากับเนื้อหาทุกๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นอีบุ๊ก หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ถ้าพวกเขายังอยากเปรียบเทียบเรากับแอนดรอยด์ ก็ต้องบังคับให้พวกเขาใช้ระบบจ่ายเงินของเราที่เหนือกว่า (let's force them to use our far superior payment system)
ที่มา - GigaOm
Comments
แล้วกระทรวงยุติธรรมไปได้ Mail นี้มาได้ยังไง ?
หรือว่า NSA (powered by Gov) ?
จำได้ว่าขั้นตอนสอบสวนนี่ ทุกคนจะโดนบังคับให้เปิดอีเมลหมดอยู่แล้วนี่ครับ
นั่นสิ
เหมือนจะมีข่าวไม่นาน ที่ว่าอีเมลไม่ปลอดภัยอีกต่อไป ถึงจะเข้ารหัสแต่ก็รอวันถอดได้อยู่ดี
ว่าแต่ตอนนี้จ็อบส์ไม่อยู่แล้ว การตรวจสอบอีเมลของเขานี่ต้องขออนุญาตจากใครก่อนไหมนะ?
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
เชื่อว่าอีกสักพักจะมีมาม่าเกี่ยวกับกรณีนี้เหมือนข่าวที่แล้วชัวร์
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
เดี๋ยวก็มาครับ ต้มน้ำเดือดรอได้เลย
เท่าที่อ่านจากข่าวเก่า ผมว่าแอปเปิลโคตรจะผิด เหมือนบีบบังคับ E-book เจ้าอื่นให้ทำตามแอปเปิล นี่สินะที่เรียกว่าคุกกระจกตัวจริง เฮ้อ~~~~ //รอวันที่ Playstore เปิดเพลง,ภาพยนตร์,หนังสือในไทยเมื่อไหร่ผมคงไม่ยุ่งกับ iTunes เลย
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
เรื่องนี้มันคอขาดบาดตายขนาดต้องไปแฮกเมล์คนตายเลยเหรอ
เขาขออีเมลที่เกี่ยวข้องกับคดีกันดี ๆ ไม่ใช่เหรอครับ ไม่มีการแฮ็ก
อีกอย่าง ไม่ว่ายังไง การตายไม่ได้ทำให้พ้นผิดนะครับ แค่ทำให้ไม่ต้องรับโทษ
สาวกไม่เอาน่า...
เขาขอดีๆครับ และ Apple ไม่มีอำนาจปฏิเศษ (ขอดีๆเข้าใจนะ)
ปฏิเสธ เขียน(พิมพ์) แบบนี้ครับ
รู้แต่ผมอ่านตรงนี้แล้วไม่ชอบใจเอามากๆ Not fun to read สุดๆ
เห็นรูป Microsoft:Sony - Consumer:Customer วันก่อนแล้วเริ่มสงสัยว่าสำหรับ Apple นี่เราเป็นอะไร
มันก็คง not fun จริงๆ
ต้องยอมรับความจริงของโลกนี้ว่า มีลูกค้า=มีเงินเข้าบริษัท
และคงไม่มีบริษัทไหนอยากโดนลูกค้าทอดทิ้ง (เงินไหลออก) แถมเอาเงินไปให้บริษัทคู่แข่งอีก
ซึ่งวิธีแก้ของแต่ละบริษัทก็ไม่เหมือนกัน รอดูศาลตัดสิ้นดีกว่า เรื่องนี้น่าจะยาว
ผมว่ามันน่าจะดึงดูดคนให้มาใช้แพลตฟอร์มและรักษาฐานลูกค้าด้วยฟีเจอร์ที่โดดเด่น ไม่เหมือนใคร มากกว่าที่จะสร้างกำแพงอุปสรรคเทียม เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกค้าไปใช้แพลตฟอร์มอื่นนะ
ก็เห็นด้วยนะครับที่ใช้มุมมองที่ ถ้าเราดีจริงคนก็จะรักเรา สมมุติว่าถ้า tot ดีจริงก็จะมีคนใช้ ไม่จำเป็นต้องตั้งกฎ ยกเลิกสัญญาก่อน1ปี ปรับหลายเท่า แบบนี้ มันเป็นการซื้อใจ ไม่ใช่ หลอกให้ซื้อ หรือ เคสเดียวกันก่อนมีกฎหมายย้ายค่ายเบอร์เดิมนี้เลย
แอปเปิลไม่ผิด
การขายถูกกว่าก็ไม่ได้แปลว่าผิด แต่เป็นการแย่งลูกค้า ถ้าคนขายถูกกว่าเค้ายอมรับกำไรที่หายไปได้
แต่การรวมกลุ่มกันเพื่อตั้งราคาตามใจชอบ และส่งผลต่อภาพรวมของประเทศ อันนี้ก็น่าคิดนะครับ บ่องตง
การกดราคาส่งผลต่อธุรกิจสิ่งพิมพ์ทั่วประเทศ
แล้วบริษัทสิ่งพิมพ์ทั้งหลายที่คุณบอกว่าได้รับผลกระทบจากการกดราคา ได้ออกมาร้องต่อศาล หรือฟ้อง Amazon หรือเปล่าครับ ?
แน่ใจเหรอว่าการ "ส่งผลกระทบ" เป็นไปในทางลบ ?
+1 ครับ การแข่งขันทางราคา ผู้บริโภคมีแต่ได้ อย่างเช่น อินเทอร์เนทในไทย เป็นต้น ก็ไม่เห็นมีค่ายไหนแสดงจุดยืนโดยไม่ลดราคารึก็ไม่มี การมีราคาที่หลากหลายทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการตัดสินใจเลือกมากกว่าด้วยซ้ำ มากกว่าการตั้งกำแพงราคาโดยกลุ่มใดกลุ่มนึง จุดนี้จะไม่ทำให้เกิดการผันผวนทางราคาที่แท้จริงของตลาดเลยแม้แต่นิด
อินเตอร์เนตไม่มี instance product
ebook มี hard copy เป็น instance product
คนอาชีพเดียวกับคุณแข่งกัน หั่นราค าเพื่อแย่งลูกค้า จนราคากลางตกลงไปเรื่อยๆ ในที่สุดราคาก็ถัวตามจำนวนคน คุณรับได้หรือไม่
กดขี่ผู้ผลิต ก็คือโจรในคราบผู้บริโภค
ถ้ากล่าวถึงการแข่งขันทางราคาและผู้บริโภคมีแต่ได้
การ Piracy ที่ผู้บริโภคจ่ายเพียง $0 ก็ถูกกฎหมาย
คนอาชีพเดียวกันหั่นราคากัน รับไม่ได้แล้วยังไงครับ จะเลิกทำอาชีพนั้น ไปหาอาชีพใหม่เหรอ ?
ผมอยู่ในวงการถ่ายภาพมานาน เดี๋ยวนี้ช่างภาพใหม่ๆก็เกิดกันเต็ม แต่พวกตัวท๊อปๆ คิวละครึ่งแสน ก็ยังอยู่กันได้ ไม่มีใครลดราคา (มีแต่เพิ่มราคา เพราะลูกค้าเยอะไป ทำไม่ไหว) ทำไมเค้าทำกันได้ ?
ถ้าแค่โดนหั่นราคาแล้วต้องหั่นราคาสู้ บอกได้เลยว่าคุณทำธุรกิจไม่เป็นครับ สมควรไปขายข้าวแกงดีกว่า
คิดแบบนี้ ส้มไม่รู้จัก equilibrium price แหงเลย
ถ้ามีผู้ผลิตจำนวนมากและเกิดการแข่งขันด้านราคาจนไม้คุ้มที่จะทำ ผู้ผลิตก็จะถอนตัว/ขึ้นราคา/ปรับตัวจนกว่าจะเข้าสู่จุดสมดุลเอง นี่เป็นพื้นฐานของเศรษฐศาสตร์สมัยใหม่เลยนา ก็เหมือนที่ครั้งนึงค่าใือถือบ้านเราเป็นนั่นละ
ว่าแต่เท่ดีนะ เป็นห่วงผู้ผลิตจะไม่ได้กำไรด้วย แต่ยังมีวิธีอีกเป็นล้านที่จะเพิ่มกำไรได้โดยไม่ต้องเพิ่มราคานะ
แต่ศาลตัดสินออกมาแล้วนี่ครับว่าผิดจริง
อยู่กับโลกความเป็นจริงสักนิดนึงครับ
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
+1 หึๆๆ
บางทีผมว่าสาวกก็โชว์ความติ่งเองนะ ไปว่า haters เค้าไม่ได้นะแบบนี้
แล้วทำไมซื้อ ใน android แล้วมาใช้ที่ os อื่นไม่เป็นการผูกขาดละคับ ในเมือ ทุกstore ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน
เพราะเค้าไม่ได้บังคับว่าต้องซื้อจาก store ของแอนดรอยด์เท่านั้นไงครับ
+1
ตอนนี้มันส่งผลกับประชาชน จนกระทรวงยุติธรรมสหรัฐเข้ามาเป็นตัวแทนฟ้องแอปเปิลกับสำนักพิมพ์ทั้ง 7
ส่วนจะผิดหรือไม่ ต้องรอศาลตัดสิน แต่ตอนนี้ สำนักพิมพ์ทั้ง 7 ยอมความไปหมดแล้ว
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
กระทรวงยุติธรรมไม่ผิด (เอามั่ง)
แม้วผิดครับ
จักวาลก็ซื้อมาแล้ว okไหม
แก๊สโซฮอล์ผิดครับ
ผมผิดเอง
ดีจังเลยบริษัทนี้ มีคนมาปกป้องให้ตลอด
บอกได้คำเดียวว่า "สมน้ำหน้าครับ"
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
แล้วกีดกันไม่ได้เหรอ เซเว่นจะให้เอาโลตัสเอาของมาขายในร้านเขาฟรีๆมั้ย
กระทรวงนี้เข้าใจเรื่องการทำการค้ามั้ยเนี่ย
การกีดกันบางอย่างผิดกตหมาย เนื่องจากหากสามารถกีดกันจนไม่มีการแข่งขันเกิดขึ้น ผู้ซึ่งกีดกันจนกลายเป็นเจ้าตลาด จะมีอำนาจในการตั้งราคา สามารถขายแพงอย่างไรก็ใด้ ซึ่งไม่ดีต่อประชาขน
การเปรียบเทียบด้านบนไม่เหมาะสม เนื่องจากค่าเช่าร้านในห้างต่างๆ มีการชำระเป็นรายเดือน และผู้เช่นมักจะใด้กำไร แต่ apple กำหนดว่าต้องจ่ายมากถึง 30% ของรายรับ ซึ่งทำให้ Amazon และผู้ขายเนื้อหาอื่นๆ ไม่เหลือกำไรเมื่อขายบน ios แม้จะมีขายแต่ไม่ไช่การแข่งขัน แต่ก็ยังทิ้งไม่ใด้ เพราะเป็น os มือถือที่ใด้รับความนิยมอันดับ 2
และที่สำคัญการจับมือกับเจ้าของหนังสือเพื่อบีบให้ Amazon ขายหนังสือแพงขึ้นในร้านของตน นอกจากผิดกตหมายชัดเจนแล้ว ยังทำให้ผู้ที่ไม่ใด้ไช่ ios ใด้รับผลกระทบต้องซื้อหนังสือแพงขึ้นด้วย
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
เท่าที่ผมอ่าน บริษัท หนังสือขายได้กำไรมากกว่าขายใน amazon ไม่ใช้หรอคับ ยิ่งไปกว่านั้น เมือก่อน amazonคุมตลาด ตั้งราคาebook ถูกๆ บริษัทหนังสือเหลือกำไรน้อยๆ ตอนนั้นทำไมไม่ออกมาโวยละคับ ผมว่าเห็นการนี้มองได้หลายมุม อยู่ที่คุณจะอยู่ที่มุมไหนที่จะมอง
มันไม่ได้เกี่ยวกับรายได้เยอะหรือน้อยเลยนะครับ
การขายถูกๆ คือการแข่งขันครับ
เรื่องของเรื่องคือ แอปเปิ้ลผูกขาดตลาด ไม่อนุญาติให้ขาย Ebook อันเดียวกันใน Store อื่นในราคาที่ถูกกว่า ถ้าไม่ทำตามก็จะไม่มีสิทธิ์ข่ายใน Apple Stor อีกต่อไป ใครๆ ก็อยากขายหนังสือใน iOS จริงไหมครับ แล้วทีนี้คุณคิดว่าจะมีใครซื้อบน Amezon หรือ AIS Book Stor อีกล่ะครับ ในเมื่อ Apple ถูกที่สุด เจ้าอื่นอยากทำให้ถูกกว่า ก็ทำไม่ได้
Apple บังคับ ส่วน Amazon ไม่ได้บังคับ มือถือถูกๆ มักขายดีนะครับ แต่ราคามันไม่ได้ถูกเพราะใครบังคับให้ถูก มันถูกเพื่อทำการแข่งขัน
ผิด เพราะ Apple ไม่เคยเสนอราคา ebook ถูกกว่า amazon
ถ้าจำไม่ผิดมันจะต้องต่อด้วย ..แต่ถ้าเจ้าอื่น(amazon) ได้รับสิทธิ์ที่ถูกกว่าเมื่อไหร่ Apple ต้องได้สิทธิ์นั้นด้วยมิฉะนั้น..
และราคาที่ Apple ได้ก็หักเข้า Store ซะถ้าขายราคาเดียวกัน เจ้าของ E-Book ก็เข้าเนื้อเอง
นั่นแหละครับตัวปัญหา - -"
Amazon คุมตลาด ตั้งราคา ebook ถูกๆ จริง แต่ไม่เกี่ยวกับบริษัทหนังสือเลยนะครับ บริษัทหนังสือตั้งราคาขายส่งให้ Amazon อีกที ซึ่งไม่เกี่ยวกับราคาขาย บางเล่ม Amazon ขายถูกกว่าราคาที่ซื้อมาเสียอีก
นั่นละครับปัญหา
เพราะราคามันแตกต่างจาก hard copy มากเกินไป
เพราะ ebook ไม่ใช่ hard copy ครับ ยุคสมัยเปลี่ยน ถ้าผู้ผลิตปรับตัวไม่ทันก็สมควรล้ม
เพราะวันนี้มีคนผลิต ebook ที่อ่านได้ในระดับทดแทน hard copy สำนักพิมพ์ที่ปรับตัวมาขาย ebook ควบคู่กับ hard copy ให้ตัวเองอยู่รอดได้ไม่สำเร็จก็สมควรล้มไป
หากวันนึงมีคนนำเปลือกข้าวไปผลิตเป็นอาหารที่ทานได้ในระดับทดแทนข้าว โรงสีที่ปรับตัวมาขายเปลือกข้าวควบคู่กับข้าวให้ตัวเองอยู่รอดได้ไม่สำเร็จก็สมควรล้มเช่นกันครับ
การตั้งราคาให้ไม่เกิดความเหลื่อมระหว่าง ebook - hardcopy คือการเอาตัวรอดที่ดีแล้ว
hardcopy เดี๋ยวนี้มีแถม serial code ที่ปกหลังเล่ม ให้โหลดฉบับ ebook ได้ฟรี ก็เพื่อการนี้
ซึ่งเงื่อนไขของ amazon มันเป็นการช่วงชิงการเป็น distributor ไปจาก สนพ มากเกิน ทิศทางมันดิ่งเหวเกินไป
ระบบนิเวศคือ ผู้ผลิตอดตาย author อดตาย คนซื้อสบาย amazon กินอิ่ม ได้คุม
Apple มาปรับสมดุลระบบ
ทุกวันนี้ถ้าจะซื้อ e-book ซื้อ hard copy อาจคุ้มกว่า เพราะมีแถมท้ายเล่ม ราคาเกือบเท่ากัน
มันไม่มีใครอดตายหรอกครับ มันต้องปรับตัว
ผลกระทบหนักจริงๆ คือส่วนของโรงพิมพ์ ตัวสำนักพิมพ์แค่กำไรต่อหน่วยลดลง ส่วนของโรงพิมพ์ก็ต้องไปปรับตัวกันเอาเอง
ถ้าจะถึงขั้น author อดตาย Amazon ก็ต้องปรับตัวเองแหละครับ ไม่งั้นหลังจากนั้น Amazon เองก็ต้องอดตายเป็นรายถัดไป
หากท่านบอกว่า ebook - hardcopy ไม่สมควรมีการเหลื่อมกันของราคา ใช้เหตุผลเดียวกัน ผมก็ไม่เห็นว่า หนังสือปกอ่อน - หนังสือปกแข็ง จะมีความจำเป็นต้องมีการเหลื่อมกันของราคาครับ
Apple ไม่ได้มาปรับสมดุลของระบบ แค่มาเสนอทางเลือกที่สำนักพิมพ์จะกินหัวคิวได้มากกว่าเดิมในระบบ ebook
การแถม serial code ให้ไปโหลด ebook ในราคาถูกลงจนเกือบฟรี หรือฟรี นั่นต่างหากครับ คือการปรับตัวเพื่อการอยู่รอด และผมมองว่าเป็นหนึ่งในการปรับตัวที่ฉลาดมาก ต่อให้ Apple ไม่ได้มาเสนอหนทางนี้ ราคา ebook ถูกกดโดย Amazon อย่างที่คุณว่า มันก็มีแรงจูงใจมากพอที่จะทำให้คนอ่าน ebook ซื้อ hard copy มาเก็บไว้ด้วย
คิดต่างกันนะ โลตัสคงไม่เอาของตัวเองไปขายที่อื่นหรอก เหมือนโซนี่ที่ทำเกม god of war คงไม่เอาลงเครืองอื่นหรอกครับ แบบนี้คงไม่เรียกกีดกัน แต่ของบางเจ้าต้องลงร้านทุกเจ้า เหมือนอเมซอนไม่ได้มี os หรืออุปกรณ์เป็นของตัวเอง เลยต้องพึ่งแอปเปิลนี่ ทำแบบแอปเปิลก็กีดกันให้เจ้าอื่นขายได้เงินน้อยลง แฟนแอปเปิลก็เพลาๆบ้าง เขาตัดสินโดยยึดกฏหมายของเขานี่ เราอาจไม่รู้เรื่องก็ได้ เอาแค่กฏหมายไทยใครจะรู้ละครับ
อยู่ที่คุณจะเชื่อว่าศาลหรือไม่ แต่คุณต้องเคารพคำตัดสินที่เกิดขึ้น
เอาออกเพราะ opera mini มันมั่ววางโพสต์ผิดที่
เนื้อหาเหมือนเดิม เพิ่มเติมอีเมล
แอปเปิลขายถูกที่สุด ดีที่สุด แอปเปิลไม่ผิด lol bye
^_^
แอปเปิ้ลไม่มีวันผิด ชะลาล่า LOL